[ Review] APARA น้ำตบจากยางพารา ฟื้นฟูพร้อมบำรุงในขั้นตอนเดียว
MayPannapat
28
3
สวัสดีเพื่อนๆ พี่น้องมิตรรักจีบันทุกคนค่าา
หลังจากห่างหายจากการรีวิวสกินแคร์บำรุงผิวไปช่วงนึงในที่สุดวันนี้เมย์ก็มีไอเท็มมาเล่าให้ทุกคนฟังแล้วว ด้วยความที่ตอนนี้เป็นฤดูร้อนของประเทศไทยที่ร้อนจัด ร้อนมาก ร้อนจนต้องร้องขอชีวิต 55555 สกินแคร์ที่จะสามารถตอบโจทย์คนผิวผสมแบบเมย์ได้เนี่ยจะต้องบางเบาแต่ชุ่มชื้น คนที่ผิวผสมหรือผิวมันเนี่ยห่างการบำรุงให้ชุ่มชื้นไม่ได้เลยนะ เพราะการที่เราหน้ามันก็เพราะผิวหน้าเราผลิตน้ำมันออกมาเยอะจนเกินไป คนที่ผิวขาดน้ำคงทราบกันดีว่าการที่ผิวเราดูแห้งกร้านและเป็นขุย แต่ดั๊นนนมีน้ำมันบนหน้าเยอะเนี่ยมันแย่แค่ไหน เมคอัพที่แต่งมาก็เยิ้มไปหมด 555
ไอเท็มของเมย์วันนี้ก็คือ Essence หรือ น้ำตบ นั่นเองจ้า นางเป็นน้ำตบที่เมย์รู้สึกว่าเค้าไม่ได้ซึมเข้าผิววาบบบแล้วก็หายไป ตัวนี้คือรู้สึกได้จริงๆ ว่า เฮ้ย ผิวเราชุ่มชื้นขึ้น แถมสารสกัดที่เค้าใช้เป็นตัวหลักก็ไม่ธรรมดาเลยเอ๊อออ เจ้าสิ่งนี้มีชื่อว่าา
APARA The First Care Para Activating Essence
ตัวนี้เป็นเอนเซนส์ที่เมย์จะใช้เป็นขั้นตอนแรกเพราะเค้าช่วยเสริมประสิทธิภาพสกินแคร์ตัวอื่น ซึ่งเค้าโดดเด่นมากเพราะมีสารสกัดหลักคือ Hevea Brasiliensis Extract จากเซรั่มน้ำยางพาราที่ผ่านกระบวนการวิจัยและพัฒนามากว่า 20 ปีแล้ว สารสกัดยางพาราตัวนี้มีการวิจัยมาจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ร่วมกับศูนย์ความเป็นเลิศทางชีววิทยาศาสตร์หรือ TCELS เจ้าสารสกัดตัวนี้แหละที่สามารถช่วยฟื้นฟูสภาพผิวให้แข็งแรงขึ้นได้ นอกจากนี้ยังช่วยเติมความชุ่มชื้น ความคุมความมัน และลดอัตราการเกิดสิวได้
นอกจากนี้ยังมีคุณค่าจาก Rosa Damascena Callus Cultureจากดอกกุหลาบที่สามารถช่วยปลอบประโลมและคืนความชุ่มชื้นให้กับผิว ผิวบอบบางก็ใช้ได้ อ่อนโยนมากเพราะเค้า Paraben free, Silicone free, Alcohol free, Fragrance free ไปเลยจ้าา
ทำไมเซรั่มจากน้ำยางพาราถึงมีประโยชน์?
เมื่อเรากรีดยางก็เหมือนเป็นการสร้างบาดแผลให้กับต้นยาง กระบวนการรักษาบาดแผลก็เริ่มขึ้น พอน้ำยางหยุดไหลต้นยางก็จะเริ่มสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาทดแทนส่วนที่ถูกกรีดไป ซึ่งขั้นตอนที่ต้นยางรักษาตัวเองนี่แหละที่เค้าจะผลิตสารพฤษเคมีแห่งการรักษาขึ้นมา ทำให้สารสกัดจากเซรั่มน้ำยางพารามีคุณสมบัติช่วยฟื้นฟูสภาพผิวเราให้แข็งแรงได้นั่นเองจ้าา
ตัวขวดเค้าก็มีลายที่ทำเลียนแบบตอนกรีดยางด้วยนะเออ ดูมีความเป็นยางพาราจริงจังมาก 555
ส่วนเนื้อเค้าจะเป็นเนื้อคล้ายๆ น้ำนมเลยค่ะ เหลวเป็นน้ำและไม่มีความหนืดเลย มีกลิ่นอ่อนๆ แบบเปลือกไม้ ฟังไม่ผิดหรอกค่ะ เมย์รู้สึกว่ากลิ่นมันเหมือนเปลือกไม้จริงๆ 555 แต่เมย์โอเคนะเพราะกลิ่นเค้าเบามาก ไม่ได้รู้สึกว่ามันรบกวนการทาสกินแคร์ซักเท่าไหร่
ผลการใช้
หลังจากใช้ซักมาพักดูจะเห็นผลเรื่องรูขุมขนชัดเจนมากโดยเฉพาะตรงจมูกค่ะ ดูเนียนขึ้นเลย 555 ส่วนสีผิวก็เท่าๆ เดิมเนาะ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมาก ผิวดูชุ่มชื้นขึ้นแบบเห็นได้ชัดเลย ทั้ง 2 รูปเมย์เพิ่งทาครีมเสร็จเหมือนกัน แต่ภาพด้านขวาผิวจะดูชุ่มชื้นกว่าแบบชัดเจน เมย์ไม่ได้เปลี่ยนสกินแคร์นะเพราะขี้เกียจ 555 ส่วนเนื้อเค้าก็ซึมไวไม่เหนอะหนะและรู้สึกได้ถึงความชุ่มชื้นที่เพิ่มขึ้นได้เลยจริงๆ สัมผัสตอนเค้าซึมลงผิวคือผิวนุ่มขึ้นทันทีเลย ชอบบ 555 แต่อาจจะลำบากนิดนึงตรงที่เค้าเหลวเหมือนน้ำ อาจจะหกเลอะเทอะได้ง่าย ต้องระวังๆ หน่อย
สรุป
หลังจากใช้มาซักพักรู้สึกได้ว่าเค้าสามารถเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวได้จริงๆ ไมได้ซึมวาบหายไปเฉยๆ ใครที่ชอบเอสเซนส์น้ำตบที่บางเบาแต่ชุ่มชื้นน่าจะชอบ
เรื่องสีผิวเมย์ไม่ได้รู้สึกอะไรมากแค่มันดูสม่ำเสมอมากขึ้น อาจเป็นเพราะเมย์ทำงานกลางแจ้งทุกวัน (ยืนหน้าเสาธงเฝ้าเด็กๆ นี่แหละค่ะ แดดตอน 8 โมงไม่ใช่เล่นๆ เลย ฮือออ) แต่ถึงขนาดตากแดดขนาดนั้นผิวยังไม่คล้ำลงถือว่าโอเคมากกก
ในเรื่องของการฟื้นฟูผิวขอบอกว่าทำได้จริงมาก จากการที่เมย์ยืนเฝ้าเด็กหน้าเสาธงจนหน้าเยิ้ม มันจะมีสิวเม็ดเล็กๆ ขึ้นแล้วเมย์ดันไปแกะ 555 พอแกะละนึกขึ้นว่าเฮ้ยยยแกะทำไมวะ เลยจัดการโปะน้ำตบตัวนี้ ตื่นเช้ามารอยแดงหาย โอเคเวิร์ค!
เมย์ทาเอสเซนส์ตัวนี้ต่อด้วยครีมกันแดดในตอนเช้าก็เพียงพอสำหรับคนผิวผสมแบบเมย์แล้ว ไม่รู้สึกว่าหน้าขาดความชุ่มชื้นหรือหน้าเยิ้มขึ้นระหว่างวันนะ
ส่วนเรื่องกลิ่นก็หายห่วงได้เลยค่ะ กลิ่นเค้าอ่อนมากกกก ไม่รบกวนการทาสกินแคร์ต่อแน่นอน 555
ราคาแอบสูงแต่เมื่อเทียบกับปริมาณแล้วเมย์ถือว่าคุ้มเพราะใช้ได้นาน ตั้ง 120 mL เลยนะเออ แถมเหลวเป็นน้ำแบบนั้นเหยาะ 3-5 หยดก็ทาทั่วได้ทั้งหน้าทั้งคอแล้ว
สำหรับวันนี้เมย์ขอตัวลาไปก่อน
บ๊ายบายนะค้าา