10 SKINCARE ใช้หมดแล้ว รีวิวได้

มาดูช่วงหน้าไม่ปกติกันบ้างค่ะ เรียกว่าเป็นจุดสูงสุดซึ่งจะอยู่กับเราได้ไม่นานค่ะ แต่ถึงจะเป็นช่วงหน้าใส ถ้ารู้ว่าต้องออกงานสำคัญก็ขึ้นได้นะคะ 555TT55 (หัวเราะทั้งน้ำตา)

ตอนนี้หลังจากดูสภาพผิวแล้ว สรุปได้ว่าผิวน้ำเป็นแบบนี้

• เป็นสิวง่าย (สิวไม่มีหัว สิวผด สิวอักเสบ)
• หน้าไม่เรียบ มีสิวอุดตัน หัวดำบ้างประปราย 
• รูขุมขนกว้าง
• หน้ามันทีโซน

ก็มาเข้าเรื่องสกินแคร์ที่จะรีวิวกันนะคะ ซึ่งเกณฑ์การเลือกสกินแคร์น้ำไม่มีอะไรมากค่ะ

• เน้นความชุ่มชื้น (อันนี้ส่วนตัวเชื่อว่าหน้าชุ่มชื้นแล้วเรื่องอื่นจะดีตามมา)
• กระชับรูขุมขน (เชื่อว่ารูเล็กก็คงจะไม่มีสิวอุดตัน)
• ปรับสีผิว (ไม่เน้นมาก แต่มีรอยสิวเลยอยากให้จางลงบ้าง)
• เน้นผิวแข็งแรง (เพราะเป็นสิวง่ายเลยต้องการให้ผิวเราแข็งแรง จะได้ไม่เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวขึ้น)

เพราะฉะนั้นถ้าใครมองหาสกินแคร์แนวนี้ ก็อ่านกันได้นะคะ มาร่วมแบ่งปันตัวอื่นเพิ่มเติม แต่ขอราคาไม่แรงนะคะ เงินไม่มีแล้วค่า...

ตัวแรกคือ โฟมล้างหน้าจาก KURON 

ตัวนี้จำได้ว่าซื้อตอนโปรวัตสันบุพเฟ่ต์ 3 ชิ้น 299 ตัวนี้น้ำเห็นคำเคลมที่ติดในขวดว่าล็อคความชุ่มชื้น เลยจัดมาค่ะ และประเด็นคือถูก แล้วตอนนั้นมูสโฟมแบบนี้ฮิตด้วย อยากลอง

ส่วนตัวชอบที่ล้างแล้วหน้าไม่แห้ง แต่ล้างเครื่องสำอางไม่สะอาดค่ะ ต้องเช็ดคลีนซิ่งก่อน แต่ก็นะ เป็นคนขี้เกียจค่ะ แต่ซื้อมาแล้วตอนนี้ก็หมดไป 2 ขวด ใช้วิธีล้างหน้า 2 รอบเอา เพราะขี้เกียจเช็ดคลีนซิ่ง ประกอบกับเป็นคนแต่งหน้าไม่เยอะด้วยค่ะ เคยแต่งเยอะๆแน่นๆนะคะ แต่เหมือนยิ่งแก่ยิ่งขี้เกียจ เหนื่อย เขียนรีวิวมาถึงตรงนี้ก็เหนื่อยแล้วค่ะ 

ตัวที่ 2 โฟมล้างหน้า ESSI จาก DE L'AMOUR

ตัวนี้น้ำได้ตัวเทสเตอร์มาลองก่อน ไม่งั้นไม่มีวันซื้อแน่ๆ โฟมล้างหน้าอะไร แพง เคยใช้ ร้อย สองร้อย นี่อยู่ๆกระโดดมา 7-8 ร้อย ตัวนี้ล้างเครื่องสำอางออกหมดในรอบเดียว ตอบโจทย์ความขี้เกียจสุดอะไรสุด อันนี้น้ำซื้อมา 4 ขวด เพราะตอนนั้นเค้ามีโปร 1 แถม 1 ตอนสิ้นปี ซื้อให้แฟนใช้ด้วย ให้พี่ที่รู้จักใช้ด้วย ตัวนี้ใช้แล้วสิวเหมือนจะไม่ค่อยขึ้นค่ะ ไม่แห้งตึง ดีค่ะ อยากให้ลอง ตอนนี้ยังใช้อยู่นะคะ ยังไม่หมด เหลืออยู่อีกขวดกว่าๆ

ตัวที่ 3 TONER จาก DE L'AMOUR แบรนด์เดิม

แบรนด์นี้มาเยอะหน่อย ซื้อยกเซ็ต ตัวนี้เค้าได้รางวัล Cleo2018 จริงอยากจะถ่ายโชว์เนื้อให้ดูนะคะ แต่อย่างที่เห็น รีวิวตอนหมด เนื้อข้างในเป็นเนื้อเจลค่ะ ฉีดออกมาเป็นน้ำ มันไม่ให้อารมณ์โทนเนอร์เท่าไหร่ค่ะ อารมณ์แบบน้ำตบหรือพรีเซรั่มมากกว่า มันทิ้งความชุ่มๆไว้บนผิว ไม่เหมือนสเปรย์น้ำแน่ที่ฉีดแล้วหายไปเลย

ตัวนี้ข้อดีคือพกฉีดแทนสเปรย์น้ำแร่ได้เลย ผิวชุ่มชื้นมากกว่า แล้วแต่งหน้าติดทนนานเหมือนกันค่ะ สดชื่นค่ะ ละอองน้ำไม่ใหญ่เกินไป

ข้อเสีย เห็นที่เหลือก้นขวดนั่นมั้ยคะ ไม่ได้ตั้งใจเหลือให้ดู แต่มันฉีดไม่ออกแล้วค่ะ ที่จริงเหลือเยอะกว่านี้ แต่แอบเทออกมาเผื่อจะทาหน้าได้ แต่ไม่ได้ มันเป็นเจลก้อนๆ  น้องช่างแต่งหน้าที่รู้จักเค้าบอกให้เอาไปเทใส่ขวดสเปรย์เล็กๆมันจะฉีดออก แต่ขี้เกียจค่ะ 

ตัวที่ 4 น้ำตบ จาก BIOTHERM

ขวดนี้น้ำใช้ไซส์ 125 หมด แล้วก็ขยับมาเป็นขวดใหญ่ แต่ตอนนี้ไม่ได้ใช้แล้วค่ะ ไม่มีเงินซื้อแล้ว จน จนมากเลย

ตัวนี้ให้ความชุ่มชื้นดี ผิวอิ่มดี ชอบนะคะ แต่ว่าฟิลลิ่งหลังใช้น้ำไม่ค่อยปลื้มที่มันเหนียวนิดๆ ส่วนใหญ่จะใช้แค่ตอนกลางคืน ใช้กลางวันแล้วหน้ามันค่ะ อีกเรื่องตอนแรกๆที่น้ำใช้มีสิวผดๆขึ้นหน้าผาก เลยไปถามแอดมินแบบวิตกกังวล กลัวแพ้ ซื้อมาก็แพง ก็ตามสเต็ปแบรนด์ไหนก็บอกว่าให้อดทนใช้ไปก่อน เป็นช่วงผลัดหน้า  นี่ก็ทนใช้บ้างหยุดบ้างจนไม่มีผดขึ้นก็ใช้ต่อมาเรื่อยๆค่ะ

ตัวที่ 5 เซรั่ม Vit C จาก Mad Hippie

ตัวนี้น้ำสั่งจาก iherb ค่ะ เพราะเห็นราคาไทยละ บวกเยอะเกิ๊น ไม่ไหว ตัวนี้ก็เป็นขวดที่ 2 ที่ใช้แล้ว แรกเห็นผลดีค่ะ หน้าไบร์ทขึ้น ขาวขึ้น ไม่แพ้ สิวไม่ขึ้น แต่พอมาขวดที่ 2 เริ่มคงที่ หรืออาจะเป็นเพราะเราขาวกว่านี้ไม่ได้แล้ว

จริงซื้อรุ่นที่เป็นสีชมพูมาด้วย จำไม่ได้ว่าช่วยเรื่องอะไร แพ็คเกจไม่อยู่แล้วด้วย แต่น่าจะเน้นเรื่องขาวเหมือนกัน

ตัวที่ 6 ANR จาก ESTEE

ตัวนี้ทนรีวิวคนอื่นๆไม่ไหวก็เลยจัดตาม ส่วนตัวใช้แล้วไม่แพ้ เริ่มๆเห็นผลว่าผิวหน้าแข็งแรงขึ้นตอนใช้ไปประมาณครึ่งขวด ผลลัพธ์ไม่ได้หวือหวา เน้นดูแลกันไปเรื่อยๆมากกว่า ถ้าใครผิวมีปัญหาแล้วต้องการแบบทาปุ๊ป พรุ่งนี้ผิวจะดีนี่ข้ามไปได้เลยค่ะ ส่วนตัวชอบฟิลลิ่ง ชอบกลิ่น ใช้ต่อมั้ยคงไม่ใช่แล้ว เพราะไม่มีเงิน

จริงอยากลองตัวที่อยู่ในแคปซูลอ่ะค่ะ เดินไปวอแวที่เคาน์เตอร์หลายรอบมากละ แต่เห็นราคาแล้วจะเป็นลมทุกที

ปล.แนะนำตัวนี้ให้รุ่นน้องใช้ เค้าบอกเค้าใช้แล้วแพ้สิวขึ้น เพราะฉะนั้นของแพ้ก็มีคนแพ้นะคะ ไปเทสก่อนละกันค่ะ ไม่งั้นเสียดายเงินแย่

ตัวที่ 7 Double Serum จาก CLARINS

ตัวนี้เสียงลือเสียงเล่าอ้าง ทนไหวแต่ไม่ทน ดีค่ะ ตัวนี้ รูขุมขนแน่นขึ้น ผิวแข็งแรงขึ้น ริ้วรอยน้ำยังไม่เห็นผลนะคะ ริ้วรอยยังมีไม่เยอะ ตอนใช้ตัวนี้น้ำใช้คู่กับเอสเต้ เช่นกันค่ะ ผลลัพธ์ไม่ได้หวือหวา ค่อยเป็นค่อยไป ทั้งนี้ทั้งนั้นเรื่องรูขุมขน ถ้าหยุดใช้ก็กลับมาเท่าเดิมนะคะ ส่วนตัวชอบนะคะ ถ้ามีเงินก็จะซื้อใช้ แต่ตอนนี้ไม่มีแล้วค่ะ จำได้ว่าตอนใช้ใกล้หมดนี่แทบนับหยดใช้เลย ยังไม่พร้อมให้มันหมด แต่ว่าบีบแค่นิดเดียวก็ทั่วหน้าแล้วจริงๆค่ะ ใช้แรกๆมือหนักไปหน่อย 2-3 ปั๊มตลอด

ตัวนี้ทำฝาหายไปแล้ว แพ็คเกจกังเล็กน้อย ขออภัย 

ตัวที่ 8 Reju Serum จาก DE L'AMOUR

จริงๆแบรนด์นี้น้ำใช้เกือบครบเซ็ตเลย แบรนด์นี้พึ่งเริ่มลองใช้น่าจะประมาณ 3 เดือนก่อนค่ะ ตอนนี้เลยยังมีบางตัวที่ยังไม่หมด บางตัวก็ต่อขวด 2-3 แล้ว ตัวเซรั่มตัวนี้ผลลัพธ์ก็อารมณ์เดียวกับเอสเต้และคาแรงส์ค่ะ ผิวแข็งแรงขึ้น รูขุมขนกระชับขึ้น เวลาจับผิวแบบย้อนศร ย้อนขนเหมือนก้อนจะรู้สึกได้ถึงเม็ดๆ ตอนนี้ก็น้อยลงแล้วค่ะ นี่กำลังคิดอยู่ว่าจะต่อขวด 2 ดีมั้ย เพราะราคายังพอรับได้ค่ะแต่จริงๆมันก็ไม่ได้ถูกนะคะ ราคาก็น้องๆเอสเต้กับคาแรงส์เลย

ข้อเสียคือ ใช้แรกๆแอบตกใจกลิ่นเล็กน้อย เป็นคนไม่แพ้น้ำหอม เลยเคยชินกับกลิ่นในสกินแคร์พอมาตัวนี้กลิ่นมันพูดไม่ถูก ต้องดมเองค่ะ แต่ใช้ไปสักพักก็ชอบ 

ตัวที่ 9 Balancing จาก Sulwhasoo

ตัวนี้เริ่มจากได้ลองใช้ตัว First Care ก่อน แล้วไม่แพ้ จริงๆก็อยากเอามารีวิว แต่หาขวดไม่เจอแล้ว แต่ตัวเฟิร์สแครืใช้แล้วไม่รู้สึกอะไร แค่ใช้ให้รู้ว่าใช้ เลยลองซื้อตัวเนื้อ Emilsion ในไลน์เดียวกันมาลองใช้เพิ่ม เพราะอยากได้ความชุ่มชื้น ตัวนี้เรียกว่าใช้ได้เรื่อยๆ ผลลัพธ์มันไม่หวือหวา น้ำเลยไม่รู้ว่ามันช่วยด้านไหน แต่ก็อารมณ์ผิวชุ่มชื้น แข็งแรง สุขภาพดี

ข้อเสีย เกลียดการเขย่าครีมในแพ็คเกจให้ออกมาจากขวดมากค่ะ ต้องการขวดที่บีบ หรือกระปุก หรือหัวปั๊มอะไรก็ได้ที่ไม่ต้องนั่งเคาะ ยิ่งช่วงใกล้หมดนี่คือ เอ้อ ไม่ออกใช่มั้ย ไม่ใช้แล้วก็ได้!!

ตัวสุดท้าย Sleeping Mask จาก LENEIGE

ตัวนี้เป็นมาส์กแบบทาก่อนนอนแล้วก็หลับไปเลย เน้นความชุ่มชื้น ไม่แพ้ สิวไม่ขึ้น ทาได้เรื่อยๆ ช่วงหน้าพังๆ แล้วอยากมาส์กหน้า ก็จะหยิบตัวนี้มามาส์ก ไม่ได้ทำให้สิวอักเสบขึ้น เหมือนอารมณ์แบบปลอบผิว โอ๋เอ๋นะ เดี๋ยวมันก็หาย มาส์กได้เรื่อยๆเหนื่อยก็พัก 1 กระปุกน้ำใช้นานมากๆ เพราะไม่ได้มาส์กทุกวัน บางทีก็มาส์กอย่างอื่นบ้าง ปนๆกันไป