หมอเลี้ยงไข้ ในคนเป็นสิว
krebs_laboratory 5 1
[b]ตอนรักษาสิวกะหมอหน้าใสกิ๊ก[/b] แต่พอหยุดหาหมอสิวขึ้นเยอะเหมือนเดิม #[b]หมอเลี้ยงไข้หรือเปล่านะ[/b]??? .
หลายคนเจอปัญหาแบบนี้คือช่วงรักษาสิวกับหมอแล้วหน้าใสกิ๊ก สิวไม่กล้าขึ้นเลย พอสิวหายสักพักรู้สึกว่าหน้าบางบ้าง รู้สึกว่าอยู่ตัวแล้ว หรือรู้สึกว่ากระเป๋าเบาละ เลยเลิกรักษา แต่พอหยุดการรักษาสิวสักพัก สิวก็กลับมาเยอะเหมือนเดิม จนทำให้เคยยินประโยคที่หลายๆ คนพูดว่า “หมอเลี้ยงไข้” จะจริงเท็จอย่างไรนั้นเดี๋ยวจะแชร์ให้ฟัง
[b]?การรักษาสิวกับหมอแบ่งเป็น 2 กรณี คือ ทานยากับไม่ทานยา[/b]
[b]1️⃣️กรณีแรกทานยาร่วมทายา [/b]คนเป็นสิวที่สิวอักเสบเยอะมากๆ หมอก็จะให้ยาแบบรับประทาน ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะได้ยากลุ่มกรดวิตามินเอ(Acnotin, Roaccutane) ซึ่งเป็นยารักษาสิวที่หมอทั่วโลกใช้รักษาสิวอยู่แล้ว เพราะได้ผลที่ดีที่สุดในการรักษาสิว เนื่องจากแก้สิวที่ต้นเหตุโดยลดหน้ามัน(ลดการทำงานของต่อมไขมัน) เมื่อต่อมไขมันทำงานได้น้อยลงแล้ว เชื้อแบคทีเรียที่ก่อสิวก็จะลดลงตามมาเพราะไม่มีอาหารกิน การอักเสบของสิวก็จะลดลง ลดสิวอุดตันใหม่ที่จะก่อตัวขึ้นมา
แต่!!!เมื่อรักษาด้วยการกินยาสิวกลุ่มนี้จนครบคอร์สแล้ว หลังจากหยุดกินยาสิวได้สักพัก ยาก็จะถูกขับออกจากร่างกาย ต่อมไขมันที่ถูกกดการทำงานไว้ก็จะกลับมาสร้างน้ำมันได้เหมือนเดิม นี่เป็นสาเหตุให้สิวกลับมาปะทุอีกครั้งหลังจากหยุดทานยา ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่หมอเลี้ยงไข้อะไรเลย(ยกเว้นหมอบางคนขาดคุณธรรมจ่ายสเตียรอยด์ให้กันคนไข้ อันนั้นเรียกหมอเลี้ยงไข้จริงๆ ซึ่งอาจมีน้อยมากๆ)
[b]2️⃣️กรณีที่สองกดสิวร่วมกับทายาสิว[/b] ระหว่างรักษาสิว ยาที่หมอใช้จะเป็นพวกละลายสิวอุดตัน(BHA, PHA, BP)โดยการไปทำให้น้ำมันที่ร่างกายสร้างขึ้นถูกขับออกได้สะดวก หรือลดการก่อตัวของสิวอุดตัน(คอมีโดน)ทำให้สิวอุดตันรวมตัวกันน้อยลง(Retin-A, Differin gel) ร่วมกับใช้ยาฆ่าเชื้อสิว(clindamycin) ลดการเกิดสิวอักเสบ(แก้ปลายเหตุ,เร่งด่วน) ร่วมกับการกดสิวอุดตันออกเพื่อเอาไขมันที่เป็นอาหารของเชื้อสิวออก(เคลียร์สิวอุดตันเก่าออกเพื่อป้องกันสิวอักเสบ)
เมื่อจบคอร์สแล้วอาจไม่ได้ทำในขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งเช่น ไม่ค่อยได้กดสิว หรือไม่ค่อยทายาสิว หรือไปใช้สกินแคร์อย่างอื่นที่ไม่ได้ช่วยเรื่องสิวโดยตรง หรือไม่เหมาะกับคนเป็นสิว เพราะส่วนใหญ่คนเป็นสิวร่างกายจะยังสร้างไขมันออกมาเรื่อยๆ แต่เราละเลยการดูแลระบบขับของเสียออกจากผิว(น้ำมัน) (อ่านสาเหตุของสิวแบบละเอียดได้ที่โพสต์อื่นๆ) จึงทำให้สิวกำเริบขึ้นมาใหม่หลังจากหยุดทายา หยุดกดสิว ก็เลยเป็นที่มาของคำว่า [b]”หมอเลี้ยงไข้” [/b]ที่เขาว่ากัน
วิธีแก้ปัญหาสิวให้ถูกต้อง ก่อนอื่นต้องรู้สาเหตุที่เป็นไปได้ของสิวก่อนว่าเกิดจากอะไรได้บ้าง......ไม่ใช่เกิดจากหมอเลี้ยงไข้อย่างที่เข้าใจกัน เมื่อรู้สาเหตุแล้วก็ไปแก้ที่ต้นเหตุโดยใช้ยาหรือสกินแคร์ที่เฉพาะกับคนเป็นสิว รับรอง สิวดีขึ้นอย่างแน่นอน เราขอเป็นกำลังใจให้คนเป็นสิวทุกคน และให้ศึกษาข้อมูลดีๆ และใจเย็นๆในการรักษาสิว อย่าเชื่อใครที่บอกว่ารักษาสิวได้แต่ขัดกับหลักการทางวิทยาศาสตร์และทางการแพทย์ (โดยเฉพาะที่บอกว่าสิวหายใน 3 วัน 7 วัน อันนี้น่ากลัว)
หลายคนเจอปัญหาแบบนี้คือช่วงรักษาสิวกับหมอแล้วหน้าใสกิ๊ก สิวไม่กล้าขึ้นเลย พอสิวหายสักพักรู้สึกว่าหน้าบางบ้าง รู้สึกว่าอยู่ตัวแล้ว หรือรู้สึกว่ากระเป๋าเบาละ เลยเลิกรักษา แต่พอหยุดการรักษาสิวสักพัก สิวก็กลับมาเยอะเหมือนเดิม จนทำให้เคยยินประโยคที่หลายๆ คนพูดว่า “หมอเลี้ยงไข้” จะจริงเท็จอย่างไรนั้นเดี๋ยวจะแชร์ให้ฟัง
[b]?การรักษาสิวกับหมอแบ่งเป็น 2 กรณี คือ ทานยากับไม่ทานยา[/b]
[b]1️⃣️กรณีแรกทานยาร่วมทายา [/b]คนเป็นสิวที่สิวอักเสบเยอะมากๆ หมอก็จะให้ยาแบบรับประทาน ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะได้ยากลุ่มกรดวิตามินเอ(Acnotin, Roaccutane) ซึ่งเป็นยารักษาสิวที่หมอทั่วโลกใช้รักษาสิวอยู่แล้ว เพราะได้ผลที่ดีที่สุดในการรักษาสิว เนื่องจากแก้สิวที่ต้นเหตุโดยลดหน้ามัน(ลดการทำงานของต่อมไขมัน) เมื่อต่อมไขมันทำงานได้น้อยลงแล้ว เชื้อแบคทีเรียที่ก่อสิวก็จะลดลงตามมาเพราะไม่มีอาหารกิน การอักเสบของสิวก็จะลดลง ลดสิวอุดตันใหม่ที่จะก่อตัวขึ้นมา
แต่!!!เมื่อรักษาด้วยการกินยาสิวกลุ่มนี้จนครบคอร์สแล้ว หลังจากหยุดกินยาสิวได้สักพัก ยาก็จะถูกขับออกจากร่างกาย ต่อมไขมันที่ถูกกดการทำงานไว้ก็จะกลับมาสร้างน้ำมันได้เหมือนเดิม นี่เป็นสาเหตุให้สิวกลับมาปะทุอีกครั้งหลังจากหยุดทานยา ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่หมอเลี้ยงไข้อะไรเลย(ยกเว้นหมอบางคนขาดคุณธรรมจ่ายสเตียรอยด์ให้กันคนไข้ อันนั้นเรียกหมอเลี้ยงไข้จริงๆ ซึ่งอาจมีน้อยมากๆ)
[b]2️⃣️กรณีที่สองกดสิวร่วมกับทายาสิว[/b] ระหว่างรักษาสิว ยาที่หมอใช้จะเป็นพวกละลายสิวอุดตัน(BHA, PHA, BP)โดยการไปทำให้น้ำมันที่ร่างกายสร้างขึ้นถูกขับออกได้สะดวก หรือลดการก่อตัวของสิวอุดตัน(คอมีโดน)ทำให้สิวอุดตันรวมตัวกันน้อยลง(Retin-A, Differin gel) ร่วมกับใช้ยาฆ่าเชื้อสิว(clindamycin) ลดการเกิดสิวอักเสบ(แก้ปลายเหตุ,เร่งด่วน) ร่วมกับการกดสิวอุดตันออกเพื่อเอาไขมันที่เป็นอาหารของเชื้อสิวออก(เคลียร์สิวอุดตันเก่าออกเพื่อป้องกันสิวอักเสบ)
เมื่อจบคอร์สแล้วอาจไม่ได้ทำในขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งเช่น ไม่ค่อยได้กดสิว หรือไม่ค่อยทายาสิว หรือไปใช้สกินแคร์อย่างอื่นที่ไม่ได้ช่วยเรื่องสิวโดยตรง หรือไม่เหมาะกับคนเป็นสิว เพราะส่วนใหญ่คนเป็นสิวร่างกายจะยังสร้างไขมันออกมาเรื่อยๆ แต่เราละเลยการดูแลระบบขับของเสียออกจากผิว(น้ำมัน) (อ่านสาเหตุของสิวแบบละเอียดได้ที่โพสต์อื่นๆ) จึงทำให้สิวกำเริบขึ้นมาใหม่หลังจากหยุดทายา หยุดกดสิว ก็เลยเป็นที่มาของคำว่า [b]”หมอเลี้ยงไข้” [/b]ที่เขาว่ากัน
วิธีแก้ปัญหาสิวให้ถูกต้อง ก่อนอื่นต้องรู้สาเหตุที่เป็นไปได้ของสิวก่อนว่าเกิดจากอะไรได้บ้าง......ไม่ใช่เกิดจากหมอเลี้ยงไข้อย่างที่เข้าใจกัน เมื่อรู้สาเหตุแล้วก็ไปแก้ที่ต้นเหตุโดยใช้ยาหรือสกินแคร์ที่เฉพาะกับคนเป็นสิว รับรอง สิวดีขึ้นอย่างแน่นอน เราขอเป็นกำลังใจให้คนเป็นสิวทุกคน และให้ศึกษาข้อมูลดีๆ และใจเย็นๆในการรักษาสิว อย่าเชื่อใครที่บอกว่ารักษาสิวได้แต่ขัดกับหลักการทางวิทยาศาสตร์และทางการแพทย์ (โดยเฉพาะที่บอกว่าสิวหายใน 3 วัน 7 วัน อันนี้น่ากลัว)