รีวิวกำจัดขนบิกินีแบบเรียลๆ
beautgreat 16 9ถ้าถามว่าทำไมต้องเอาขนน้องออกอะเหรอ จริงๆ เราเอาออกแค่นิดเดียวนะ เอาออกแค่บริเวณบิกินี คือถ้าไม่รู้ว่าบิกินีเป็นแบบไหนลองหาดูใน Google ก็ได้นะจ๊ะ ที่เราเอาออกแค่นี้เพราะว่า ขนน้องเองก็มีประโยชน์นะ แต่!! ถ้าขนดก รกเป็นป่าเกินไปก็ไม่ดี จะทำให้อับชื้น หมักหมม เกิดกลิ่นอับได้ (-_-") จึงต้องจัดระเบียบขนน้องสักเล็กน้อย แต่เราอยากแนะนำว่าควรเหลือไว้บ้างก็ดีนะจ๊ะ
วิธีโกนก็ง่ายๆ ใช้สบู่ฟอกไว้ก่อนที่จะโกนแล้วก็โกนเลยจ้า สบู่จะช่วยให้โกนง่ายขึ้น เคล็ดลับ คือเลือกมีดโกนที่หัวมันขยับขึ้นลงได้จะโกนได้ลื่นขึ้น โกนมันดีกว่าเราตัดนะ คือขนที่งอกใหม่ไม่ทิ่มแทงเท่าตัด ถึงแม้ว่าตอนนี้เราจะไม่ได้โกนแล้วแต่เรายังใช้มีดโกนกับส่วนอื่นๆ มีดโกนที่ใช้คือ
1.เร็ว รูดปื๊ดเดียวเกลี้ยง ไม่ต้องรอนาน
2.มีแถบสีชมพู ด้านบนและล่างของใบมีดโกน ก่อนใช้เราต้องจุ่มน้ำก่อนแล้วแถบสีชมพูนี้จะเริ่มละลายและลื่นขึ้น (เราว่ามันคือสบู่นะ) มันทำให้โกนได้ลื่นมาก ส่วนหัวใบมีดก็ขยับได้ แถบสีชมพูก็ขยับได้เหมือนกัน
3.ใบมีดก็โกนได้หลายครั้งอยู่ ด้ามจับก็ถนัดมือดี
ข้อเสีย :
1.ราคาค่อนข้างสูงใช้ได้เลย (ใบมีดโกนต้องเปลี่ยนบ่อยๆ นะ อย่าใช้ร่วมกับผิวบริเวณอื่นเพื่อป้องกันการติดเชื้อ)
2.ทำให้เป็นแผลและอาจจะติดเชื้อได้ ผิวบริเวณน้องสาวค่อนข้างบอบบางและเสี่ยงต่อการติดเชื้อง่าย ถ้ามีแผลขึ้นมา (มีอยู่แล้วแผลเล็กๆ บางครั้งเรามองไม่เห็นแต่อาจจะรู้สึกแสบๆ)
3.ขนขึ้นเร็วกว่าวิธีอื่น วันเดียวก็ขึ้นแล้ว
4.ส่วนตัวตรงแถบสีชมพูไม่เรื่องให้ไม่ปลื้มอยู่มันก็โกนไม่ค่อยเรียบเท่าแบบที่ไม่มี ต้องกดต้องย้ำถึงจะเรียบจริง
อันนี้ให้คะแนน 7/10 หักที่เสี่ยงมีแผลนี่แหละ ต้องใช้คู่กับมีดซอยหมออ้อยเก็บส่วนที่เหลือแทนใช้กรรไกรตัด
2.แว๊กส์ อันนี้เราไม่ขอระบุร้านละกันเนอะ แต่ขอบอกก่อนเลยว่าถ้าใครคิดจะแว๊กส์ขนน้องสาว คุณควรหาข้อมูลร้านให้ดีดีก่อน ควรเลือกร้านที่มีความเป็นส่วนตัว มีความปลอดภัย และสะอาด ถ้ามีรีวิวช่างด้วยจะดีมาก เดี๋ยวจะเล่าว่าทำไม...
หลังจากเลิกโกนเราเริ่มรวบรวมความกล้าแล้วหาร้านแว๊กส์ พอเดินเข้าไปในร้านเขาจะถามว่าเราจะแว๊กส์แบบไหน เราเลือกบิกินีเป็นการเอาขนออกน้อยที่สุด
ครั้งแรก..เจ็บมาก!! เจ็บอย่างที่จินตนาการไว้ แต่! ถ้าช่างชำนาญเขาจะมีเทคนิกช่วยให้เราเจ็บน้อยลงและดึงแค่ครั้งสองครั้งก็หมด ถ้าช่างไม่มืออาชีพคงต้องดึงหลายครั้งและจะแสบผิว (นี่คือสาเหตุที่เราจะไม่แว๊กส์เอง ถ้าเราดึงผิดทิศทั้งเจ็บทั้งผิวเสียแน่ๆ) นี่คือสาเหตุที่บอกว่าต้องหารีวิวช่าง หลังจากแว๊กส์ครั้งแรกเขาจะนัดเราสำหรับครั้งต่อไปประมาณ 2 อาทิตย์แต่จะไม่เกิน 1 เดือน กว่าจะแว๊กส์ได้อีกครั้งเราต้องรอให้ขนยาวพอประมาณก่อน แต่ถ้าเกินเวลาที่กำหนด (ตรงนี้สำคัญมาก) มันจะเจ็บมาก เจ็บกว่าครั้งแรกอีก! และอาจจะมีเลือดซึมกันเลย เพราะว่ารากขนฝังตัวลึกและแข็งแรงมากแล้วทำให้การถอนขนนั้นทำได้ยากขึ้น ช่างอาจจะต้องทำซ้ำหลายครั้งT^T ซึ่งเราเข็ดขยาดมากเรื่องนี้ แต่ถ้าเรารักษาเวลาดีดีไปตามนัดจะไม่เจ็บเลย ชิว ชิว ผิวเนียนเรียบแท้ทรู ขนขึ้นใหม่ช้า ช้ากว่าทุกวิธี(ไม่รวมเลเซอร์) และบางลง นุ่มขึ้น ไม่ตำผิว แต่ที่เขาบอกว่าขนจะไม่ขึ้นอีกเราว่าผลลัพธ์ไม่เหมือนกันทุกคนนะ เพราะเราแว๊กส์มานับปีแล้วขนยังไม่หายไปไหนเลย ต้องแว๊กส์ทุกเดือน
ข้อดี :
1.ขนเกลี้ยงที่แท้ทรู ผิวเนียนเรียบมาก หมดปัญหาขนตอ ขนทิ่ม ขนตำ
2.ขนขึ้นช้า
3.ขนบางและนิ่มขึ้น
ข้อเสีย :
1.เจ็บและอาย (ในครั้งแรก)
2.ผิวโดนทำร้ายจากการกระชาก อาจจะทำแสบ เกิดรอยแดง หลังแว๊กส์ต้องดูแลผิวดีๆ
3.อย่างที่บอกไป ให้หาร้านดีๆ เราเคยเจอแมลงสาบบินว่อนในร้านสยองมาก บางร้านไม่มีที่ล็อกประตูห้องและเป็นร้านที่ผู้ชายเข้าใช้บริการได้ เดินผ่านไปมา รู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไร
หลังจากแว๊กส์อยู่เป็นเวลานานก็ไม่หายไปซะที รวมถึงเราไม่ค่อยมีเวลาไปร้าน หลังจากทิ้งไว้เดือนนึงก็รู้สึกว่าไม่อยากไปแล้ว อยากหาอะไรที่ทำเองได้ที่บ้าน(อีกครั้ง) เลยเลือกใช้แบบครีมหรือมูสที่ใช้ง่ายกว่า ครั้งนี้เราเลือกมา 3 ยี่ห้อ
อันนี้ให้คะแนน 8.5/10 หักคะแนนที่ ต้องไปแว๊กที่ร้านทุกเดือน ซึ่งเราไม่สะดวกเลย แล้วขนที่เหลือก็ต้องสับซอยเองด้วยหวีหมออ้อยเช่นเดิมนะจ๊ะ
3.Veet วีท ชื่อนึกถึงเป็นชื่อแรกเลย เชื่อว่าใครๆ ก็รู้จัก เราเลือกที่เขียนว่าสำหรับผิวบอบบาง (มีหลายสูตร) เขาจะมาพร้อมกับไม้ปาดครีมในกล่อง วิธีใช้เขียนไว้ข้างกล่องเรียบร้อยแล้ว เชิญอ่านก่อนใช้ได้เลย
ข้อดี :
1.เนื้อครีมนุ่ม ละเอียดมาก เกลี่ยง่ายมาก
2.กลิ่นไม่ฉุน ไม่มีกลิ่นเลย
3.ที่ปาดครีมช่วยให้ปาดครีมได้ง่ายขึ้น และกะบริเวณได้ง่าย
4.ไม่กัดผิว ผิวไม่แห้ง ไม่ระคายเคือง แต่ก็ไม่ควรทิ้งไว้เกินจากที่กำหนด
ข้อเสีย :
1.ขนหลุดไม่เกลี้ยง เหลือขนตอค่อนข้างเยอะ ให้ผลเหมือนโกน มีรอยตัด มองด้วยตาเปล่าอาจจะไม่เห็น แต่ใช้มือคลำจะรู้สึกถึงตอขนและคม ใช้ครั้งต่อไปก็ยังเหมือนเดิม
2.หลอดเล็กเกินไป ใช้ไม่กี่ครั้งก็หมดแล้ว เราต้องใช้บ่อย แต่หาได้แค่ขนาด 25 ml. เท่านั้น
ความเห็นจาคุณผู้ชาย : ตอนแรกไม่แสบ แต่ทิ้งไว้เกิน 5 นาทีเริ่มรู้สึกยิบๆ เช็ดออกยาก ทิ้งขนตอเยอะ มองด้วยตาเปล่าก็เห็น รู้สึกว่าโกนเรียบเนียนกว่า
อันนี้ให้คะแนน 8/10 ชอบที่เนื้อครีมเกลี่ยง่าย เนียนละเอียด ไม่แสบ ไม่มีกลิ่น แต่หักคะแนนที่ขนเหลือตอเยอะ ทิ้งไว้เกินเวลาก็รู้สึกยิบๆ
4.Ha-mo-I ฮาโมอิ : อันนี้ไม่เคยรู้จักมาก่อนเห็นเพื่อนใช้เลยใช้ตาม (คนตามเพื่อน) ตอนแรกเข้าใจว่าของญี่ปุ่นแต่เพื่อนบอก “เปล่า ของไทยนี่แหละลองพูดเร็วๆสิ” อ่อ... จะบอกว่าเอาไว้ใช้กับขนหมออ้อย! (หลอดนึง 100 ml.เบ้อเริ่มมาก) ใช้คุ้มมาก เนื้อครีมเป็นสีขาวครีมและข้นมาก
วิธีใช้ ทาเอาไว้ประมาณ 5 นาที ลองเทสดูถ้าขนหลุดแล้วก็เช็ดย้อนแนวขน ถ้ายังไม่หลุดทิ้งไว้อีก ในเพจเขาบอกให้เช็ดด้วยผ้าชุบน้ำอุ่น เราก็ลองทั้งแบบชุบและไม่ชุบ สรุปชุบน้ำอุ่นเช็ดออกง่ายกว่า ลื่นกว่า เกลี้ยงกว่า แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
ข้อดี :
1.กลิ่นไม่ฉุนอีกเช่นกัน กลิ่นหอมแบบกลิ่นฟรุตตี้อะ หอมหวานๆ แบบกลิ่นผลไม้
2.ไม่แสบผิวเลย ไม่มีเลย เราเผลอทิ้งไว้ประมาณ 10 กว่านาที (ลืมจับเวลามัวแต่เล่นมือถือ) ครีมอื่นจะมีจี๊ดๆ เป็นการเตือนว่าหมดเวลาแล้วนะ ล้างออกเดี๋ยวนี้! แต่อันนี้ไม่อะ ไม่มีเลย เพลินมาก
3.ขนเกลี้ยงประมาณ 90% เลยในครั้งแรก ส่วนที่ขนหลุดก็หลุดเกลี้ยงผิวเรียบเนียนเลยเหมือนแว๊กซ์ ผิวไม่แห้ง ไม่ระคายเคือง ผิวนุ่มขึ้นด้วย
4.ขนที่รุงรังก็โดนจัดระเบียบให้เรียบร้อย รอยตัดไม่คม ไม่ตำ ชอบมาก
ข้อเสีย :
1.เนื้อครีมข้นมาก ค่อนข้างหนืด ถ้าทำให้ห้องแอร์ต้องรีบเกลี่ยเพราะครีมจะหนืดมาก
2.ใช้ครั้งแรกเหลือขนตอที่เห็นชัดอยู่บ้าง แต่ใช้ไปเรื่อยๆ ขนก็หลุดออกมากขึ้น
ความเห็นจากคุณผู้ชาย : ถึงจะทิ้งไว้นานหน่อยก็ไม่แสบผิว ไม่รู้สึกยิบๆ เลย เช็ดออกง่ายปาดทีเดียวก็ออก ไม่ต้องออกแรงเยอะ ขนเกลี้ยงดี กลิ่นไม่ฉุน
อันนี้ให้คะแนน 9/10 หักคะแนนที่เกลี่ยยากไปนิด ถ้าบริเวณน้อยๆ ไม่เป็นไร แต่ถ้าบริเวณกว้างค่อนข้างยาก สำหรับเรายังเหลือขนตออยู่บ้าง แต่ขนตอไม่ตำนะ
5.0derma โอเดอร์มาสูตรเย็น ตัวนี้เป็นมูสกำจัดขนนำเข้าจากเกาหลี ไม่มีฉลากภาษาไทยนะจ๊ะ เพราะฉะนั้นต้องอ่านที่คนขายส่งมาให้อย่างละเอียดก่อนใช้งาน (ตอนซื้อถามวิธีใช้กำจัดขนน้องสาว เขาจะส่งวิธีใช้โดยละเอียดมาให้) มูสกำจัดขนถือว่ามาแรงมากในช่วงนี้ เลยสอยมาลองสักขวด
วิธีใช้ ต้องใช้สำลีหรือทิชชูอุดและปิดบริเวณผิวบอบบางเอาไว้ก่อน ปิดให้ดีๆ เลยนะ จากนั้นฉีดมูสบริเวณที่เราต้องการ รอประมาณ 5 นาทีแล้วเช็ดออก และล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกที
ข้อดี
1.กลิ่นหอม ไม่ฉุน กลิ่นเหมือนน้ำหอมผู้ชายอะ (ผลิตภัณฑ์กำจัดขนที่ฉุนนี่เก่าไปแล้วสินะ)
2.ขนหลุดเยอะมากประมาณ 85-90% เหมือนกัน แต่ก็เหลือตออยู่บ้างเล็กน้อย ส่วนตัวคิดว่าก็ละลายขนได้ดีอยู่นะ แต่ใช้กับคุณผู้ชายเหลือขนเยอะกว่า คิดว่าผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล
3.เย็นดีด้วย แต่ก็ไม่ควรทิ้งไว้นานเกิน 5 นาทีเหมือนกัน
4.ขนที่ยาวรุงรังโดนตัดออกไปเหมือนกัน รอยตัดไม่คม ขนตอไม่ตำผิวข้อเสีย
1.ใช้ยาก ยากกว่าแบบครีม เพราะว่าควบคุมปริมาณและทิศทางได้ยาก
2.พอฉีดลงไปแล้วมันจะยุบตัวกลายเป็นน้ำก่อนจะเซ็ทตัว ตอนที่เป็นน้ำนี่แหละมันไหลจ้า ไหลลงด้านล่างหมดต้องคอยปาดขึ้นมาให้มันเซ็ทตัว และเพราะเป็นน้ำอีกนั่นแหละทิชชูที่เราปิดหรืออุดไว้ตรงผิวบอบบางมันซับมูสเข้าไปแอบแสบนิดๆ แบบจี๊ดๆ แม้จะล้างออกแล้วมันก็ยังจี๊ดๆ อยู่ แต่ไม่ถึงกับไหลเข้าไปข้างในนะ แค่ซึมๆ บริเวณขอบๆ ต้องใช้หลายๆ ครั้งถึงจะชำนาญความเห็นจากคุณผู้ชาย อันนี้รู้สึกยิบๆ แม้ว่าจะยังไม่ครบ 5 นาทีก็ตาม เช็ดออกค่อนข้างยาก ต้องเช็ดแรงๆ 3 รอบขนถึงจะหลุด และยังเหลือขนเห็นชัดอยู่
อันนี้ให้คะแนน 8/10 อันนี้ขอหักคะแนนตรงที่รู้สึกยิบๆ แม้จะล้างออกแล้วยังรู้สึกอยู่ และไม่ชอบเลยที่ไหล เพราะตอนใช้กับบิกินีมันไหลไปจุดที่เราไม่ต้องการ แต่ส่วนตัวชอบที่ขนเกลี้ยงดีนะ ขวดใหญ่ด้วยใช้ได้นานเลย
เราไม่สามารถถ่ายรูปบิกินีให้ดูได้เนอะ แถมขนบริเวณอื่นก็บางเกินไป (ลองใช้กับแขนขาดูแล้วชอบมาก ตอนเช็ดครีมหรือมูสได้เช็ดเอาสิ่งสกปรกที่ตกค้างออกมาด้วย แถมขนขึ้นช้า ขนใหม่น้อยลงด้วย) คราวนี้เราต้องขอยืมขาคุณผู้ชายมาทำรีวิว คราวนี้มาดูผลจากภาพกันดีกว่าจ้า
ในส่วนของขนขานั้น....
ส่วนโอเดอร์มานั้น ค่อยๆ ฉีดนะ ตอนแรกไม่ได้ฟุ้งเป็นวงกว้าง แต่พอมูสเริ่มขยายตัว ก็จะเริ่มไหล แล้วค่อยๆ เซทตัว ต้องรีบเกลี่ยเพื่อไม่ให้ไหลมากไป