[ SERIES REVIEW ] ชวนคนว้าวุ่นมาเรียนเพศศึกษาฉบับใหม่ใน SEX EDUCATION
Cindie 21 4ฮัลโหลวสวัสดีค่ะ สวัสดีๆอาฟเตอร์วาเลนไทน์เดย์กันสักหน่อย ซินเด้แสนซนคนหลวย รวยไม่มาก แต่ว่าโทรศัพท์มีกล้อง ที่ห้องมีเน็ดฟลิกซ์ มารายงานตัวแล้วค่ะ 5555
ก็จะไม่ขอพูดเรื่องความรักให้มากความ เนื่องจากไม่ใช่กูรูผู้สันทัด ขนาดคิดจะมีความรักยังต้องศึกษาเอาจากในซีรีส์เลยค่ะ และซินก็ได้ไปศึกษาเรื่องนึงมา คันปากยิบๆอยากจะพูด ใช่แล้ว วันนี้ซินดี้จะมาพูดถึง Sex Education เพศศึกษา (หลักสูตรเร่งรัก) ทางNETFLIX ซีรีส์วัยว้าวุ่นที่ไม่ใช่วัยรุ่นก็มาวุ่นด้วยกันได้ จะบอกว่าก่อนหน้านี้กระแสแรงมาก นี่ก็ชั่งใจว่าจะดูดีไหม และการตัดสินใจดูของเราเป็นสิ่งที่ถูกต้องมาก เพราะว่าเนื้อหาเขาดวีย์จริงอะไรจริง ส่วนดีขนาดไหน เลื่อนลงอ่านต่อกันเล้ย
SEX EDUCATION: เพศศึกษา หลักสูตรเร่งรัก
โอทิส หนุ่มเนิร์ดวัยว้าวุ่น ผู้หลวมตัวเปิดคลินิกให้คำปรึกษาเรื่องเซ็กซ์ให้กับเพื่อนในโรงเรียนร่วมกับเมฟ เพื่อนสาวฮ็อตสุดซ่าประจำโรงเรียน ด้วยความที่เขามีแม่เป็นนักจิตบำบัด ให้คำปรึกษาด้านความสัมพันธ์และเรื่องบนเตียง ทำให้เขามีความรู้พื้นฐานทางนี้ติดตัว เมื่อเมฟเห็นว่าโอทิสสามารถให้คำปรึกษาได้ ไอเดียช่องทางการหาเงินในโรงเรียนสุดบรรเจิดจึงได้เริ่มต้นขึ้น
หากคุณคิดว่าซีรีส์เรื่องนี้บอกเล่าชีวิตวัยรุ่นที่โฟกัสแค่เรื่องรักๆใคร่ๆ คุณคิดผิดค่ะ และถ้าคุณคิดว่าก็แค่ทำมาเพื่อสอนให้วัยรุ่นรู้จักใช้ถุงยางอนามัยก็เท่านั้น อันนี้คุณก็ผิดอีกเช่นกัน เพราะมันมีอะไรมากกว่านั้น บั่บว่า..ม้าก มาก มากกก วันนี้ซินจะมารีวิวถึงซีรีส์แบบยิบย่อย จะสับทีละประเด็นเลยว่ามันเจ๋งขนาดไหน
ประเด็นเรื่องเซ็กซ์และความสัมพันธ์
ถึงแม้ว่าคุณแม่ของโอทิส ตัวเอกของเรื่องจะเป็นนักบำบัดเรื่องเซ็กซ์ แต่ตลอดทั้งเรื่องบทบาทของการให้คำปรึกษาแก่คนอื่นมักมาจากตัวโอทิสซะมากกว่า ซึ่งเขาเปิดคลินิกรับปรึกษาปัญหาให้กับเพื่อนๆในโรงเรียน แน่นอนว่าจากชื่อเรื่อง Sex Education เขาก็ได้ทำการสอดแทรกเรื่องราวเนื้อหาเกี่ยวกับเพศสัมพันธ์ ความสัมพันธ์ที่ไม่ว่าจะในฐานะคนรัก เพื่อน หรือครอบครัว การแก้ไขปัญหาตั่งต่าง การประคับประคองความรู้สึกของกันและกัน ดังเช่นความสัมพันธ์ของโอทิสกับแม่เองก็มีรอยร้าวที่เข้ากันไม่ได้ และต้องเรียนรู้ที่จะเจอกันคนละครึ่งทาง คุณแม่จะไม่รุกล้ำเรื่องส่วนตั๊วส่วนตัวของลูก ส่วนคุณลูกก็จะเปิดใจรับฟังคำแนะนำของแม่บ้าง
เนื้อหาไม่ได้บอกเล่าแค่ว่าวัยรุ่นเขาว้าวุ่น วุ่นเว้อกันแค่ไหน แต่เขาใช้หลักการหลายๆอย่างมาอธิบายปัญหาที่เกิดขึ้น พูดก็คือเขานำพวกวิทยาศาสตร์ จิตวิทยามาใช้ เพื่อทำให้เข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นและดูจะเป็นปัญหานั้น มาจากอะไรได้บ้าง และสามารถหาทางออกได้อย่างไรบ้าง
ประเด็น LGBT+ ความหลากหลายทางเพศ
ก่อนอื่นเราจะบอกว่า ประทับใจมากกับการเขียนบทให้ตัวละคร LGBT นำแสดง และมีความเป็นปุถุชนธรรมดาท่ามกลางคนอื่นๆที่ธรรมดาอีกเช่นกัน เราคงไม่ได้เห็นบทบาทเพื่อนซี้พระเอกที่เป็นเพศที่ 3 ในบ้านเรานัก ซึ่งใน Sex Ed ตัวละครเอริค ได้นำเสนอภาพลักษณ์ทีนเอจที่แสนสดใสคนหนึ่ง ความสัมพันธ์ในความเป็นเพื่อนของทั้งสองคนมันก้าวข้ามเรื่องของเพศ มันไม่มีกำแพง ไม่มีคำว่าคบเพื่อนที่เป็นเกย์แล้วจะไม่แมน เพื่อนก็คือเพื่อน ตรงจุดนี้ซินชอบวิธีการนำเสนอของเขามาก
ตัวละครที่นำเสนอความหลากหลายทางเพศไม่ได้มีแค่คนเดียว เราจะได้เห็นวิธีการยอมรับตัวตนของเขา เห็นการเปิดใจระหว่างตัวละครและครอบครัว เห็นการถูกเหยียดหยามจากเพื่อนร่วมชั้น ซึ่งท้ายสุดแล้ว การเรียนรู้ การทำให้ผู้อื่นเข้าใจ มันจะทำให้ทุกคนก้าวผ่านเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ไปด้วยกันได้ในที่สุด
เรื่องนี้ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่สร้างให้คนซึมซับว่าบนโลกนี้มันมีความหลากหลายอยู่เต็มไปหมด ไม่ใช่แค่เรื่องเพศ แต่ยังรวมถึงมุมมองต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เชื้อชาติ และอื่นๆอีกมากมาย
ประเด็นเรื่องการกลั่นแกล้ง Bully ในวัยรุ่น
ถ้าเราลองเสิร์ชในอินเตอร์เน็ตเกี่ยวกับการแกล้งกันอย่างรุนแรงในโรงเรียน เราจะพบว่ามันมีเรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นทุกมุมโลก คนตัวใหญ่กว่ารังแกคนตัวเล็ก คนที่เป็นลูกคนรวยหรือครูใหญ่อวดเบ่งเพื่อข่มคนอื่น ผู้ชายเหยียดหยามเกย์ ผู้หญิงซึ่งได้ฉายาว่าควีนและพรรคพวกรุมแกล้งสาวเฉิ่มที่ไม่มีใครสนใจ และเรื่องทั้งหมดนี้ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นภาพยนตร์และซีรีส์ต่างๆมากมาย หลายๆเรื่องพยายามชี้ให้เห็นปัญหา บางเรื่องพยายามช่วยกันหาทางออก บางเรื่องแค่ดึงสถานการณ์การกลั่นแกล้งกันมาประกอบในเรื่องราว
พูดถึงเรื่องการกลั่นแกล้งกันนั้นอาจสื่อถึงอะไรหลายอย่าง อาทิ ความรู้สึกไม่เท่าเทียม ความต้องการเป็นที่ยอมรับ ความรู้สึกอยากเอาชนะ ผู้ใหญ่บางคนอาจคิดว่ามันไม่ใช่ปัญหา ทั้งที่จริงแล้วถ้าเราเกี่ยวข้องกับตรงจุดนั้น เช่น เป็นครู เป็นผู้ปกครอง เราสามารถช่วยลดปัญหาเหล่านี้ได้ แม้ว่าใน Sex Ed จะไม่ได้เล่นประเด็น Bully แรงหรือหยิบยกมาเป็นประเด็นหลัก
เราชอบวิธีการนำเสนอ ชอบวิธีการที่พยายามทำให้ไม่เกิดปัญหา อย่างการแกล้งส่งภาพจิมิคนที่เกลียดไปให้ว่อนร.ร. เขาก็แสดงผลว่ามัน Negative ยังไง และจะเป็น Positive แค่ไหนถ้าเราก้าวผ่านมันไปได้
ประเด็นเรื่องท้องไม่พร้อมและการทำแท้งในวัยรุ่น
จริงๆเรื่องนี้เป็นประเด็นอ่อนไหวและอาจจะยังไม่พร้อมที่จะถกกันอย่างจริงจังมากกว่าเรื่องเพศสัมพันธ์ในวัยรุ่นซะอีก แน่นอนว่าซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้ชี้นำว่าทำแท้งดีกว่า หรืออย่าทำแท้งเลย..มันบาป แต่เขานำเสนอมุมมองของคนทั้งสองมุมในประเทศที่การยุติการตั้งครรภ์ถูกกฎหมาย ไม่ว่าจะเคสไหนก็ตาม อย่างการทำแท้งของวัยรุ่นที่เกิดท้องด้วยความไม่พร้อมไม่เข้าใจ เขาก็สามารถได้รับบริการสาธารณสุขอย่างปลอดภัย
ฉากที่นางเอกไปตรวจที่รพ.และรับการให้คำปรึกษาจากคุณหมอก็เป็นหนึ่งที่ซีนที่ให้ความรู้แก่คนดูทั่วไป อย่างเช่น คนเราสามารถเกิดการตั้งครรภ์เมื่อไม่พร้อมได้ในหลายๆกรณี แม้ว่าจะสวมถุงยางแล้ว ก็ยังมี%ท้องถึงหลักสิบ ทว่าถุงยางช่วยไม่ให้เราติดโรคทางเพศสัมพันธ์ได้อย่างมากมาย และการคุมกำเนิดนั้นมันก็มีวิธีอื่นๆที่ควรทำควบคู่ไปการใส่ถุง อาทิ การกินยาคุมแบบแผง 28 เม็ด เป็นต้น
ในเรื่องจะมีประโยคหนึ่งที่เราเห็นหลายคนโควทลงทวิตเตอร์ ก็คือ "การไม่ได้เป็นแม่ ดีกว่าการเป็นแม่ที่ไม่ดี" ซึ่งส่วนตัวเราก็ยอมรับว่ามันทัชนะ ก็พูดกันตรงๆแหละว่าการตั้งครรภ์ จนคลอด จนเด็กเติบโต มันต้องใช้อะไรหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง เวลา ความรัก ความเอาใจใส่ ลำพังการตั้งท้องเพื่อให้สิ่งที่เริ่มมีชีวิต ชีวิตหนึ่งได้เริ่มขึ้น มันต้องตอบคำถามให้ได้ก่อนว่าหลังจากคลอดแล้วเราจะเลี้ยงยังไง จะดูแลยังไงไปจนถึงวันหนึ่งที่เขาสามารถดูแลตัวเองได้อย่างแท้จริง ไม่เป็นปัญหาหรือภาระของใคร ก็เหมือนเป็นคำถามให้เรากลับไปคิดเอาเองนะ
สำหรับประเด็นนี้มันอ่อนไหว เพราะเกี่ยวข้องกับหลายทาง ทั้งการแพทย์ ศาสนา สังคม เศรษฐกิจ แต่ก็หวังว่าสักวันหนึ่งเราจะถกเรื่องนี้การอย่างจริงจัง จากผู้เชี่ยวชาญหลายๆด้านมาพูดคุยกันเนอะ
เราอยากให้ทุกคนเปิดใจมองให้ลึกกว่านั้น คือก็รู้แหละว่าเรื่องเซ็กซ์ในบ้านเรายังไม่เปิดกว้างสักเท่าไหร่ แต่ Sex Education ก็ได้นำเสนอมุมมองหลายอย่างๆ ให้ข้อมูลมากมายเพื่อให้เราคิด-พิจารณาเอาเอง และให้ความรู้เพศศึกษาที่ผู้ใหญ่บางคนเขินอายที่จะบอก เรื่องนี้ไม่ได้รุนแรงหรือโจ๋งครึ่ม หรือชี้ชวนว่า เฮ้ วัยรุ่น ออกไปเอากันเถอะ
อย่างที่พูดไปด้านบน เรื่องนี้ก็ได้ให้ความรู้ไปพร้อมๆกับความสนุกสนาน มีเรื่องราวที่ชวนติดตาม มีโทนเรื่องที่ละมุนใจ สบายหัว ไม่เครียด ไม่ต้องกลัวที่จะเปิดให้วัยรุ่นดู หลายๆเรื่องในชีวิตจริง ในบริบทวัฒนธรรมเราอาจจะพูดคุยกันไม่ได้ ก็สามารถให้เขาซึมซับเอาจากซีรีส์เรื่องนี้ ซินมั่นใจว่ามันจะเป็นผลดี ให้เขามีความรู้ความเข้าใจไปเลยก็คงดีมากกว่าการปิดหูปิดตาแหละนะ
เนื้อหาทั้งหมดของซินที่จะบอกเล่าสู่กันฟังก็มีเท่านี้ ถ้าซฺนพูดอะไรที่มันไม่ดีก็ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ และสำหรับใครที่ติดขัดสงสัยตรงจุดไหน คอมเมนท์พูดคุยกันได้ ซินเองก็ต้องขอขอบคุณทุกๆการรับชมสิ่งที่ซินเขียนมาตลอดสองปีที่ผ่านมา ขอบคุณสำหรับทุกๆกำลังใจเลยนะคะ
แล้วมาพบกันใหม่ในท้อปปิคหน้า สำหรับวันนี้ซินต้องขอตัวไปก่อนแล้ว สวัสดีค่ะ บายๆ <3