ฝ่าวิกฤติ พิชิตผิวหมองคล้ำภายใน 2 สัปดาห์

7 7

ปัญหาผิวหน้าของสาวๆ เมื่ออายุเริ่มเข้าสู่วัย 25 คือผิวเริ่มปรากฏริ้วรอย คอลลาเจนในผิวลดลง ยิ่งถ้าไม่ค่อยมีเวลาดูแลด้วยแล้วยิ่งไปกันใหญ่ โดยเฉพาะคนที่พักผ่อนน้อย ผิวก็จะดูอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด เจออะไรนิดๆหน่อยๆในแต่ละวันก็รู้สึกว่าผิวบอบบาง ไร้เกราะป้องกัน บางทีโดนแดดแค่แป๊ปเดียวผิวหน้าก็คล้ำเสียแล้ว

และนี้คือผิวหน้าที่เราไม่ค่อยปลื้มสักเท่าไหร่ คือถ้าเป็นไปได้ก็อยากทำให้มันดูไบร์ท ดูมีออร่ามากกว่านี้ ซึ่งหน้าจากในรูปคือดูโทรมมาก เวลาออกไปไหนแล้วแต่งหน้าบางๆ บางทีคนยังทักว่าป่วยหรอ? ไม่สบายหรือเปล่า? คือเพลียมากอ่ะ รู้สึกไม่อยากออกไปไหน และไม่มีความมั่นใจใดๆทั้งสิ้น

นี่คือโฉมหน้าของตอนที่ยังเป็นเด็กมหาวิทยาลัย ซึ่งไม่ได้แต่งอะไรเลย ทาแค่กันแดด กับเขียนคิ้ว แต่หน้าก็ยังไม่หมองเท่ากับตอนนี้ พอมาเห็นรูปเก่าๆแล้วมันก็เจ็บใจไง เลยอยากจะปฏิบัติการเปลี่ยนโฉมหน้าตัวเอง กู้หน้าสวยวัยใสของฉันคืนมา!!!


ด้วยความที่เป็นคนไม่ค่อยมีเวลา (เวลาจะนอนยังไม่มีเลย) เราเลยต้องการวิธีที่รวดเร็ว ไม่ต้องเสียเงินเยอะ ไม่ต้องสละเวลาชีวิต แต่ต้องปลอดภัย แน่นอนว่าวิธีนั้นมีอยู่แค่อย่างเดียว คือไม่ทาก็กินอย่างที่หลายคนคงทราบดี แต่สำหรับเรามันไม่ใช่แค่นั้น (ดูเรื่องเยอะเนอะ) อย่างที่ว่า สิ่งนั้นต้องปลอดภัยและดีที่สุดสำหรับเราจริงๆ

โดยสิ่งที่เราจะมาพูดถึงกันในวันนี้ คือผลิตภัณฑ์ตัวนี้ CEENA Hokkaido Wild Grape Serum โดยเขามีชื่อเสียงโด่งดังมาจากการนำสารสกัดจาก องุ่นฮอกไกโดมากถึง 1,000 กว่าลูก มารวมอยู่ในขวดเดียว ซึ่งเซรั่มองุ่นป่าฮอกไกโดที่ว่านี้ เขามีสารสกัดตัวหนึ่งที่ชื่อว่า Trans-resveratrol เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงประสิทธิภาพมากกว่า วิตามินซี, อี และ กลูต้าไธโอน ถึง 1,000 เท่า !

คุณสมบัติของตัวนี้หลักๆเลย คือช่วยในเรื่องผิวขาวกระจ่างใสไร้จุดด่างดำ และรอยแผลเป็นต่างๆจากสิว ด้วยสารสกัดจากวิตามินซีรวมทั้งทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น ไร้ริ้วรอย ด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ อย่างแพลงก์ตอนตอนทะเล รวมทั้งป้องกันการอักเสบด้วยตัว Micro Collagen ซึ่งช่วยเสริมสร้างเซลล์ผิวให้แข็งแรงขึ้นจากเดิม

ขั้นตอนการใช้ เราใช้ลงเป็นขั้นตอนแรกหลังจากเช็ดหน้าด้วยโทนเนอร์เสร็จ จากนั้นก็ตามด้วยครีมบำรุงเป็นปกติ 


เนื้อสัมผัส เป็นเนื้อเซรั่มสีขาวขุ่นๆ เนื้อไม่ข้นจนเกินไป เกลี่ยค่อนข้างง่าย ไม่หนักหน้า ซึมเข้าสู่ผิวได้ดี เมื่อผ่านทาลงไปซักพักรู้สึกว่าเขาไม่ได้ทิ้งความมันไว้บนใบหน้า แต่ก็รู้สึกว่าไม่ได้ระเหยออกไป ด้วยนวัตกรรมที่เหมือนกับมีแผ่นฟิลม์บางๆเคลือบอยู่บนชั้นผิวเพื่อกักเก็บความชุ่มชื่นให้กับผิว ทำให้ผิวยังคงความชุ่มชื่น เรียกว่าทั้งเติมและล็อคไปในตัวเลยทีเดียว

จากแบบทดสอบผู้ใช้จริง และแบบสำรวจผู้ใช้ทั่วไปยังไม่มีใครเกิดอการ แพ้ สกินแคร์ตัวนี้ เรียกได้ว่าสามารถเรียกคะแนนจากเราได้ในระดับหนึ่ง แต่พอมาลองใช้จริง ตัวนี้เราใช้ตลอดทั้ง เช้า และ เย็น ปรากฏว่าก็ไม่เคยเกิดอาการแพ้ใดๆ สามารถใช้ได้ตลอด ใช้ได้เรื่อยๆไม่เกิดผื่นคัน หรือสิวอุดตันบนใบหน้า ที่สำคัญคือไม่ทำให้ผิวหน้าบาง ไวต่อแสง ซึ่งนับว่าเป็นมาตรฐานเบื้องต้นของสกินแคร์ที่ดี

นี่คือผลจากการใช้จริงภายใน สองสัปดาห์ ซึ่งอาจจะยังไม่ค่อยเห็นความแตกต่างมากนัก ถ้าจะเอาให้ชัดเจนกันไปเลยคงจะต้องใช้ระยะเวลานานกว่านี้ (แต่เรามองว่าระยะเวลาประมาณนี้กำลังดี ผิวหน้ากำลังมีการเปลี่ยนแปลง) เมื่อลองสังเกตดูดีๆ จะเหมือนกับว่าผิวกระจ่างใสขึ้นมาอีกระดับ ตอนแรกส่องกระจกก็นึกว่าคิดไปเอง จนแฟนเริ่มทักว่าไปทำอะไรมา ผิวดูใสขึ้น รอยคล้ำต่างๆ โดยเฉพาะบริเวณใต้ตาก็จางลง เท่านั้นแหละ. เป็นปลื้มเลยจ้าาา ดีใจสุดๆ อดที่จะมาถ่ายรูปทำรีวิวไม่ได้กันเลยทีเดียว


ผลลัพธ์ที่ได้ นอกจากผิวหน้าที่กระจ่างใสขึ้นอีกระดับ ผิวที่เคยแห้งผากก็ดูชุ่มชื้นขึ้น ระหว่างวันหน้าไม่มันเยิ้ม ที่สำคัญ อีกสิ่งหนึ่งที่เราสังเกตุได้ คือเครื่องสำอางติดทนขึ้น น่าจะมาจากการที่สุขภาพผิวเราดีขึ้นนั้นเอง


และแล้ว ภารกิจที่เราเพียรพยายามทำมาโดยตลอดก็บรรลุเป้าหมาย สุดท้ายเราก็กู้หน้าในช่วงมหาวิทยาลัยกลับมาได้ สำหรับสาวๆคนไหนที่กำลังเผชิญกับปัญหาไม่ว่าจะเป็นผิวหน้าหรือผิวกาย บอกเลยว่าอย่าท้อ ต้องอดทน ไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆ ทุกอย่างต้องใช้เวลาและการศึกษาอย่างรอบคอบ ไม่ต้องเชื่อที่เราพูดหมด เราเพียงแค่มาแชร์ประสบการ์ณให้ฟัง สุดท้ายอล้วไม่ว่าคุณใช้แยรนด์ไหน อะไรยังไง ก็ขอให้ศึกษารายละเอียดต่างๆให้ดี ควบคู่ไปกับการดูแลตัวเองในแต่ละวันให้ดี แล้วคุณก็จะมีสุขภาพผิวที่ดีแน่นอนค่ะ ^^