เปิดประทุนเที่ยวเขาใหญ่ สูดอากาศบริสุทธิ์ แวะเที่ยวเขื่อนขุนด่านปราการชล
ballyfit25 11 0
เขาใหญ่ไปกี่ทีก็ไม่เบื่อ ยิ่งได้ไปกับเพื่อนบ้าๆ ยิ่งสนุกเข้าไปอีก 555 อ่ะ..ล้อเล่น วันที่ 7-8 ก.ค.61 ที่ผ่านมาบอลและเพื่อนๆ 4 คน ได้จัดทริปไปเที่ยวเขาใหญ่กันค่ะ ออกจากกรุงเทพพร้อมกันรวมบอล 4 คน แต่รุ่นพี่อีกคนจะแว๊นบิ๊กไบค์มาสมทบตอนเย็นๆ ค่ะ เริ่มต้นออกเดินทางจากกรุงเทพฯตั้งแต่ 7 โมงเช้า ถึงเขาใหญ่ประมาณ 9 โมงกว่า ๆ ก็เลยไปแวะเที่ยว Khao Yai Art Museum กันก่อน ซึ่งที่นี่เป็น Museum ส่วนตัวของคุณ พงษ์ชัย จินดาสุขซึ่ง ซึ่งเป็นเจ้าของก๊อกน้ำยี่ห้อ “ซันวา” รวบรวมของสะสมและผลงานศิลปะที่เจ้าของ Museum สะสมไว้ถึง 30 ปี และที่สำคัญเปิดให้ชมฟรี มีร้านขายของที่ระลึกและร้านกาแฟด้านบน สวนรอบๆ มีปฏิมากรรมสวยๆ จัดวางอย่างลงตัว ห้องแรกจัดแสดงภาพวาดของศิลปินหลายท่านเกี่ยวกับในหลวงรัชกาลที่ 9 และพระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ห้ามถ่ายภาพคู่กับพระบรมฉายาลักษณ์แต่เราสามารถถ่ายภาพงานศิลปะไว้ได้ค่ะ นอกจากนั้นก็ยังมีห้องอื่นๆ ที่แสดงภาพศิลปะจากศิลปินชื่อดังของไทยหลายท่าน ดูงานศิลปะนอกจากเราจะได้ชมความงามของภาพเหล่านั้นแล้ว ยังทำให้เราได้ใช้ความคิดพิจารณา จินตนาการและตีความสนุกไปอีกแบบดีนะคะ แวะมาชมกันเยอะๆ นะคะ
หลังจากชม Museum เสร็จแล้ว ทุกคนก็ต่างลงความเห็นว่าหิว....เราก็เลยแวะทานอาหารที่ครัวเขาใหญ่ ร้านอาหารดังติดถนนธนะรัชต์ เราสั่งยำเห็ดรวม ไข่เจียวสมุนไพร และฉู่ฉี่ปลา ซึ่งก็ไม่ผิดหวังค่ะ อาหารอร่อยมากๆ
ทานของคาวกันแล้วก็ต้องต่อด้วยของหวาน เราย้ายไปที่อีกฝากของถนนใกล้ๆ กับครัวเขาใหญ่ นั่นก็คือ Chocolate Factory ที่นั่นมีช็อคโกแลตมากมายหลากหลายแบบให้เราเลือกทาน หรือมีทั้งเค้กและขนมหวานอื่นๆ จะทานที่นั่นหรือซื้อกลับไปเป็นของฝากก็ได้ค่ะ นอกจากนั้นยังมีเครื่องดื่มต่างๆ ให้บริการ ร้านก็ตกแต่งสวยงาม กว้างขวาง ร่มรื่นและมีมุมให้นั่งเล่นหลายมุมเลยค่ะ หลังจากท้องอิ่มก็แล้วเราก็ไปตลอน Check in ตามร้านการแฟสวยๆ จะได้มีภาพโปรไฟล์ใหม่ๆ อิๆ โชคดีมากที่วันนั้นอากาศไม่ร้อน และไม่มีแดด เราจึงได้โอกาสเปิดประทุนรถ สูดอากาศบริสุทธิ์ เปิดเพลง ร้องเพลงกันชิวๆ ระหว่างขับรถไปร้านกาแฟ แถมยังหลงทาง แต่ไม่เป็นไรเพราะวิวระหว่างทางสวยงามมากๆ เลยค่ะ ภูเขาเขียวขจีลมพัดตีหน้า อากาศเย็นสบาย มีความสุขอะไรอย่างนี้ (แต่หัวฟูมาก 555)
เอาหล่ะมาถึงร้านกาแฟกัน แล้วก่อนหน้านั้นเราเปิดเพลงฮิตอินเตอร์ EDM สร้างภาพลักษณ์เก๋ๆ พอมาถึงร้านกาแฟ ดิฉันก็ขอให้ดีเจเปิดเพลงเปิดตัวเก๋ๆ เพื่อที่จะขับรถเข้าลานจอดรถร้านกาแฟร้านแรก Birder's lodge แต่ดีเจประจำรถก็ดันเปิดเพลงเต่างอย คนแถวนั้นหันมามองกันใหญ่ อายมาก แต่ก็ตลกไปอีกแบบเป็นเรื่องโจ๊กที่เราเอามาล้อกันจนถึงทุกวันนี้
Birder's lodge เป็นทั้งร้านกาแฟ รีสอร์ท และตลาดขายสินค้าท้องถิ่นในโกดังสไตล์ Rustic มีมุมสวยๆ ให้ถ่ายรูปหลายมุมเลย สินค้าที่ขายในโกดังก็จะผลิตภัณฑ์จากฟาร์มพวกผัก ผลไม้ นม อาหารแปรรูป รวมทั้งของฝาก ของที่ระลึก
Birder's lodge เป็นทั้งร้านกาแฟ รีสอร์ท และตลาดขายสินค้าท้องถิ่นในโกดังสไตล์ Rustic มีมุมสวยๆ ให้ถ่ายรูปหลายมุมเลย สินค้าที่ขายในโกดังก็จะผลิตภัณฑ์จากฟาร์มพวกผัก ผลไม้ นม อาหารแปรรูป รวมทั้งของฝาก ของที่ระลึก
จุดเช็คอินต่อไปซึ่งอยู่ไม่ไกลกันมากคือ Yellow submarine ร้านกาแฟเก๋ๆ สไตล์ Industrial ตกแต่งโทนสีดำ มาที่นี่ก็ต้องมาถ่ายรูปมุมมหาชนกัน
บอลเองชอบ Yellow submarine ตรงที่มีน้ำผลไม้สกัดสดๆ ให้เลือกซื้อ แต่ราคาแอบแรงไปหน่อย ขวดเล็กนิดเดียวตั้งร้อยกว่าบาท
บ่ายสองโมงแล้วก็ได้เวลาเช็คอินที่รีสอร์ที่เราจองไว้ คืนนั้นเราพักกันที่ Atta Lakeside Resort Suite อยู่ในสนามกอล์ฟคีรีมายา เขาใหญ่ เราเลือกจองที่นี่เพราะบอลเคยมาพักที่นี่มาก่อนกับสามีและประทับใจเลยชวนเพื่อนๆ มาอีก ที่ชอบที่นี่ก็เพราะเห็นวิวทะเลสาบ ฉากหลังเป็นเทือกเขาของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ตื่นเช้ามาเจอวิวสวยๆ มันฟินมากๆ เลยค่ะ แถมมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน สระว่ายน้ำใหญ่ อาหารเช้าหลากหลาย มีฟิตเนส สปา กิจกรรมหลากหลายและไม่ไกลจากร้านอาหาร รวมทั้งการบริการก็ระดับห้าดาว เจ้าหน้าที่ทุกคนน่ารักมีใจรักการบริการ การเช็คอินเป็นไปอย่างราบรื่น มีเจ้าหน้าที่มายกของจากรถขึ้นไปให้ที่ห้อง ห้องที่เราจองไว้มี 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาดกว้างขวาง ตกแต่งเรียบง่ายแต่ก็หรูหรา ห้องน้ำ 1 ห้องมีอ่างอาบน้ำให้นอนแช่น้ำอุ่นสบายๆ และห้องรับแขกก็มีโซฟาขนาดใหญ่ที่สามารถนอนได้ ซึ่งก็เหมาะกับทริปของเราซึ่งมีสมาชิก 5 คน ราคาที่เราจองมาประมาณ 8xxx บาท
ระหว่างที่รอรุ่นพี่อีกคนมาสบทบ เราก็ตกลงกันว่า เดี๋ยวไปว่ายน้ำกันก่อน เสียดายที่บอลลืมเอาชุดว่ายน้ำไปด้วย เลยเอาโดรนไปบินเก็บภาพบรรยากาศระหว่างที่เพื่อนๆ ว่ายน้ำกัน
ประมาณห้าโมงเย็น เมื่อสมาชิกมาถึงครบ เราก็ได้เดินทางไปดูน้ำผุดท่าช้าง แต่น่าเสียดายเราไปถึงเย็นเกินไป จึงไม่สามารถเข้าไปดูได้ เวลาประมาณหกโมงเย็นเศษ ทุกคนหิวกันแล้ว บอลเลยแนะนำร้านครัวกำปั่นเพราะเคยไปทานหลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็ไม่เคยผิดหวัง
หลังจากทานอาหารเย็นเราก็ขับรถกลับมาที่รีสอร์ท นั่งเล่น พูดคุย เก็บภาพบรรยากาศตอนกลางคืน ประมาณห้าทุ่มก็เข้านอนเก็บแรงไว้ลุยวันต่อไปกัน
สมาชิกตื่นแต่เช้ากันเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ ทยอยกันไปทานอาหารเช้า บางคนก็ว่ายน้ำ ตอนเจ็ดโมงเช้ามีกิจกรรมโยคะ ซึ่งฝน เพื่อนสาวสายสุขภาพของเราก็ไปร่วมกิจกรรมโยคะด้วย โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมใดๆ ทั้งสิ้น
อาหารเช้าที่นี่มีหลากหลายทานได้ตั้งแต่หกโมงเช้าจนถึงสิบโมงเช้า เลือกนั่งโต๊ะริมทะเลสาบเพื่อดื่มด่ำกับวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม
หลังจากทานอาหารเย็นเราก็ขับรถกลับมาที่รีสอร์ท นั่งเล่น พูดคุย เก็บภาพบรรยากาศตอนกลางคืน ประมาณห้าทุ่มก็เข้านอนเก็บแรงไว้ลุยวันต่อไปกัน
สมาชิกตื่นแต่เช้ากันเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ ทยอยกันไปทานอาหารเช้า บางคนก็ว่ายน้ำ ตอนเจ็ดโมงเช้ามีกิจกรรมโยคะ ซึ่งฝน เพื่อนสาวสายสุขภาพของเราก็ไปร่วมกิจกรรมโยคะด้วย โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมใดๆ ทั้งสิ้น
อาหารเช้าที่นี่มีหลากหลายทานได้ตั้งแต่หกโมงเช้าจนถึงสิบโมงเช้า เลือกนั่งโต๊ะริมทะเลสาบเพื่อดื่มด่ำกับวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม
เราเริ่มเดินทางออกจากรีสอร์ทประมาณ เก้าโมงเศษ มุ่งสู่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ โชคดีอีกแล้วที่วันนั้นอากาศดีมาก ไม่ร้อนเลย ทำให้เราสามารถเปิดประทุนสูดอากาศบริสุทธิ์กันได้ยาวๆ เส้นทางบนเขาใหญ่คดเคี้ยว ถนนแคบและทางชัน จึงต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่ ระหว่างทางไปน้ำตกเหวสุวัตเราก็จอดรถเก็บภาพกันเรื่อยๆ บรรยากาศระหว่างทางร่มรื่น เขียวขจี อากาศเย็นสบาย เจอลิงข้างทางบ้าง แต่ไม่เห็นสัตว์ใหญ่ออกมาให้ตื่นเต้นเลย แอบเสียดายเหมือนกันค่ะ
น้ำตกเหวสุวัต ขับเขาไปจากทางเข้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ประมาณ 21 กม. วันนั้นมีน้ำเยอะกว่าครั้งที่บอลไปเดือนพฤษภาคม เพราะครั้งก่อนน้ำน้อยมาก ถ่ายรูปไม่สวย แต่รอบนี้น้ำตกสวยงามอลังการเพราะมีน้ำมาก เก็บภาพกันสักพักเราก็เดินทางไปกันต่อที่จุดเช็คอินต่อไปนั่นก็คือ น้ำตกเหวนรก
แต่ก่อนอื่น เที่ยงแล้วเราต้องเติมพลังงานกันก่อน กองทัพต้องเดินด้วยท้องค่ะ มีร้านสวัสดิการของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ตรงลานจอดรถน้ำตกเหวนรก มีอาหารง่ายๆ ส้มตำไก่ย่าง ข้าวโพดต้ม และเครื่องดื่ม รวมทั้งผลไม้ให้เลือกซื้อกัน พออิ่มท้องแล้ว เราก็มีแรงเดินไปน้ำตกกันเพราะต้องเดินเข้าไป อีก 1 กิโลเมตร บางคนอาจจะบอกว่า 1 กิโลเมตรจิ๊บๆ แต่ขอบอกว่า 100 เมตรสุดท้ายก่อนถึงน้ำตกไม่จิ๊บเลย เป็นบันไดชันมาก ต้องระมัดระวังมากๆ ขาลงไปที่น้ำตกไม่เท่าไหร่ แต่ตอนขากลับเรียกว่า ลิ้นห้อยกันเลยทีเดียว มาดูภาพบรรยากาศของน้ำตกกันค่ะ ช่วงนั้นน้ำเยอะมาก น้ำตกเลยดูน่ากลัวไปหน่อย แต่ก็ยังสวยงาม
ขากลับเราเจอลุงคนหนึ่งเป็นลม และครอบครัวเขาดูแลอยู่กำลังรอเจ้าหน้าที่อุทยานมารับ บอกแล้วว่าทางเดินมาน้ำตกเหวนรกไม่หมูเลย ไม่แนะนำสำหรับคนท้องและผู้สูงอายุนะคะ แต่หลังจากบันไดปราบเซียน 100 เมตรนั้นแล้ว ก็ไม่มีอะไร
ออกจากน้ำตกเหวนรก เราก็ตกลงกันว่าจะไปล่องแก่งที่นครนายกแถวเขื่อนขุนด่านปราการชลกัน แต่ก็อดล่องแก่งเพราะฝนตกเร่ิมปรอยๆ และบริการล่องแก่งไม่มีผ้าเช็ดตัวบริการ ไม่มีใครเอาผ้าเช็ดตัวมาเลย ก็เลยเปลี่ยนไปถ่ายรูปชิวๆ กัน บริเวณลานจอดด้านล่างเขื่อนกัน ตอนแรกว่าจะขึ้นไปบนสันเขื่อนแต่ว่ารถติดมาก เราเลยถอดใจลงมาถ่ายรูปตรงลานจอดรถด้านล่างเขื่อนกันแทน เสร็จแล้วเราก็เดินทางกลับกรุงเทพกัน จบแล้วสำหรับทริปเที่ยวกับเพื่อนช่วงวันหยุดแบบสบายๆ กัน ขอบคุณเพื่อนๆ ที่เข้ามาอ่านกันนะคะ