Fall in love with Dior Forever Perfect Cushion

Dior Forever Perfect Cushion By Dior Mania Limited Edition Collection  

คุชชั่นที่เฟินยอมใจตั้งแต่แรกเห็น ด้วยความสวยงามหรูหรา คลาสสิค packaging จนทำให้ต้องเดินกลับมาลองเนื้อสัมผัวอีกรอบ ทั้งๆที่เดินออกจากเคาเตอร์แล้ว

ด้วยเนื้อสัมผัสที่บางเบา ซึมง่าย แต่ไม่แมทเกินไป รู้สึกเลยว่าเนื้อสัมผัสเค้าไม่หนักหน้าแน่นอน เพราะโดยปกติ เฟินหาคุชชั่นที่เหมาะกับผิวยากมาก บางที แมทไป เยิ้มไป เหนอะหนะไปบ้าง เลยหยุดให้กับการใช้คุชชั่น แต่ Dior Forever Perfect Cushion ตัวนี้ทำให้เฟินกลับมาใช้คุชชั่นใหม่อีกครั้งค่ะ

ด้วยเนื้อบางเบา ไม่แมทเกินไป ทำให้ฟินิชที่ออกมา ค่อนข้างบางเบา และโชว์งานผิวเล็กน้อย ไม่ได้มีความฉ่ำแววของผิวออกมาเท่าไหร่ หากต้องการการปกปิดเพิ่ม อาจต้องทัชอัพเพิ่มเล็กน้อยในบริเวณที่ต้องการการปกปิด ซึ่งไม่ต้องกลัวว่าเค้าจะทำให้หน้าหนาขึ้นแน่นอน เพราะตามที่บอกไปขั้นต้น เนื้อเค้าบางเบามาก หรือหากใครต้องการเพิ่มความฉ่ำแวว เค้าอาจไม่ได้เด่นเรื่องนี้เท่าไหร่ แต่สามารถแต่งเพิ่มด้วยไฮไลท์ที่เราใช้อยู่ประจำได้เลยค่ะ

เฟินใช้ทัชอัพระหว่างวันในบางวันที่แต่งหน้าด้วยเมคอัพทั่วไป ไม่มีคราบ หรือ หน้าลอยใดๆ เค้าจะกลืนไปกับผิว หากเลือกสีที่ตรงกับรองพื้นหรือแป้งที่ใช้อยู่เป็นประจำ หลายคนถามว่าใช้แล้วผิวดรอปหรือไม่ สำหรับเฟินไม่ได้ดรอปขนาดนั้นเลยค่ะ โดยส่วนตัวเฟินรู้สึกว่ามันดรอปลงมาน้อยมาก เนื่องด้วยเฟินไม่ได้เป็นคนทัชอัพหน้าบ่อย และด้วบการเจอมลภาวะระหว่างวันบ้าง เรื่องความดรอปเฟินเลยไม่ได้กังวล

หลักการลงคุชชั่นของเฟิน หลังจากทาครีมบำรุงและกันแดดแล้ว เฟินลงเบจเล็กน้อย ต่อด้วยคุชชั่นค่ะ ไม่ต้องลงแป้งฝุ่นหรือแป้งแข็งทับนะคะ เค้าจะค่อยๆเซตตัวของเค้าเอง แล้วแต่งหน้าได้ตามปกติเลยค่ะ เฟินใช้สี 2N (ในไทยมีให้เลือก 3 เฉดสี) ค่อนข้างเนียนกับสีผิวเฟินไปเลย แล้วลงบลัชได้ตามปกติ แบบไม่มีทิ้งคราบ ยิ่งระหว่างวันที่เค้าซึมเข้าผิวมากขึ้น รู้สึกได้ว่าผิวสวยขึ้นเลยค่ะ ใช้ได้กับทุกสภาพผิวเลยค่ะ เนื้อคุชชั่นติดทน แทบไม่รู้สึกผิวดรอประหว่างวันเลย

ตัวนี้เค้ามีกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ นะคะ แต่เฟินโดยส่วนตัวเป็นคนผิวเเพ้ง่าย แต่ตอนนี้ใช้ตัวนี้อยู่ไม่มีอาการแพ้ใดๆค่ะ สรุปสั้นๆแบบป้ายยาเบาๆ Collection นี้ต้องมีนะคะ ทั้ง Packaging และ ความดีงามของผลิตภัณฑ์เอง บอกเลยว่าคุ้มค่ามากกับ
Dior Forever Perfect Cushion