แชร์สกินแคร์ Routine ที่ช่วยให้หน้าใสกริ้ง รอยสิวหายว้าบในวัยใกล้ 30 ปี

43 12
เมื่อก่อนเคยคิดว่าปัญหาผมร่วง ผมบาง ผมน้อย เป็นปัญหาของคนที่อายุเยอะๆ หรือคนมีลูก เราเลยจัดเต็มกับชีวิต(ผม) แบบเต็มเหนี่ยว ดัด ย้อม ยืด ไดร์ผมร้อนๆ มาโดยตลอด จนตอนนี้อายุยังไม่ถึง 30 เลยค่ะ จากผมที่เคยดูหนาสุขภาพดี ตอนนี้คือผมบางลงเยอะมากกกก ร่วงเยอะมาก ยิ่งไว้ยาวก็ยิ่งร่วงหนัก!

ที่มาของกระทู้นี้ คือ อยากรู้ว่ามีใครเป็นเหมือนเราบ้าง อายุใกล้ 30 แล้ว รู้สึกว่าหน้ามันแย่ง่ายอะ คือ เป็นสิวง่าย แต่รอยสิวหายช้า / หน้าหมองคล้ำง่าย แต่เรียกความใสกลับมาเหมือนเดิมยาก / ริ้วรอยเกิดง่าย แต่ต้องเวลาฟื้นฟูนาน ปัญหาสารพัดผิวที่ทำให้โคตรลำบากใจ เพราะคอลลาเจนหรือฮอร์โมนต่างๆ มันไม่เหมือนวัยยังสาวอีกต่อไปนั่นเอง  


ทำให้เวลาจะตัดสินใจซื้อสกินแคร์อะไรที ก็ต้องคิดว่าสิ่งที่ใช้มัน Cover ปัญหาผิวของเราได้หรือป่าว ก่อนอื่นเลยต้องจัดลำดับปัญหาผิว เพื่อที่เวลาที่เราจะซื้อหรือจะใช้อะไร จะได้โฟกัสไปที่ปัญหาจริงๆ ไม่ได้ใช้ตามกระแส (เพราะผิวเราไม่ได้เหมือนกับคนอื่นๆ ดังนั้นต้องตรวจเช็กผิวของตัวเองก่อน) และปัญหาผิวก็จะถูกจัดการได้อย่างตรงจุดจริงๆ ซึ่งเราจัดอันดับปัญหาของเราดังนี้ 

.

.

.


อันดับ 1 คือ เรื่องของผิวอ่อนแอแพ้ง่าย ทำให้เป็นสิว ทำให้เกิดรอยดำ รอยแดงที่ไม่จบไม่สิ้น เรื่องนี้คือทำให้เราขาดความมั่นใจสุดๆ เพราะกลัวเป็นรอยดำฝังลึก หรือว่าหน้าเป็นหลุม


อันดับ 2 คือ เรื่องความหมองคล้ำ แดดแรง นอนดึก หน้าแดงง่าย ผิวคล้ำง่าย 


อันดับ 3 คือ เรื่องความชุ่มชื้น เพราะนอนห้องแอร์ และต้องเมคอัพทุกวัน ดังนั้นถ้าหน้าแห้ง เครื่องสำอางดีแค่ไหนก็ไม่ติดผิว 


อันดับ 4 คือ เรื่องริ้วรอย (ที่อาจยังมองไม่เห็น) แต่อายุเท่านี้แล้ว ก็ควรจะต้องเริ่มหาอะไรที่มันช่วย Anti-Aging มาใช้ได้แล้ว

ต่อมาเราจะขอลงดีเทลทีละตัว 

โดยแบ่งเป็นขั้นตอนการล้างหน้า > การดูแลผิว > และการรักษาสิว

เรื่องการทำความสะอาดผิว

(ให้ขั้นตอนนี้เราต้องเลือกอะไรที่มันอ่อนโยนๆ เข้าไว้ เพราะต้องลดการเสียดสีของหน้าให้น้อยที่สุด)


> Physiogel daily moisture therapy dermo-cleanser ตัวนี้จะเป็นเจลหน้าล้างหน้าสำหรับผิวบอบบางนะคะ ไม่มีฟอง ไม่มีน้ำหอม ที่เลือกเป็นแบบนี้เพราะหน้าของเราจะไม่โดนเสียดสีมาก (ช่วยลดการไปกระตุ้นสิวได้) จะมันยังคงความชุ่มชื่นเอาไว้ หน้าจะไม่เอี๊ยด ไม่แห้ง และไม่ต้องกังวลว่าความอ่อนโยน หรือลักษณะเนื้อแบบนี้จะขจัดสิ่งสกปรกไม่ออก เพราะเราต้องเช็ดเครื่องสำอางออกก่อนอยู่แล้ว และตัวนี้เป็นเหมือนมาช่วยคลีนหน้าอีกทีนึง


> Thayers natural remedies หลังจากล้างหน้าจบ ก็จะมาต่อที่เช็ดโทนเนอร์เหมาะกับผิวบอบบาง เพราะไม่มีน้ำหอม เป็นเหมือนการรีเช็กว่าผิวของเราสะอาดชัวร์แล้ว และเพื่อปรับสภาพผิวเตรียมพร้อมลงสกินแคร์ ซึ่งตัวนี้ตามคำเคลมแล้ว มันจะช่วยเรื่องปลอบประโลมผิว ลดปัญหาสิว และน้ำมันส่วนเกินประมาณนี้ค่ะ 

เรื่องการบำรุงผิว

ในขั้นตอนนี้เราจะมีทั้งที่ช่วยปลอบประโลมผิว และช่วยเรื่องความหมองคล้ำ + ชุ่มชื้น + ริ้วรอย


> Anessa ขั้นตอนก่อนบำรุงแบบจริงจัง ทุกโคนนนนต้องอย่าลืมทาครีมกันแดดเน้อ เพราะว่ามันจะช่วยให้ผิวเราไม่เหี่ยว ไม่แก่ และไม่หมองคล้ำง่าย ซึ่งลักษณะเนื้อที่เราเลือกจะเป็นแบบเจล เพื่อให้มันเบาสบายหน้า ไม่เหนียวเหนอะหนะ ไม่วอก ไม่เยิ้ม ซึ่งเราว่าเหมาะกับใช้เมืองไทยนะ เพราะลองตัวอื่นแล้วมันค่อนข้างเยิ้มระหว่างวัน 


> Clear nose serum concentrate แล้วเราก็จะมาทาเซรั่มตัวนี้ต่อ เหมือนเป็นตัวที่ทำให้ผิวเราแข็งแรงขึ้น ชุ่มชื่น ซึ่งตัวนี้ก็เป็นอีกตัวเหมาะกับผิวบอบบางอีกแล้ว ชอบเป็นสิวง่าย ไม่มีแอลกอฮอล์ เนื้อเซรั่มจะข้นๆ แต่ซึมเข้าผิวง่าย และมีกลิ่นออกแนวผ่อนคลายๆ ซึ่งตัวนี้ทาได้ทั้งเช้า - กลางคืนเลย เหมือนเป็นลงตัวนี้เป็นเบสิค ก่อนไปลงครีมที่เข้มข้นต่อจากนี้


> SKll Aura essence หลังจากบำรุงอะไรแบบอ่อนโยนๆ กันมาเยอะแล้ว ตัวนี้ก็จะเป็นตัวที่เข้ามาช่วยเรื่องความหมองคล้ำแบบตรงจุด หน้าจ้ำแดงๆ ในตอนเช้าได้ค่อนข้างดี ซึ่งตัวนี้คำเคลมจะช่วยในเรื่องของเรื่องผิวใสออร่า ช่วยให้รอยสิว จุดด่างดำทั้งที่มองไม่เห็นและอยู่ใต้ผิว ให้หายไวและหน้าไบร์ทขึ้น ซึ่งหลังใช้อย่างตัวเนื่อง เรารู้สึกได้ว่ามันไบรท์ขึ้นนะ หน้าดูมีออร่าสว่างๆ ขึ้นแต่ก่อน และพวกสีผิวที่ไม่เท่ากัน ก็เริ่มดูดีขึ้น 


> Estee lauder advanced night repair ต่อมาจะเป็นตัวที่ให้ความชุ่มชื้นขั้นสุด และช่วยเรื่องริ้วรอยที่ตอนนี้อาจยังมองไม่เห็นได้ ซึ่งตัวนี้เราชอบมา แต่ว่าจะทาเฉพาะเวลากลางคืน หยด1/3 ของหลอดดรอป มันอาจจะรู้สึกหนึบๆ หน้านิดนึง แต่ถ้าคนนอนในห้องแอร์จะฟินมา ชอบมาก เพราะมันจะรู้สึกว่าหน้าชุ่มชื้นทั้งคืน และตื่นมาจะรู้สึกว่าหน้านุ่ม ฟู เหมือนได้นอนครบ 8 ชม.

ขั้นตอนดูแลเรื่องสิว + รอยสิว

ในขั้นตอนนี้เราจะให้ความสำคัญกับการเลือกสารสกัดมากหน่อย เพราะอย่างที่บอกว่าผิวเราเป็นผิวแพ้ง่ายบวกกับอยากหายไวๆ เพราะสิวและรอยสิวมันเป็นปัญหาหลัก ถ้าเจอสารสกัดที่แรงๆ จากยาแต้มสิว ก็เสี่ยงทำให้ผิวตรงนั้นดำไหม้ได้ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วทำให้ใช้เจ้า 2 ตัวนี้ ยี่ห้อเดียวกัน เพราะรู้สึกสารสกัด “ต้นเลือดมังกร” หรือดราก้อนบลัด มันช่วยสมานแผล ลดการอักเสบ เติมเต็มชั้นผิวและช่วยให้ผิวกลับคืนสู่สภาพเดิมได้ค่อนข้างดี


> Puricas Advanced Formula Anti-Acne Gel ตัวนี้จะเป็นเจลแต้มสิว ที่มีความอ่อนโยนเหมาะกับผิวแพ้ง่าย ไม่มีน้ำหอม, พาราเบน และสารสเตอรอยด์ ทาแล้วไม่ยิบ ไม่แสบ ไม่กัดผิว ไม่ทำให้ผิวไหม้ แต่ทำให้สิวยุบไว หายเจ็บ หายอักเสบไวภายใน 2 คืนแรก   ซึ่งไม่ว่าเราจะเป็นสิวหนอง สิวอักเสบ สิวไม่มีหัว สิวฮอร์โมน เราก็จะหยิบตัวนี้มาแต้มหนาๆ ตอนกลางคืน ตื่นมาในคืนแรก สิวที่เต่งๆ แดงๆ คือยุบลงไป ก็แต้มต่อเนื่องไป 5 วัน สิวเม็ดนั้นก็แห้ง และสามารถกดออกมาได้แบบง่ายๆ เลย ซึ่งตามคำเคลมเค้าบอกว่าช่วยดูดสิวอักเสบ และสิวอุดตัน /ลดการอักเสบ /ลดปัญหาสิวขึ้นซ้ำที่เดิม / ลดปัญหาสิวที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย / สมานแผลสิว แผลสิวแห้งไว้ขึ้น ซึ่งมันก็จริง


Puricas Dragon’s Blood Scar Gel พอสิวเริ่มยุบก็หยิบตัวเจลลดรอยสิวมาแต้มเลย (แต้มหลังตัวทาสิวนะ) เพราะอยากให้มันช่วยรอยแดงไปพร้อมๆ กันเลย เพราะตัวนี้เค้าบอกว่าสามารถเริ่มทาลงบนแผลสดได้เลย ซึ่งเราเป็นแค่แผลสิว ไม่ร้ายแรง ทาได้อยู่แล้ว เพราะสารสกัดดราก้อนบลัดช่วยสมานแผล ฟื้นฟูผิวได้เร็ว และทำให้แผลเป็นดูจางลงและเรียบเนียน ซึ่งตัวนี้จะเริ่มเห็นว่ารอยแดงจากสิวเริ่มจางลง ประมาณเข้าอาทิตย์ที่ 2 ไปแล้ว สีรอยแดง รอยดำเริ่มอ่อนลง พอเราเริ่มรู้สึกว่ามันใช้แล้วเห็นผล ก็ไม่ได้สังเกตเป็นระยะๆ ต่อ พอส่องกระจกอีกทีคือรอยสิวตรงนั้นแทบมองไม่เห็นแล้ว น่าจะประมาณ 1 นึงมั้ง คือมันดีอะ

และนี่เราเขียนตัวเลขให้ดูง่ายๆ สำหรับขั้นตอนการบำรุงว่าทาตัวไหนก่อนหลัง


และถ้าใครมีปัญหาสิว หรือ ผิวหมองคล้ำเป็นหลัก เราก็จะแนะนำเป็น 3 ตัวนี้จ้า เพราะหลังจากใช้ควบคู่กันไปประมาณ 2 อาทิตย์ ก็จะรู้สึกว่าผิวของเราเรียบเนียนขึ้น รอยสิว รอยดำ รอยจ้ำแดงๆ ดูจางๆ ลง

ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ เราก็อยากจะบอกว่า มันจบแล้วจ้าาา และอยากจะเน้นย้ำสาวๆ ที่วัยใกล้ๆ เรา คือใกล้ 30 แล้วนั่นเอง อยากจะให้ทุกคนให้ความสำคัญกับการเรื่องสกินแคร์จริงๆ นะ อย่าใช้ในสิ่งที่คิดว่า “น่าจะดี” ควรจะเลือกอะไรที่ “คิดว่านี่แหละมันกับผิวของเราจริงๆ” เพราะผิววัยนี้ฟื้นฟูค่อนข้างยาก ดังนั้น รักผิวกันให้มากๆ น้าค้า สำหรับวันนี้ไปแล้วค่า สวัสดีค่ะ :)