Review | Giorgio Armani Luminous Silk Foundation | Build ผิวสวย Make up no make up look ไปจนถึง Full Glam
Tripple.p 60 12 JEBAN GIVEAWAY / ได้รางวัลจากจีบันนี่แหละ!สวัสดีค่ะ สาวๆชาวจีบันทุกคน ^^ วันนี้อ้อจะมารีวิวรองพื้นตัวดังในตำนาน Giorgio Armani : Luminous Silk Foundation ให้เพื่อนๆได้ชมกันนะคะ
เนื่องจากอ้อเป็น 1 ใน 20 ผู้โชคดีได้เข้าร่วมกิจกรรมกับทาง Jeban ไปลองเลือกเฉดสีรองพื้นผิวสวยเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา จึงขอมาเเชร์บรรยากาศภายในงานให้เพื่อนๆได้ชมกันด้วยเลยนะคะ ขอขอบคุณทางจีบันมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ทางเรานั้นดีใจมากกก เพราะอยากจะลองรองพื้นรุ่นนี้มานานมากเเล้วค่ะ :)
เเละสำหรับการ review Look ที่อ้อจะเเต่งในวันนี้จะมีตั้งเเต่ Natural Look เเละ build ไปจนถึง Full glam เลยค่ะ เพื่อดูว่ารองพื้นผิวสวยตัวนี้จะสามารถ build สุดไปได้ถึงตรงไหน หลังจากที่ลองใช้เเล้ว ต้องบอกเลยว่าน้องเค้าทำได้สมคำล่ำลือมากๆเลยค่ะ ปลื้มมากกก อยากรู้ว่าน้องเค้าดีเเค่ไหน เลื่อนลงอ่านต่อได้เลยค่าา ^^
Concept ของ Giorgio Armani
ความรู้สึกเเรกที่เดินเข้าไปshop คือ สัมผัสได้ถึงความหรูหรา เซ็กซี่ ด้วยโทนการตกเเต่งสีดำเเดง เเละเนื่องจากเเบรนด์ Giorgio Armani เริ่มมาจากธุรกิจด้านเสื้อผ้า เเละเเฟชั่น Concept การตกเเต่งเเละ การpresent productของเเบรนด์จึงเป็นเหมือนการจำลองห้องเสื้อ ราวกับว่าลูกค้ากำลังเดินเข้ามาเพื่อตัด customชุดที่เหมาะสมกับตัวเอง เพียงเเต่เปลี่ยนจากเสื้อผ้ามาเป็นการเลือกเฉดสีเเละ texture ต่างๆของเครื่องสำอางค์เเทนค่ะ สังเกตุได้จากการเล่นคำว่า dress code ตามรูปที่นำมาใช้กับลิปสติก เเละ รองพื้นนั่นเองค่ะ ซึ่งอ้อรัก conceptนี้มาก เป็นconcept ที่ unique เเละช่วยให้ลูกค้าสามารถ มองเห็น เเละเข้าใจเรื่องของ texture เเละ undetone ได้ดีมากๆค่ะ ^^การเลือก Texture, undertone เเละ shade สี
ในขั้นตอนนี้ จะมีผู้เชี่ยวชาญมาอธิบายให้ฟังค่ะว่าการเลือกรองพื้นหรือเเม้เเต่product อื่นๆให้เหมาะกับตัวเอง ต้องดูอะไรบ้าง เช่น การเลือกรองพื้นก็จะต้องดูเรื่อง Texture, Undertone เเละ shade ที่เหมาะกับสภาพผิวหน้าตัวเอง เป็นต้นค่ะ โดยครั้งนี้มีพี่เเจ๊ค Face Designer ของเเบรนด์มาอธิบาย concept การเลือกให้ฟังค่ะเริ่มจากการเลือก Texture ก่อน
แบรนด์จะเปรียบ textureเเละระดับ Coverage ของรองพื้นกับชนิดของเนื้อผ้าตามรูปด้านบน Texture รองพื้นคือผ้าสีขาวเเถวเเรกค่ะ ซึ่งอ้อชอบ concept นี้มากเพราะมันทำให้เราเข้าใจได้ง่ายขึ้นเยอะมากๆ ค่ะ ว่ารองพื้นเเต่ละเนื้อเป็นยังไง เช่นถ้าบางคนไม่เข้าใจว่า รองพื้น เนื้อโกลว เนื้อซาติน เป็นยังไง ปกปิดต่างกันขนาดไหน ทางAmani มีเป็นเนื้อผ้ามาให้ดู มองปุ๊ป อ๋อ ทันทีเลยค่ะ ^^
เเละรองพื้นรุ่นที่วันนี้อ้อมาลอง ก็คือตัว Luminous Silk Foundation
เเค่มองจาก texture ผ้า ก็รู้ทันทีว่ารองพื้นเป็นเนื้อโกลว ปกปิดได้ประมาณนึงเท่านั้น ไม่ได้ให้การปกปิดมากถึงขั้น full coverage หรือ ไม่ปกปิดเป็น Light coverage ไปเลย
เเละนอกจากเนื้อผ้าเเล้ว ทางเเบรนด์ยังตั้งชื่อรองพื้นเเต่ละรุ่นตามชนิดของเนื้อผ้าเพื่อให้เข้าใจ concept ได้มากขึ้นด้วยค่ะ เช่น ตัว Luminous Silk เห็นชื่อก็อ๋อ เเล้วว่าเป็นเนื้อผ้าไหมซึ่งมีคุณสมบัติ ลื่นๆ เงาๆ ก็พอจะเดาได้ว่ารองพื้นน่าจะมาสายงานผิวสวยนั่นเองค่า
เเค่มองจาก texture ผ้า ก็รู้ทันทีว่ารองพื้นเป็นเนื้อโกลว ปกปิดได้ประมาณนึงเท่านั้น ไม่ได้ให้การปกปิดมากถึงขั้น full coverage หรือ ไม่ปกปิดเป็น Light coverage ไปเลย
เเละนอกจากเนื้อผ้าเเล้ว ทางเเบรนด์ยังตั้งชื่อรองพื้นเเต่ละรุ่นตามชนิดของเนื้อผ้าเพื่อให้เข้าใจ concept ได้มากขึ้นด้วยค่ะ เช่น ตัว Luminous Silk เห็นชื่อก็อ๋อ เเล้วว่าเป็นเนื้อผ้าไหมซึ่งมีคุณสมบัติ ลื่นๆ เงาๆ ก็พอจะเดาได้ว่ารองพื้นน่าจะมาสายงานผิวสวยนั่นเองค่า
หา Undertone ที่ใช่
ข้อนี้สำคัญมากนะคะ หน้าจะเทาไม่เทาขึ้นอยู่กับขั้นตอนนี้เลย 55เมื่อหา Textureเเละ coverage ที่ถูกใจได้เเล้ว ต่อมาก็มาหา undetone เลยค่ะ
ทางเเบรนด์จะใช้เป็นสายวัดเหมือนเวลาเราเข้าห้องเสื้อไปตัดชุด มาวัดให้ค่ะ โดย undertone เเบ่งออกเป็นสาม tone ด้วยกันคือ
1. Cool
2. Neutral
3. Warm
ส่วนตัวอ้ออยู่กลางๆระหว่าง Nuetral เเละ Warm ค่ะ
เลือก Shade ที่ชอบ
สุดท้ายย เมื่อได้ undertone ที่ถูกต้องเเล้ว เราก็มาเลือก shade รองพื้นที่เราชอบกันค่ะ โดยเฉดสีเราสามารถเลือกให้สว่าง หรือ เข้มกว่าผิวหน้าจริงได้ประมาณ 1-2 เฉด โดยไม่ทำให้หน้าเทาค่ะ (ตราบใดที่เลือก undertone ถูก) ซึ่งขั้นตอนนี้ พี่ๆ บีเอจะมีการให้ลองสี ในหลายๆ range เพื่อดูว่าเราชอบshade ไหนที่สุดค่ะ ซึ่งพี่ๆเเต่ละคนเเนะนำดีม๊ากกก น่ารักมากๆด้วยค่ะ ประทับใจมากๆเลย ^^
เเละสำหรับกิจกรรมในวันนั้นก็จบเเล้วค่ะ ส่วนตัวประทับใจมากๆ พี่ๆ Face Designer มืออาชีพมากๆค่ะ ให้ความรู้เรื่องของเเบรนด์เเละ ผลิตภัณท์ได้ดีมาก Tools ต่างๆที่ใช้ให้กับลูกค้าก้สะอาด ใส่ใจดีมากๆเลย เเละขอบคุณทางจีบันอีกครั้งนะคะ สำหรับกิจกรรมดีๆเเบบนี้ ^^
Review Session : Lumonous Silk Foundation
______________________เเละอย่างที่บอกไปตอนต้นนะคะ วันนี้อ้ออยากลองBuild ผิวตั้งเเต่งานผิว makeup no make up ไปจนถึง full glam เพื่อดูว่าน้องรองพื้นจะทำได้ดีมากน้อยเเค่ไหน
ไปชมกันเลยค่าา
Texture รองพื้น
จากที่ป้ายบนหลังมือจะเห็นได้ว่าเนื้อไม่ได้เหลวมากนะคะ ตอนเกลี่ยคือเกลี่ยง่ายมากๆ สัมผัสเบาบาง ทาเเล้วทิ้งความshine ไว้บนผิวประมาณนึง ดูสุขภาพดี เเต่ไม่รู้สึกมันเลยค่ะ เเห้งกลืนไปกับผิวเลย เเละเมื่อเปรียบเทียบกับชนิดของผ้าเเล้วก็เห็นได้ว่าค่อนข้างให้ finish look ที่เหมือนกันค่ะ
เริ่มจากหน้าสดเช่นเคยค่ะ
สภาพผิวช่วงนี้จะมีความอ่อนล้ามาก เพราะความเครียดเเละพักผ่อนไม่เพียงพอ เเละมีรอยสิวบริเวณกรอบหน้าค่อนข้างเยอะค่ะ
สภาพผิวช่วงนี้จะมีความอ่อนล้ามาก เพราะความเครียดเเละพักผ่อนไม่เพียงพอ เเละมีรอยสิวบริเวณกรอบหน้าค่อนข้างเยอะค่ะ
Foundation Try On
ลองลงบนหน้าเเล้วเพื่อนๆจะเห็นได้ชัดเจนมากว่าผิวสุขภาพดีขึ้นมาทันทีค่ะ 5555ความเหนื่อยล้าจากภาพ before คือหายไปเลย อ้อใช้กับแปรงเกลี่ยรองพื้นนะคะ ใช้เวลาในการทารวดเร็วมากๆ และเบา สบายหน้ามากค่ะ ไม่รู้สึกหนักเลย^^
Coverage
มาถึงการปกปิดกันบ้าง รองพื้นตัวนี้จะอยู่ที่ระดับ Medium ค่ะ ปิดรอยจางได้บ้าง เเต่รอยชัดๆยังต้องใช้ concealer ช่วยอยู่ค่ะ ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติของรองพื้นสายเผยผิว เพราะถ้าปกปิดมากขึ้น ตัวรองพื้นก็จะ matte ขึ้นด้วยค่ะซึ่งส่วนตัวอ้อชอบใช้รองพื้นงานผิวๆเเล้วใช้ concealer เเต้มเฉพาะจุดมากกว่าอยู่เเล้วจึงไม่ได้เป็นปัญหาเลยค่ะ ^^
"Make up no makeup" finish look
เเละเมื่อลงคอนซีลเลอร์ เเต่งตาเเก้มปาก เเละฉีด Setting Spray อีกนิดหน่อย ได้ออกมาเป็นลุคใสๆ เเบบนี้เลย ผิวสวยมากกกกกกกกกก ชอบลุคที่ได้มากๆเลยค่ะจำไม่ได้เลยว่าเคยเป็นสิวมาก่อน ใสๆ เหมาะกับการ Work from home ช่วงนี้มากๆ
* Trick ผิวสวย: การบำรุงผิวหน้าอย่างเพียงต่อจะทำให้ผิวดูสวยมากยิ่งขึ้น ถึงเเม้ว่าจะใช้รองพื้นเพียงนิดเดียวค่ะ
เเละอย่าปาดรองพื้นหนาเกินไปนะคะ ให้ใช้วิธีค่อยๆ Build เป็น Layer จะได้งานผิวที่สวยกว่าค่ะ
Build it to a full glam look
นอกจากจะผิวสวยเเบบ makeup No makeup เเล้ว Build ต่อให้เป็น Full Coverage ก็ทำได้ดีมากๆๆ เหมือนกัน ผิวดูโกลวเเบบสุขภาพดี ไม่ได้โกลวจนดูมันเบลอรูขุมขนได้ดี ไม่เป็นคราบเข้าใจเเล้วว่าทำไมถึงได้เป็นรองพื้นในตำนานเเละเป็น Fav ของใครหลายๆคน
เเละถึงเเม้ buildเพิ่มขึ้น ก็ไม่ได้รู้สึกหนักหน้าเลยค่ะ ปลื้มมากๆ ^^
Trick : เพื่อป้องกันไม่ให้รองพื้นเป็นคราบ ถ้าใครเเต่งหน้าสองรอบเหมือนอ้อ รอบเเรกไม่ใช้แป้งนะคะ พอมา build ต่อ จะได้ผิวที่ยังสวยเหมือนเดิมค่า ^^
Wear Test :8 Hours
สุดท้ายย กับการทดสอบความติดทน อ้อเเต่งหน้าประมาณ 8ชั่วโมง เเต่ส่วนใหญ่ใช้ชีวิตในห้องเเอร์ ไม่ได้ออกไปข้างเจอเเดดมาก เนื่องจากกลัวไวรัสโดยรวมคือติดทนดีค่ะ เเต่งไปซักพักรองพื้นเหมือนจะมีความโกลวขึ้น เเต่หน้าไม่ได้รู้สึกว่ามันนะคะ ในรูปคือไม่ได้มีการซับหน้าใดๆค่ะ มีเเค่เติมลิปนิดหน่อย เเละเอาขนตาปลอมออกเท่านั้น
สรุป
ความผิวสวย: 5/5ความติดทน : 4/5
ความเกลี่ยง่าย : 4/5
ความเบาสบาย : 4.5/5
ความปกปิด : 3/5
Overall : 4/5
ราคา 2,500 บาทเป็นรองพื้นที่สวยมากค่ะ ทำหน้าที่ได้ดีสมคำล่ำลือ
glow เเบบพอดีๆ ไม่มากไป ติดทน(สำหรับผิวผสมใช้ชีวิต in doorเเบบเรา) ไม่หมอง ไม่ดรอป ปลื้มมากๆค่ะ
Finished Look!!
หวังว่า Review นี้จะเป็นประโยชน์ให้กับเพื่อนๆได้บ้างนะคะ เเละขอขอบคุณทาง Jeban อีกครั้งสำหรับ Activity สนุกๆ เเบบนี้
วันนี้ขอลาไปด้วยภาพ เปรียบเทียบทั้งสองlook พบกันใหม่กระทู้หน้า
สวัสดีค่ะ ^^
วันนี้ขอลาไปด้วยภาพ เปรียบเทียบทั้งสองlook พบกันใหม่กระทู้หน้า
สวัสดีค่ะ ^^