รวม BHA ที่เคยใช้มา อันไหนปัง อันไหนพัง มาดูกัน!!!

เชื่อว่าใครที่เป็นสายสิวคงรู้จัก bha กัน เพราะสกินแคร์สิวส่วนใหญ่ก็ใช้ bha หรือในชื่อ salicylic acid เป็นส่วนผสมทั้งนั้น กระทู้นี้เราเลยรวบรวม bha ที่เคยใช้มา (คิดว่าเกือบทั้งหมดที่เคยใช้) มารีวิวให้ดูกันครับว่าตัวไหนดียังไงบ้าง แต่จะไม่รวมถึงพวกยาแต้มสิวนะครับ ในส่วนของยาแต้มสิวจะมีรีวิวมาอีกภายหลังฮะ

มาทำความรู้จักกับ bha หรือ salicylic acid กันก่อน สำหรับคนที่ยังไม่รู้นะครับว่ามันคืออะไร ช่วยอะไรได้บ้าง bha (beta hydroxy acid) ก็เป็นกรดชนิดหนึ่งที่ทำหน้าที่ผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ไม่ให้เกิดการอุดตัน ซึ่งจริงๆแล้วผิวของคนเราก็สามารถผลัดได้เองทุก 28 วัน แต่การใช้ bha ก็จะย่นระยะเวลาการผลัดเซลล์ลงมาครับ 

bha ก็จะช่วยทั้งเรื่องสิวอุดตัน สิวอักเสบ สิวเสี้ยน ผลลัพธ์ที่ได้ของแต่ละคนจะต่างออกไป ทั้งดันสิว และไม่ดันสิว

ถ้าพอเข้าใจการทำงานของ bha แล้วก็มาดูรีวิวกันเลยยย

Paula’s Choice Skin Perfecting 2% BHA Liquid 

มาที่ตัวแรกกับ bha ในตำนาน หลายๆคนต้องรู้จักหรือเคยใช้แล้วแน่นอน ซึ่งตัวนี้เค้าก็มีส่วนผสมหลักๆจาก salicylic acid, สารสกัดจากชาเขียว และสารให้ความชุ่มชื้น ตัวนี้ก็จะเป็นแบบน้ำ ใช้สำลีเช็ดแล้วทิ้งไว้ 10-15 นาทีเพื่อรอให้ซึม +ปรับค่า pH ผลลัพธ์สำหรับเราคือมีทั้งดันสิว และไม่ดันออกมา เรื่องสิวอุดตัน สิวอักเสบถือว่าโอเค แต่ใช้แล้วหน้าจะแห้งมาก ไม่มีอะไรมาต้านทานได้จริงๆ เลยไม่ชอบในจุดนี้

Keb Hathor แบรนด์นี้เป็นแบรนด์ใหม่ที่น่าสนใจ เลยต้องลองหน่อย จริงๆเค้ามี bha 5 สูตร แต่เราเลือกมาลอง 2 สูตร ในคนละช่วงครับ

Keb Hathor Perfecting BHA Water Toner (สีน้ำเงิน)

มีส่วนผสมจาก bha แบบ encapsulated ในปริมาณ 5% มีความอ่อนโยน นอกจากมี bha แล้วก็ยังมี zinc pca, วิตามินบี5 บี7, witch hazel, สารให้ความชุ่มชื้น  ความดีงามคือสามารถเช็ดแล้วลงสกินแคร์อื่นตามได้เลยโดยไม่ต้องรอ 10-15 นาที เช็ดแล้วจะหนึบนิดๆแปบเดียวก็ซึมเข้าผิวเลย ไม่มีกลิ่นใดๆ ใช้ไปอาทิตย์นึงเริ่มเห็นผลในเรื่องของสิวอุดตัน สิวที่เป็นไตๆใต้ผิวจะขับออกมาเป็นสิวอักเสบหัวหนอง แนะนำว่าใช้ tea tree oil แต้มลงไป สิวจะยุบเร็วมาก

Keb Hathor Exfoliating BHA Liquid Toner (สีแดง)

มีส่วนผสมจาก bha 2% และสารสกัดจากรากชะเอมช่วยบรรเทาการอักเสบ ลดการระคายเคือง สูตรนี้จะออกฤทธิ์ได้แรงมาก ทางแบรนด์แนะนำมาว่าทาไว้ 20 นาทีแล้วล้างออกได้ เราเลยใช้วิธีนี้ทาทิ้งไว้ก่อนอาบน้ำเหมือนกับเบนแซคอะไรประมาณนั้น หรือใครจะใช้ก่อนนอนปกติแล้วลงสกินแคร์ก็ได้ แต่ต้องทิ้งไว้ 10-15 นาทีถึงลงสกินแคร์อื่นตามครับ เช็ดแล้วจะหนึบนิดๆแปบเดียวก็ซึมเข้าผิวเหมือนกับสีน้ำเงิน แอบมีกลิ่นเปรี้ยวๆเล็กน้อย  ซึ่งผลลัพธ์ตัวนี้สำหรับเราก็มีทั้งดันสิว ทั้งยุบไปเอง ใช้เวลาแค่ไม่กี่วันก็เริ่มเห็นผลแล้ว โดยที่เราก็ไม่ได้ใช้ยาแต้มสิวใดๆด้วย สกินแคร์ส่วนใหญ่เน้นเรื่องชุ่มชื้นทั้งหมด

นอกจาก 2 สูตรนี้ก็ยังมีอีก 3 สูตรที่ตอบโจทย์กับผิวที่หลากหลายทั้งออกฤทธิ์แรง ออกฤทธิ์ค่อนข้างแรง และแบบอ่อนโยนพิเศษครับ

Eucerin Pro Acne Solution A.I. Clearing Treatment

นี่ก็เป็นอีกตัวที่ดังมากในช่วงนึง แต่ตัวนี้จะไม่ได้มีแค่ bha จะมีทั้ง aha และ  pha เป็นส่วนผสมหลักที่เค้าเคลมมา ช่วยลดการอุดตันได้ดียิ่งขึ้น ตัวนี้ก็จะเป็นเนื้อครีมแบบไม่เหนอะหนะ ใช้เป็นตัวสุดท้ายของการบำรุง เนื่องจากตัวนี้มีความแรง เราใช้จนหมดหลอดก็ยังมีความแสบๆนิดๆทุกครั้งที่ทา สิวจะดันออกมาเร็วมาก แต่จะไม่ช่วยในส่วนของสิวอักเสบเลย  ต้องใช้เจลแต้มสิวทาเพิ่ม และแน่นอนว่าหน้าแห้งนิดๆครับ ถ้าใครไม่แพ้ง่ายมากก็ลองดูนะครับ

FYNE BHA Clarifying Serum

กลับมาที่แบรนด์ไทยกันอีกรอบนะครับ ซึ่งตัวนี้เราก็มีรีวิวเต็มไปแล้ว ส่วนผสมจากตัวนี้มี bha 2%, สารสกัดจากชาเขียว,ใบบัวบก, sodium hyaluronate เป็นเซรั่มที่เนื้อออกเจลๆหน่อย ไม่มีกลิ่นใดๆ ไม่ต้องทิ้งไว้ 10-15 นาที เราใช้ก็มีทั้งสิวที่ดัน และไม่ดันออกมา สิวที่ดันออกมาเป็นสิวอักเสบหัวหนองจะมีความแห้งและยุบไปเอง ใช้แล้วไม่ค่อยมีอาการหน้าแห้งเท่าไหร่ด้วย

ก็จบไปแล้วนะครับกับการมารีวิว bha ที่เราเคยใช้มาเกือบทั้งหมด ถ้าใครชอบอันไหนก็ลองหาซื้อมาใช้กันดูนะครับ สำหรับเราคือชอบ bha แบบโทนเนอร์มากสุด เพราะความเป็นน้ำบางเบา สามารถลงสกินแคร์ต่อไปได้ง่าย และที่สำคัญคือเลือกที่เหมาะสมกับผิวเรา ไม่จำเป็นต้องเลือก bha ที่แรงเสมอไปครับ เพราะผิวเราอาจจะไม่ต้องการอะไรแรงเกินไปก็ได้ แล้วเจอกันกระทู้หน้า สวัสดีครับบบ