[ MOVIE REVIEW ] Parasite : ชนชั้นปรสิต ภาพยนตร์ชนะรางวัล...แล้วจะดูรู้เรื่องไหม?
Cindie 50 14สวัสดีค่ะ ขอต้อนรับเพื่อนๆเข้าสู่ทู้ที่คุ้นเคย Movie Review โดยซินเด้แสนซนคนเดิมนะคะ วันนี้ซินมากับภาพยนตร์ที่กระแสแรงที่สุดในก่อนหน้านี้เลย ด้วยความที่ซินงานยุ่งวุ่นวายกับชีวิตก็เลยไม่ได้ไปดูในช่วงสัปดาห์แรก ทว่าสุดท้ายซินก็หาเวลาไปดูจนได้ ซินก็เลยจะมารีวิวตามสไตล์คนชอบดูหนัง เม้านิดๆหน่อยๆ จะพยายามไม่สปอยโดนเนื้อหาของหนังแล้วกันเนอะ เอาเป็นว่า..เข้าสู่เนื้อหากันเลย
PARASITE: ชนชั้นปรสิต
จากผลงานการกำกับของ บองจุนโฮ ผกก.หนุ่มชาวเกาหลีผู้เคยฝากผลงานอันตราตรึงใจ ทั้ง Snowpiercer (คริส อีแวนส์ aka กัปตันอเมริกานำแสดง บอกเล่าความแตกต่างของชนชั้นผ่านการขับเคลื่อนของรถไฟ ซึ่งแต่ละขบวนก็มีผู้คนอยู่อาศัยแตกต่างกัน), Okja (อ็อคจา ภาพยนตร์ฉายบนเว็บสตรีมมิ่ง Netflix เรียกน้ำตา บอกเล่าเรื่องราวของสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ การต่อสู้ของนักสิทธิสัตว์ และคอยตั้งคำถามกับจริยธรรมในแวดวงวิทยาศาสตร์) โดยภาพยนตร์ Parasite นี้เองก็ได้ชนะรางวัลใหญ่ที่สุด "ปาล์มทองคำ" บนเวทีเทศกาลหนังเมืองคานส์ 2019
เรื่องย่อ: เด็กหนุ่มนามว่าคีวูอยู่กับครอบครัวที่ยากจนซึ่งอาศัยอยู่ชั้นใต้ดินภายอาคารเก่าซอมซ่อ ขนาดจะใช้อินเตอร์เน็ตยังต้องแอบใช้ไวไฟฟรีของคนอื่นเลย มีวันหนึ่งคีวูได้รับข้อเสนอจากเพื่อนรักให้ช่วยไปสอนพิเศษลูกสาวคนโตของครอบครัวที่มีอันจะกิน และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความวุ่นวาย เมื่อเด็กหนุ่มฐานะยากจนต้องมาเป็นติวเตอร์ให้กับลูกมหาเศรษฐี
และซินขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า มันวายป่วงที่สุด เกินกว่าที่คุณจะจินตนาการถึง บอกเท่านี้เนอะ
ตลอดทั้งเรื่อง ซินในฐานะคนดูก็คิดไปต่างๆนาๆว่าเรื่องนี้จะไปจบลงที่ได้ มันจะดำเนินเรื่องต่อยังไงนะ เพราะตลอดทั้งเรื่องผู้กำกับไต่ระดับความระห่ำ ตั้งแต่ซอฟต์ๆราวเด็กตั้งไข่ ไล่มาจนถึงหนังที่แบบเวียดอ่ะ มันบั่บ.. บรรยายไม่ถูกอ่ะ เหมือนกับคิดไม่ถึง คิดไม่ทัน ไม่คาดคิดว่าจากจุดนั้นมันมาจุดนี้ ตอนเปิดเรื่องที่เราถูกดึงเข้าสู่โลกของครอบครัวที่อาศัยอยู่บ้านชั้นใต้ดิน มีชีวิตยากจน และการเปลี่ยนแปลงที่ค่อยๆเกิดขึ้น คล้ายกับการเล่นมุกตลกเสียดสีตามประสาของหนังดราม่าหลายๆเรื่อง แล้วกลางเรื่องมันก็ฉีกไปเลย เหมือนเรานั่งรถไฟเหาะอยู่แล้วถึงจุดหักลงเพื่อดิ่งพสุธา แล้วเรื่องนี้ดิ่งแบบลึกในลึกในลึกอ่ะค่ะ
ซึ่งตลอดทั้งเรื่องมันเป็นอะไรที่เราจะละสายตาไม่ได้ ทั้งการดำเนินเรื่องที่ไม่ซ้ำใคร และการดึงอารมณ์ร่วมของผู้ชม บอกเลยว่าผู้กำกับเก่งมาก มือถึง เขาสามารถทำให้เรามีความรู้สึกต่างๆเฉกเช่นเดียวกับตัวละครในเรื่อง มาเต็ม ไม่ว่าจะเป็น สุข เศร้า เหงา กลัว สังเวช หดหู่ หรือแม้แต่ความสยิวกิ๊วในบางฉาก ไม่น่าเชื่อว่าผกก.จะดึงให้เราเป็นส่วนหนึ่งของหนังได้ขนาดนี้
ยิ่งดูยิ่งจม ยิ่งหม่นยิ่งเทา ซินเดินออกมาจากโรงด้วยความรู้สึกว่าบางสิ่งบางอย่างในห้วงความคิดของเรายังติดอยู่ในสตอรี่ที่บองจุนโฮผู้กำกับสร้างขึ้น มันเป็นความรู้สึกที่ไม่รู้จะจุกหรือจะเจ็บหรือจะหดหู่กับความเป็นจริงดี
ด้วยความที่ชนะปาล์มทองคำ มันก็ต้องไม่ธรรมดาอยู่แล้ว ซินเองก็พบว่าในตัวหนังมีการใส่ซิมโบลิคหลายอย่าง บางคนเมื่ออ่านมาจนถึงจุดนี้อาจจะร้องอ้าว หนังต้องดูยากแน่ๆใช่ไหม คำตอบก็คือไม่ค่ะ ตัวบทมีความลุ่มลึก ทว่าเข้าใจง่าย คนดูหนังทั่วไปอย่างเราๆ ไปดูก็จะเก็ทสารที่จะสื่อหลักๆ อาทิ ความแตกต่างระหว่างชนชั้น, ความแตกต่างของลูกที่มีทั้งลูกสาวและลูกชาย เป็นต้น ซึ่งนอกจากประเด็นหลักที่ทุกคนที่ไปดูจะสัมผัสได้แน่นอนแล้ว เขาก็มีการสอดแทรกเชิงสัญลักษณ์ในส่วนต่างๆของเนื้อเรื่อง ที่ถ้าใครชอบคิดวิเคราะห์หนักๆ ก็จะสามารถตีความออกมาได้ลึกซึ้งกว่านั้น
ขอสรุปง่ายๆว่า ภาพยนตร์ Parasite หรือชนชั้นปรสิตในชื่อภาษาไทยเนี่ย เป็นภาพยนตร์ที่เหมาะกับคนเกือบทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นสายหนังดราม่า สายหนังชิงรางวัล สายหนังการเมือง สายหนังแนวเสียดสีสังคม สายชอบดูหนังเชิงสัญลักษณ์ที่ต้องตีความ และจริงๆซินก็ไม่อยากให้ใครพลาดเลย ไปดูเอาความจริงก็ได้ หรือไปดูเอาความสนุกก็ดี ได้หมด ลองดูนะ หนังชนะรางวัลไม่ต้องตะกายดาวก็สนุกได้
นี่ก็คิดอยู่เหมือนกันว่าจะไปชมอีกสักรอบ แต่คงต้องรีบหน่อย ไม่รู้พี่เขาจะเอาออกจากโรงเมื่อไหร่ 555 เพราะดูรอบแรกคือเอาฟีลลิ่งล้วนๆ กะไว้ว่าจะไปเก็บความลึกซึ้งทีหลัง อย่างไรวันนี้ซินก็คงมีเรื่องเม้ามอยเพียงเท่านั้น ไว้พบกันใหม่ในท้อปปิคถัดไป ขอตัวไปทำงานต่อแล้ว สวัสดีค่ะ