สบู่อุตสาหกรรม VS สบู่ธรรมชาติ เหมาะกับผิวแบบไหนมาดู!!!!
Pattyy_bb 9 1
เนื่องจากเราหาข้อมูลเรื่องสบู่มาสักพัก ลองใช้ก็หลายแบบอยู่ เลยอยากเอาความรู้มาแบ่งปันกันบ้างงงงงงง........ มาดูกันว่า สบู่ธรรมชาติ แตกต่างกับ สบู่ที่ผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมอย่างไรบ้าง
มาเริ่มกันที่ สบู่อุตสาหกรรมกันก่อนเลยยยยยย
วิธีการผลิต
ข้อดี
สบู่ที่ได้จากโรงงานอุตสาหกรรมจะมีสีนวลสวย ก้อนแข็ง หาได้ง่าย ราคาถูก ให้ฟองดี
ข้อเสีย
ทำให้ผิวแห้ง เพราะไม่มีกลีเซอรีนที่ช่วยเคลือบผิว และอาจก่อให้เกิดการแพ้ได้จากการเคมีที่เติมแต่งเข้าไป เพื่อช่วยให้สบู่มีสรรพคุณตามที่ได้โฆษณาไว้ (หากใส่ในปริมาณที่พอดี ก็โอเค สามารถใช้ได้ )
วิธีการสังเกต
สบู่ประเภทนี้สามารถสังเกตได้จากหลังอาบน้ำ แล้วจะรู้สึกผิวฝืดๆ บางคนอาจจะได้ฟีลแบบรู้สึกสะอาด หรือพอใช้ไปนานๆ จะเหลือเศษสบู่ แข็งๆ
ผิวแบบไหนถึงเหมาะกับสบู่แบบนี้
ผิวมัน เพราะสบู่ประเภทนี้มีค่าการชำระล้างสูงจากสารเพิ่มฟองและซักฟอกต่างๆ จึงทำให้เรารู้สึกสะอาด เวลาอาบน้ำเสร็จ (แต่ผิวแห้งไปก็ไม่ดีนะ เดี๋ยวเหี่ยวเร็ว :D)
ข้อดี
อ่อนโยนต่อผิว ทำให้ผิวชุ่มชื้น ไม่มีสารเพิ่มฟองหรือสารสักฟอก (SLS) ที่อาจทำให้ระคายเคืองผิว และไม่เป็นอันตรายต่อธรรมชาติอีกด้วย (คนรักธรรมชาติ ต้องไปตำค่ะ)
ข้อเสีย
ราคาค่อนข้างสูง และละลายเร็วหากเก็บไว้ในที่ชื้น
วิธีการสังเกต
สีจะไม่สวยมาก ยกเว้นสบู่ที่ผลิตแบบ cold process ที่เน้นลวดลายและความสวยงาม ก้อนสบู่ค่อนข้างนิ่ม และสามารถใช้ได้หมดก้อน โดยไม่เหลือกากสบู่
ผิวแบบไหนถึงเหมาะกับสบู่แบบนี้
ผิวแห้งและผิวแพ้ง่าย เนื่องจากสรรพคุณจากน้ำมันธรรมชาติ ก็สามารถให้ประโยชน์่เพียงพอต่อการบำรุงผิวและชำระล้าง เพียงแต่เราอาจจะต้องหาว่าผิวเราเหมาะกับน้ำมันประเภทไหนเท่านั้น คราวหน้าเค้าจะมาเขียนเกี่ยวกับน้ำมันในสบู่น้าาาาา....... จะได้เลือกอันที่ดีที่สุดให้กับผิวเรา
สุดท้ายขออวดสบู่ olive oil + น้ำมันมะพร้าว ที่เราเพิ่งทำมานุ่มแลชุ่มชื้นมว๊ากกกกกกก หวังว่าโพสนี้จะเป็นประโยชน์กับทู้กกกกกกกคนนะฮะ........ <3
มาเริ่มกันที่ สบู่อุตสาหกรรมกันก่อนเลยยยยยย
วิธีการผลิต
สบู่อุตสาหกรรม
ผลิตจาก Soap chip หรือสบู่อัดแท่งที่ทำจาก น้ำมันปาล์มหรือไขมันสัตว์ ผสมเข้ากับด่าง แล้วนำไปตุ๋นด้วยความร้อนสูง เพื่อให้เกิดสบู่ หลังจากนั้นก็จะตักกลีเซอรีนที่เป็นสารให้ความชุ่มชื้นธรรมชาติแยกออก เพื่อนำไปขายเป็นส่วนผสมของครีมบำรุงผิวและเครื่องสำอางอีกต่อหนึ่ง ทำให้สบู่พวกนี้มีต้นทุนค่อนข้างถูก ถึงถูกมากกก หลังจากนั้นก็จะใส่สารซักฟอก (SLS) กลิ่น สารเพิ่มฟอง สารสกัดต่างๆ เช่น สารทำให้ผิวขาว สารฆ่าเชื้อ อะไรแบบนี้ ซึ่งเราจะเห็นสบู่ประเภทนี้ได้บ่อยในท้องตลาดทั่วไปข้อดี
สบู่ที่ได้จากโรงงานอุตสาหกรรมจะมีสีนวลสวย ก้อนแข็ง หาได้ง่าย ราคาถูก ให้ฟองดี
ข้อเสีย
ทำให้ผิวแห้ง เพราะไม่มีกลีเซอรีนที่ช่วยเคลือบผิว และอาจก่อให้เกิดการแพ้ได้จากการเคมีที่เติมแต่งเข้าไป เพื่อช่วยให้สบู่มีสรรพคุณตามที่ได้โฆษณาไว้ (หากใส่ในปริมาณที่พอดี ก็โอเค สามารถใช้ได้ )
วิธีการสังเกต
สบู่ประเภทนี้สามารถสังเกตได้จากหลังอาบน้ำ แล้วจะรู้สึกผิวฝืดๆ บางคนอาจจะได้ฟีลแบบรู้สึกสะอาด หรือพอใช้ไปนานๆ จะเหลือเศษสบู่ แข็งๆ
ผิวแบบไหนถึงเหมาะกับสบู่แบบนี้
ผิวมัน เพราะสบู่ประเภทนี้มีค่าการชำระล้างสูงจากสารเพิ่มฟองและซักฟอกต่างๆ จึงทำให้เรารู้สึกสะอาด เวลาอาบน้ำเสร็จ (แต่ผิวแห้งไปก็ไม่ดีนะ เดี๋ยวเหี่ยวเร็ว :D)
สบู่ธรรมชาติ
สบู่ประเภทนี้ มีวิธีการทำคล้ายคลึงกับสบู่อุตสาหกรรม คือ เอาน้ำมันผสมกับด่าง ให้เกิดการ saponification เป็นสบู่ แล้วแต่งกลิ่นหรือใส่สารสกัดตามสมควร แต่แตกต่างตรงที่ ไม่มีการตักกลีเซอรีนออกจากเนื้อสบู่ ทำให้รู้สึกชุ่มชื้นหลังอาบน้ำ นอกจากนี้ ยังไม่มีการใส่สารเพิ่มฟอง เนื่องจากน้ำมันต่างๆ ที่ใช้ถือเป็นสารซักฟอกในตัวเองอยู่แล้ว โดยเฉพาะน้ำมันมะพร้าว ที่มีค่าชำระล้างสูง ให้ฟองดี castor oil ให้ฟองเยอะ เน้นชุ่มชื้น อะไรแบบนี้้ เป็นต้นข้อดี
อ่อนโยนต่อผิว ทำให้ผิวชุ่มชื้น ไม่มีสารเพิ่มฟองหรือสารสักฟอก (SLS) ที่อาจทำให้ระคายเคืองผิว และไม่เป็นอันตรายต่อธรรมชาติอีกด้วย (คนรักธรรมชาติ ต้องไปตำค่ะ)
ข้อเสีย
ราคาค่อนข้างสูง และละลายเร็วหากเก็บไว้ในที่ชื้น
สีจะไม่สวยมาก ยกเว้นสบู่ที่ผลิตแบบ cold process ที่เน้นลวดลายและความสวยงาม ก้อนสบู่ค่อนข้างนิ่ม และสามารถใช้ได้หมดก้อน โดยไม่เหลือกากสบู่
ผิวแบบไหนถึงเหมาะกับสบู่แบบนี้
ผิวแห้งและผิวแพ้ง่าย เนื่องจากสรรพคุณจากน้ำมันธรรมชาติ ก็สามารถให้ประโยชน์่เพียงพอต่อการบำรุงผิวและชำระล้าง เพียงแต่เราอาจจะต้องหาว่าผิวเราเหมาะกับน้ำมันประเภทไหนเท่านั้น คราวหน้าเค้าจะมาเขียนเกี่ยวกับน้ำมันในสบู่น้าาาาา....... จะได้เลือกอันที่ดีที่สุดให้กับผิวเรา
สุดท้ายขออวดสบู่ olive oil + น้ำมันมะพร้าว ที่เราเพิ่งทำมานุ่มแลชุ่มชื้นมว๊ากกกกกกก หวังว่าโพสนี้จะเป็นประโยชน์กับทู้กกกกกกกคนนะฮะ........ <3