วัดกันไปกับศึกแป้งฝุ่น 2 แบรนด์ดัง ฮาวทูสาวผิวแทนแต่งหน้ายังไงให้ได้ผิวละมุนแบบไม่โป๊ะ!
imnoodee 27 6ฮัลโหลทุกคน imnoodee กลับมาแล้วว
กลับมารอบนี้เรากลับมาพร้อมของเล่นชิ้นใหม่
ที่เพิ่งไปโดนมานั้นก็คือ THREE นั้นเองงง เราได้มาทั้ง Foundation Serum, Powder , THREE AIRLIFT SMOOTHING WAND และใช่ค่ะ วันนี้เราจะมาป้ายยาทุกคนกับแบรนด์ THREE และก็ตามหัวข้อกระทู้ ‘เราจะมาแต่งหน้าผิวละมุนแบบไม่โบ๊ะ’ ด้วยสองแป้งฝุ่นแบรนด์ดังอย่าง THREE กับ Laura Mercier
มาลองดูกันดีกว่าว่าตัวไหนกันที่จะทำให้ลุคงานผิวของเราวันนี้ของมาไม่โบ๊ะ
ขั้นตอนแรก
ILLAMASQUA Beyond Veil Primer
พูดถึงงานผิว เราะขาด Primer ไม่ได้เด็ดขาด วันนี้เราใช้ ILLAMASQUA Beyond Veil Primer หากใครที่ชอบแต่งหน้าลุคดิวอี้ โกลว์ๆ ต้องไม่พลาดกับ Primer ตัวนี้ เพราะตัวนี้ช่วยควบคุมความมันได้ดี แล้วก็มีชิมเมอร์ช่วยกระจายแสงได้ดี เหมาะกับสาวๆผิวมันแบบเราที่อยากหน้าดิวอี้ แต่ไม่มันเยิ้มนะจ้ะ และอีกอย่างปัญหาของสาวผิวมันคือจะมีสิวง่าย ถ้าเรายิ่งใช้ไพร์เมอร์ที่มีซิลิโคนก็ยิ่งทำให้หน้าเราแพ้ ตัวนี้เหมาะกับคนเป็นสิวผิวแพ้ง่ายด้วยนะ ลองซื้อมาใช้ดูกันได้จ้า
ILLAMASQUA Beyond Veil Primer
พูดถึงงานผิว เราะขาด Primer ไม่ได้เด็ดขาด วันนี้เราใช้ ILLAMASQUA Beyond Veil Primer หากใครที่ชอบแต่งหน้าลุคดิวอี้ โกลว์ๆ ต้องไม่พลาดกับ Primer ตัวนี้ เพราะตัวนี้ช่วยควบคุมความมันได้ดี แล้วก็มีชิมเมอร์ช่วยกระจายแสงได้ดี เหมาะกับสาวๆผิวมันแบบเราที่อยากหน้าดิวอี้ แต่ไม่มันเยิ้มนะจ้ะ และอีกอย่างปัญหาของสาวผิวมันคือจะมีสิวง่าย ถ้าเรายิ่งใช้ไพร์เมอร์ที่มีซิลิโคนก็ยิ่งทำให้หน้าเราแพ้ ตัวนี้เหมาะกับคนเป็นสิวผิวแพ้ง่ายด้วยนะ ลองซื้อมาใช้ดูกันได้จ้า
ขั้นตอนที่สอง
THREE ANHELIC SYNTHESIS FOUNDATION SERUM
มาแล้ววว สำหรับรองพื้นที่หลายๆคนอื้ออึง และวอแวกันมากๆ THREE ANHELIC SYNTHESIS
FOUNDATION SERUM บอกเลยว่างานผิวโคตรโคตรรรร สำหรับตัวนี้ เนื้อบางเบามากกกกมากกก และด้วยความที่มันเป็น Foundation Serum เวลาลงเราควร วอร์มเนื้อเซรั่มที่มือ และนวดทาที่ใบหน้า เขาบอกว่ายิ่งนวดยิ่งบำรุงนะจ้ะ ให้ฟิวเหมือนทาเซรั่มบำรุงผิวหน้าไปอี้ก และมันโคตรจะเกลี่ยง่ายมากกกก โคตรชอบสำหรับ Everyday Look ที่ไม่ได้ต้องการการปกปิดอะไรมากนักตัวนี้เหมาะมากสำหรับคนไม่มีปัญหาผิว แต่สำหรับสาวที่มีปัญหาผิวแบบเราๆ ยังคงต้องการการปกปิดก็สามารถทาทับซ้ำได้และที่สำคัญมันไม่ตกร่องด้วย ตัวนี้มีทั้งสารบำรุงต่างๆ มอบความชุ่มชื่นให้กับผิวและมี SPF38 / PA+++ กันแดดด้วย
คือจริงๆเราเป็นคนมีปัญหาผิวนะ มีรอยดำรอยแดงจากสิว แต่เราชอบเนื้อของรองพื้นตัวนี้มากๆ แต่คือมันปกปิดรอยดำรอยแดงไม่ได้มากเท่าที่ควร แต่แบบเราไม่สามารถแต่งหน้าหนักๆออกจากบ้านไปทำงานทุกวันใช่ไหมละ ต้องมีฟิวแบบ วันนี้ฉันอยากจะแต่งหน้าเบาเบาบ้าง วันไหนได้ทาตัวนี้เราเออรู้สึกเหมือนได้พักหน้าอะ เราชอบมากจริงๆ
ขั้นตอนที่สาม
THREE AIRLIFT SMOOTHING WAND
THREE AIRLIFT SMOOTHING WAND
สำหรับสาวๆที่ผิวไม่เรียบเนียนแบบฉันนน ตัวนี้จะช่วยลดเลือนริ้วรอยและผิวที่ไม่เรียบเนียน อย่างเช่นแบบ รูขุมขนที่จมูก หรือปีกจมูก ร่องแก้ม ตั่งต่าง ตัวนี้ก็ทำหน้าที่เหมือนคอลซีลเลอร์
แต่!! มันไม่มีสีจ้า ตัวนี้มีเนื้อคล้ายๆ
ลิปมัน แต่เขาบอกว่าตัวนี้เวลาทาลงไปจะทำให้บริเวณผิวที่ทาดูสว่างมากขึ้นเมื่อกระทบกับแสง
ลิปมัน แต่เขาบอกว่าตัวนี้เวลาทาลงไปจะทำให้บริเวณผิวที่ทาดูสว่างมากขึ้นเมื่อกระทบกับแสง
ความจริงแล้วตัวนี้มีความใช้ยากหน่อยๆ คือด้วยความที่เนื้อมันคล้ายลิปมัน ไม่มีสี เวลาทาลงไปมันมีความทำให้รองพื้นที่ทาไปก่อนหน้านี้หลุดไปหน่อยๆ แต่เมื่อเราลองทาวนๆ ใช้นิ้วเกลี่ยๆ เออมันก็มีความรูขุมขนตื้นขึ้น หรือเราคิดไปเอง5555
ขั้นตอนที่สี่
THREE ULTIMATE DIAPHANOUS LOOSE POWDER x Laura Mercier Translucent loose setting powder
มาถึงขึ้นตอนทำศึกของเรา ศึกระหว่างแป้ง THREE และ Laura Mercier ซึ่งเอาจริงๆทั้งสองแบรนด์ ด้วยศัพท์คุณของทั้งสองตัวคล้ายๆกันแล้วก็โด่งดังพอๆกัน แต่ใครหลายๆคนที่กำลังลังเล หรือว่ากำลังตัดสินใจซื้อ หวังว่ารีวิวนี้จะช่วยเพื่อนๆได้
เราลองทาแป้ง THREE ด้านขวา และ Laura Mercier ด้านซ้าย เทียบให้ดูว่าสองตัวนี้ได้ผลที่ต่างกันยังไง และสุดท้ายเราจะให้ดูว่าแป้งสองตัวนี้ตัวไหนคุมมันยาวนานกว่ากัน
แป้ง Laura Mercier Translucent loose setting powder
แป้ง Laura Mercier Translucent loose setting powder
- เนื้อแป้ง มีความโปร่งแสง ไม่มีสี แล้วด้วยความที่มันไม่มีสี เวลาปัดหลังลงรองพื้นทำให้สีรองพื้นเราสีไม่เพี้ยน แต่บางทีที่ทาก็รู้สึกว่ามีความวอกๆ เทาๆในบางทีที่ผิวเข้มขึ้น ควบคุมความมันได้ดี มีมันบ้างช่วงจมูก ไม่หนักหน้า ไม่เกิดสิวเพิ่ม
- Packing เราไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เพราะตอนเราซื้อราคาโปรโมชั่น 990 บาท มันไม่มีพัฟมาให้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไม555 แล้วก็รูของมันใหญ่ไป ทำให้แป้งที่เทออกมาเยอะไปในบางที
- เนื้อแป้ง แป้งมีสีออกเหลืองหน่อยๆ ทาหลังทารองพื้นก็ได้ผิวที่ดูธรรมชาติ กลืนกับสีผิวไปเลยยย คุมความมันได้ดี ไม่ดรอประหว่างวัน ไม่หนักหน้า ไม่มีสิวขึ้นเพิ่ม
- Packing เราชอบพัฟของเขาของ นุ่มมากกก
ขั้นตอนที่ห้า
สำหรับลุคงานผิวนี้ เราแต่งหน้าเบาเบาด้วยโทนสีพีชๆ ที่เปลือกตาด้วย 4u2 Love me more สี S12 และตามด้วย innisfree eyeshadow สีเบอร์ 15 เพิ่มความวิ้งๆ โกลว์ๆให้เปลือกตา และตามด้วย innisfree Gel liner สีน้ำตาลให้ลุคธรรมชาติสุดๆ และขนตาที่เราชอบมากๆของ Taiwan เบอร์ 216 เป็นขนตาที่โคตรธรรมชาติ ถูกและดีมากแค่ 60 บาท เอง
สำหรับงานแก้มโกลว์ เราใช้ 4u2 Love me more สี S12 และ highlighter ของ Wet n Wild สี E321B Precious Petals ที่บริเวณโหนกแก้มจ้า
แบะ Contour ด้วย Sleek Face Contour สี Kid Medium
ขั้นตอนสุดท้าย
สีลิปสวยๆจาก Maybelline Superstar matte ink สี 70 : Amazonian สีพีชสีใหม่ของ Maybelline ที่วอวแวกันไปพักใหญ่ๆ สีสวยมากจริงๆ เป็นสีพีชส้มๆ อมน้ำตาลหน่อยๆ สวยมากก ควรมี
แต่ด้วยลุควันนี้เราชอบความผิวโกลว์ เราอยากให้ปากเรามีความโกลว์ๆ พีชๆ ด้วย เราใช้ NYX Lip Lingerie Glitter สี Honeymoon ทาทับอีกที ก็จะได้ความเงาๆประมาณนี้ เกร้ดดดด ฉันชอบบบบบ
ได้ How to กันไปพอกรุบๆ เรามาดูผลการทดลองของศึกแป้งฝุ่นกันบ้างดีกว่า
เราแต่งหน้าตั้งแต่ 6 โมงเย็น จนถึง ห้าทุ่มกว่าๆ เราไปดูกันดีกว่าว่า แป้งที่เราทาไปอย่างละครึ่งหน้าเป็นยังไงบ้าง
จริงๆพอมองปกติก็มองไม่ออกเท่าไหร่ว่าด้านไหนมันเยิ้มกว่า
แต่พอใช้กระดาษซับหน้ามันเท่านั้นแหละรู้เรื่อง
ด้านของ THREE เมื่อใช้กระดาษซับหน้ามันแล้ว
มีความมันน้อยกว่า หลังจากได้ลองใช้แป้ง THREE ครั้งนี้เราก็คิดว่าเราได้แป้งฝุ่นในดวงใจมาเพิ่มอีกแบรนด์แล้ว เป็นแป้งที่อยากบอกต่อ แล้วก็ถ้าหมดเราซื้อซ้ำแน่นอน สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจซื้อหวังว่ามาดูรีวิวนี้แล้วจะช่วยได้นะคะ