[จับฉ่ายทัวร์] Karmakamet ร้านบ้าอะไรมีดียิ่งกว่าความหอม
King of Eugenie 14 2
ออกตัวก่อนว่า...คิสไม่ถนัดเดินเที่ยวเหมือนคนอื่นเค้าเท่าไหร่ เพราะมีปัญหาเรื่องแพ้แดด
ไม่่ได้แพ้เฉพาะแค่เรื่องผิวที่จะแสบเหมือนโดนข้าวสารเสก แต่แพ้แบบเป็นไข้ ไม่สบายไปเลย
แต่เมื่อวานเมื่อพระเจ้ามาโปรด คิสต้องไปทำธุระแถว JJ แต่เช้า ทั้งวันเหมือนแดดจะไม่รุนแรงมาก โชคดีไปค่ะ ไม่งั้นคงแย่เหมือนกัน
จากบ้านไป JJ คิสเคยไปแบบ BTS แต่วันนี้คิดนอกกรอบ นั่งแทกซี่ไปหัวลำโพงแล้วไปรถไฟฟ้าใต้ดิน ทำชีวิตให้ลำบากไปอีกขั้นนี่ถนัดนัก - -"
สถานีแรกของเราหัวลำโพงงงงงง คิสนี่นึกถึงตอนคิสทิ้งควายที่คิสรักมาอยู่ในเมืองกรุงเลยทีเดียว
ไม่่ได้แพ้เฉพาะแค่เรื่องผิวที่จะแสบเหมือนโดนข้าวสารเสก แต่แพ้แบบเป็นไข้ ไม่สบายไปเลย
แต่เมื่อวานเมื่อพระเจ้ามาโปรด คิสต้องไปทำธุระแถว JJ แต่เช้า ทั้งวันเหมือนแดดจะไม่รุนแรงมาก โชคดีไปค่ะ ไม่งั้นคงแย่เหมือนกัน
จากบ้านไป JJ คิสเคยไปแบบ BTS แต่วันนี้คิดนอกกรอบ นั่งแทกซี่ไปหัวลำโพงแล้วไปรถไฟฟ้าใต้ดิน ทำชีวิตให้ลำบากไปอีกขั้นนี่ถนัดนัก - -"
สถานีแรกของเราหัวลำโพงงงงงง คิสนี่นึกถึงตอนคิสทิ้งควายที่คิสรักมาอยู่ในเมืองกรุงเลยทีเดียว
รูปต่างๆในทริป JJ นี่อยู่ในมือถือของอีกคน เพราะมือถือคิสแบตหมด(E คิสสสสส แกมาโพสชวนคนอื่นเค้าเที่ยวแบบไม่มีรูปปปปปป คิดได้ไง)
เอาว่าถ้าได้รับรูปแล้วคิสจะมาโพสฝากสาวๆอีกทีนะ คิสไม่ได้คิดแต่แรกว่าจะมาเล่าเรื่องอะไรเกี่ยวกับ JJ ด้วย
แต่ที่อยากจะเล่าก่อนจะไปถึงทริปไหว้พระบรมรูปทรงม้า คือร้าน Karmakamet ค่ะ
ร้านเครื่องหอมร้านนี้ คิสบอกเลยว่า...คิสรักมากกกกกกกกกกกกกกกก
สาขาที่คิสไปนั่งตั้งแต่เด็กเป็นร้านที่ CTW นั่งมาตั้งแต่อยู่ชั้น 2 ย้ายไปชั้น 3 แล้วย้ายลงไปชั้น 1 ปวดหัวเป็นที่สุด คิสได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของร้านมาตลอด
ที่ไม่คิดไม่ฝันเลยคือร้านสาขาแรกมันมีเสน่ห์มากกกกกกกกกกกกกกกกกก
เอาว่าถ้าได้รับรูปแล้วคิสจะมาโพสฝากสาวๆอีกทีนะ คิสไม่ได้คิดแต่แรกว่าจะมาเล่าเรื่องอะไรเกี่ยวกับ JJ ด้วย
แต่ที่อยากจะเล่าก่อนจะไปถึงทริปไหว้พระบรมรูปทรงม้า คือร้าน Karmakamet ค่ะ
ร้านเครื่องหอมร้านนี้ คิสบอกเลยว่า...คิสรักมากกกกกกกกกกกกกกกก
สาขาที่คิสไปนั่งตั้งแต่เด็กเป็นร้านที่ CTW นั่งมาตั้งแต่อยู่ชั้น 2 ย้ายไปชั้น 3 แล้วย้ายลงไปชั้น 1 ปวดหัวเป็นที่สุด คิสได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของร้านมาตลอด
ที่ไม่คิดไม่ฝันเลยคือร้านสาขาแรกมันมีเสน่ห์มากกกกกกกกกกกกกกกกกก
คิสเกือบจะไม่เดินเข้าไปแล้ว แต่ร้านมันเป็นทางผ่าน
กะว่าจะเข้าไปดูแป่บเดียวว่ามีกลิ่นอะไรออกมาใหม่บ้าง ไม่คิดจะซื้อในตอนนี้ เพราะเดือนนี้ชอปปิ้งไปเยอะมาก
(คิสเป็นสมาชิกของแบรนด์นี้มาหลายปีแล้ว เพราะต้องซื้อของไปฝากเพื่อนฝูงที่ฮ่องกง สิงคโปร์ และคิสก็ผูกขาดกับ Karmakamet, Naraya, Jim Thompson ทุกปี)
ดมๆอยู่ได้ยินเสียงลอยมา
"Joy เป็นการเล่นของกลิ่น....." (บอกตรงๆว่าคิสจำไม่ได้นะว่าพูดอะไร แต่พูดแนวๆนี้)
คิสถึงกับต้องหันกลับไปมองต้นทางของเสียง ร้านสาขานี้เป็นร้านที่เล็กจิ๋วที่สุด แต่ทำไมมีคนมา consult เรื่องกลิ่นด้วย
คิสไปมาทุกสาขาแล้วก็ไม่เจอ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกเลยที่ได้ยินการเล่า Journey ของโน้ด วิธีการพูดคล้ายๆกับตอนคิสเจอ SA ของแบรนด์ Diptyque ไม่มีผิด แต่การพูดชัดถ้อยชัดคำ และเร็วเหมือนกับว่า Note ต่างๆที่พูดมามันฝังอยู่ในเส้นเลือดฝอย
ที่กล้าถามเพราะคิสสงสัยจริงๆ คิสไปร้านนี้รวมทุกสาขาเกิน 100 ครั้งแน่ๆ ไปซื้อของฝาก ไปดื่ม mocktail ไปจิบชา บางทีก็แค่เดินเข้าไปดูอัพเดทกลิ่นใหม่นิดนึงก็ออก แต่คิสไม่เคยเจอคนแนะนำแบบนี้เลยให้ตายเหอะ ใครก็ได้ช่วยโคลน SA คนนี้ให้คิสที
"พนักงานสาขาอื่นน่าจะยุ่งกันมาก เลยอาจจะดูแลลูกค้าได้ไม่เต็มที่นะครับ" คำตอบช่างฟังดูแล้วถ่อมตัวเหมือนกับว่าหน้าที่ที่ตัวเองทำ คนอื่นก็ทำได้
คิสแทบกริ๊ดแตก เพราะคิสชอบแบรนด์นี้มากๆ ถึงกับขอจับมือกับพี่ Sommart(คิสไม่แน่ใจว่าสะกดชื่อยังไง ขอเรียกว่าพี่มาร์คละกัน
คิสไม่อยากเชื่อว่าหนึ่งในเจ้าของแบรนด์มาขายสินค้าด้วยตัวเอง อธิบายเรื่องกลิ่นได้แบบเพลิดเพลินเหมือนไม่รู้สึกว่านั่นคืองาน แต่เป็นการพูดถึงอะไรสักอย่างที่ตัวเองรัก
สาวๆ เราเคยเม้ามอยของสะสม ถึงตุ๊กตาตัวโปรด ถึงขนมที่เราชอบกิน เข้าใจฟิลปะคะ คิสเจอพี่มาร์คในลักษณะแบบนั้นจริงๆ
คิสบอกความในใจพี่มาร์คแบบไม่อายว่าคิสบ้าบอถึงขั้นอยากจะไปสมัครงานที่ Karmakamet คิสอยากซื้อแบรนด์ไปทำกับพี่ชาย คิสเคยเข้าไปสั่ง Mocktail หนึ่งแก้วแล้วนั่งในร้านเป็นชั่วโมง เพียงเพราะชอบดมกลิ่นในร้าน เพราะสมัยเรียนคิสไม่มีเงินซื้อของๆเค้าเลย ทำได้คือดมให้นานที่สุด และไปทุกอาทิตย์เหมือนไปโบสถ์ คิสจำเมนูเค้าได้เกิน 20%
พี่มาร์คเองก็คงงงมากที่มีคนมากริ๊ดกราด 555555555555555 แต่คิสรักร้านนี้มาก ผูกพันด้วย
คิสถามถึงเรื่องร้านเป็น 10 คำถามได้ เพราะคิสจะรู้ได้ไงว่าคิสจะได้เจอพี่เค้าอีกเมื่อไหร่ คิสบอกกลิ่นที่คิสชอบ Joy, Mimosa, White Tea, Gil, Tobacco และตระกูล wood แทบทั้งหมด
พี่เค้าพูดได้หมดเลยว่าแรงบันดาลใจกลิ่นนี้กลิ่นนั้น พี่เค้าได้มาจากการไปเที่ยวที่ไหนมา ผสมกับอะไรบ้าง เล่าได้แบบบ้าพลังเหมือนเทคยาพี่เสก
ลูกค้าเข้าร้านเล็กๆนี้มาไม่ขาดสาย(ใครไปสาขานี้จะตกใจว่าเป็นสาขาที่ตะมุตะมิที่สุดแล้วในบรรดา Karmakamet แต่กลับมีคนเข้าออกตลอดเวลา และ traffic การซื้อดุเดือดมาก)
พี่มาร์คดูแลลูกค้าได้ตลอด และไม่มีทีท่าจะรำคาญคิสที่ยังยืนรอ ขอแค่ได้คุยต่อ
((คิสบอกพี่มาร์คไปตรงๆว่าคิสยังไม่ซื้อนะคะ เดือนเกิดคิสเดือนตุลา คิสจะใช้ส่วนลดสมาชิก พี่มาร์คนี่บอกหมดเลยตัวไหนเดี๋ยวจะมีเซลล์ อะไรยังไงบ้าง ไม่ต้องรีบซื้อ มีใครน่ารักแบบนี้อีกมั๊ย??))
กะว่าจะเข้าไปดูแป่บเดียวว่ามีกลิ่นอะไรออกมาใหม่บ้าง ไม่คิดจะซื้อในตอนนี้ เพราะเดือนนี้ชอปปิ้งไปเยอะมาก
(คิสเป็นสมาชิกของแบรนด์นี้มาหลายปีแล้ว เพราะต้องซื้อของไปฝากเพื่อนฝูงที่ฮ่องกง สิงคโปร์ และคิสก็ผูกขาดกับ Karmakamet, Naraya, Jim Thompson ทุกปี)
ดมๆอยู่ได้ยินเสียงลอยมา
"Joy เป็นการเล่นของกลิ่น....." (บอกตรงๆว่าคิสจำไม่ได้นะว่าพูดอะไร แต่พูดแนวๆนี้)
คิสถึงกับต้องหันกลับไปมองต้นทางของเสียง ร้านสาขานี้เป็นร้านที่เล็กจิ๋วที่สุด แต่ทำไมมีคนมา consult เรื่องกลิ่นด้วย
คิสไปมาทุกสาขาแล้วก็ไม่เจอ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกเลยที่ได้ยินการเล่า Journey ของโน้ด วิธีการพูดคล้ายๆกับตอนคิสเจอ SA ของแบรนด์ Diptyque ไม่มีผิด แต่การพูดชัดถ้อยชัดคำ และเร็วเหมือนกับว่า Note ต่างๆที่พูดมามันฝังอยู่ในเส้นเลือดฝอย
"ทำไมที่สาขาอื่นไม่มี consult ดีๆแบบนี้บ้างคะ ไปมาไม่เคยเจอแบบนี้เลย" คิสหันไปถามแบบไม่กลัวโดนรุมกระทืบ
ที่กล้าถามเพราะคิสสงสัยจริงๆ คิสไปร้านนี้รวมทุกสาขาเกิน 100 ครั้งแน่ๆ ไปซื้อของฝาก ไปดื่ม mocktail ไปจิบชา บางทีก็แค่เดินเข้าไปดูอัพเดทกลิ่นใหม่นิดนึงก็ออก แต่คิสไม่เคยเจอคนแนะนำแบบนี้เลยให้ตายเหอะ ใครก็ได้ช่วยโคลน SA คนนี้ให้คิสที
"พนักงานสาขาอื่นน่าจะยุ่งกันมาก เลยอาจจะดูแลลูกค้าได้ไม่เต็มที่นะครับ" คำตอบช่างฟังดูแล้วถ่อมตัวเหมือนกับว่าหน้าที่ที่ตัวเองทำ คนอื่นก็ทำได้
ถามไปถามมา วนไปเวียนมา จนรู้ว่า...SA ที่คิสเข้าใจคือเจ้าของ!!!!!!!!!!!!!!
คิสแทบกริ๊ดแตก เพราะคิสชอบแบรนด์นี้มากๆ ถึงกับขอจับมือกับพี่ Sommart(คิสไม่แน่ใจว่าสะกดชื่อยังไง ขอเรียกว่าพี่มาร์คละกัน
คิสไม่อยากเชื่อว่าหนึ่งในเจ้าของแบรนด์มาขายสินค้าด้วยตัวเอง อธิบายเรื่องกลิ่นได้แบบเพลิดเพลินเหมือนไม่รู้สึกว่านั่นคืองาน แต่เป็นการพูดถึงอะไรสักอย่างที่ตัวเองรัก
สาวๆ เราเคยเม้ามอยของสะสม ถึงตุ๊กตาตัวโปรด ถึงขนมที่เราชอบกิน เข้าใจฟิลปะคะ คิสเจอพี่มาร์คในลักษณะแบบนั้นจริงๆ
คิสบอกความในใจพี่มาร์คแบบไม่อายว่าคิสบ้าบอถึงขั้นอยากจะไปสมัครงานที่ Karmakamet คิสอยากซื้อแบรนด์ไปทำกับพี่ชาย คิสเคยเข้าไปสั่ง Mocktail หนึ่งแก้วแล้วนั่งในร้านเป็นชั่วโมง เพียงเพราะชอบดมกลิ่นในร้าน เพราะสมัยเรียนคิสไม่มีเงินซื้อของๆเค้าเลย ทำได้คือดมให้นานที่สุด และไปทุกอาทิตย์เหมือนไปโบสถ์ คิสจำเมนูเค้าได้เกิน 20%
พี่มาร์คเองก็คงงงมากที่มีคนมากริ๊ดกราด 555555555555555 แต่คิสรักร้านนี้มาก ผูกพันด้วย
คิสถามถึงเรื่องร้านเป็น 10 คำถามได้ เพราะคิสจะรู้ได้ไงว่าคิสจะได้เจอพี่เค้าอีกเมื่อไหร่ คิสบอกกลิ่นที่คิสชอบ Joy, Mimosa, White Tea, Gil, Tobacco และตระกูล wood แทบทั้งหมด
พี่เค้าพูดได้หมดเลยว่าแรงบันดาลใจกลิ่นนี้กลิ่นนั้น พี่เค้าได้มาจากการไปเที่ยวที่ไหนมา ผสมกับอะไรบ้าง เล่าได้แบบบ้าพลังเหมือนเทคยาพี่เสก
ลูกค้าเข้าร้านเล็กๆนี้มาไม่ขาดสาย(ใครไปสาขานี้จะตกใจว่าเป็นสาขาที่ตะมุตะมิที่สุดแล้วในบรรดา Karmakamet แต่กลับมีคนเข้าออกตลอดเวลา และ traffic การซื้อดุเดือดมาก)
พี่มาร์คดูแลลูกค้าได้ตลอด และไม่มีทีท่าจะรำคาญคิสที่ยังยืนรอ ขอแค่ได้คุยต่อ
((คิสบอกพี่มาร์คไปตรงๆว่าคิสยังไม่ซื้อนะคะ เดือนเกิดคิสเดือนตุลา คิสจะใช้ส่วนลดสมาชิก พี่มาร์คนี่บอกหมดเลยตัวไหนเดี๋ยวจะมีเซลล์ อะไรยังไงบ้าง ไม่ต้องรีบซื้อ มีใครน่ารักแบบนี้อีกมั๊ย??))
คิสรู้ตัวว่าเป็นคนพิมพ์เยอะ แต่ขอตัดมาเฉพาะส่วนที่ประทับใจ และอยากเอามาเล่าให้คนอื่นได้รู้เหมือนๆกับคิส คิสอาจจะถ่ายทอดความน่ารักของพี่มาร์คได้ไม่ดีมากพอ และมั่นใจว่าใครเจอพี่เค้าก็ต้องชื่นชม เจอครั้งแรก คิสตกหลุมรักทั้งพี่มาร์คและรักร้าน Karmakamet เลย
คิสชวนคุยเรื่อง Business Strategy ในอนาคต แต่คุยแบบสบายๆนะ คิสถามหลายคำถาม ทำไมไม่ขายแฟรนไชส์ไปให้ทั่วไปเลย ทำไมพี่ไม่ลุยแบบ B2B ทำ OEM ทำไมไม่ทำให้ commercial กว่านี้ แบรนด์พี่ไปได้
พี่มาร์คตอบว่า "พี่ไม่สนใจแล้ว เพราะการทำร้านนี้เราได้ช่วยประเทศไปอีกทาง มีคนเยอะมากที่สนใจมาขอซื้อไปทำ....
((เรื่องนี้บอกเลยว่าคิสมั่นใจว่าเรื่องจริง เพราะพี่ชายคิสที่สิงคโปร์ แฟนเก่าคิสที่เซี่ยงไฮ์ พูดเหมือนกันทั้ง 2 คนว่าสนใจขอซื้อไปทำ ช่วยติดต่อให้หน่อย แต่คิสก็ขี้เกียจเอง นี่ขนาดแค่คนใกล้ตัวคิสนะ ยังไม่ต้องไปหาไกลเลย))
"คิดดูสิว่า ถ้ามีลูกค้าบินมาแล้วซื้อสินค้าเราไปบอกต่อ ซื้อเอาไปเป็นของฝาก แล้วคนชอบ เวลามาไทย เค้าก็ต้องไปตามสถานที่ท่องเที่ยว แล้วก็มาซื้อของกลับไปอีก เป็นไปแบบนี้เรื่อยๆ คนที่ได้ประโยชน์คือใคร?? ตั้งแต่สนามบินเลย แท๊กซี่ จนมาถึงเรา ร้านรอบข้าง คนที่นี่ มันจะเป็นไปแบบนี้ ทำให้เงินเกิดการหมุนเวียนในประเทศ รู้มั๊ยว่าคนรักเมืองไทยเยอะมาก มาเที่ยวบ้านเรา มาแล้วก็มาอีก ข่าวจะอะไรก็ตาม ยังไงเค้าก็ต้องกลับมา"
คิสจำคำตอบแบบเป๊ะๆไม่ได้ทุกคำนะ เพราะไม่ได้ตั้งใจจะเดินเข้าไป และยิ่งไม่คิดว่าจะได้เจอพี่มาร์ค
คำตอบน่ารักๆที่ทำให้ต้องรู้สึกชื่นชมและขอมาบอกต่อให้คนไทยได้รู้จักแบรนด์เจ๋งๆอีกแบรนด์ DNA ของที่นี่เจ๋งนับตั้งแต่ day one ที่คิสได้รู้จัก ได้เดินตามกลิ่นเข้าไปในร้านในครั้งแรก
แบรนด์เครื่องหอมของไทยมีหลายแบรนด์ คิสไม่เจาะจงว่าเราควรสนับสนุนแบรนด์ไหน ของไทยก็มีดีของตัวเองหมด แต่อยากให้สาวๆได้ร่วมประทับใจไปกับคิส
คิสหน้าด้านมากพอจะขอลายเซ็น ขอถ่ายรูปคู่นะ แต่คนในร้านค่อนข้างเยอะ ไม่งั้นคิสทำไปแล้วค่ะ พี่มาร์คพูดแบบถ่อมตัวมากๆว่า "พี่มาอยู่ที่หน้าร้าน เพราะพี่ได้เห็นลูกค้า ได้พูดคุย ได้รับรู้ว่าลูกค้าเราเป็นยังไง และพี่มีความสุข"
นี่คือคนที่ทำธุรกิจ?? และยิ่งไปกว่านั้นคือ target market คือนักท่องเที่ยว คนขายของจะทำเหมือน "ฟันหัวแบะ" ครั้งเดียวแล้วตัดจบเลยก็ทำได้ แต่แบรนด์กลับมั่นใจในแนวทางที่ตัวเองเดินว่าจะเกิดการ repurchase ไม่จากทางตรงก็ทางอ้อม การตลาดแบบออแกนิคที่แท้ทรู
คิสย้อนกลับมาดูตัวเอง...คิสเจอสิ่งที่ตัวเองรักและได้ทำไปบ้างรึยัง และมันมีประโยชน์กับคนอื่นบ้างรึป่าว คำตอบคือ "ยังเลย"
ตอนนี้คิสได้เจอ idol อีกคนที่อาจจะไม่ได้เป็นรู้จักแบบไฮโปรไฟล์ ไม่ได้อยู่หน้าแมกกาซีนไฮโซว เป็นคนขายของที่ยืนอธิบายเหมือนเพื่อนกับลูกค้า พูดถึงสินค้าที่ตัวเองทำขึ้นเหมือนเล่าเรื่องลูกของตัวเองได้แบบไม่มีเหน็ดเหนื่อย คิสก็รู้สึกปลื้มใจมากๆแล้ว
คิสชวนคุยเรื่อง Business Strategy ในอนาคต แต่คุยแบบสบายๆนะ คิสถามหลายคำถาม ทำไมไม่ขายแฟรนไชส์ไปให้ทั่วไปเลย ทำไมพี่ไม่ลุยแบบ B2B ทำ OEM ทำไมไม่ทำให้ commercial กว่านี้ แบรนด์พี่ไปได้
พี่มาร์คตอบว่า "พี่ไม่สนใจแล้ว เพราะการทำร้านนี้เราได้ช่วยประเทศไปอีกทาง มีคนเยอะมากที่สนใจมาขอซื้อไปทำ....
((เรื่องนี้บอกเลยว่าคิสมั่นใจว่าเรื่องจริง เพราะพี่ชายคิสที่สิงคโปร์ แฟนเก่าคิสที่เซี่ยงไฮ์ พูดเหมือนกันทั้ง 2 คนว่าสนใจขอซื้อไปทำ ช่วยติดต่อให้หน่อย แต่คิสก็ขี้เกียจเอง นี่ขนาดแค่คนใกล้ตัวคิสนะ ยังไม่ต้องไปหาไกลเลย))
"คิดดูสิว่า ถ้ามีลูกค้าบินมาแล้วซื้อสินค้าเราไปบอกต่อ ซื้อเอาไปเป็นของฝาก แล้วคนชอบ เวลามาไทย เค้าก็ต้องไปตามสถานที่ท่องเที่ยว แล้วก็มาซื้อของกลับไปอีก เป็นไปแบบนี้เรื่อยๆ คนที่ได้ประโยชน์คือใคร?? ตั้งแต่สนามบินเลย แท๊กซี่ จนมาถึงเรา ร้านรอบข้าง คนที่นี่ มันจะเป็นไปแบบนี้ ทำให้เงินเกิดการหมุนเวียนในประเทศ รู้มั๊ยว่าคนรักเมืองไทยเยอะมาก มาเที่ยวบ้านเรา มาแล้วก็มาอีก ข่าวจะอะไรก็ตาม ยังไงเค้าก็ต้องกลับมา"
คิสจำคำตอบแบบเป๊ะๆไม่ได้ทุกคำนะ เพราะไม่ได้ตั้งใจจะเดินเข้าไป และยิ่งไม่คิดว่าจะได้เจอพี่มาร์ค
คำตอบน่ารักๆที่ทำให้ต้องรู้สึกชื่นชมและขอมาบอกต่อให้คนไทยได้รู้จักแบรนด์เจ๋งๆอีกแบรนด์ DNA ของที่นี่เจ๋งนับตั้งแต่ day one ที่คิสได้รู้จัก ได้เดินตามกลิ่นเข้าไปในร้านในครั้งแรก
แบรนด์เครื่องหอมของไทยมีหลายแบรนด์ คิสไม่เจาะจงว่าเราควรสนับสนุนแบรนด์ไหน ของไทยก็มีดีของตัวเองหมด แต่อยากให้สาวๆได้ร่วมประทับใจไปกับคิส
คิสหน้าด้านมากพอจะขอลายเซ็น ขอถ่ายรูปคู่นะ แต่คนในร้านค่อนข้างเยอะ ไม่งั้นคิสทำไปแล้วค่ะ พี่มาร์คพูดแบบถ่อมตัวมากๆว่า "พี่มาอยู่ที่หน้าร้าน เพราะพี่ได้เห็นลูกค้า ได้พูดคุย ได้รับรู้ว่าลูกค้าเราเป็นยังไง และพี่มีความสุข"
นี่คือคนที่ทำธุรกิจ?? และยิ่งไปกว่านั้นคือ target market คือนักท่องเที่ยว คนขายของจะทำเหมือน "ฟันหัวแบะ" ครั้งเดียวแล้วตัดจบเลยก็ทำได้ แต่แบรนด์กลับมั่นใจในแนวทางที่ตัวเองเดินว่าจะเกิดการ repurchase ไม่จากทางตรงก็ทางอ้อม การตลาดแบบออแกนิคที่แท้ทรู
คิสย้อนกลับมาดูตัวเอง...คิสเจอสิ่งที่ตัวเองรักและได้ทำไปบ้างรึยัง และมันมีประโยชน์กับคนอื่นบ้างรึป่าว คำตอบคือ "ยังเลย"
ตอนนี้คิสได้เจอ idol อีกคนที่อาจจะไม่ได้เป็นรู้จักแบบไฮโปรไฟล์ ไม่ได้อยู่หน้าแมกกาซีนไฮโซว เป็นคนขายของที่ยืนอธิบายเหมือนเพื่อนกับลูกค้า พูดถึงสินค้าที่ตัวเองทำขึ้นเหมือนเล่าเรื่องลูกของตัวเองได้แบบไม่มีเหน็ดเหนื่อย คิสก็รู้สึกปลื้มใจมากๆแล้ว