รีวิว The Treatment Lotion สกินแคร์ราคาจับต้องได้ของ LA MER!

60 19
PARTNERS IN BEAUTY

สวัสดีค่ะทุกคนนนนน หลังจากที่ซุ่มใช้ The Treatment Lotion ของ LA MER มาได้สักพักใหญ่ๆ ก็ถึงเวลาที่เราจะมารีวิวกันแล้วน้าาาาาาา บอกก่อนว่าตัวเทสของเค้าเราได้มาเป็นรางวัลจ้า ก่อนอื่นจะรีวิว เรามารู้จักสกินแคร์จากแบรนด์ลาแมร์กันก่อนดีกว่าค่ะ

วันที่ไปรับตัวเทสต้องบอกตรงๆว่าเดินผ่านหลายครั้ง หมายปองหลายตัว

แต่ยังไม่เคยเข้าไปสักที เลยแอบตื่นเต้น อันนี้เรามาที่สาขา สยามพารากอนนะคะ 

พอเข้าไปในร้านพี่ BA แนะนำดีมากกกกกกกกกกก เสียงหวานน่าฟังสุดๆ

อธิบายขั้นตอนต่างๆให้เราฟังเยอะมากค่ะ ซึ่งเราก็เลยอยากเอามาเล่าต่อให้เพื่อนๆอ่านกันค่ะ


วันนี้เค้าจะมาสอนวิธีการใช้ และบอกสรรพคุณทั้งหมด 5 ขั้นตอนค่ะ เรียงตามนี้เลย

เริ่มจากขั้นตอนที่ 1-4 ก่อนนะคะ เพราะขั้นตอนที่ 5 จะมีเสริมนิดหน่อย

เริ่มกันที่ขั้นตอนแรก เป็นการทำความสะอาดสิ่งสกปรก เครื่องสำอางบนใบหน้ากันก่อน

ด้วย LA MER The Cleansing Micellar Water เป็นคลีนซิ่งสูตรน้ำ เห็นใสๆแบบนี้ เค้าสามารถทำความสะอาดเครื่องสำอางกันน้ำได้นะเอ้อ จะให้บำรุงผิวอย่างล้ำลึก ก็ต้องทำให้ผิวสะอาดก่อนน้า

ขั้นตอนที่ 2 หลังจากเราทำความสะอาดใบหน้าเรียบร้อยแล้ว (แนะนำให้ล้างหน้าด้วยเจลล้างหน้าหรือโฟมล้างหน้าอีกครั้งก่อนนะคะ จริงๆของ LA MER ก็มีน้า แต่วันนี้เราไม่ได้นำมาให้ดูค่ะ ^^) เราก็จะมีทำความสะอาดใบหน้าอีกครั้ง ด้วย LA MER THE TONIC ตัวนี้เป็นโทนเนอร์ค่ะ ถามว่าโทนเนอร์ใช้เพื่ออะไร ก็โทนเนอร์ถือว่าสำคัญเช่นกันน้า เพราะเค้าจะช่วยปรับสภาพผิวเรา ให้พร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนต่อไปได้ดีขึ้นค่ะ ช่วยคลีนใบหน้าเราอีกรอบด้วย 

ขั้นตอนที่ 3 หลังจากเปิดรูขุมขน ปรับสภาพผิวไปแล้ว เราก็จะมาเตรียมผิว วอร์มผิวกันอีกครั้งค่ะ ด้วย LA MER The Treatment Lotion เค้าเป็นโลชั่นบำรุงผิวสูตรน้ำ ตบเบาๆให้ทั่วใบหน้า เพื่อ เตรียมผิวของเราให้พร้อมรับการบำรุงอย่างมีประสิทธิภาพในขั้นตอนต่อไปนั่นเอง และตัวนี้คือตัวที่เราได้มาทดลองใช้ และจะมารีวิวเพิ่มเติมค่ะ ^^

ขั้นตอนที่ 4 เมื่อผิวพร้อมรับการบำรุงอย่างเต็มที่แล้ว เราก็มาลงเซรั่มกันค่ะ !

ด้วย LA MER The revitalizing Hydrating Serum ตัวนี้เป็นเซรั่มเนื้อบางเบา ที่มี

คุณสมบัติช่วยให้ผิวชุ่มชื่น และมีชีวิตชีวาค่ะ

และขั้นตอนที่ 5 ขั้นตอนสุดท้ายยยยยย แท่น แทน แท๊นนนนน ก็คือการลงมอยเจอร์ไรเซอร์จ้า

บอกเลยว่าเค้ามีให้เลือกทั้งหมด 4 สูตรด้วยกัน ตั้งแต่เนื้อโลชั่นเบาๆ ไปจนถึงเนื้อครีมเข้มข้นเลยค่ะ ใครที่มีสภาพผิวแบบไหน ก็เลือกใช้ให้เหมาะสมเด้อ เอาจริงๆคือใช้ได้หมดแหละ แล้วแต่ความชอบของเรา

ตัวผลิตภัณฑ์ของเค้าก็จะแบ่งเป็น 4 เนื้อสัมผัสค่ะ เรียงได้จากเนื้อเบาไปยังเนื้อหนัก เริ่มจาดโลชั่น ซึ่งก็มี 2 สูตรคือ The Moisturizing Soft Lotion และ The Moisturizing Matte Lotion ต่อมาเป็นตัวที่เรียกได้ว่าหลายๆคนต้องคุ้นแน่นอน เพราะรีวิวเยอะมากกกกก แถมขายดีสุดๆ 


ก็คือ เรียงลำดับจากเนื้อผลิตภัณฑ์ The Moisturizing Cool Gel Cream ครีมบำรุงผิวสูตรเจล เย็นสดชื่น > The Moisturizing Soft Cream ครีมบำรุงผิวสูตรบางเบา ไม่หนักหน้า เบาสบายผิว > Crème de la Mer ครีมบำรุงผิวแบบเข้มข้น (ตัวนี้พี่ BA บอกขายดีที่สุดในสามสูตรค่ะ) 


ตัวเนื้อผลิตภัณฑ์ตัวอื่นเราไม่ได้ถ่ายมานะคะ เพราะมันทั่วๆไป แต่ที่เราอยากมาแบ่งปัน คือตัวเนื้อผลิตภัณฑ์แบบเข้มข้นของ Crème de la Mer ค่ะ เพราะอันนี้มันเป็นความรู้ใหม่กับเรามาก ซึ่งคนอื่นๆหลายๆคนอาจจะรู้อยู่แล้ว แต่เราพึ่งรู้จ้า 55555555

ก็คือเนื้อครีมแบบนี้ เวลาใช้เค้าต้องนำมาวอร์มที่มือเราก่อนค่ะ เพราะมือเราจะมีอุณหภูมิที่ทำ

ให้ตัวครีมละลายและซึมสู้ผิวไวมาก ไม่ต้องกลัวว่าครีมจซึมเข้ามือหมดนะคะ เพราะมือเราจะมี

ชั้นผิวหนังที่หนา และเล็กกว่าหน้าเรา ไม่ซึมเข้ามือแน่นอน


หลังจากวอร์มครีมจนเนื้อแตกตัวแล้ว ถึงนำมาทาที่หน้าค่า พี่ BA เปรียบเทียบเวลาทาครีม

แบบไม่วอร์ม กับแบบวอร์มให้ดู แบบไม่วอร์มคือแทบไม่ซึมเลย แบบวอร์มคือซึมดีมาก

เทคนิคนี้ ต้องใช้กับสกินแคร์ทุกตัวที่มีเนื้อผลิตภัณฑ์เป็นแบบนี้นะคะ นี่คือความรู้ใหม่ของเรา 5555


ที่สกินแคร์ต้องลงตามลำดับแบบนี้ก็เพื่อประสิทธิภาพการบำรุงขั้นสุด

จำเอาไว้ใช้เลยคือ สกินแคร์ ต้องใช้จากเนื้อเหลวที่สุด เรียงลำดับ ไปเนื้อข้นที่สุดค่ะ 

ต่อไป!! เรามาดูรีวิวกันบ้างดีกว่าค่ะ

ถุงแพ็คเกจสำหรับขนาดทดลองยังดูดีขนาดนี้ สมแล้วที่เป็นลาแมร์ ชอบมากกกกก

LA MER The Treatment Lotion ขนาด 5 ml คือสิ่งที่เราจะนำมารีวิวให้ทุกคนอ่านค่ะ!

ตัวนี้เค้าบอกว่ามี Liquid Energy ที่ช่วยให้ผลิตภัณฑ์ซึมลงสู่ผิวอย่างรวดเร็ว ให้ผิวชุ่มชื่น

เมื่อใช้อย่างต่อเนื่องจะช่วยให้ผิวเรียบเนียน นุ่ม และสีผิวสม่ำเสมอด้วย

เนื้อจะเป็นใสๆแบบนี้ พี่ BA แนะนำมาว่า ตอนใช้เราหยดลงไปบนฝ่ามือให้ขนาดเท่ากับ

เหรียญบาทพอค่ะ เพราะตัวนี้เค้าให้ความชุ่มชื่น ซึมได้ทั่วใบหน้าแน่นอน

วิธีใช้ก็คือวอร์มที่มือแปปเดียว ให้เนื้อผลิตภัณฑ์อยู่ทั่วมือ แล้วตบเบาๆให้ทั่วใบหน้า และลำคอค่ะ

เปรียบเทียบค่าความชุ่มชื่นของผิวให้ดูระหว่างก่อนใช้ และหลังใช้ทันที

บางคนอาจคิดว่า ไม่เห็นเพิ่มขึ้นเยอะเลย แต่สำหรับเรา เค้าเป็นโ,ชั่นบำรุงผิวสูตรน้ำ

ให้ความชุ่มชื่นเพิ่มมาขนาดนี้ถือว่าเยอะค่ะ เพราะวันแรกที่เราได้ทดองใช้ หน้าเราพังมากก

แห้งมาก ลอกทั่วใบหน้าเลย เดี๋ยวเราแปะรูปให้ดูนะคะ

ไม่ต้องตกใจค่ะ นี่คือสภาพหน้าเรา โทรมเหมือนอดนอนมา 20 วัน 5555555

ช่วงนั้นคือนอนน้อยจริงๆค่ะ ไม่ค่อยมีเวลาบำรุงด้วย แถมเหมือนทาอะไรก็ไม่เข้าผิวเลย

หน้าลอก แห้ง คล้ำ เหมือนคนโดนของมากๆ ส่องกระจกก็ตกใจหน้าตัวเองเหมือนกัน

ยิ่งเรื่องแต่งหน้า ไม่ต้องคิดเลยค่ะ แต่งหน้าไม่ติดเลยยยยยยยยยย อยากร้องไห้

อ่ะ พลีชีพกันไปสุดๆ เราจะเก็บรูปทุกๆสองวันค่ะ เรียงตามลำดับเลย จะเห็นเลยว่าหน้าเราเริ่ม

สุขภาพดีไม่เหมือนซอมบี้ขึ้นเรื่อยๆ ใน 3 วันแรกหน้าเริ่มชุ่มชื่นขึ้น ส่วนที่ลอกค่อยๆดีขึ้น

วันที่ 5 ก็ชุ่มชื่นขึ้นมา แต่ตรงจมูกยังคงลอกอยู่ วันที่ 7 คือผิวหายลอกแล้วจ้า ผิวเริ่มดี

แล้วก็ตั้งแต่วันที่ 9 ไปจนถึงวันที่ 17 จะเห็นได้เลยว่าผิวเราดีขึ้นมากกกกกกกก


รู้สึกเลยว่านอกจากหน้าจะชุ่มชื่นขึ้น ยังกระจ่างใสขึ้น รูขุมขนกระชับ

อิ่มน้ำ ดูสุขภาพดี แถมยังรู้สึกว่าเค้าทำให้สกินแคร์ชื้นอื่นๆซึมเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้นค่ะ

เหมือนเค้ามาปลอบประโลมผิวเราเลย ประทับใจมาก ไม่แปลกใจทำไมคนถึงอยากลองใช้

เทียบให้เห็นกันชัดๆ ก่อนใช้ และหลังใช้ นอกจากเพิ่มแสงภาพแล้ว ก็ไม่ผ่านการแต่งอย่างอื่นมาเลยจ้า หน้าสุขภาพดีขึ้นสุดๆ แต่รูปหลังใช้ที่หน้าเงาเพราะเราลงโลชั่นตัวนี้แหละค่ะ ผิวมันอิ่มน้ำจนทาแค่โลชั่นยังดูสุขภาพดีเลย รูปอื่นๆนั่นเราก็ทานะคะถึงถ่าย แต่มันแห้ง และไม่ค่อยเข้าหน้า เลยเป็นหน้าแห้งๆด้านๆแบบนั้นเลย 

ความประทับใจมี 10 ให้ 10 เลยค่ะ ประทับใจมาก สำหรับคนที่พึ่งเคยลองใช้แบรนด์นี้ครั้งแรกแบบเรา


ถ้าใครที่ยังไม่เคยลองใช้แบรนด์นี้ อาจจะเห็นราคาแล้วไม่กล้าซื้อ เราแนะนำให้ซื้อขนาดทดลองมาลองก่อนค่ะ เชื่อเลยว่าคุณจะติดใจแน่นอน และสำหรับตัวเริ่มต้นที่ควรลอง ก็คือตัว LA MER The Treatment Lotion นี้แหละจ้า ราคา 100 ml ประมาณ 3,400 บาท แต่เค้าใช้ได้นานนะคะ ขนาด 5 ml เรายังใช้ได้สองอาทิตย์กว่าๆเลย ดังนั้นราคานี้ถือว่าไม่แพงค่ะ จับต้องได้ ไม่เชื่อลองคำนวณเป็นราคาต่อวันดู 55555

ส่วนนี่ขนาด 150 ml ราคา 5,100 จ้า อิอิ


ปล.1 รีวิวนี้เราเก็บภาพมานานแล้วน้าาาา จนตอนนี้ใช้เทสเตอร์หมดไปนานมากกกกก และได้ขวดใหญ่มาแล้ว 5555555


ปล.2 บอกก่อนว่าไม่ได้ใช้แค่ตัวนี้ตัวเดียวน้าาาาา เรามี Skincare Routine ที่ใช้ด้วยกันอีกจ้า ดูได้จากกระทู้ที่เคยรีวิวไป


ปล.3 สกินแคร์ทุกตัวอาจจะไม่ได้เหมาะกับสภาพผิวของทุกคนนะคะ บางคนใช้ถูกบางคนอาจจะไม่ถูก ต่อให้เป็นราคาแพงหรือถูกก็ตาม ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ เราแนะนำให้ซื้อตัวเทสมาใช้ หรือไปลองเทสที่เคาเตอร์ก่อนนาาาา


วันนี้เราขอตัวไปก่อนนะงับ บะบุยยยย xoxo


Zeibab

Zeibab

You can call me "BABY"
Graphic Designer | Traveller | Beauty Reviewer

ยินดีที่ได้รู้จักทุกคน เรียกสั้นๆว่าเบ๊บก็ได้นะฮับ ขอฝากเนื้อ ฝากตัว ฝากใจไว้ที่ Jeban ด้วยนะฮ๊าบบบบบ xoxo

FULL PROFILE