SK-II น้ำตบมหัศจรรย์ ที่ฉันหลงรักที่สุด
วิวัฒน์ ศิลารักษ์ 30 10
เราเชื่อว่ามีหลายคนที่เสียเงิน, เสียเวลามากมายไปกับสกินแคร์ เพราะต้องการให้ผิวหน้าของเรามีพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น และไม่เคยหยุดที่จะตามหาสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อผิวที่เราต้องการในฝัน
เราก็เป็นคนหนึ่งที่ตามหาสกินแคร์มาเรื่อยๆเหมือนการค้นหาตัวเอง ค้นหาว่าแบรนด์ไหนที่เหมาะกับผิวของเรา ส่วนผสมไหนที่เหมาะกับเรา อะไรที่เหมาะกับเรา
หลายครั้งก็มีผิดหวังบ้างสมหวังบ้างปะปนกันไป แต่ไม่เคยมีอะไรทำให้เราหยุดหรือรู้สึกว่าพอได้เลย
จนเราได้พบกับ SK-II เป็นครั้งแรกเลยที่เรารู้สึกว่านี่แหละสิ่งที่ฉันตามหามาแสนนาน ฉันเดินทางเสี่ยงทายลองผิดลองถูกเสียเงินเสียเวลามาเพื่อเจอเธอ
เราเป็นคนนึงที่ชอบการใช้เอสเซ้นส์มาก เพราะซึมซาบเข้าสู่ผิวง่ายไม่เหนอะหนะตรงข้ามกับพวกเนื้อครีมที่หนักผิวหน้าและมอบความชุ่มชื้นให้กับผิว SK-II ตอบโจทย์ตรงนี้ได้อย่างดีซึมซาบเข้าสู่ผิวไวไม่เหนอะหนะ ส่วนกลิ่นนั้นอาจมีหลายคนที่ไม่ชอบแต่ส่วนตัวเรากลับคิดว่ามันเป็นกลิ่นที่มีเอกลักษณ์มากจนทำให้เราเสพติดกลิ่นน้ำหมักของนางเลยล่ะ55
แต่สำหรับเรื่องความชุ่มชื้นเราว่านางไม่ค่อยตอบโจทย์ซักเท่าไหร่ ถึงนางจะบอกว่าให้ความชุ่มชื้นอย่างเหมาะสมให้แก่ผิวหน้า แต่เราว่ามันอาจจะไม่เพียงพอสำหรับคนผิวแห้งแบบเราซึ่งต้องการความชุ่มชื้นจากเอสเซ้นส์เพื่อเตรียมผิวสำหรับการบำรุงถัดๆไป
แต่อย่างไรข้อเสียนั้นก็เทียบไม่ได้กับสิ่งที่นางสามารถทำได้ โดยครั้งแรกที่เราไปทดลงที่เคาท์เตอร์ซึ่งพนักงานบริการดีมากเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆ ประทับใจนะ โดยอย่างแรกที่เค้าใช้ให้เราคือ ตัวโทนเนอร์ของ SK-II : SK-II Facial Treatment Clear Lotion ตัวนี้เราดูรีวิวมาเค้าบอกว่าต้องใช้ตัวนี้ด้วยถึงจะเห็นผลสูงสุด
เราก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งนะเพราะมันดูไม่มีเหตุผล แต่พนักงานเทียบให้ดูระหว่างด้านที่ใช้โทนเนอร์และไม่ได้ใช้พอลงเอสเซ้นส์ตามไปอันที่ใช่โทนเนอร์ก่อนเอสเซ้นจะซึมเข้าไปเลย แต่ทางฝั่งที่ไม่ใช้โทนเนอร์เอสเซนส์จะกลิ้งเป็นหยดอยู่บนผิวไม่ซึมลงไป เราเลยใช้โทนเนอร์ของ SK-II ด้วยเพราะหวังประสิทธิภาพสูงสุด
แต่ไม่แน่ใจว่าตอนนั้นเป็นเพราะผิวเรามันชุ่มชื่นหลังจากใช้โทนเนอร์หรือเปล่าทำให้เอสเซ้นส์ซึมเข้าสู่ผิวง่าย หรือเป็นเพราะส่วนผสมในโทนเนอร์ที่ช่วย ซึ่งเราก็สนใจแล้วสมัครเป็นสมาชิกทำให้เราได้ชุดทดลองมาใช้โดยเราใช้อยู่ประมาณ 2 อาทิตย์
ผลที่ได้ทำให้เราตกใจมากกก ผิวหน้าเราดูละเอียดขึ้นมากๆ ความหยาบกร้านบนผิวมันหายไปเลย ตอนนั้นเรารู้สึกหลงรักผิวตัวเองที่เป็นแบบนั้นมากๆ มันไม่ได้ขาวขึ้นนะแต่มันนุ่มและดูละมุนมากขึ้นเป็นสิ่งที่สกินแคร์ไหนไม่เคยทำให้เรารู้สึกแบบนี้มาก่อน เป็นครั้งแรกที่เรารู้สึกว่าไม่ขาวก็สวยได้ด้วยผิวที่เป็นแบบนี้ นั่นทำให้เราไม่ลังเลเลยที่จะไปซื้อขนาดจริงมาเพื่อผิวที่ฉันหลงรัก
สุดท้ายเราจึงสิ้นสุดการตามหาผลิตภัณฑ์เอสเซ้นส์แล้วล่ะตอนนี้ เพราะSK-II ให้สิ่งที่เราตามหาแล้ว แต่บางทีเราก็นอกใจนางนะ55 เพราะอย่างที่บอกบางทีเราต้องการความชุ่มชื้นแต่นางให้ไม่ได้เลยต้องใช้ตัวอื่นแทน และด้วยราคาที่แพงหูดับเราจึงพยายามหาสิ่งอื่นมาทดแทนนาง ตัว Dupe ต่างๆที่ราคาถูกของนางที่มีส่วนผสมคล้ายคลึงกับนางซึ่งมีส่วนผสมหลัก คือ Pitera ที่ได้จากการบ่มยีสต์สายพันธุ์เฉพาะของ SK-II ซึ่งเราจะยกมาคุยกันอีกครั้งในกระทู้หน้า แต่ท้ายที่สุดแล้วเราก็พบว่ายังไม่มีอะไรมาแทนที่นางได้ ณ เวลานี้