[Review]From Fat-to-Fit to Fat and to 'FIT' again | มหกรรม อ้วนแล้วผอมแล้วอ้วนแล้วผอม งงดิ??
Bornasleo 46 20สวัสดีค่าสาวๆจีบัน!
เค้ากลับมาแล้ววววว (。◕‿◕。) ยังจำกันได้มั้ยกับกระทู้ก่อนหน้านี้เมื่อ 1 ปีที่แล้ว?
► [Review]เมื่อชะนีขี้เกียจ อยากลองเปลี่ยนแปลงตัวเอง พุงหาย ก้นเด้ง ไม่เข้าฟิตเนส?!
1 ปีแล้วจากกระทู้นั้น เราก็ยังไม่หยุดพัฒนาตัวเองนับตั้งแต่นั้นมา หลังจากโพสกระทู้ลงไป ก็ได้รับความสนใจขึ้นมาเยอะมากอย่างคาดไม่ถึง ทำให้เราได้มีโอกาสทำสิ่งต่างๆที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ทำมาก่อน เป็นโอกาสที่ดีมากจริงๆค่ะ ขอบคุณทุกๆคนที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่กระทู้แรก ได้เห็นตั้งแต่เราลีนสุด จนอ้วนที่สุด แล้วกับมาเฟิร์มอีกรอบ
ต่อจากนี้จะมารีวิวการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้ง ในช่วงตลอดปี 2018 ที่ผ่านมาค่ะ เจตนาของกระทู้นี้คือ "เราอยากเป็นกำลังใจให้ใครหลายๆคน ที่กำลังพึ่งเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง, เริ่มแล้วแต่ท้อ, หรือท้อแล้วหยุด แต่ไม่มีกำลังใจจะทำต่อ เราอยากบอกว่า เราเป็นกำลังใจให้อยู่เสมอจริงๆนะคะ เมื่อท้อ ก็ทักมาคุย มารับพลังบวกจากเราไปได้เลย ♡ " — NISA
**กระทู้ยาวมากๆนะคะ เตือนก่อน 5555555555**
Timeline 1: ปี 2015 เป็นช่วงที่ออกกกำลังกาย ทำๆหยุดๆ อาหารคุมไม่ถูก
*คาร์ดิโอ คือ กิจกรรมใดๆก็ตามที่มีการเคลื่อนไหวไปมาของร่างกาย ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจถี่ขึ้น เช่น การวิ่ง, ว่ายน้ำ, กระโดดเชือก ฯลฯ
**บอดี้เวท คือ การออกกำลังกายรูปแบบหนึ่ง ที่ใช้น้ำหนักตัวของผู้ฝึกเป็นแรงต้าน แทนการใช้อุปกรณ์ต่างๆตามฟิตเนสค่ะ เน้นฝึกให้กล้ามเนื้อกระชับ/เฟิร์มมากขึ้น แข็งแรงและทนทานขึ้น แต่ช่วยเบิร์นไขมันได้น้อยกว่าการคาร์ดิโอ หรือแทบไม่ช่วยเท่าไหร่ ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ เช่น การสควอท, วิดพื้น, ซิทอัพ ฯลฯ
ตอนนั้นตัวตันมากค่ะ เป็นที่มาของกระทู้แรกในจีบัน เริ่มไม่ไหวกับตัวเอง ก็เลยออกกำลังกายจริงจังและได้ผลลัพธ์ออกมาค่อนข้างดี แต่ก็ยังมีไขมันสะสมเยอะอยู่ เพราะเป็นคนไม่ชอบการคาร์ดิโอ* ทำแต่บอดี้เวท** ที่บ้านอย่างเดียวเลยค่ะ ตอนนั้นออกกำลังกายตามยูทูป (ทุกอย่างอยู่ในกระทู้ที่แปะลิ้งค์ไว้ด้านบนค่ะ)
*คาร์ดิโอ คือ กิจกรรมใดๆก็ตามที่มีการเคลื่อนไหวไปมาของร่างกาย ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจถี่ขึ้น เช่น การวิ่ง, ว่ายน้ำ, กระโดดเชือก ฯลฯ
**บอดี้เวท คือ การออกกำลังกายรูปแบบหนึ่ง ที่ใช้น้ำหนักตัวของผู้ฝึกเป็นแรงต้าน แทนการใช้อุปกรณ์ต่างๆตามฟิตเนสค่ะ เน้นฝึกให้กล้ามเนื้อกระชับ/เฟิร์มมากขึ้น แข็งแรงและทนทานขึ้น แต่ช่วยเบิร์นไขมันได้น้อยกว่าการคาร์ดิโอ หรือแทบไม่ช่วยเท่าไหร่ ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ เช่น การสควอท, วิดพื้น, ซิทอัพ ฯลฯ
Timeline 2: กลางปี 2016 - ปี 2017
ตอนนั้นยังไม่พอใจ เพราะช่วงที่กระทู้เริ่มมีคนแชร์ไปไกล เราก็มีกำลังใจมากขึ้น บวกกับคบผู้ฝ.คนหนึ่ง เขาค่อนข้างคลั่งคนผอมๆลีนๆ ซึ่งเราก็บ้ามาก ชอบเขา เลยทำตามทุกอย่าง เขาก็ให้เราคุมอาหารหนักขึ้น (ทำ IF 16:8 บางที IF 48 ชม. + ทานกึ่งมังสวิรัส ลดเนื้อสัตว์) เขาให้เราทำคาร์ดิโอเยอะมาก (Insanity Workout) เราก็บ้าบอ ผอมจนลีน แห้ง ติดกระดูก เวทไม่ได้ทำเลยค่ะ จาก เวท 60% คาร์ดิโอ 40% กลายเป็น คาร์ดิโอ 100%
ผลที่ได้ก็แบบนี้ค่ะ แห้งๆ หน้าท้องสวย แต่ก็เท่านั้น ที่เหลือไม่มีอะไรดีเลย ได้แต่ถ่ายรูปหน้าท้องอวดลงโซเชียลไปเท่ๆ แต่ส่วนของแขนแห้งเล็กมาก ก้นหาย หน้าอกหาย แฟ่บ เหมือนซอมบี้เดินได้ เพราะรูปหน้าเราตอบมากค่ะ ซูบสุดๆ
ตอนนั้นยังไม่พอใจ เพราะช่วงที่กระทู้เริ่มมีคนแชร์ไปไกล เราก็มีกำลังใจมากขึ้น บวกกับคบผู้ฝ.คนหนึ่ง เขาค่อนข้างคลั่งคนผอมๆลีนๆ ซึ่งเราก็บ้ามาก ชอบเขา เลยทำตามทุกอย่าง เขาก็ให้เราคุมอาหารหนักขึ้น (ทำ IF 16:8 บางที IF 48 ชม. + ทานกึ่งมังสวิรัส ลดเนื้อสัตว์) เขาให้เราทำคาร์ดิโอเยอะมาก (Insanity Workout) เราก็บ้าบอ ผอมจนลีน แห้ง ติดกระดูก เวทไม่ได้ทำเลยค่ะ จาก เวท 60% คาร์ดิโอ 40% กลายเป็น คาร์ดิโอ 100%
ผลที่ได้ก็แบบนี้ค่ะ แห้งๆ หน้าท้องสวย แต่ก็เท่านั้น ที่เหลือไม่มีอะไรดีเลย ได้แต่ถ่ายรูปหน้าท้องอวดลงโซเชียลไปเท่ๆ แต่ส่วนของแขนแห้งเล็กมาก ก้นหาย หน้าอกหาย แฟ่บ เหมือนซอมบี้เดินได้ เพราะรูปหน้าเราตอบมากค่ะ ซูบสุดๆ
Timeline 3: ต้นปี 2018 - เดือน ส.ค. 2018
ช่วงนี้บอกเลยว่าพีคค่ะ พีคในพีคคคคคค! ช่วงสิ้นปี 2017 อิผู้ที่คบๆอยู่นอกใจค่ะ (โดนสวมเขามา 6 เดือน ง่าวมาก ไม่รู้เรื่องใดๆทั้งสิ้น) พอพึ่งมารู้ว่ามันคบซ้อนตั้งนาน โอโห โมโห เดือด โกรธเป็นฝืนเป็นไฟ เสียใจที่โดนหลอก แต่ไม่ได้เสียดายมันนะ จะไปไหนก็ไป เสียเวลาชิบเป๋ง! (อ้าว อารมณ์ขึ้นเฉย ขอโทษที 555555)
คราวนี้แหละค่ะ ยับ! หุ่นพังยับ! เราประชดชีวิตทำไมไม่รู้ ประมาณว่า ได้! ชอบผู้หญิงผอมแห้งมากใช่มั้ย ได้! ชั้นจะกินๆๆๆๆ กินให้มันตัวแตกพังไปเลยยยยย (/•ิ_•ิ)/
คนอื่นเขามีแต่อกหักแล้วพัฒนาตัวเอง แต่อินี่ไม่เลย ทำลายล้าง 5555555555
จากน้ำหนัก 45-46kg ก็ดีดขึ้นไปสู่ 62kg ภายใน 4 เดือน แม่จ้าววววววว ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนะคะคุณผู้ชม จากลีนสุด สู่ตัวแตกสุดในชีวิต (ยิ่งกว่าตอนไม่ได้เริ่มออกกำลังกายอีก)
ต่อมาเริ่มไม่ใช่เรื่องโมโหผู้ชายแล้วค่ะ อันนี้ทำตัวเองล้วนๆ พอมารู้สึกตัวอีกที คือกินอาหารที่มีประโยชน์ไม่ได้แล้ว เพราะเหมือนเราฝึกให้ร่างกายตัวเองกินแต่ของแย่ๆจนติด
คราวนี้ไม่ใช่เรื่องผู้ชาย แต่เรื่องที่ว่าเริ่มมีคนทักแล้วว่า "พี่คะ ช่วงนี้บวมๆขึ้นรึปล่าว" "พี่คะทำไมขาดูใหญ่ขึ้น" "ไม่ได้มาดูตั้งนาน น้องดูเปลี่ยนไปเยอะเลยนะคะ" บลาๆ และอีกต่างๆมากมาย จนทำให้เรารู้สึกหดหู่ ฝังใจ ฝังลงไปลึกมากๆ
มันเครียดจนขังตัวเองอยู่ในบ้าน 3 เดือน ไม่ออกไปไหนเลย เพราะกลัวคนจำได้ กลัวคนทักว่าทำไมอ้วนขึ้น ทำไมไม่เหมือนในรูป... นึกสภาพจากตอนที่มีคนแห่ชื่นชม มีคนส่งข้อความมาบอกทุกวันว่าเราเป็นไอดอลเขา เราทำให้เขาเปลี่ยนมารักษาสุขภาพ เราเปลี่ยนชีวิตเขา ตอนนั้นพังหมดเลยค่ะ
เรามองตัวเองในกระจกแล้วก็ร้องไห้ทุกวัน นึกในใจว่านี่เรากำลังทำอะไรอยู่? เราทำอะไรลงไปกับร่างกายที่อุตส่าห์ปั้นมาอย่างหนักร่างนี้ เหงื่อกับน้ำตาไหลรวมกันเลยตอนฟิตหนักๆ มันหนักมากกว่าจะไปอยู่ในจุดที่ลีนได้ แล้วเรากลับพังมันลงภายในพริบตา...
พอเริ่มบวมขึ้น น้ำหนักขึ้นเรื่อยๆ ก็ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร นอยด์มากๆ หายหน้าหายตาจนหลายๆคนเป็นห่วง เราท้อแท้และเครียด พยายามออกกำลังกายแบบที่เคยทำมันก็ทำไม่ค่อยได้เหมือนเดิม
อะไรที่เคยทำได้ผล มันก็ไม่ได้ผลอีกต่อไป เพราะใจมันไม่สู้แล้วด้วยค่ะ คนที่ทั้งชีวิตไม่เคยลีน พอไปอยู่ในจุดที่ลีนได้ มันจะทำได้ง่ายกว่าคนที่เคยลีนมาก่อนและมาหุ่นพังภายหลัง ทั้งหมดทั้งมวลอยู่ที่สภาพจิตใจเป็นส่วนใหญ่เลย พอใจมันไม่ได้ เวลาจะทำอะไรๆมันก็ยากไปหมด ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เราก็ทำได้แท้ๆ
เราเลยพยายามอีกครั้ง ออกกำลังกายแบบเดิมไม่ได้ เราก็เลยเปลี่ยนวิธี พยายามหาอะไรใหม่ๆมาให้ตัวเองได้ลอง เราได้คำแนะนำมาจากเพื่อนคนนึง ว่าลอง 'กระโดดเชือก' ดูมั้ย? ซึ่งเราไม่ชอบกระโดดมาตั้งแต่เด็กๆ เลยลองดู ทำไป 2 วัน เลิก 55555555555
แต่ก็พยายามอีกครั้ง ลองใหม่ วันนึงเราไปเปิดยูทูปหาวิธีในการกระโดดเชือกแบบไม่น่าเบื่อ เพราะเราจะได้มีความรู้สึกอยากทำมัน เราก็บังเอิญไปเจอช่องนี้ค่ะ Jump Rope Dudes
เป็นแชนแนลที่สนุกมากๆ สอนเกี่ยวกับการกระโดดเชือกที่ถูกวิธี และทริค+ท่าต่างๆในการกระโดดเชือก เราเจอคลิปนึงของเขาที่ช่วยเบิร์น 600 แคล เลยลองดูค่ะ สนุกมากๆ และเหนื่อยมากกกก จะตาย!
ผลที่ได้จากการกระโดดเชือกอย่างเดียว บวกกับคุมอาหารปานกลาง คุมได้บ้างไม่ได้บ้าง หลุดกินของหวานตลอด แต่ก็พยามสู้ หุ่นก็ออกมาแบบด้านล่างนี้ค่ะ
ช่วงต่อมา เราก็พยายามออกกำลังกายและมีอัพเดทลงไอจีส่วนตัวบ้าง ว่าที่หายๆไปเกือบ 3 เดือน คือเครียดและตัวแตกนะคะ บลาๆ
เราเป็นคนชอบอัพเดทกิจวัตรประจำวันอยู่แล้ว พอหลังๆมาเราก็โดนคอมเม้นรุนแรงอีกครั้งจากอินเตอร์เน็ต บางคนที่ไม่ได้เข้ามาดูเรานานๆ พอกลับมาดูอีกทีเขาก็ตกใจกันใหญ่ว่าเราไปทำอะไรมา ตัวหนาขึ้นมากๆ
คราวนี้วนลูปเดิมค่ะ เรานอยด์อีกครั้ง นึกน้อยใจตัวเองว่าแบบ.. อะไรว้า ก็กำลังพยายามอยู่แท้ๆ กำลังกู้หุ่นกลับนี่ไง มันอยู่ในช่วง work in process ซึ่งบางคนไม่เข้าใจว่าการพิมพ์ข้อความแบบไม่ทันคิด มันไปทำลายกำลังใจที่ดีของคนอื่นขนาดไหน โดยเฉพาะคนที่กำลังอยู่ในช่วง process แบบเรา...
เราหดหู่อีกครั้งหนักมาก หมดกำลังใจจะทำต่อไป เราก็น้ำหนักขึ้นมาอีกรอบ...
เรา down หนัก จนเพื่อนสนิทเราสองคนเป็นห่วงเรามากๆ เลยตกลงชวนกันไปเที่ยวสิงคโปร์ เพื่อที่เราจะได้มีกำลังใจลดน้ำหนักอีกครั้งและเราสามคนจะได้ปลดปล่อยหลังจากเครียดๆกันกับเรื่องงานและชีวิต
ช่วงนั้นเราสามคนไม่ได้เจอกันนานมาก เป็นปี ไม่ได้อัพเดทกันเลย เพราะต่างคนต่างยุ่งกับการงานและภาระหน้าที่ของตัวเอง ทริปรวมตัวกันครั้งแรกในรอบหลายๆปีที่ไม่ได้เที่ยวพร้อมตากัน สิงคโปร์จึงเป็นทริปที่สำคัญกับพวกเรามาก
เราเลยตั้งใจมากค่ะคราวนี้ กำลังใจกลับมาอีกครั้งเพราะอยากไปถ่ายรูปสวยๆที่นั่น จากตอนที่ตกลงซื้อตั๋วจองที่พักเรียบร้อย เรามีเวลา 1 เดือนกว่าๆในการฟิตจริงจังอีกครั้ง
/////////////////////////////////////////
โดยเราลดการกระโดดเชือกลง เหลือวันละ 1000 ครั้ง และกลับมาออกกำลังกายในแบบที่เราหยุดทำไปสักพักแล้ว เรียกว่า HIIT ค่ะ ย่อมาจาก High-Intensity Interval Training การออกกำลังกายแบบนี้ ใช้เวลาน้อย (ไม่เกิน 20 นาที) ช่วยให้เบิร์นไขมันสะสมได้ดี แถมยังคงกล้ามเนื้อไว้ด้วย
และเราคุมอาหารโดย การลดคาร์โบไฮเดรต หรืออาหารจำพวกแป้ง เปลี่ยนมากินแป้งชนิดดี (แป้งที่ไม่ใช่สีขาว เช่น ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์ฯ โฮลวีต) ทานผักให้เยอะขึ้น ทานโปรตีนเน้นๆ เช่น โปรตีนจากเนื้อไก่ ไข่ ปลา
โดยเราจะใส่ท่า HIIT ที่เราชอบทำ และคิดว่ามันไม่ยากมากให้ด้านล่างนะคะ บางท่าคิดขึ้นมาเอง ก็ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไร ขอไม่ใส่ชื่อท่าแล้วกัน
การทำ HIIT ให้ได้ผลดี
- เลือกท่าที่ชอบมา 10 ท่า
- ทำท่าละ 30 วินาที
- เสร็จแล้วพัก 1 นาที
- ทำวนต่ออีก 3 รอบ (จะครบ 20 นาที)
เมื่อเราทำทั้งหมดนี้อย่างตั้งใจในเวลาเพียง 1 เดือนกว่าๆ ไขมันเราก็เริ่มลดลง เราลดขนมและของหวานเด็ดขาดเลยในช่วงนี้
ทานโปรตีนจากเนื้อสัตว์และผักเป็นหลัก โดยปกติเป็นคนถ่ายยาก ทุกๆวันจะต้องบังคับให้ตัวเองขับถ่ายให้ได้ จะตรงเวลาหรือไม่ แต่ทุกวันต้องขับถ่ายของเสียออกให้หมด
และเมื่อทริปสิงค์โปรมาถึง น้ำหนักเราจาก 58g ก็ลงไปอยู่ที่ 56kg หุ่นก็ยังหนาๆ แต่ไม่บวมเกินไป ถ่ายภาพออกมาเหมือนผอมลงมาก แต่ยังนะคะ ไขมันยังซ่อนอยู่
Timeline 3: กลางปี 2018 - ปัจจุบัน 2019
หุ่นเริ่มกลับมา คราวนี้มีผู้ชายเข้ามาจีบอีกแล้ว ละมีคนนึงเป็นเด็กน้อยมาจีบ โดนใจคนนี้มาก คุยๆกันมาสักระยะ เขาชวนไปบาหลี เอ้าพี่น้อง!! ทริปใหม่มาอีกแล้ว คราวนี้งานโหด ต้องใส่บิกินีนะจ๊ะ
โอโห motivation ใหม่ผุดขึ้นมาอีก อินิสานี่ออกกำลังกาย+คุมอาหารตาเหลือกเลยค่ะ กำลังใจดี มี motivation เป้าหมายจากที่อยู่ห่างไกล เริ่มเข้ามาใกล้มากขึ้น เราเริ่มสลับการออกกำลังกาย เป็น...
ใน 1 อาทิตย์ แบ่งทำ HIIT 3 วัน บอดี้เวท 3 วัน พัก 1 วัน โดยยังคุมอาหารแบบลดของมัน/ทอด อาหารรสจัด ขนมหวาน ขนมปัง/เบเกอรีทุกชนิด ไม่ดื่มน้ำอัดลม ไม่ดื่มแอลกอร์ฮอล์ ทำการฟาสติ้ง 16:8 (ใครไม่ทราบว่าคืออะไร ลองเอาไปเสิร์ชใน google ดูนะคะ)
นั่นแหละค่ะ มีเวลา 1.5 เดือน ก่อนจะเอาหุ่นไปอวดผู้ที่บาหลี และเราก็ทำได้ค่ะ ลด %ไขมัน ลงไปได้อีก เอว 24-25" เริ่มกลับมาแล้ว
จากทริปบาหลี เรากลับมาเป็นตัวเราอีกครั้ง ความมั่นใจกลับมา เลิกอาการหดหู่และซึมเศร้าไปเลย ชีวิตกลับมาแฮปปี้อีกครั้ง เมื่อเราสามารถ get back on track ได้
เราบอกกับตัวเองว่า เราจะไม่กลับไปทำร้ายร่างกายตัวเองแบบนั้นอีกแล้ว เราจะเดินทางสายกลาง คุมอาหารง่ายๆ กินง่ายๆ ออกกำลังกายเป็นประจำ โดยไม่หนักหรือเบาเกินไป เราจัดทุกอย่างให้เป็นกิจวัตรประจำวัน ทำให้ติดเป็นนิสัย
เรามาเข้าใจก็วันนี้ ว่า การลดน้ำหนักไม่ได้ยากเท่าการคงรักษารูปร่าง การ maintain ไว้ให้คงที่เหมือนเป็น key หลักของการลดน้ำหนักระยะยาวเลยค่ะ เราอยากบอกว่า เราทำมาหมดแล้ว ลองมาทุกวิธี เคยอ้วนสุด ผอมสุด ไดเอทมาหลายรูปแบบ หุ่นเราก็พีค เปลี่ยนไปมาเหมือนสั่งได้ อยากบอกว่าเราเข้าใจทุกคนนะคะ ว่ามันยากและต้องใช้เวลาขนาดไหน
แต่ขนาดเรา เราทำสำเร็จภายในเวลาปีเดียว ทุกคนก็ต้องทำได้เช่นกัน แถมเราไม่เคยเข้าฟิตเนสเลยสักนิด เราอยากเป็นกำลังใจให้สาวๆหรือใครก็ตามที่กำลังท้อแท้หรือไม่กล้าเริ่ม อยากบอกว่ามันไม่มีอะไรยากเกินความสามารถของเรา เมื่อเราตั้งใจทำจริงค่ะ
กระทู้นี้อาจจะยาวมากๆหน่อย แต่เราอยากมั่นใจว่าเราได้ใส่ข้อมูลไว้ให้ครบถ้วนจริงๆ เราตั้งใจพิมพ์ทุกตัวอักษร ทุกบรรทัด... ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ เราขออวยพรให้ประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจไว้นะคะ ตั้งเป้าหมาย แล้วพุ่งชน! อย่ารอช้า
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ หากชอบก็กดเซฟเก็บไว้อ่านตอนท้อๆได้นะคะ แชร์ได้เลยไม่ต้องขออนุญาตค่ะ :P
อีกนิด...
ขอขอบคุณหลายๆคนที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ 45 ยัน 62 และ 50 ฮ่าๆๆๆ รักมากจริงๆอ่ะ ไม่รู้จะบอกยังไงเลย ขอบคุณน๊าาาา ♡