The Ordinary 5 ตัว | ใช้แล้วเป็นไง ไหนเล่ามาสิ๊ !!
POPuniCORN
79
36
" สกินแคร์ ไม่ว่าจะแพงหรือถูก
ถ้าได้เจอ สิ่งที่เหมาะ ใช้แล้วเข้ากับผิวตัวเองแล้วนั้น มันก็คุ้มค่าแล้ว "
สวัสดีค่า ทุกคน POPuniCORNเอง จ้า
วันนี้เราจะมาพูดถึง สกินแคร์แบรนด์นึง ที่มีส่วนผสมไม่ซับซ้อน
ราคาจับต้องได้ และเรียกได้ว่าเป็นสินค้าที่ใครๆก็อยากจะลองดูสักครั้ง
ก็คือ THE ORDINARY นั่นเอง
เราเองก็เช่นกันค่ะ ด้วยความเบื่อๆสกินแคร์เดิมๆ อยากลองอะไรใหม่ๆ ราคาไม่แรง จึงสนใจแบรนด์นี้มากๆ แต่การจะมาลองอะไรสักอย่าง
ก็ต้องแล้วแต่บุญจริงๆ เพราะเเน่นอนว่า พื้นผิวแต่ละคนไม่เท่ากัน
เอาเป็นว่าไปดูกันเลยว่า ผลลัพธ์สำหรับเราหลังใช้ The Ordinary
จะเป็นยังไงบ้าง
พื้นเพผิวเดิมคือ
ผิวมัน (มาก - มากที่สุด)
บอบบาง มีแนวโน้มการแพ้และเกิดสิวได้ง่าย [พยายามหลีกลี่ยงส่วนประกอบจำพวกพาราเบน ,แอลกอฮอล์(ครีมบางตัวก็ใช้ได้) ,ซิลิโคน, น้ำหอม ]
เป็นสิว (สิวที่เป็นประจำคือสิวท้องผูกและสิวช่วงปจด.ซึ่งเป็นจำพวกอุดตันดันหัวทีหลัง)
มีรอยดำ รอยแดง และจุดด่างดำ
หลุมสิว,รูขุมขนกว้าง ผิวไม่เรียบเนียน
** เอาเป็นว่า มีแทบทุกปัญหาเลยก็ว่าได้ ฉะนั้น การรีวิวบอกกล่าวในวันนี้เป็น
เพียงการใช้และได้ผลลัพธ์ด้วยตัวเราเอง คนอื่นใช้แน่นอนว่าอาจหรือได้ผลต่างจากเรา
แน่นอน คน100คนใช้ผลิตภัณฑ์ตัวเดียวกัน เหมือน หรือแตกต่าง ก็ย่อมได้ทั้งนั้น
เราอาจไม่ชอบหรือได้ผลไม่ดีนักแต่หลายๆคนที่เคยรีวิวไว้ใช้ได้ผลดีก็มีเยอะค่ะ
The Ordinary เป็นแบรนด์สัญชาติอังกฤษ ภายใต้ DECIEM สกินแคร์ค่ายใหญ่สัญชาติแคนนาดา จีงไม่แปลกที่ข้างขวดจะพิมพ์ว่า Made in Canada
เราชอบคอนเซ็ป ของแบรนด์นะ เน้นเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์ ส่วนผสมไม่ซับซ้อน อยากแก้ไขอะไรก็ทำได้ตรงจุด แพคเกจเรียบง่าย เป็นขวดแก้ว หัวดรอป ส่วนรองพื้นก็เป็นหัวปั้มหมุนซ้ายเก็บหมุนขวาใช้งาน ราคาไม่แรง แต่ไม่มีขายอย่างเป็นทางการในไทย อยากได้ ก็ต้องสั่งตามเวบ หรือ พรีเอา T_T
จริงๆ ส่วนตัวเราเองยังไม่รู้หัวใจตัวเองว่า ต้องการบำรุงหรือแก้ส่วนไหน เพราะมีทุกปัญหา ใครว่าตัวไหนดี หาได้ก็เอามาลอง มันจึงกลายเป็น ลองไปเรื่อย จนสุดท้ายก็เจอตัวที่ชอบเหมือนกัน
มาดูตัวเเรกเลยดีกว่าค่ะ
Salicylic Acid 2% Solution
จัดอยู่ในกลุ่ม Direct Acids
ข้อมูลผลิตภัณฑ์ :
เป็นwater base มีส่วนผสมของ Salicylic Acid ซึ่งช่วยเรื่องสิวอุดตัน ลดสิวอุดตัน ช่วยลดการอักเสบจากสิว ผลัดเซลล์ผิวเสื่อมสภาพ กระชับรูขุมขน ช่วยให้ผิวเรียบเนียน
วิธีใช้ :
ทาทั่วใบหน้า ในตอนเช้าและเย็น ก่อนลงครีม หรือจะใช้เพียงเล็กน้อยในบริวณที่มีปัญหาก็ได้
ส่วนผสม :
Aqua (Water), Hamamelis Virginiana Leaf Water, Cocamidopropyl Dimethylamine, Salicylic Acid, Dimethyl Isosorbide, Trisodium Ethylenediamine Disuccinate, Citric Acid, Polysorbate 20, Hydroxyethylcellulose, Ethoxydiglycol, Potassium Sorbate, Sodium Benzoate, 1,2-hexanediol, Caprylyl Glycol.
ข้อควรระวัง ผลิตภัณฑ์นี้มีส่วนผสมของเบต้าไฮดรอกซีแอซิด(BHA) ซึ่งอาจเพิ่มความไวต่อผิวแมื่อโดนแสงแดด หากทาในตอนเช้าควรทาครีมกันแดดร่วมด้วย สตรีมีครรภ์ไม่ควรใช้
ไม่แนะนำให้ใช้ต่อเนื่องสำหรับการรักษาสิวถาวร ใช้สำหรับสิวที่มองเห็น(ขนาดเดิมถึงมีแค่15ml.เพราะไม่ให้ใช้นานๆนี่เอง)
หลังจากเปิดใช้ ควรใช้ให้หมดภายใน 12 เดือน
เหมาะสำหรับ :
คนผิวมันเป็นสิว ไม่เหมาะกับผิวแพ้ระคายเคืองง่าย
แก้ปัญหา :
ผลัดเซลล์ผิวเสื่อมสภาพ ลดสิวอุดตัน กระชับรูขุมขน
ค่า ph 3.2 - 3.5
✔️ alchol-free (ปราศจากแอลกอฮอล์)
✔️ oil-free (ปราศจากน้ำมัน)
✔️ silicone-free (ปราศจากซิลิโคน)
✔️ nut-free
✔️ vegan (ไม่ใช้ส่วนผสมที่มาจากสัตว์)
✔️ gluten-free (ปราศจากกลูเตน)
✔️ cruelty-free (ไม่ได้ทำการทดลองกับสัตว์ )
*แต่ข้างกล่องเขียนว่า Tested on Humans
ปริมาณ 30 ml. (ปริมาณเดิมทีผลิตมีแค่ 15ml.)
แพคเกจ : ขวดแก้ว หัวดรอป
ราคา : ตามร้านต่างๆหรือพรี เท่าที่สำรวจ300 - 400 กว่าบาท
เนื้อสัมผัส :
เป็นน้ำเซรั่ม ใส ไม่มีกลิ่น ซึมผิวง่าย ไม่ไม่ทิ้งความมัน
ทีนี้ เรามาดูผลลัพธ์หลังใช้ของเราดีกว่าค่ะ
ผลลัพธ์หลังใช้ 1 สัปดาห์อย่างต่อเนื่องโดยไม่ใช้ผลิตภัณฑ์อื่นร่วมด้วย
บทสรุปและผลลัพธ์หลังใช้ :
เนื้อเป็นน้ำ ชอบลักษณะเนื้อผลิตภัณฑ์ คือทาแล้วซึมผิวลงไปเลย
ไม่ควรใช้ก่อนแต่งหน้า เพราะหน้าจะแห้ง จนบางทีไปทำปฏิกิริยากับครีมและเครื่องสำอาง ตัวอื่นๆ
เราเป็นคนหน้ามัน มาก - มากที่สุด แต่พอใช้ตัวนี้ เหมือนหน้าแห้งๆไปเลย (แนะนำว่าถ้าทาตัวนี้แล้วคงต้องหาผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มความชุ่มชื้นมาตบตามด้วย)
ตัวนี้เราใช้แล้วสิวอุดตันแบบเม็ดผดขึ้นช่วงหน้าผาก และช่วงหนวด ที่รู้ว่ามันป็นสิวมาจากการใช้สกินแคร์เพราะปกติสิวที่เป็นประจำคือสิวท้องผูกจะอยู่ช่วงกรามคางและสิวช่วงปจด จะอยู่ช่วงใต้ปากและคางบางทีก็ลามไปถึงกราม เราจึงมั่นใจค่ะว่าไม่ใช่สิวที่ขึ้นปกติ (เราจะไม่มีสิวขึ้นหน้าผาก หน้าแก้มและช่วงหนวดมานานแล้ว)เราจึงมั่นใจว่า หน้าเรากับน้องเค้าคงไม่ถูกกัน ตอนแรกก็คิดว่า คงเอาสิวที่ค้างใต้ผิวหนังออกมาแหละมั้ง พอผ่านไปได้อาทิตย์นึง มันไม่ดีขึ้นเลย พยายามจะฝืนใช้ต่อ แต่ก็มานั่งคิดว่า ถ้าไม่ถูกกันจริงๆ จะทนต่อทำไม ไม่ไหว อย่าฝืน จึงจบการใช้หลังจากใช้มาได้ สัปดาห์กว่าๆ
เอามาใช้แค่เฉพาะจุด แต้มๆบริเวณสิวอุดตันหรือใช้มาส์กหน้าไปเลย
*** เคยแพ้สกินแคร์รุนแรงสุดจากผลิตภัณฑ์ที่ผสมน้ำหอม+แอล+พาราเบน แพ้แบบตุบๆ บวมเป็นผื่นและผิว แดงไปหมด แพ้ระดับนี้ในชีวิตให้เป็นเลเวลกลางๆไปถึงมากแล้วกันค่ะ
ค่อนข้างเสียใจ จริงๆเราน่าจะไปด้วยกันได้ดีกว่านี้ เราเองไม่เคยไปตรวจดูว่าแพ้อะไรบ้าง ก็เลยไม่แน่ใจว่าเพราะตัวไหน แต่เป็นแบบนี้ก็ไม่ไหวอย่าฝืน เซฟตัวเองดีกว่า เคยอ่านรีวิวของคนอื่นๆที่เคยใช้ตัวนี้ เขาก็ใช้กันได้นี่หว่า อ่าว! เห้ย!! ไม่เหมือนที่เคยอ่านไว้นี่นาาาา เเง๊
ตัวต่อมาที่ลองใช้ คือ
Niacinamide 10% + Zinc 1%
จัดอยู่ในกลุ่ม More Molecules
ข้อมูลผลิตภัณฑ์ :
ตัวนี้ถือว่าเป็นตัวฮิตของแบรนด์ เหมาะกับคนผิวมันเป็นสิว มีรอยดำ รอยแดง เพราะมีส่วนผสมของ Nicinamide 10% หรือ Vitamin B3 และ Zinc 1% เป็น water base ช่วยรักษาสิวอักเสบ สิวติดสาร สิวเสตียร์รอยต่างๆ ลดขนาดรูขุมขน ควบคุมน้ำมันบนใบหน้าให้ลดลง ปรับโทนผิวให้สว่างยิ่งขึ้น และลดรอยสิว รอยดำ รอยแดงให้จางลง
วิธีใช้ :
ทาทั่วใบหน้าและลำคอ ในตอนเช้าและเย็น
ส่วนผสม :
Aqua (Water), Niacinamide, Pentylene Glycol, Zinc PCA, Dimethyl Isosorbide, Tamarindus Indica Seed Gum, Xanthan gum, Isoceteth-20, Ethoxydiglycol, Phenoxyethanol, Chlorphenesin.
ข้อควรระวัง หากมีการใช้ผลิตภัณฑ์วิตามินซี(L-Ascorbic Acid and / or Ethylated L-Ascorbic Acid) ควรใช้ผลิตภัณฑ์วิตามินซีในตอนเย็น และใช้น้องนางนี้ในตอนเช้า เพราะNiacinamideอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของวิตามินซีได้ คนเป็นสิวควรใช้ Benzoyl Peroxide หรือ Retinoic Acid ร่วมด้วย
หลังจากเปิดใช้ ควรใช้ให้หมดภายใน 12 เดือน
เหมาะสำหรับ :
ใช้ได้กับทุกสภาพผิว แต่เหมาะอย่างยิ่งกับคนผิวมัน
แก้ปัญหา :
กระชับรูขุมขน ลดรอยดำและรอยแดงจากสิว
ค่า ph 5.50 - 6.50
✔️ alchol-free (ปราศจากแอลกอฮอล์)
✔️ oil-free (ปราศจากน้ำมัน)
✔️ silicone-free (ปราศจากซิลิโคน)
✔️ nut-free
✔️ vegan (ไม่ใช้ส่วนผสมที่มาจากสัตว์)
✔️ gluten-free (ปราศจากกลูเตน)
✔️ cruelty-free (ไม่ได้ทำการทดลองกับสัตว์ )
*แต่ข้างกล่องเขียนว่า Tested on Humans
ปริมาณ 30 ml.
แพคเกจ : ขวดแก้ว หัวดรอป
ราคา : ตามร้านต่างๆหรือพรี เท่าที่สำรวจ300 - 400 กว่าบาท
เนื้อสัมผัส :
เป็นเซรั่ม น้ำสีขุ่นๆ มีกลิ่นยางบางๆ ซึมผิวง่าย ตัวนี้หลังทาลงผิวแล้วจะทิ้งความรู้สึกหนึบๆ
ผลลัพธ์หลังใช้หลังพักหน้าจากตัวแรก 2 สัปดาห์ และใช้เป็นเวลา 2 อย่างต่อเนื่อง
โดยสัปดาห์แรกไม่ใช้ผลิตภัณฑ์อื่นร่วม และสัปดาห์ที่สองใช้ผลิตภัณฑ์อื่นร่วมด้วยด้วย
บทสรุปและผลลัพธ์หลังใช้ :
เนื้อตัวนี้ไม่ถึงกับเป็นน้ำมากนัก แต่ก็ไม่ถึงขั้นข้นหนักหน้า ยังเบาอยู่ แค่เวลาทาลงไปแล้วรู้สึกหนึบๆ และหน้าแอบแห้งพอสมควร
ไม่ควรทาก่อนแต่งหน้า เพราะจะทำให้เครื่องสำอางเป็นขุยได้
เหมาะกับใช้ในตอนกลางคืนมากกว่า
ใช้แล้วหน้าไม่หมองแต่ก็ไม่ได้กระจ่างใสมากขึ้นจนเห็นว่าชัดเจน
รูขุมขน ยังไม่กระชับเท่าไร
หากสิวไม่ได้ใหญ่โต เป็นสิวเม็ดเล็กๆแบบที่เคยขึ้นตอนใช้ตัวแรกก็ลดลง แต่จุดด่างดำผลไม่ชัดเจนนัก
มีสิวอุดตันขึ้นหน้าผาก 2-3 เม็ด (ไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้นะคะ รู้สึกท้อใจจากตัวแรก อาจจะไม่ได้เห่อเหมือนตัวแรกอีกด้วย)
สิวอุดตันดันหัวเป็นหนองเร็วขึ้น สิวเสี้ยนจับตัวกันรู้สึกว่าดำเร็ว แต่ไม่ช่วยให้มีน้อยลงแค่ทำให้เเห้งเร็วขึ้น
ไม่ไว้วางใจที่จะหลักจากเห็นผลตัวแรก ด้วยความที่ใช้แล้วยังอุดตัน เลยตัดสินใจไม่ใช้ต่อ
AHA 30% + BHA 2% Peeling Solution
จัดอยู่ในกลุ่ม Direct Acids
ข้อมูลผลิตภัณฑ์ :
มาส์กช่วยในการผลัดเซลล์ผิว ให้รอยด่างดำ ดูลบเลือน สีผิวสม่ำเสมอ นอกจากนี้ยังช่วยให้ผิวเรียบเนียน และลดการเกิดริ้วรอยได้หากใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง มีส่วนผสมของ
Alpha hydroxyl acids (AHA) ช่วยผลัดเซลล์ผิวชั้นนอก เผยผิวกระจ่างใส เปล่งประกาย ดูเรียบเนียน สุขภาพดี
Beta hydroxyl acids (BHA) ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ป้องกันการอุดตันบริเวณรูขุมขน เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
สารระลาย AHA/BHA 32% ออกฤทธิ์เร่งการผลัดเซลล์ผิวอย่างมีประสิทธิภาพ ขัดผิวที่ลึกขึ้นเพื่อช่วยต่อสู้กับรอยดำที่มองเห็นได้และช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้น
Persian Pepper เพื่อช่วยลดการระคายเคืองที่เกี่ยวข้องกับการใช้กรด อนุพันธ์นี้มีต้นกำเนิดในพืชและมีสีที่แตกต่างกันในแต่ละฤดูกาล
Hyaluronic Acid ช่วยเสริมความแข็งแรงแก่ผิว
Vitamin B 5 ช่วยสมานผิว
Black Carrot ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ทำให้หน้าดูกระชับ อ่อนเยาว์
วิธีใช้ :
ควรใช้ในตอนกลางคืน ล้างหน้าให้สะอาดแล้ว รอให้ผิวเเห้ง ห้ามใช้บริเวณผิวที่เปียก ทาให้ทั่วหน้าและลำคอ ทิ้งไว้ไม่เกิน 10 นาทีเท่านั้น จากนั้นล้างด้วยน้ำอุ่น ควรใช้ไม่เกินสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ระวังไม่ให้เข้าตาและบริเวณรอบดวงตา
ส่วนผสม :
Glycolic Acid, Aqua (Water), Aloe Barbadensis Leaf Water, Sodium Hydroxide, Daucus Carota Sativa Extract, Propanediol, Cocamidopropyl Dimethylamine, Salicylic Acid, Potassium Citrate, Lactic Acid, Tartaric Acid, Citric Acid, Panthenol, Sodium Hyaluronate Crosspolymer, Tasmannia Lanceolata Fruit/Leaf Extract, Glycerin, Pentylene Glycol, Xanthan gum, Polysorbate 20, Trisodium Ethylenediamine Disuccinate, Potassium Sorbate, Sodium Benzoate, Ethylhexylglycerin, 1,2-Hexanediol, Caprylyl Glycol.
ข้อควรระวัง ผลิตภัณฑ์นี้ประกอบด้วย alpha hydroxyl acid (AHA)ที่อาจเพิ่มการระคายเคืองผิวจากแสงแดดและอาจก่อให้เกิดผิวไหม้แดดได้ ควรใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดร่วมด้วย หลีกเลี่ยงแสงแดดเป็นเวลา 1 สัปดาห์หลังใช้ผลิตภัณฑ์ เนื่องจากผลิตภัณฑ์นี้มีฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิว อย่างไรก็ตามหากเกิดการลอกหรือการตกสะเก็ดที่รุนแรง ควรหยุดใช้ทันที และปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
หลังจากเปิดใช้ ควรใช้ให้หมดภายใน 12 เดือน
เหมาะสำหรับ :
ไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวบอบบาง, แพ้ง่าย , ลอกรุนแรง
แนะนำให้ใช้เฉพาะผู้ที่เคยใช้กรดผลัดเซลล์ผิวมาก่อน
แก้ปัญหา :
ผลัดเซลล์ผิว ลดการอุดตัน ให้ผิวเนียนใส ไร้สิว
ค่า ph 3.5 - 3.7
✔️ alchol-free (ปราศจากแอลกอฮอล์)
✔️ oil-free (ปราศจากน้ำมัน)
✔️ silicone-free (ปราศจากซิลิโคน)
✔️ nut-free
✔️ vegan (ไม่ใช้ส่วนผสมที่มาจากสัตว์)
✔️ gluten-free (ปราศจากกลูเตน)
✔️ cruelty-free (ไม่ได้ทำการทดลองกับสัตว์ )
*แต่ข้างกล่องเขียนว่า Tested on Humans
ปริมาณ 30 ml.
แพคเกจ : ขวดแก้ว หัวดรอป
ราคา : ตามร้านต่างๆหรือพรี เท่าที่สำรวจ 400 - ไม่ควนเกิน 600 บาท
เนื้อสัมผัส :
เนื้อเป็นน้ำ หนืดเล็กน้อย สีม่วงไวน์ มีกลิ่นเปรี้ยวๆ สำหรับเราเป็นกลิ่นเหมือนไวน์ ที่มีเครื่องเทศผสมอ่อนๆ(น่าจะเป็นพริกไทยเปอร์เซีย) รสชาดเปรี้ยว ฝาด ขมปลายลิ้น
บทสรุปและผลลัพธ์หลังใช้ :
ทาครั้งแรกนี่ ทรมานมากๆ มันยิบๆคันๆไปทั่วหน้า ทาไว้ไม่ถึง 10 นาที พอมันยิบๆแสบๆแล้วมันจะค่อยๆจางหายไป ได้แค่ 3นาที แล้วไปล้างออกเลย ทนไม่ไหว ฉะนั้น ใครที่เริ่มใช้ตัวนี้ ควรเริ่มจากระยะเวลาน้อยๆก่อน ครั้งต่อไปค่อยๆเพิ่มระยะเวลา แต่ห้ามเกิน 10 นาที เด็ดขาด!!!
ตอนแรกก็กลัว เพราะมันไม่ควรใช้กับคนผิวบอบบาง แต่ก็ใช้ไปแล้วก็ไม่มีผลกระทบอะไรสำหรับเราคือไม่ได้ใช้ทุกวัน แค่อาทิตย์ละ 2 ครั้ง อาทิตย์ไหนขี้เกียจทำแค่ครั้งเดียวพอ หรือบางอาทิตย์ ก็ข้ามไป ไม่ทำเลย
ไม่ได้ใช้ครีมกันแดด ละเลยมากๆ โชคดีที่หน้าฝ้าไม่ขึ้น หน้าไม่ไหม้ ต้องทากันแดดคู่กันด้วยนะ
มีสิวอุดตันบ้าง เป็นสิวเม็ดใหญ่ ขึ้น1-2 เม็ด เลเวลนี้รับได้ค่ะ แต่ก็ไม่ได้มาส์กบ่อยๆ
จริงๆตามคำแนะนำให้ใช้น้ำอุ่น แต่ขี้เกียจก็ใช้น้ำตามปกติ ก็ไม่เกิดผลอะไร แต่คิดเองว่าถ้าใช้น้ำอุ่น รูขุมขนจะสะอาดขึ้นและกระชับขึ้น
หลังทำความสะอาดหน้า ผิวนุ่ม สัมผัสแล้วเรียบเนียนมาก
หน้าดูขาว ใสขึ้น ดูสะอาดจริงๆ
ใช้แล้วถือวว่าชอบ แต่ถ้าหมดก็คงไม่ซื้อใช้ต่อ เอาเป็นว่าไปใช้มาหมดให้ดูก่อน 555 ดูแล้วก็ใช้ได้อีกนานเลย ใช้ไป 3-4 ครั้ง ยังยุบไม่ถึงป้ายด้านบนเลย
Coverage Foundation
จัดอยู่ในกลุ่ม Colours
ข้อมูลผลิตภัณฑ์ :
รองพื้นเนื้อกึ่งแมท เนื้อเนียนนุ่ม เบาสบายผิว ไม่หนักหน้า อุดมไปด้วยอนูเม็ดสีเนียนละเอียด มอบการปกปิดแบบ Full Coverage อำพรางรูขุมขน ริ้วรอย จุดบกพร่อง ปรับผิวให้เรียบเนียน สีผิวสม่ำเสมอ กระจ่างใส ควบคุมความมันระดับดีเยี่ยม ไม่หลุดหรือเปลี่ยนสีระหว่างวัน มอบผิวสวยไร้ที่ติอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมปกป้องผิวจากแสงแดดด้วยค่า SPF 15 ปราศจากน้ำหอมอ่อนโยนต่อผิวบอบบางแพ้ง่าย
วิธีใช้ :
เขย่าก่อนใช้ ทาลงทั่วใบหน้าและลำคอ
ส่วนผสม :
Aqua (Water), Coconut Alkanes, Dimethicone, Isodecyl Neopentanoate, Caprylyl Methicone, Methyl Methacrylate Crosspolymer, Glycerin, Trimethylsiloxysilicate, PEG-9 Polydimethylsiloxyethyl Dimethicone, Caprylic/Capric Triglyceride, Dimethicone/PEG-10/15 Crosspolymer, Coco Caprylate/Caprate, Cetyl Diglyceryl Tris(Trimethylsiloxy)silylethyl Dimethicone, Sucrose Laurate, Dipropylene Glycol, Polysilicone-11, Tocopherol, Polyglyceryl-3 Diisostearate, Polyglyceryl-3 Polyricinoleate, Disteardimonium Hectorite, Hectorite, Dimethicone/ Bis-Isobutyl PPG-20 Crosspolymer, Dimethyl Isosorbide, Sodium Chloride, Trisodium Ethylenediamine Disuccinate, Phenoxyethanol, Chlorphenesin. May Contain [+/-]: Titanium Dioxide (CI 77891), Iron Oxides (CI 77491, CI 77492, CI 77499), Tin Oxide, Aluminum Hydroxide, Bismuth Oxychloride (CI 77163), Mica, Triethoxycaprylylsilane.
ข้อควรระวัง มีซิลิโคนผสมเด้อ ใครแพ้รุนแรงระวังกันด้วยจ้า
หลังจากเปิดใช้ ควรใช้ให้หมดภายใน 12 เดือน
เหมาะสำหรับ :
ผิวธรรมดา - ผิวมัน
แก้ปัญหา :
อำพรางรูขุมขน ริ้วรอย จุดบกพร่อง ปรับผิวให้เรียบเนียน สีผิวสม่ำเสมอ กระจ่างใส ควบคุมความมัน
ค่า ph 6.0 - 7.5
✔️ alchol-free (ปราศจากแอลกอฮอล์)
✔️ oil-free (ปราศจากน้ำมัน)
✔️ nut-free
✔️ vegan (ไม่ใช้ส่วนผสมที่มาจากสัตว์)
✔️ gluten-free (ปราศจากกลูเตน)
✔️ cruelty-free (ไม่ได้ทำการทดลองกับสัตว์ )
*แต่ข้างกล่องเขียนว่า Tested on Humans
มีเฉดสีทั้งหมด 21 เฉดสี แบ่งเฉดเป็น3ประเภท คือ Light/ Medium / Dark โดยแต่ละประเภทจะแบ่งสีตามอันเดอร์โทน
N= Neutral / NS = Neutral with Silver Highlights
P=Pink Undertones
Y=Yellow Undertones / YG= Yellow Undertones with Gold Highlights
R=Red Undertones
ปริมาณ 30 ml.
แพคเกจ : ขวดพลาสติก หัวสีดำเป็นดำด้านให้อารมณ์แบบNars คือเลอะง่าย หัวปั๊ม หมุนขวากดใช้ หมุนซ้ายปิดล็อกเมื่อไม่ใช้งาน
ราคา : ตามร้านต่างๆหรือพรี เท่าที่สำรวจ 400 - 500 กว่าบาท
เนื้อสัมผัส :
เนื้อกึ่งน้ำ เหลว เบลนง่าย การปกปิด medium - full coverage เม็ดสีชัดเจนและแน่นแต่ไม่หนักหน้า เบาผิวหายใจได้ ไม่มีน้ำมัน มีSPF 15
บทสรุปและผลลัพธ์หลังใช้ :
เนื้อเกลี่ยง่ายมาก
ให้ผิวกึ่งแมต และสบายผิว ไม่หนักหน้า
สีแน่น เม็ดสีสม่ำเสมอและชัดมาก
ลองแต่งครั้งแรกตบแป้งด้วยพัฟ น้ำตาไหลเป็นคราบเลย รอบนี้เราใช้แปรงแล้วไม่เป็นคราบค่ะ ผ่าน
ไม่ช่วยพรางรูขุมขนเด้อ แต่ก็ไม่ตกหลุม
ให้การปกปิดที่ถือว่ากริบอยู่ แต่ยังไม่สุด ยังเห็นรอยดำจางๆทะลุรองพื้นบนหน้าอยู่
สีที่เราเลือกมา คือ 2.1Y เป็นYellow Undertones คือมันเหลืองมากกกก อยากจะเปลี่ยนเป็นNeutral ทันทีเลยอ่า เเละสีนี้เข้มกว่าผิวไป 1.5 - 2 เฉด ใช้ทีแทบไม่ต้องลงบรอนเซอร์อ่า ใช้แป้งเบอร์ขาวๆลง ก็แก้กันได้อยู่ค่ะ
สีดรอปลง 0.5 เฉดแล้วก็หยุดอยู่แค่นั้น ซึ่งเราว่ามันน้อยมาก
รู้สึกได้ว่าไม่ได้คุมมันมากนัก 1ชั่วโมงมันตรงหน้าผากและจมูก สองชั่วโมงผ่านไปมันทั้งหน้า และเริ่มหลุดบางส่วน ผ่านไปสามชั่วโมงครึ่ง ใช้กระดาษซับหน้า เกือบสองแผ่น ถือว่ากลางๆค่ะ
รองพื้นหลุดบ้างช่วงที่มันมากๆ ควรใช้คู่กับไพร์เมอร์เพื่อให้ติดทนมากขึ้น
แปลกที่ซับมันแล้ว ยังดูเหมือนแต่งหน้าใหม่ๆ
ความพอใจรองพื้นถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง คงไม่ใช้เดี่ยวๆแน่นอน แต่จะเอาไปผสมกับรองพื้นที่ขาวกว่า และจะไม่ซื้อสีแก้ด้วย เพราะพูดเลยว่าหาสีเทียบยากมาก(นี่ถ้าเชื่อเวบแมทซ์สีรองพื้น มีหวังได้เอาเบอร์3 ซึ่งมันเข้มกว่ามาก) Yellow ก็เหลืองมากก และสีอื่นๆก็ประเมินได้ยากไม่รู้จะ ถ้าเป็นNeutral หรือ YG มันจะออกมาป็นยังไงกัน
แต่ !! จะรอ ซื้อรองพื้นตัวใหม่ที่กำลังจะวางขายดีกว่า (Matte Watercolours ซึ่งในเวบลงว่า Coming soon) อยากลองของใหม่ อยากลองของใหม่
ตัวสุดท้าย และเป็นตัวที่เราชอบมากที่สุด ❤️
ALPHA ARBUTIN 2% + HA
จัดอยู่ในกลุ่ม More Molecules
ข้อมูลผลิตภัณฑ์ :
เซรั่ม Alpha arbutin (เป็นสารสกัดจากพืชพรรณธรรมชาติ 100% ช่วยให้ ขาว กระจ่างใส ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เห็นผลชัดเจนในระยะเวลาไม่นาน) ช่วยลดการผลิตเมลานินบนผิว ช่วยปรับให้ผิวสว่างสดใส เพราะช่วยยับยั้งในเซลล์โดยตรง สีผิวสม่ำเสมอ ลดฝ้า กระจุดด่างดำ และรอยแผลเป็นให้จางลง (Alpha Arbutin มีผลดีกว่า Arbutin หรือ Beta Arbutin) มาในรูปแบบของเซรั่มพร้อมกับ HA Serum หรือ Hyaluronic acid ที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิว ยืดหยุ่น อ่อนเยาว์
วิธีใช้ :
ใช้ไม่กี่หยด ลงบนใบหน้าและลำคอ เช้าและเย็น ควรใช้ครีมกันแดดร่วมด้วยในตอนเช้า
ส่วนผสม :
Aqua (Water), Alpha-Arbutin, Polyacrylate Crosspolymer-6, Hydrolyzed Sodium Hyaluronate, Propanediol, PPG-26-Buteth-26, PEG-40 Hydrogenated Castor Oil, Lactic Acid, Trisodium Ethylenediamine Disuccinate, Ethoxydiglycol, Phenoxyethanol, Chlorphenesin.
ข้อควรระวัง Alpha Arbutin มีความไวต่อการย่อยสลายในน้ำ ค่าpH 4.9 คือค่าที่เหมาะเพื่อการย่อยสลายอัลฟาอาร์บูติน
หลังจากเปิดใช้ ควรใช้ให้หมดภายใน 12 เดือน
เหมาะสำหรับ :
ทุกสภาพผิว ผิวบอบบางแพ้ง่ายสามารถใช้ได้
แก้ปัญหา :
เพิ่มความกระจ่างใส ลดการเกิดเมลานิน ลดรอยจุดด่างดำให้จางลง
ค่า ph 4.85 - 4.90
✔️ alchol-free (ปราศจากแอลกอฮอล์)
✔️ silicone-free (ปราศจากซิลิโคน)
✔️ nut-free
✔️ vegan (ไม่ใช้ส่วนผสมที่มาจากสัตว์)
✔️ gluten-free (ปราศจากกลูเตน)
✔️ cruelty-free (ไม่ได้ทำการทดลองกับสัตว์ )
*แต่ข้างกล่องเขียนว่า Tested on Humans
ปริมาณ 30 ml.
แพคเกจ : ขวดแก้ว หัวดรอป
ราคา : ตามร้านต่างๆหรือพรี เท่าที่สำรวจ 400 - ไม่ควนเกิน 600 บาท
เนื้อสัมผัส :
เนื้อเป็นเซรั่มน้ำ เวลาทาแล้วกดลงบนผิวจะรู้สึกหนึบแต่ไม่เท่า ทิ้งไว้สักพักจะแห้งไป แต่มองที่ผิวแล้วยังมีความชุ่มชื้นอยู่ กลิ่นเหมือนข้าวผสมซอสถั่วเหลืองและผสมยางอีกที อธิบายยากมากเเลย แต่กลิ่นเบาๆ ไม่รุนแรง(กลิ่นเหมือนขนมโก๋ เลยแฮะ)
ตัวนี้สามารถทาก่อนแต่งหน้าได้
บทสรุปและผลลัพธ์หลังใช้ :
เนื้อซึมซาบไว และไม่ทิ้งความมัน หรือไม่ทำให้หน้าแห้งจนเกินไป
ด้วยความที่มีส่วนผสมของน้ำมัน เลยทำให้ผิวชุ่มชื้น แต่ไม่ทำให้รู้สึกมันวาวและยังมีHA serumช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น
ทำให้สามารถทาก่อนแต่งหน้าได้
หน้าดูขาวกระจ่างใสขึ้น ปกติเวลาตื่นเช้าหน้าจะมันและหมอง แต่ตั้งแต่ใช้ตัวนี้ หน้ามันแต่ไม่หมอง ขาว ใสขึ้น
ในส่วนของจุดด่างดำ ยังไม่ชัดเจนนัก
สิวที่ปะทุใหม่ๆ เจอตัวนี้ไป ข้ามคืน เลือดตกสะเก็ด และไม่ทิ้งรอยแดงไว้ มีรอยดำให้เห็นแบบเบลอๆ ไม่ได้ชัดมาก แผลจากการปะทุแห้งไวมาก
ควรใช้คู่กับครีมกันแดด แต่ก็ไม่ค่อยทากันแดด ที่ผ่านมายังไม่เป็นอะไร แต่ไม่ควรทำและไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง สัญญาว่าต่อจากนี้จะใช้ครีมกันแดดทุกวันนะ
สำหรับ เรา ถือว่าชอบตัว Alpha Arbutin 2% + HA Serum ❤️ มากที่สุด ได้ทำการตุนไว้อีกขวดนึงแล้ว
แอบคิดเล่นๆ หรือว่าตัวนี้ คุณสมบัติจะเหมือน Kiehl's ตัว dark spot เลย แต่ก็ไม่รู้นะว่า คุณภาพจะเท่ากันไหม เพราะยังไม่เคยลองอีกตัวเลย (แค่คิดเล่นๆเฉยๆ ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยย)
สุดท้ายแล้วเราก็ได้รู้ว่า ปัญหาที่กวนใจเรามากที่สุด
คือเรื่อง รอยดำ รอยแดง รอยสิว
เรื่องสิวนั้นคงไม่เท่าไหร่ เป็นแป๊ปเดียว เดียวก็ผุดหัว เดี๋ยวหัวก็หลุดออก
ก็หายแล้วเป็นใหม่ แต่รอยดำนี่ต้องรีบดูแลแล้ว
เดี๋ยวอายุมากจะยิ่งดูเเลยากไปกันใหญ่
หักคะแนนที่หาซื้อยาก
และหักคะแนนที่ทุกอัน Tested on Humans ซึ่งเราเองก็ไม่รู้ว่าการทดลองกับมนุษย์นี้มันจะน่ากลัว สยดสยองมากไหม แต่ก็แอบน่ากลัวอยู่ดี ใครรู้ช่วยอธิบายเพิ่มทีนะคะ
จบแล้วค่ะ
กระทู้ยาวมาก การเขียนกระทู้ก็ยาวนานมากเช่นกัน
นั่งเขียนเช้าอีกวัน กว่าจะเสร็จก็อีกวันกันเลยทีเดียว
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน และกด❤️ เป็นกำลังใจให้กันนะ
คนอื่นเขาอาจเขียนว่าตัวนั้นใช้ได้ เห็นผลดี ยังไงลองมาอ่านรีวิวของเค้าดูเนอะ สภาพผิวใคร ก็เป็นของคนนั้น ไม่มีอะไรเหมือนกัน ไม่มีใครเหมือนกัน
ไม่มีใครสมบูรณ์แบบไปหมด ความไม่สมบูรณ์แบบนี่แหละ
มันคือเรื่องจริงและเป็นรสชาติหนึ่งของชีวิต
วันนี้ขอตัวลาไปก่อนนะ ไว้เจอกันใหม่ค่า
บ้าย บายยย
* กระทู้นี้ เป็นการรีวิวส่วนบุคคล
ผลที่ได้เป็นเพียงผลที่มาจากบุคคล คนเดียวเท่านั้น