ของดีโลกต้องรู้! รีวิวรองพื้น Innisfree My Foundation 3.3 ผิวสวยผู้ดี ผสมสูตรได้เอง
aimmellow 63 39 เค้าแจกฟรี/ มีคนให้มาแหละ :)
เคยมีมั้ย... รองพื้นที่ใช้แบบไม่ได้คาดหวังอะไร แต่แต่งออกมาเสร็จ โหหหหหหห ผิวสวยเกินเบอร์เวอร์วังแบบประทับใจ แถมราคาไม่ถึงพัน!!! ใครถามต้องหยิบขวดให้ดูว่ามันอันนี้ๆๆๆๆ ดีแบบหลบๆ ซ่อนๆ ดีแบบไม่บอกใคร ดีไม่เอะอะ แต่คือดีจนแบบ เห้ยพวกเธอ คือไม่มีมันไม่ได้!!!! โลกต้องรู้!!
และนั่นคือความรู้สึกของเอมตอนแต่งหน้าด้วยรองพื้น Innisfree My Foundation ค่ะ ??❤️
และนั่นคือความรู้สึกของเอมตอนแต่งหน้าด้วยรองพื้น Innisfree My Foundation ค่ะ ??❤️
เบิกตัวรองพื้นที่มาเหนือความคาดหมาย
ราคาขวดละ 850 บาทเท่านั้น ~
Innisfree My Foundation 3.3
ราคาขวดละ 850 บาทเท่านั้น ~
ความเริ่ดของน้องคนนี้นอกจากผิวสวยๆ ฉ่ำๆ ที่เห็นรูปข้างบนคือเป็นรองพื้นที่เรา customize การปกปิด ความฉ่ำ/แมตต์ ความชุ่มชื้นได้ตามใจเรามากถึง 60 สูตร!! แถมมีสีเยอะมากกกกกเมื่อเทียบกับรองพื้นสายเกาหลีทั่วๆ ไป
ขวดนี้ที่เอมได้มาเป็น Innisfree My Foundation 3.3 ซึ่งตัวเลข 3.3 นี่แหละค่ะเป็นตัวบอกว่าเค้าได้งานผิวแบบไหน ซึ่งของเอมคือ
ขวดนี้ที่เอมได้มาเป็น Innisfree My Foundation 3.3 ซึ่งตัวเลข 3.3 นี่แหละค่ะเป็นตัวบอกว่าเค้าได้งานผิวแบบไหน ซึ่งของเอมคือ
- ความชุ่มชื้นระดับ 3 : Glow งานผิวฉ่ำ
- การปกปิดระดับ 3 : ปกปิดได้ตรงกลางระหว่าง Natural กับ Perfect
- สี มีทั้งหมด 11 สี : อันนี้แล้วแต่เลือก ของเอมผิวเฉด N27 ออกไปทาง Medium กลางๆ ไม่เหลืองไม่ชมพูมากค่า
ช่วง ใช้ให้ดูชัดๆ ติดทน ผิวฉ่ำแค่ไหน
ส่วนตัวเอมสีผิวประมาณ NC 25-30 ซึ่งสี N27 ตอนลงจะสว่างกว่าผิวนิดๆ แต่เมื่อเซ็ตตัวสีจะเข้ากับผิวขึ้นนิดหน่อย แต่ก็ยังสว่างกว่าผิวอยู่นิดนึงแต่ไม่วอก วันไหนเอมอยากได้ผิวบ่มแดดก็จะลงคอนทัวร์ + บรอนเซอร์โทนอมเหลืองให้เป็นโทนผิวอุ่นๆ แบบที่ชอบ
แต่วันไหนขี้เกียจก็แบบนี้เลยค่ะ 555 หน้าไม่ลอย ถามเพื่อนในออฟฟิศแล้ว เค้าบอกว่าได้ สวย! ?
หน้าสด - ผิวตอนลงทันที
ลงปุ๊บหน้าจะดูแบบ Soft matte คือมีความแมตต์แต่ก็วาวกระทบแสงนิดๆ ไม่ได้ฉ่ำดิวอี้สุด แต่ก็ไม่แมตต์สนิทผิวดูเบลอ รูขมขนดูนัวขึ้น + ปกปิดรอยสิวได้ประมาณ 50-60% ถ้าใครชอบปิดเยอะก็เลือกเลเวลการปกปิดให้เยอะกว่าเอมนะคะ ไปเบอร์ 4 5 ไรงี้
หลังแต่งหน้าเสร็จ ไฟเหลืองในห้อง
ใช้เวลาแต่งประมาณ 30 นาที เอมไม่ชอบเซ็ตแป้ง ผิวจะมันขึ้นนิดนึง + ความโกลวของรองพื้น ผิวก็จะออโต้ฉ่ำขึ้นมาเอง เซ็ตตัวแล้วกลืนเป็นผิวใครชอบแมตต์หรืออยากให้คุมมันก็เซ็ตแป้งฝุ่นได้น้า แต่เอมไม่เซ็ตเพราะไม่อยากให้เสียฟินิชผิวของตัวรองพื้นเค้า มันสวยดี
ส่วนผิวทั้งหมดคือรองพื้นล้วนๆ ไม่ได้คอนซีลเลอร์ + ใต้ตาก็ไม่คอนซีล ใช้แค่ Innisfree Corrector โทนส้มแซลมอน ช่วยตัดรอยช้ำให้ตาดูไบรท์ค่า / แก้มใช้เป็นครีมบลัช จะได้เบลนด์กับรองพื้นสวยๆ ไม่ดูแป้ง
ผ่านไป 2 ชั่วโมง แสงธรรมชาติ
ผิวดูฉ่ำขึ้นอีกนิดแต่สวยมากกกๆๆๆ ยิ่งออกแสงแดดธรรมชาติยิ่งกระทบแสงสวยที่สุด เหมาะกับการออกไปเดินเล่นถ่ายรูป กินข้าว แฮงก์เอาท์สวยๆ และรูขุมขน หลุมสิว รอยสิว ผิว ดูเบลอ นัวมากกก ยิ่งผิวมันยิ่งเบลนด์กับรองพื้นเนื้อสูตร 3.3 ได้ดีถ้าเทียบกับงานผิวสายเกาอื่นๆ สำหรับเอมชอบมาก เพราะผิวเอมปกติมันไม่เรียบ มีหลุมสิว รูขุมขน รู้สึกสายเกาเบลอ Texture นี้ไม่เทพเท่าฝั่งแบรนด์ตะวันตก แต่ตัวนี้ใช้ได้เลยค่ะ ตอบโจทย์ผิวไม่เรียบ สวยมากๆ รอยสิวยังไม่โผล่
ผ่านไป 6 ชั่วโมง
เนื่องจากสูตรนี้เป็นสูตรโกลวเลยไม่เน้นเรื่องคุมมันนะคะ จะเห็นชัดว่าผิวมันขึ้นมาก มีความเยิ้มนิดๆ สำหรับเอมที่เป็นผิวมัน แต่ไม่เป็นคราบใดๆ เป็นหน้ามันที่ยังดูสวยอยู่ รูขุมขนดูค่อนข้างเนียน ไม่เบิกบาน 555 // เบอร์ 3.3 ถ้าใครผิวแห้ง หรือผสมค่อนแห้ง คิดว่าน่าจะเลิฟเลยค่าความติดทน เมื่อซับออกหลุดออกมาค่อนข้างเยอะเหมือนรองพื้นสายฉ่ำทั่วไป ถ้าอยากให้ทนขึ้น แนะนำใช้ไพรเมอร์คุมมัน + เซ็ตแป้งช่วยค่า
สรุป Innisfree My Foundation 3.3
- เลิฟมากกกก ผิวสวย ไม่โกลวไม่ฉ่ำเกิน ใช้ง่าย ทาๆๆๆ ไปมั่วๆ ก็สวยเลย
- ปกปิดรอยดำ รอยแดง ได้ดีกว่าที่คิดเลยนะ
- เบลอรูขุมขน หลุมสิวได้ดี รูขุมขนไม่บาน
- ส่วนตัวผิวมัน เอมจะใช้สำหรับวันสบายๆ หรือออกงานแนวสวยๆ นั่งทำงานในออฟฟิศจะสวยผ่องกำลังดี เพราะไม่ชอบเซ็ตแป้งหรือไพรเมอร์
- ถ้างานแบบสมบุกสมบันมากกก บุกป่าฝ่าดง เหงื่อท่วม เอมจะไม่เลือกใช้ตัวนี้เพราะมันเน้นฉ่ำ สำหรับผิวมันอาจจะเยิ้มได้ง่ายกว่าพวกรองพื้นเนื้อแมตต์นะค้า อาจจะต้องเป็น My Foundation เบอร์ 1 / 2 แบบแมตต์ จะคุมมันมากกว่าค่า
สำหรับวันนี้ลาไปก่อนนะคะ หวังว่ารีวิวนี้จะมีประโยชน์น้า
จุ๊บบบบ ~