[Hall of Fame 5/12] แป้ง 10 ตัวที่เสกให้สวยได้ทันใจไม่ต้องรอ
King of Eugenie 81 20คิสรู้ คุณรู้ โลกรู้ กลับมาพบกันอีกแล้วค่ะ
พบกันบ่อยๆจะได้ไม่ลืมหน้าสมคิสนะคะ ฮี่ๆ
วันนี้จะมารายงานกับของอีก 10 ชิ้นที่เป็นที่สุดในกลุ่มเบสเมคอัพ
ถามว่าหมดรึยัง ยังค่ะ คอนซีลเลอร์ยังรอสาวๆอยู่ข้างหน้าแน่นอน
เกิดเป็นชะนีแท้จริงแสนลำบากนะคะ จะสวยสักทีต้องครอบจักรวาล
ม๊ะ เราจะพยุงความสวยไปด้วยกัน!!
1. Best of Loose Powder - Chantecaille (Best of the Best)*
แป้งฝุ่นสำหรับใช้ลงให้ทั่วใบหน้าเพื่อล๊อคให้เครื่องสำอางติดทนตลอดทั้งวัน
Pros: ไม่ผสม Talc อ่อนโยนต่อผิวหน้า เนื้อแป้งละเอียด เนียนแบบ seamless
Cons: หากซื้อลำบาก แพง
Result: แป้งตัวนี้ต้องยอมรับจริงๆว่ามันเทพสมคำร่ำลือทุกประการ เนื้อแป้งละเอียด finest milled ตบแล้วดูผิวสวยแบบไม่กร้าน ไม่ดูเป็นฝุ่นๆ เนียนมากสะใจ และยังไม่ผสม Talc อีก เรียกว่าใช้ได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ พัฟห่วยแตก แต่เธอก็ช่างแสนดี แพคเกจหรูหราหมาเห่า ไม่ได้หรูเกินหน้าเกินตา แต่ก็สมราคาจนด่าไม่ลง
ตัวนี้ถึงจะเป็น Best of the Best แต่เพราะหาซื้อยาก และมีเรื่อง Variety ของสีที่ค่อนข้างน้อย คิสเลยไม่ได้ซื้อต่ออีกถึงแม้จะหมดไปนานแล้ว(แป้งในกระปุกเป็น LM ตัวฮิตนั่นละ คิสแบ่งใช้เพราะกระปุก LM แตกตามอาถรรพ์)
สำหรับแป้งที่น่าจะเป็น alternative ที่ดีที่สุด คิสเทสมาหลายๆตัว คิดว่า THREE น่าจะใกล้เคียงกับฌองเธอไคมากที่สุด รอ LM พร่องก่อน คิสจะไปหาเธอ
(28 g., 65 USD., Made in Italy )
ขอแทรกด้วยส่วนผสมของ Chantecaille และ THREE เผื่อมีใครอ่านส่วนผสมเป็น จะรบกวนให้ช่วยวิเคราะห์ให้ด้วยว่าตัวไหนดีกว่ากัน เพราะคิสยังไม่เคยใช้ THREE ส่วนผสมก็เจอแต่ active ingredients
Chantecaille (ฌองเธอไค)
ALUMINUM STARCH OCTENYLSUCCINATE, MICA, NYLON-12, 1,2-HEXANEDIOL, POTASSIUM SORBATE, CAPRYLYL GLYCOL, PTFE, DIMETHICONE, CHLORPHENESIN, SILICA, ZINC STEARATE, LAUROYL LYSINE, TETRASODIUM EDTA, [+/-: TITANIUM DIOXIDE( CI 77891), IRON OXIDES (CI 77491/CI 77492/CI 77499)
THREE (ทรี)
Inca inchi oil, tea seed oil, argan oil, jojoba oil, evening primrose oil, rosehip oil, shea butter, beeswax
2. Best of Mineral Powder - Elizabeth Arden(Best of the Best)
แป้งมิเนอรัลที่ใช้ในการลงแทนรองพื้นและแป้งฝุ่นในขั้นตอนเดียว มีส่วนผสมที่ช่วยบำรุงผิว,กันแดด ปลอดภัยต่อผิวในช่วงที่ผิวอ่อนแอแพ้ง่าย
Pros: ปกปิดได้ดีมาก แป้งอ่อนโยนสุดๆ และด้วยแพคเกจ ทำไห้แป้ง fresh ได้ตลอดเวลา พกพาและใช้งานง่าย
Cons: สีมีให้เลือกน้อยไปหน่อย
ตัวนี้นับเป็นนวัตกรรมแป้งที่ฮือฮากันสุดๆเมื่อสัก 15 ปีก่อน มีแป้งมิเนอรัลเจ๋งๆออกมาให้เลือกซื้อกันจนตาลาย ถามว่าแป้งมิเนอรัลดียังไง?? คือมันคล้ายๆกับคูชั่นในปัจจุบันนี้เลย เป็นทั้งสารบำรุงผิว, กันแดด, รองพื้น, แป้งฟินิช ทุกอย่างมัดรวบตึงในตัวเดียวกัน แต่เพราะด้วยการใช้งานต้อง Buff แป้ง ทำให้ค่อนข้างวุ่นวายและ messy สุดท้ายก็ fade จากวงการไปซะงั้น
แต่ไม่ใช่กับตัวนี้เลย เพราะมี built-in grinder มาให้แล้ว คือหมุนใช้เฉพาะที่ต้องการจริงๆ เนื้อแป้งสดใหม่เป็นฟาร์มเฮ้าส์ เสียดายแค่ทีเมืองไทยมีสีให้เลือกน้อย คิสต้องไปซื้อที่ฮ่องกงหรือสิงคโปร์เอา แต่ขอแนะนำมากจริงๆ ถ้าใครสีผิวสัก NC30+ หาซื้อได้ง่ายมากในไทย และใช้งานแล้วต้องหลงรัก ใครที่มีปัญหาผิวเยอะๆ ปัญหาสิว ผิวอ่อนแอ ลองปรับมาใช้แป้งตระกูลนี้ดู อาจจะต้องหาแปรง Buff เพิ่มอีกสักอัน ส่วนตัวคิสก็ใช้ของ Arden นั่นละ มีขายเป็นเซท ราคาไม่แพงมาก เหมาะกับมือใหม่และทุกๆมือค่ะ คิสรับประกันจริงๆว่ามันดีเทพ
(8.33 g. 40 USD, Made in USA)
3. Best of Setting Powder - Laura Mercier (Best of the Best)
แป้งฝุ่นสำหรับใช้ในการเซทติ้ง หรือลงฟรีซเครื่องสำอางเป็นขั้นตอนสุดท้าย มีให้เลือกทั้งแบบโปรงแสงและมีสี
Pros: คุมมันดีเริ่ด, แป้งเนื้อละเอียด, หาซื้อง่าย ราคาโอเคมาก
Cons: แพคเกจอ่อนแอ ไม่มีพัฟมาให้
Result: อันนี้เป็นแป้งในตำนานที่คิสเชื่อว่าสาวบ้านจีบันเกิน 50% จะต้องมีติดโต๊ะไว้แน่ๆ ข้อดีคิสขอข้าม เพราะคงรู้กันอยู่แล้ว แต่ข้อเสียนอกเหนือจากเรื่องแพคเกจที่ต้องภาวนากันทุกครั้งที่ใช้ให้ไม่แตกคามือ คิสก็ขอยกให้เรื่องส่วนผสมที่มี corn starch อยู่ด้วย ซึ่ง...มันก็ไม่ควรจะมีเลยจริงๆ มี Talc นี่รับได้นะ เพราะเป็นแป้งในเรทราคากลางๆ แต่แป้งข้าวโพดมันอาจจะทำให้มีแบคทีเรียเติบโตในเนื้อแป้งได้ง่าย
อีกส่วนคือเรื่องฟินิชที่ค่อนข้าง dry out ผิวพอสมควร ถามว่าคิสซื้อมั๊ย ซื้อค่ะ ใช้มั๊ย ใช้ค่ะ แต่คือถ้ามันพัฒนาสูตรได้ก็คงดี เพราะคิสไม่ค่อยชอบความ powdery สักเท่าไหร่ ทั้งนี้ทั้งนั้น คิสคิดว่าสูตรใหม่ทีเป็น Glow น่าจะมีดีมากกว่าแค่แป้งมีชิมเมอร์ หมดกระปุกปัจจุบันคงได้คำตอบค่ะ
และ...พัฟ....มันใช่หรอ?? หลักการเดียวกับเอสเต้ทำรองพื้นไม่ให้หัวปั๊มมานั่นละ คือใส่ๆมาให้หน่อยเถอะ จะบวกราคาเพิ่มก็ว่ากันไป แล้วก็ตัว filter ชาวบ้านเค้าทำตัวล๊อคออกมากันเต็มบ้านเต็มเมืองแล้วนะรู้ยัง ยิ่งไม่มีพัฟมาให้ ควรทำตัวล๊อคแป้งไม่ให้ spill over หน่อยปะจ้ะ หรือไม่ควร request เพราะแค่เขี้ยวหมุนไม่แตกก็น่าจะดีใจมากแล้ว 55
(29 g., 1590 thb Made in USA )
4. Best of Pressed Powder - Milani
แป้งฝุ่นอัดแข็ง เหมาะกับใช้ในวันที่ต้องการลุคเผยผิว หรือพกพาใช้งานระหว่างวัน
Pros: เนื้อละเอียด ปกปิดได้ดีกว่าแป้งอัดแข็งยี่ห้ออื่นแต่เบาสบายหน้า ถูกมากๆ
Cons: ไม่มีขายในไทย
Result: แป้งตัวนี้ใช้แล้วเบาสบายผิว แต่ปกปิดได้ดีทีเดียว คุมมันกำลังดี แต่ที่ชอบที่สุดคือทาแล้วผิวให้ความรู้สึก seamless สไตล์เดียวกับแป้งชาแนล แพคเกจเห่ย แต่ยอมรับได้ และ slim พกพาง่ายสุดๆ พัฟก็ขอให้โยนทิ้งเป็นขยะโลกหรือเอาไว้แปะตู้เย็นเป็นที่ระลึกก็คงพอได้
ราคานี่ต้องเรียกว่า Milani ปรกติจะเป็นแบรนด์ที่ราคากลางๆ ไม่ถึงกับราคาถูก(ประมาณเดียวกับ MaxFactor) แต่แป้งตัวนี้นับว่าราคากรุณากระเป๋าตังค์มากๆ ทั้งนี้ทั้งนั้น....บุญมีแต่กรรมบัง ไม่มีขายในไทย ต้องสั่งจากตปท.เอา โชคดีที่ของมาถึงแล้วไม่แตก ซื้อไปต้องลุ้นไป
คิสได้เจอแป้งฝุ่นอัดแข็งคุณภาพดีมาหลายตัว MAC Mineralize Skinfinish Natural, Laura Mercier Matte Mineral, Golden Rose(ตัวนี้ดีมากๆๆๆ ม้ามืดสุดๆ แต่แทบไม่ปกปิด ให้ลุคสวยแบบสกินมากๆ) แต่ก็ต้องยกตำแหน่งให้กับ Milani อยู่ดี เพราะเป็นแป้งที่ไม่ได้ให้ลุคที่ matte ไป หรือ sheen จนเกินไป มันพอเหมาะพอเจาะที่แท้ทรู/ ที่วางขายในไทยไม่ใช่รุ่นนี้นะคะ คิสไม่แนะนำรุ่นอื่น เพราะยังไม่เคยใช้
คิสคงต้องเปลี่ยนไปใช้แป้งตัวอื่น เพราะนอกจากหาซื้อยากแล้ว สีที่ซื้อมาก็ไม่ลงล๊อคกับผิวในตอนนี้ ที่มองอยู่ก็เป็น cover fx - perfect pressed powder ที่คิสลองสวอชเกิน 10 รอบแล้วก็ยังต้องบอกตัวเองว่า "คิดเอาไว้ว่าใช่ ต้องใช่แน่ๆ" ถ้าได้ใช้งานแล้วคงได้รับคำตอบว่ายังไง
( 10 g. 6.99 USD, Made in USA)
5. Best of Finished Pressed Powder - Hourglass (Best of the Best)
แป้งฟินิชอัดแข็งที่ไว้ลงเป็นขั้นตอนสุดท้ายหลังการแต่งหน้าเสร็จ ช่วยทำให้ลุคทั้งหมดบนผิวนัวเนียนทั่วกัน ทำให้เครื่องสำอางหรือรองพื้นไม่เปลี่ยนสีระหว่างวัน และให้ฟินิชลุคที่ sheen ทำให้หน้าดูไม่แบน มีมิติ แต่ไม่มัน
Pros: ผิวดูสวยแบบไม่สาเหตุ ตีลังกาปัดก็ยังสวย ใช้ได้นานมาก
Cons: ไม่มี
Result: คิสได้รับการชี้ช่องทางสว่างมาจากน้องบี เพเนโลเป้ ที่น้องบอกว่าใช้ dim light แล้วผิวดูสวยมาก บอกเลยว่า...มือสั่นค่ะ คำว่าสวยมันมีอิทธิพลกับคิสสูงมาก พอ Hourglass เข้าเมืองไทยปุ๊บ อย่างแรกที่คิสรอคอยเลยคือ Ambient นี่ละ
คิสโชคดีที่เลือกสีได้ถูกจริต คิสว่าสี diffused light เป็นสีที่ช่วยขับให้คนผิวขาวเหลืองแบบเอเชียตะวันออก ดูผ่องสวยแบบเป็นธรรมชาติ คิสบอกเลยว่าไม่ควรพลาดไอเท็มนี่จริงๆ เป็นแป้งอัพออกมาในรูปแบบแป้ง bake ทำให้ใช้งานได้นานสะใจ คุ้มสุดๆ ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงค่ะ
(10 g., 1980 thb Made in Italy)
6. Best of Correcting Powder - Guarlain(Best of the Best)
แป้งฟินิชที่ช่วยปรับแก้ไขสภาพสีผิวโดยรวมทั้งหมด ให้ผิวดูผ่องแบบเป็นธรรมชาติ หน้าไม่ลอย ไม่โดด แต่ดูสวย inner glow ได้ตลอดทั้งวัน
Pros: ผิวสวยแบบ...แป้งตัวไหนๆก็ทำแบบนี้ไม่ได้ แม้แต่ hourglass
Cons: แพง
Result: เรื่องความดีคิสขอไม่พูดถึง เพราะมันตรงนิยามกับแป้ง corrector ทุกอย่าง เข้ามาแก้ไขในสิ่งผิดให้ถูกต้อง ชั้นว่าไม่มีใครทำหน้าที่ได้แบบเธออีกแล้ว
แต่จะบอกว่านี่คือแป้ง 1 ใน 2 ตัว (อีกตัวคือ Chanel รุ่นไหนก็ได้เว้นรุ่น blanc ที่คิสเฉยๆ) ที่คิสใช้งานมาตั้งแต่เรียนมหาลัยและยังไม่เลิกใช้จนถึงวันนี้ เมื่อก่อนแพคเกจเห่ยมากกกกกกกกกกกกกกกกก เป็นกระดาษเหมือนกล่องแป้งกงเต๊ก แถมยังแพงไร้สาระเป็นที่สุด คิสในตอนเด็กนี่แทบจะต้องกรีดเลือดซื้อมา แต่ตอนนี้แพคเกจช่างดูดีมีชาติตระกูลสาสมกับความดีของเธอ ซื้อใช้งานกันต่อไปแบบไม่มีกำหนดเลิกรา
(25 g. 2800 thb Made in France)
7. Best of Blotting Powder - Kat Von D (Best of the Best)
แป้งฝุ่นอัดแข็งที่ทำหน้าที่เหมือนกระดาษซับมัน เคลือบกันไว้ไม่ให้คสอ.ทั้งหมดไม่เปลี่ยนสี และควบคุมความมัน ทำให้หน้าสวยเนียนได้ตลอดวัน แบบไม่ดูแห้งจนเกินไปและไม่ไหลเยิ้ม
Pros: ผิวเนียนใสจริงๆ ผิวมันลดลงมากๆ และไม่ดูหน้าแบนๆแห้งๆด้วย
Cons: ไม่มี
Result: แป้งอัดแข็งจากแบรนด์น้องใหม่อย่างป้าแคทที่ไม่ทำให้คิสผิดหวังเลย ไม่สิ ต้องเรียกว่าดีเกินความคาดหมายด้วยซ้ำ เพราะใช้แล้วดูผิวเป็นผิว แต่ไม่มัน ไม่วอก ไม่เมือก คุณความดีตรงตามทีึ่เคลมทุกอย่าง ไม่มีกล่าวเกินจริง
แพคเกจสวยสะบัด แต่พัฟนี่น่าจะโรงงานเดียวกับ Milani ตัวข้างบน เก็บไว้ซับเลือดกำเดาหรือเอาไปแปะตู้เย็นเป็นที่ระลึกพอได้ แต่เอาใช้งานคือไม่ได้เลย ห่วยจริงๆ ราคากำลังดี ไม่แพงจนต้องถอนหายใจ ใครผิวมันไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
ปล.ใครที่อยากได้แป้งคุณสมบัติแนวๆนี้คิสแนะนำของ Cathy Doll ตลับเขียว เนื้อแป้งไม่ทนเท่า KVD แต่ด้วยราคา โห้ คิสว่ามันดีมากเลยนะ ผิดคาดค่ะ ซื้อเหอะ ซื้อเลย ไม่่ต้องลังเล ของถูกและดีอยู่ในประเทศเราพร้อมให้สักการะแล้ว จัดดดด
( 8 g. 1200 thb Made in Italy)
8. Best of Highlighting Powder - Becca (Best of the Best)
แป้งไฮไลท์ที่ช่วยทำให้ผิวดูมีมิติ และโกลวสวย ประหนึ่งยานแม่เจโลลงประทับ
Pros: เนื้อสวย วิ๊งชิมเมอร์ดูแพง ละเอียดเข้ากับผิวได้ดีมาก
Cons: ไม่มี
Result: ขอบอกเลยว่า...Becca ทำให้คิสรู้สึกเสียดายเงินที่ไปซื้อ Mary Lou, Cindy Lou จาก the Balm มากๆ ไม่ใช่ว่านังแมรี่กับซินดี้ห่วยแต่อย่างใด ทั้ง 2 นางทำหน้าที่ได้ดี แต่ฟินิชก็ต้องยอมรับว่ามันต่างกับ Becca มากจริงๆ
ในขณะที่ the Balm ให้ฟินิชแป้งเป็นแป้งชิมเมอร์อัดแข็ง ใช้งานได้สารพัดประโยชน์ แต่ถ้าลงมากไปจะกลายเป็นผิวหนังปลาทู แต่กับ Becca ผิวจะดู sheen และ Glow แบบกำลังดี มีสีให้เลือกค่อนข้างเยอะมากๆตามแล้วแต่พื้นฐานสีผิวแต่ละคน บางสีก็ปัดให้ได้ลุค Sun Kissed ไปเลย สวยจริงๆให้ตายสิ ไม่ควรพลาดเลยค่ะ
คิสเซ็งกับแพคเกจมันหน่อยๆที่ทำเป็น rubber-like แต่มีซื้อตัวที่เป็น limited edition มาแล้วก็ต้องขอให้มันเป็น permanant สักที เพราะแพคเกจแข็งแรงสมใจอยาก และไม่มียางเหนียวๆให้รำคาญใจ คิสแนะนำว่าถ้าใครยังไม่มี Becca ในกำมือ อยากให้ซื้อเป็นตัว Palette ไปเลย มันคุ้มมากๆๆๆ คิสยังอยากได้เลย แต่ซื้อไม่ลงจริงๆทั้งทีราคามันน่ารัก เพราะคิสรู้ตัวว่าใช้ไม่ทัน
คิสใช้ Opal, Moonstone, Vanilla Quartz บอกเลยว่า...รักเท่ากันทุกสี มันสวยหมดเลยจริงๆ ขนาดคิสหน้ามันก็ยังอดใจไมไ่ด้ คนอื่นก็อย่าได้รีรอ ตัวนี้คือ final แล้วค่ะ ไม่ต้องไปตามหาตัวอื่นที่ไหนแล้วจริงๆ
(8 g. 1650 thb Made in USA)
9. Best of Bronzer - Too faced (Best of the Best)
บรอนเซอร์ที่ช่วยทำให้ผิวดูบ่มแดด สวยโกลววววว ราวกับเพิ่งไปอาบแดดที่ไมอามี่มา(ความจริงคือโดนแดดที่สี่แยกคลองเตยนี่ละเผาหน้า ไม่ต้องไปทีไหนหรอก)
Pros: เนื้อไม่ติดสีส้ม สีเฉดให้เลือก กลิ่นหอมน่ากิน ติดทน แพคเกจสวยเกิ๊น
Cons: ไม่มี
Result: หลังจากที่คิสเสียเงินเสียทองแบบผิดพลาดโคตรๆไปกับ Nars Laguna และสองจิตสองใจที่จะคว้า Benefit Hoola มาครอบครอง คิสก็ได้เห็นแสงสว่างว๊าบๆอยู่หน้าแผง Too faced แบรนด์ที่คิสหมั่นไส้มาตลอด (คิสไม่ชอบแบรนด์ที่เลียนแบบคอนเซปแบรนด์อื่นๆสักเท่าไหร่)
อคติคิสนี่สูงลิ่วเลยนะบอกเลย แต่พอใช้แล้วก็ต้องยอมรับว่า...นี่มันของดีในคราบของเล่นชัดๆ ตอนแรก Too faced มักจะออกสินค้าแบบ cardboard มาแนวๆเดียวกับ Benefit ทำให้ดูไม่ค่อยน่าใช้งานสักเท่าไหร่ พอ soleil ตัวนี้โดนจับรีแพคเกจปุ๊บ คิสก็รีบคว้ามาทันที และตัดสินใจไม่ผิดเลย มันดีงามมากจริงๆ สีบ่มแดดสวยแบบไม่มีเม็ดสีส้มมาปนให้ต้องหงุดหงิด สีปัดแล้วเข้ากับคนเอเชียดีมากๆ มีให้เลือกสะใจประหนึ่งซื้อชานมไข่มุก จะแมทไม่แมท สีเข้ม อ่อน อะไรมีหมด ติดทน งดงาม เล่อค่า ราคายุติธรรม ชั้นยกมงให้เธอไปเลย
( 8 g., 1250 thb Made in USA )
10. Best of Contour Kit - Marc Jacobs (Best of the Best)*
ชุดคิทสำหรับใช้ในการเหลารูปหน้าให้สวยได้ตามต้องการ
Pros: พิคเมนท์กำลังดี ใช้งานง่าย ไม่ปนสีส้ม ปัดแล้วดูธรรมชาติ ไม่หลอก ไม่ลอย
Cons: ไม่มี
Result: ตัวนี้เป็นอีกตัวที่คิสซื้อยากลำบากมากๆ คิสตามหาไม่พอ ยังต้องรอคอยเป็นปีกว่าจะได้มา เพราะเบอร์ 40 Mirage เป็นสีที่ค่อนข้าง ideal กับคนเอเชียพอสมควร แป้งสี light ค่อนข้างเหลืองชัดเจน ทำให้ยิ่งเป็นที่ต้องการของตลาด เชด Dark ที่ใช้ในการเหลาหน้าก็เป็นสีที่กำลังดีไปหมด ไม่มี fall out ให้รำคาญใจ เนื้อ blendable, buildable จนไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือของที่มาจากแบรนด์แบบ Marc เลยจริงๆ ทำได้ดีเกินคาด
แพคเกจ Sleek มาก ดูสวยแบบ....สวยอะ อธิบายไม่ถูก ออกแบบได้คอนทัวร์ประหนึ่งรถโรสเตอร์ ให้ฟิลลิ่งหรูหราแบบไม่เอะอะโวยวาย ใช้พื้นที่ได้แบบคุ้มค่า ไม่หนาเทอะทะ ปริมาณให้เยอะสะใจ ใครลังเลอยู่ขอบอกว่าถ้าไม่ซื้อต้องเสียใจแน่นอน
ข้อเสียข้อเดียวที่น่าจะเป็นก็คือ...มันอาจจะเลิกผลิต อันนี้คิสก็ไม่แน่ใจ ได้แค่คาดเดา เหมือนเซ้นส์ผู้หญิงอะ เธอเช้าใจชั้นใช่ปะ มันฟิลแบบนั้นอะ ดีนะที่ชั้นมีไว้ติดตัวหนึ่งอันให้อุ่นใจ ถ้าจะเลือกผลิตไปจริงๆ ชั้นก็มีมอง Hoolalite เอาไว้ละ ยังไงชั้นก็คงไม่ต้องหน้าบานเป็นจานดาวเทียมแบบนี้จนตายแน่นอน เกิดเป็นชะนีต้องรอบคอบนะจ้ะ
(2*8.8g., 49 USD Made in USA)
ก็หมดไปแล้วค่ะ สำหรับกลุ่มเบสเมคอัพกลุ่มที่เป็นแป้งทั้งหลาย
แน่นอนว่าคิสยังไปไม่ถึงกลุ่มที่เป็นครีม solid หรือแบบเจล แบบ stick บ้าบอคอแตกทั้งหลาย ซึ่งคิสจะมาเปิดโผกันแบบมาราธอนให้จบสิ้นให้หายคาใจกันไปแน่นอน
สำหรับกลุ่มอื่นๆที่คิสยังไม่เคยใช้ ก็มีแป้งเชดดิ้งแบบ sculpting Powder หรือว่ามันก็คือแป้งเชดดิ้งเนื้อแมทเหมือน Marc Jacobs นั่นละ แต่ว่าเป็นแบบ single pan ซึ่งคิสก็ยังไม่เคยซื้อ มีแต่เล็งๆ Hoola Lite เอาไว้ กับ Kevyn Aucoin ซึ่งก็น่าจะไปจบกันที่ลุงเควิน แต่คิสก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร เจ้มาร์คนี่ให้มาจนไม่รู้จะใช้งานยังไงหมด เอาว่าอีกปีถ้ามันยังไม่หมด คิสก็ต้องเปลี่ยนอันไหม่แล้วละ ทนเกิน