Famous People Who Battled Eating Disorders

แรงกดดันเรื่องรูปร่างในอุดมคติได้ทำให้ผู้หญิงยุคใหม่จำนวนมากตกเข้าไปอยู่ในวังวนของหนทางที่เสี่ยงต่อสุขภาพ ไม่เว้นแม้แต่เจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์แห่งประเทศสุดโมเดิร์น

"เราต้องผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาก" เจ้าหญิงทรงเปิดพระทัยเกี่ยวกับโรคปฏิเสธอาหารที่เกิดขึ้นก่อนที่พระองค์จะเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย ผู้คนเริ่มโจษจันถึงพระวรกายที่ซูบผอมลงอย่างผิดปกติ  และในเวลาต่อมา ราชวงศ์สวีเดนก็ได้ยอมรับผ่านตัวแทนว่าเจ้าหญิงทรงมีอาการป่วยจากโรคปฏิเสธอาหารและทรงรักษาด้วยการบำบัด 

เจ้าหญิงทรงเลื่อนเวลาการเข้าศึกษาต่อด้วยเหตผลว่า "เราต้องการใช้เวลาเพื่อแก้ไขปัญหาและจัดการตัวเองให้เข้าที่เข้าทางอีกครั้ง  เราต้องเรียนรู้ตัวเอง ค้นหาว่ามีขีดจำกัดถึงแค่ไหน  และไม่เอาแต่กดดันตัวเองมากจนเกินไป"

เจ้าหญิงทรงอธิบายว่าหลังจากที่เริ่มกรณียกิจ ก็เกิดความคาดหวังแบบ perfectionist ที่จะต้องดูไร้ที่ติต่อหน้าผู้คน แต่เมื่อทราบว่าอาการป่วยเริ่มรุนแรงก็ตัดสินพระทัยรับการรักษาโดยมีพระบิดาและพระมารดาสนับสนุน

"เรารู้สึกโชคดีที่ได้รับการช่วยเหลือเพราะมันไม่ง่ายเลยที่หลุดพ้นออกมาจากจุดนั้นในขณะที่กำลังรู้สึกย่ำแย่"


แต่เชื่อมั้ยว่า แม้ทางราชวงศ์จะไม่ได้ปิดบังอาการเจ็บป่วยของเจ้าฟ้าหญิง แต่หลังจากที่รักษาพระองค์จนกลับมามีพระวรกายที่สมส่วน  แทบลอยด์ของสวีเดนก็เคยเหน็บแนมพระองค์ว่า "คงเสวยแฮมเบอร์เกอร์เยอะเกินไป" โดยไม่แยแสถึงความซีเรียสของโรคปฏิเสธอาหารเลย

ผลพวงจากการใส่พระทัยรักษาสุขภาพได้ชักนำให้พระองค์ได้มาพบกับพระสวามีผู้ที่เคยเป็นเทรนเนอร์ในสถานออกกำลังกาย  ในปัจจุบัน เจ้าหญิงวิคตอเรียหายขาดจากโรคปฏิเสธอาหารแล้ว และกลายเป็นพระมารดาของเจ้าหญิงเจ้าชายที่น่ารัก  

"เราเคยรู้สึกราวกับรถไฟแรงดันที่พุ่งขึ้นที่สูงและตกลงต่ำ เราป่วยเป็นโรคปฏิเสธอาหารและก็รู้อยู่แก่ใจ เราเกิดความทุกข์เหลือล้น เกลียดรูปร่างหน้าตาตัวเอง เกลียดความเป็นตัวเอง วิคตอเรียไม่ได้มีตัวตนอยู่เลย มันรู้สึกราวกับทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเราถูกคนอื่นบงการ มีเพียงสิ่งเดียวที่เราควบคุมได้คืออาหารที่เรากินลงไป ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นมีเพียงแต่เราที่ต้องรับผิดชอบ ปัจจุบันเราหายดีและมีความรู้ความเข้าใจที่ทำให้เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะใช้ช่วยเหลือผู้อื่นได้"

IU

ไอดอลหน้าใสที่แต่ไหนแต่ไรมาก็เห็นว่าเป็นสาวไซส์มินิจนเดาเอาว่านี่คือ bodytype ตามธรรมชาติ  แต่ที่จริงแล้ว เธอได้เปิดใจว่าได้เผชิญหน้ากับความกดดันจากการ debut จนเครียดจัด แล้วหันมาใช้อาหารเพื่อปลอบใจ แต่ก็กังวลว่าน้ำหนักตัวจะเพิ่ม จึงใช้วิธีกินไม่หยุดจนกว่าจะอาเจียนออกมา!

“มันเป็นช่วงเวลาที่ไม่ง่ายเลย ชั้นรู้สึกว่างเปล่าในใจและเติมเต็มมันด้วยอาหาร แต่แทนที่จะรู้สึกดีขึ้น ชั้นยิ่งจิตตกและคิดว่าตัวเองยังไม่ดีเพียงพอ”

แม้จะยืนยันว่าได้รับการบำบัดจากอาการ bulimia แล้ว แฟนๆ ก็มักแสดงความเป็นห่วงเมื่อได้เห็นภาพความผอมบางของเธอ  ดูเหมือนว่าในหลายครั้งเธอจะใส่ชุด over -sized ที่พรางความผอมไว้ แต่เมื่อแต่งกายด้วยชุดเข้ารูปเมื่อไรก็จะเห็นชัดเจนว่ารูปร่างของเธอดูบอบบางมากแค่ไหน

ลิลี่เคยเปิดเผยว่าบทนำของหนัง To the bone นั้นมีความสำคัญกับเธอมาก เพราะตอนที่เป็นวัยรุ่น เธอก็เคยต้องทุกข์ทรมานจากโรคปฏิเสธอาหารเช่นเดียวกัน

" ชั้นอยากจะเริ่มต้นแลกเปลี่ยนความเห็นในหัวข้อที่ดูเป็นเรื่องต้องห้ามกับหญิงสาวคนอื่นๆ มาตลอดค่ะ  การที่ชั้นเป็นโรคปฏิเสธอาหารมันไม่ได้บ่งบอกตัวตนที่แท้จริงของชั้น ชั้นจะไม่อับอายกับอดีตของตัวเอง"

"ชั้นเคยเชื่อว่าคำว่า healthy นั้นหมายถึงรูปลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบ  อย่างกล้ามเนื้อสุดเป๊ะอะไรแบบนั้น แต่ตอนนี้ คำว่า healthy คือสิ่งที่บ่งบอกว่าชั้นรู้สึกแข็งแกร่งมากแค่ไหน นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่ดีมากค่ะ เพราะถ้าคุณรู้สึกเข้มแข็งและมั่นใจ  กล้ามเนื้อจะดูเป็นอย่างไรมันก็ไม่สำคัญ ในตอนนี้ชั้นรักรูปร่างของเองค่ะ  มันเติมเต็มหัวใจของชั้นได้"

ปัจจุบันลิลี่ดูแลสุขภาพตัวเองด้วยการกินคลีนและออกกำลังกาย  เธอไม่ซูบเหมือนตอนเป็นวัยทีน และดูสดใสอิ่มเอิบจากข้างใน

โรคปฏิเสธอาหารไม่ได้เกิดกับผู้หญิงเท่านั้น แต่ผู้ชายก็ต้องฝ่าฟันกับมาตรฐานความงามจนต้องเจ็บป่วยเหมือนกัน

ก่อนที่ซอ อิน กุ๊กจะกลายเป็นพระเอกดัง เขาเริ่มออดิชั่นเพื่อจะได้ฝึกฝนเป็นดารานักร้อง  เขาถูกติติงว่าดูอวบกลมเกินไปและจำเป็นต้องไปฟิตรูปร่างมาใหม่  เพื่อความฝันที่จะกลายเป็นดาว ซอ อิน กุ๊กเริ่มหมกมุ่นกับการลดน้ำหนัก และค้นพบวิธีที่ทำให้ผอมได้ดั่งใจ มันคือการอาเจียนหลังกินอาหารนั่นเอง

หลังจากล้วงคอให้อาเจียนจนลดน้ำหนักได้ตามเป้า  เขาย้อนกลับไปที่เอเจนซี่เคยบอกปฏิเสธเพื่อที่จะพบว่าตัวเองก็ยังไม่ผ่านอยู่ดี  คราวนี้ถูกตำหนิว่าเสียงร้องเพลงไม่เข้าถึงมาตรฐาน และมันทำให้เขาเชื่อว่าเป็นเพราะอาเจียนติดต่อกันนานๆ จนทำให้เส้นเสียงเสียหาย  

แต่เมื่อแสดงความสามารถจนชนะรายการประกวดร้องเพลงทาง TV  ซอ อิน กุ๊กก็เรียกความมั่นใจกลับมา เขาดูแลสุขภาพและความงามด้วยการเล่นเวทและควบคุมอาหาร เขาจะเทรนอย่างหนักเพื่อให้ตรงกับบทบาทการแสดงที่ได้รับมอบหมาย

เจ้าหญิงผู้ล่วงลับทรงเคยเป็นนำเรื่องราวของโรค Bulimia จากประสบการณ์ตรงมาถ่ายทอดต่อส่วนรวมด้วยความหวังที่จะสร้างความเข้าใจและกระตุ้นให้เกิดการป้องกันไม่ให้ใครต้องทุกข์ทนจากโรคปฏิเสธอาการเยี่ยงพระองค์อีก

จากเลดี้ตระกูลผู้ดีเก่าแก่ สาวใสขี้อายไดแอนน่า สเปนเซอร์ได้กลายมาเป็นพระชายาของเจ้าฟ้าชายผู้โด่งดัง  เธอถูกจับจ้องจากทุกสายตาในฐานะพระราชินีในอนาคต  เมื่อต้องแบกรับความกดดันตั้งแต่ยังไม่เข้าพิธีเสกสมรส ความวิตกกังวลเรื่องรูปร่างจึงทำให้พระองค์หันมาใช้วิธีอาเจียนเพื่อลดน้ำหนัก 

"ทุกคนราชวงศ์รู้เรื่องโรค Bulimia และพวกเค้าก็โทษว่าชีวิตสมรสที่ล้มเหลวของเราคือต้นเหตุของโรค  มันเป็นเวลาพอสมควรกว่าที่พวกเค้าจะเปลี่ยนความคิด"

" เราถูกปฏิเสธ เราไม่คิดว่าตัวเองมีค่าเพียงพอสำหรับราชวงศ์  เราจึงเอาแต่โทษตัวเอง"
" หากเราเลือกที่จะหันหน้าไปพึ่งเหล้า คนอื่นก็อาจสังเกตเห็น หรือถ้าใช้วิธีอดอาหาร แต่มันก็ยิ่งจะเป็นที่สังเกตมากขึ้นกว่าเดิม เราจึงพยายามใช้วิธีปกปิดอย่างระมัดระวัง เราเลือกที่จะทำร้ายตัวเองแทนที่จะเป็นคนอื่น"

เธอคือหนึ่งใน Youtuber ที่มีรายได้มากที่สุด  แต่กว่าจะมาถึงขั้นนี้ได้ ก็เคยต้องต่อสู้กับความรู้สึกที่ถูกปฏิเสธแล้วแปรเปลี่ยนมาเป็นโรคอดอาหารทำให้ร่างกายผอมกะหร่อง

นักไวโอลินสาวที่มีผู้ติดตามบน Youtube มากกว่าสิบล้านคนเล่าว่า " ชั้นชั่งน้ำหนัก 15 ครั้งในวันเดียว  ชั้นจะชั่งจนกว่าน้ำหนักจะลดลงไป"

"ช่วงนั้น ถ้าเดินเข้าไปparty กับเพื่อนๆ ชั้นไม่สามารถจับใจความบทสนทนาหรือมองเห็นอะไรรอบตัวได้ สิ่งเดียวที่ชั้นหมกมุ่นคือ  โอ้ นั่นพิซซ่านี่นา  ต้องห่างจากตรงนั้นซะแล้ว แล้วใครคือสาวที่ผอมที่สุดในงาน   ชั้นผอมพอรึเปล่า ชั้นเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นตลอดเวลา มันเหน็ดเหนื่อยมากค่ะ  ชั้นไม่มีกำลังวังชาเพราะไม่มีพลังงานในตัว แล้วก็ก้าวเข้าสู่โรคซึมเศร้า"