LA MER : The Treatment Lotion / มาแฉส่วนผสม!!!!

55 19
 La Mer มาจากภาษาฝรั่งเศสแปลว่าทะเล
ที่มาของชื่อ La Mer นั้นค่อนข้างสื่อไปตรงตัวตามคอนเซปท์ของแบรนด์เพราะเค้านำสาหร่ายจากทะเลมาบ่มหมักกับ Vitamin และ Oil บางอย่างที่เป็นสูตรความลับในระยะเวลา 3 – 4 เดือน โดยสูตรนี้ใช้เวลาคิดค้นอยู่ทั้งหมด 12 ปี กับการทดลองอยู่ 6,000 ครั้ง จนออกมาเป็น Miracle Broth™ โดย Dr. Max Huber
.
ซึ่งได้รับบาดแผลทิ้งรอยไหม้จากการทดลองในห้องวิจัย และเชื่อว่าพลังของสาหร่ายเคลป์นั้นจะสามารถปลดล๊อคผิวให้มีพลังมากยิ่งขึ้น ฟื้นฟูให้ผิวกลับมาได้อีกครั้ง
โอ้วววว มันมหัศจรรย์ขนาดนั้นเลยเหรอท่าน.........
.
โดยจะเก็บสาหร่ายเหล่านี้เพียงปีละ 2 ครั้ง ด้วยมือเท่านั้น เพราะเค้าเป็นคนรักทะเล จึงให้ความเคารพกับทะเลมาก .... อิอิอิ ปัจจุบันน่าจะใช้เครื่องมือแล้วมั้ง อิอิอิ 

La Mer : The Treatment Lotion นี้จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง เปิดมาก็เริ่มต้นด้วยสารสกัดจากสาหร่ายเลย   Algae (Seaweed) Extract 
ซึ่งสาหร่ายตัวนี้จะมี โพลีแซคคารายด์ และมี สารยับยั้งการทำงานของ Tyrosinase (ช่วยให้ผิวขาวนั้นเอง /แต่อย่าคาดหวังมากนักเพราะใช้มาแล้ว ก็ยังต้องใช้พวกตัว whitening เสริมอยู่ดีนะคะ  )
นอกจากนี้สาหร่ายก็ยังมีความสามารถในการช่วยป้องกันผิวจากรังสี UV และมีคุณสมบัติในการต้านเชื่อแบคทีเรียได้อีกด้วย
.

Yeast Extract  สารสกัดจากยีสต์เป็นสารที่เรียงมาในลำดับต้นๆ
ยีสต์มีความสามารถในการช่วยสมานบาดแผลในฟื้นตัวได้เร็วขึ้น และ ยีสต์ที่บ่มบางกรรมวิธีตามการวิจัยยังพบว่ายีสต์ช่วยทำให้ผิวขาวขึ้นอีกด้วย 
Sesamum Indicum (Sesame) Seed Oil น้ำมันที่ได้จากเมล็ดงา
ซึ่งมีความสามารถในการบรรเทาผิวจากการทำร้ายของแสงแดด แถมยังมีส่วนประกอบเป็น Linoleic Acid ในปริมาณที่สูงถึง 35% – 50%
น้ำมันชนิดนี้ดีต่อผิวมากๆ แต่น้ำตบตัวน้ำไม่ได้หนักผิวสักเท่าไหร่ ดังนั้นคิดว่า น่าจะใส่เจ้าออยตัวนี้มาเพียงไม่เกิน 1 - 2 % เท่านั้น >< งุงิ
แต่โดยรวมแล้ว ก็มีสารอื่นๆอีกมากมาย ก็ถือว่าดีงามมมมมมม
Medicago Sativa (Alfalfa) Seed Powder เป็นสารสกัดที่ได้จากเมล็ดพืชชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นพืชที่ใช้เป็นยามาแต่โบราณ ขึ้นชื่อในเรื่องของการต้านอนุมูลอิสระ
Laminaria Digitata Extract สาหร่ายที่มีความสามารถในเรื่องของการช่วยลด Transepidermal water loss (TEWL) คือช่วยลดอาการระเหยของน้ำจากผิวได้ดีเยี่ยม
***แต่จากงานวิจัยทดสอบจากความเข้มข้น 10 % 
Palmaria Palmata Extract สารสกัดจาดสาหร่ายสีแดงที่มีความสามารถในการเป็น Antioxidant ที่สูง
Codium Tomentosum Extract สารสกัดจากสาหร่ายอีกชนิด
เป็น Strong Antioxidant และยังมีความสามารถในการต้านมะเร็งได้ด้วย
ช่วยให้เซลล์ทำงานได้เป็นปรกติ แบ่งตัวได้ดี
Sodium Gluconate, Copper Gluconate, Calcium Gluconate, Magnesium Gluconate, Zinc Gluconate 
สารแร่ธาตุเหล่านี้เป็นสารที่เข้ามาเสริมการทำงานของ Wound Healing ตามขั้นตอนต่างๆของผิวเรา
.
ซึ่งขั้นตอนจะอธิบายไว้ในรูปถัดไปนี้นะคะ 
Wound Healing Phases 
  1. Inflammatory Phase ขั้นตอนแรกสุด เป็นช่วงเวลา 2 – 5 วันภายหลังเกิดบาดแผล ขั้นตอนจะมีมากมายแต่สำคัญๆ คือเม็ดเลือด (Platelets) จะมารวมตัวกันเพื่อช่วยอุดบาดแผลไว้ แล้วก็จะมีเม็ดเลือดขาวเข้ามาจับแบคทีเรีย และเศษเนื้อตายเพื่อทำลายสิ่งเหล่านี้ โดยในขั้นตอนนี้ผิวจะยังไม่มีการสร้าง Collagen ขึ้นมาจนกว่าจะเข้าไป Phase ที่ 2 (Proliferative)
  2. Proliferative Phase ช่วงเวลาประมาณ 5 วัน – 3 อาทิตย์ (20วัน) หลังเกิดบาดแผล ระยะนี้เป็นระยะของการสร้าง Collagen จากเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast)
  3. Maturation Phase (Remodelling Phase) เป็นระยะสุดท้ายของกระบวนการ เริ่มประมาณ 20 วันหลังจากเกิดแผล ทั้งนี้ระยะเวลาในการหายจะขึ้นกับขนาดของบาดแผลและตำแหน่งที่เกิดบาดแผลด้วย ช่วงนี้จะมี Blood Supply ลดลง (ตอนเป็นแผลใหม่ๆ Blood Supply จะเพิ่มขึ้น) รวมไปถึงจะมีการทำลาย Collagen ให้เข้าสู่จุดสมดุล รอยแผลนูนๆ ก็จะนิ่มลง แบนลงและมีสีจางลงด้วย
สารประกอบอื่นๆ 
Caffeine ที่มีความสามารถลดผลกระทบของ UV กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
Glycine Soja (Soybean) Seed Extract ที่ช่วยเรื่องยับยั้งไม่ให้เมลานินถูกส่งผ่านไปบนผิวหนัง
Laminaria Digitata Extract สาหร่ายอีกชนิดที่มีความสามารถในการเพิ่มความชุ่มชื้น
Acetyl Hexapeptide-8 สารแนว Anti-Aging
Plankton Extract ช่วยลดอาการระคายเคือง
Glycosaminoglycans มีความสามารถในการดูดซับน้ำ ดึงดูดน้ำ และมีส่วนผสมของ Hyaluronic หรือ GAGs  
.
ส่วนที่เหลือก็จะเป็นพวกสารแต่งเนื้อและน้ำหอมค่ะ
.

สรุป
ข้อดี
  1. มีสารบำรุง Skin Barrier ช่วยลด TEWL ทำให้ผิวมีความชุ่มชื้นสูง
  2. มีสารที่ช่วยลดผลกระทบจาก UVB
  3. มีสารที่เน้นไปในเรื่องของการสมานบาดแผล
  4. Antioxidant หลากหลาย
ข้อเสีย

  1. ขวดใสควรเก็บให้มิดชิดค่ะ
  2. มีน้ำหอม **แพ้น้ำหอมควรผ่านนะคะ
*** ราคาไม่แพงค่ะ ใช้ได้นานเลยทีเดียว สำหรับไลน์ Lamer นะคะอิอิ

หวังว่ามันจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนที่สนใจอยากใช้  
LA MER : The Treatment Lotion  ตัวนี้อยู่พอดีนะคะ อิอิ

***ขอบคุณผู้ช่วยวิเคราะห์ LLM ด้วยนะคะ กราบค่ะ
Ingredients: Declustered Water (+)\Aqua\Eau De-Structuree (+), Declustered Water (-)\Aqua\Eau De-Structuree (-), Algae (Seaweed) Extract, Glycerin, Methyl Gluceth-20, Bis-Peg-18 Methyl Ether Dimethyl Silane, Yeast Extract\Faex\Extrait De Levure, Sucrose, Glycereth-26, Sesamum Indicum (Sesame) Seed Oil, Medicago Sativa (Alfalfa) Seed Powder, Helianthus Annuus (Sunflower) Seedcake, Prunus Amygdalus Dulcis (Sweet Almond) Seed Meal, Eucalyptus Globulus (Eucalyptus) Leaf Oil, Sodium Gluconate, Copper Gluconate, Calcium Gluconate, Magnesium Gluconate, Zinc Gluconate, Tocopheryl Succinate, Niacin, Sesamum Indicum (Sesame) Seed Powder, Citrus Aurantifolia (Lime) Peel Extract, Glycine Soja (Soybean) Seed Extract, Laminaria Digitata Extract, Palmaria Palmata Extract, Codium Tomentosum Extract, Laminaria Saccharina Extract, Sea Salt\Maris Sal\Sel Marin, Plankton Extract, Caffeine, Polyquaternium-51, Lecithin, Butylene Glycol, Dipotassium Glycyrrhizate, Glycine Soja (Soybean) Protein, Tourmaline, Acetyl Hexapeptide-8, Glycosaminoglycans, Peg-8, Sodium Hyaluronate, Alcaligenes Polysaccharides, Sodium Pca, Urea, Ppg-5-Ceteth-20, Jojoba Wax Peg-120 Esters, Polysorbate 20, Hexylene Glycol, Pentylene Glycol, Potassium Sorbate, Trehalose, Caprylyl Glycol, Hydroxypropyl Cyclodextrin, Fragrance (Parfum), Disodium Edta, Limonene, Geraniol, Linalool, Hydroxycitronellal, Citronellol, Phenoxyethanol.


AnnMirai

AnnMirai

ตะหวัดดีค่ะชื่อ​ แอน​ ?

FULL PROFILE