{ REVIEW } การฝังยาคุมกำเนิด VER. ผู้อายุต่ำกว่า 20 ปี

3 2

สวัสดีค่ะ

 สำหรับกระทู้ในวันนี้อาจจะนอกเรื่องไปสักนิด แต่คิดว่าเป็นเรื่องที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อหลายๆคน จึงอยากจะนำมาแบ่งปันในวันนี้ค่ะ มาเริ่มกันเลย

ฝังยาคุมกำเนิดคืออะไร?

ถ้าให้อธิบายง่ายๆ คือการคุมกำเนิดกึ่งถาวร วิธีการคือฝังหลอดยาลงบริเวณท้องแขน 

ของต้นแขน ซึ่งยานี้จะส่งผลให้มูกบริเวณปากมดลูกเหนียวข้นขึ้น อสุจิเดินทางได้ลำบาก ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกบางไม่เหมาะสมกับการฝังตัวของไข่ที่ถูกผสมแล้ว และทำให้ไม่มีการตกไข่ค่ะ โดยมีระยะเวลาการคุมกำเนิดตามปริมาณการฝังหลอดยา คือ 1 หลอด 3 ปี และ 2 หลอดคุมได้ 5 ปีค่ะ  แต่ ไม่สามารถควบคุมโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้นะคะ



สิทธิประโยชน์สำหรับ เยาวชนอายุไม่เกิน 20 ปี

ตามพ.ร.บ.การป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ.2559 ผู้มีอายุ 10 - 20 ปี สามารถเข้ารับบริการฝังยาคุมกำเนิดฟรีได้จากโรงพยาบาลรัฐบาลที่มีให้บริการ ซึ่งปกติแล้วจะเป็นค่าใช้จ่ายประมาณ 2000 - 5000 บาท แล้วแต่โรงพยาบาลที่เลือกและปริมาณยาที่ฝังค่ะ



ประสบการณ์เข้ารับบริการฝังยาคุมฟรี

1. เลือกโรงพยาบาล

เริ่มจากการค้นหาโรงพยาบาลรัฐที่ให้บริการฝังยาคุมกำเนิดค่ะะ ถ้ามีโรงพยาบาลที่สนใจ ลองโทรเข้าไปสอบถามทางโรงพยาบาลก็ได้ค่ะ

2. ติดต่อโรงพยาบาล

เมื่อเราเลือกโรงพยาบาลได้แล้ว เราจึงโทรเข้าไปเพื่อสอบถามข้อมูลให้ชัดเจนค่ะ โดยเราเลือกรับบริการที่โรงพยาบาลปากเกร็ดค่ะ เบอร์ติดต่อ 02 960 9900 เลือกติดต่อ ฝ่ายส่งเสริมสุขภาพ เราสอบถามข้อมูลมาดังนี้ อาจแตกต่างกันตามโรงพยาบาล แต่ขอใส่ไว้เผื่อคนที่สนใจโรงพยาบาลเดียวกับเรานะคะ

อายุต่ำกว่า 20 ปี ได้รับบริการฟรี? มีค่าใช้จ่ายเพิ่มไหม?

ใช่ค่ะ ค่าใช้จ่าย 0 บาท

เตรียมตัวอย่างไร? 

แค่รอให้ประจำเดือนมา และเข้ารับบริการภายใน 5 วันที่ประจำเดือนมา

สถานที่ เวลา ที่เข้ารับบริการได้

สามารถขึ้นมาติดต่อที่โรงพยาบาลปากเกร็ด1 ที่ชั้น 4 ได้เลย ตั้งแต่ 13.00 น. วันพุธ

*ในโรงพยาบาลรัฐ บางแผนกไม่ได้ให้บริการทุกวัน ตรวจสอบก่อนนะคะ

ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง? ผู้ปกครองจำเป็นต้องทำเอกสารยินยอมหรือไม่?

เตรียมบัตรประชาชนหรือบัตรคนไข้ของโรงพยาบาล กรณีของเราคุณหมอถามว่าผู้ปกครองทราบว่าเราต้องการคุมกำเนิดไหม ซึ่งของเราไม่ทราบ คุณหมอก็บอกว่าไม่เป็นไรเข้ามาทำได้เลย


นี่เป็นข้อมูลที่เราสอบถามมา อีกสิ่งที่อยากแชร์คือ ตอนเราโทรไปคุณหมอเป็นคนมาตอบคำถามเอง ซึ่งคุณหมอชื่อ พี่หมอแก้ว น่ารักมากกกก คืิอหมอแก้วไม่ถามหรือพูดอะไรที่ทำให้เด็กรู้สึกแย่หรือกลัวเลย 

นอกจากนี้หมอแก้วก็จะถามข้อมูลเพิ่มเติมเล็กน้อย เช่นประจำเดือนครั้งล่าสุด มีแฟนไหม อาศัยอยู่ด้วยกันหรือเปล่า ทราบข้อมูลเกี่ยวกับการรับบริการได้อย่างไร แถมท้ายด้วย การชมว่าเก่งมากๆ และแนะนำให้ชวนเพื่อนๆมาทำด้วยค่ะ พร้อมกับให้เบอร์ส่วนตัวให้โทรหาเมื่อประจำเดือนมา ซึ่งหากประจำเดือนมาห่างจากวันพุธ หมอแก้วอาจจะนัดมาในวันจันทร์แทนค่ะ ถือเป็นด่านแรกที่ทำให้รู้สึกกังวลน้อยลงมากๆเลย



3. บุกโรงพยาบาล

เมื่อไปถึง เราขึ้นไปชั้นสี่ค่ะ โดยจะมีเคาท์เตอร์ของชั้นนั้นอยู่ เราแจ้งคุณพยาบาลว่าต้องการติดต่ออะไร คุณพยาบาลให้เราไปชั่งน้ำหนักและวัดความดันเอง และเขียนแนบมาพร้อมกับบัตรคนไข้ หย่อนไว้ในตะกร้าคิวค่ะ รอสักพักคุณพยาบาลก็จะเรียกไปซักประวัติ ของเราไม่ได้ไปโรงพยาบาลนานจนบัตรคนไข้เปลี่ยนเป็นแบบใหม่แล้ว คุณพยาบาลก็ทำใหม่ให้ตรงนั้นเลยค่ะ เสร็จเรียบร้อยแล้วก็นั่งรอสักครู่ก่อนเข้าไปรอคุณหมอในห้องค่ะ

แถม อย่าตื่นเต้นมากนะคะเพราะถ้าความดันสูงมากเกินไป คุณหมอก็จะให้รอจนความดันต่ำลงก่อนค่ะ

4. พบคุณหมอ

และแล้ว เราก้ได้เจอกับพี่หมอแก้วตัวเป็นๆค่ะ คุณหมอจะให้ข้อมูลเราเกี่ยวกับการฝังยาคุม ทั้งชนิดยา วิธีการ ผลข้างเคียงที่อาจจะเกิด การดูแลแผลหลังทำ การเอายาออกฯลฯ สอบถามข้อมูลด้านสุขภาพนิดหน่อยเช่นประวัติการตั้งครรภ์ ทำแท้ง และให้เราเลือกปริมาณพร้อมกับเซ็นหนังสือยินยอมค่ะ จากนั้นคุณหมอให้เราลงไปรับผ้าพันแก้ปวดกับยาพาราที่ห้องยา ระหว่างรอคิวเข้ารับบริการค่ะ

5.  ขึ้นเขียง เอ้ย ขึ้นเตียงคนไข้

คุณหมอจะให้เรานอนหงาย และเลือกฝังแขนฝั่งที่ไม่ถนัดค่ะ ของเราคุณหมอทราบว่า ผู้ปกครองไม่ทราบและยังอาศัยอยู่กับผู้ปกครอง ก็พยายามฝังให้อยู่ใต้แขนเสื้อ และปิดพลาสเตอร์ให้เล็กค่ะ โดยจะมีการฉีดยาชาให้ก่อน ความเจ็บเราว่ามันก็เจ็บนะคะ แต่ยังทนได้อยู่ ไม่ถึงกับร้องออกมา และมันแปปเดียวเองค่ะ เสร็จเรียบร้อยคุณหมอจะปิดผ้าก้อต พลาสเตอร์และพันผ้าแก้ปวดทับค่ะ 

6. ดูแลแผลหลังทำ

  • ผ้าพันแก้ปวด ถอดเมื่อครบ 24 hr

  • งดใช้แขนข้างที่ฝังยกของหนัก 7 วัน

  • ไม่ให้แผลเปียกน้ำ 7 วัน

  • ไปพบหมอเพื่อตรวจแผล และถอดผ้าปิดแผลเมื่อครบ 7 วัน


หลังจากนั้น เราจะได้บัตรผู้ฝังยาคุมนะคะโดยในนั้นจะใส่ชนิดของยา ปริมาณ ตำแหน่งที่ฝัง วันที่ฝัง วันนัดดูอาการ และเอาออกไว้ถือเป็นบัตรสำคัญเลย

รีวิว 7 วันอันตราย

ในวันแรกเรายังไม่ค่อยปวดมากค่ะ ปวดชาๆ ละก็แขนตุ้บๆเหมือนเลือดออกเยอะแต่เปิดผ้าออกก็ไม่ได้ไหลนะคะ ที่ลำบากคือเวลานอนค่ะต้องคอยไม่ให้ทับแขน ผ่านไปเริ่มปวดหนักขึ้นเรื่อยๆค่ะช่วงคืนที่สองนี่ทรมานมาก เพราะต้องหาท่านอนที่ไม่โดนแผล และไม่เกร็งเพราะพอยิ่งนอนเกร็งก็ยิ่งปวดเพิ่ม และจะปวดน้อยลงในวันที่ 4 - 5 ค่ะแต่ไปโดนก็ยังเจ็บนะ ถ้าปวดก็กินยาแก้ปวดที่หมอให้มาได้ แต่เราไม่ได้กินเลยค่ะ ยังทนไหวอยู่

และนี่คือแผลเราในปัจจุบันค่ะหลังจากผ่านไป เกือบ 2 เดือน เราแย่หน่อยเหมือนพลาสเตอร์จะแน่นมากและเสียดสีจนแกะมาแล้วเป็นแผลพอง จนเป็นรอยแผลเป็นไม่อย่างนั้น รอยแผลน่าจะจางกว่านี้​

สำหรับกระทู้นี้ก็หมดเพียงเท่านี้นะคะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับ

คนที่หาข้อมูลอยู่หรือผ่านมาอ่านก็ตาม55555555 

ถ้ามีข้อสงสัยสามารถถามเข้ามาในคอมเมนต์ได้เลยนะคะ

ขอบคุณค่ะ ด้วยรัก


Vntyaa

Vntyaa

FULL PROFILE