Whitewashing Effectกับภาพยนตร์แห่งทศวรรษ2010s #1😱😐🎬🎥
Panchud Thammachat 36 5
สวัสดีค่ะ กระทู้นี้ขอแปลงร่างเป็นนักวิจารณ์ภาพยนตร์สักหน่อยค่ะ?️♀️ เพราะเราจะมาวิจารณ์นักแสดงภาพยนตร์ในทศวรรษ2010s(2010-2019)ที่เข้าข่าย Whitewashing(Blackwashing)หรือนักแสดงที่รับบทเป็นตัวละครที่ไม่ตรงกับสีผิวหรือเชื้อชาติของพวกเขาเอง บางคนก็ไม่เป็นอะไร แต่บางคนพอหนังเข้าฉายก็โดนด่าเละเทะ จะมีภาพยนตร์เรื่องอะไรบ้าง ไปดูกันเลย
1.The Last Airbender(2010)☄???
ประเด็น:จากการ์ตูนกระแสแรงแห่งช่องNickelodeon กลายเป็นภาพยนตร์ที่"พัง"ไม่เป็นท่า?
ประเด็น:จากการ์ตูนกระแสแรงแห่งช่องNickelodeon กลายเป็นภาพยนตร์ที่"พัง"ไม่เป็นท่า?
ระดับความ"พัง":9.5/10
เหตุผล:ขอเท้าความก่อนนะว่า การ์ตูนเรื่องAvatar:The Last Airbenderเป็นการ์ตูนทางทีวีเรือธงของช่องNickelodeonในยุค2000s เรื่องราวของโลกที่ขับเคลื่อนด้วยพลังของดิน น้ำ ลม ไฟ และโลกก็มีคนที่ใช้พลัง4ธาตุได้พร้อมกัน เรียกว่า"อวตาร"
สองพี่น้องเผ่าน้ำอย่าง"Katara"และ"Sokka"ได้ไปพบกับ"Aang"นักรบเผ่าลมที่ถูกแช่แข็งโดยบังเอิญ ทั้ง2จึงช่วยเหลือAang แต่เนื่องจากAangยังไม่ได้ฝึกฝนอย่างเพียงพอ การผจญภัยของAangและ2พี่น้องเผ่าน้ำจึงเริ่มขึ้น รวมไปถึงการหยุดความทะเยอทะยานของเผ่าไฟซึ่งนำโดยเจ้าชาย"Zuko"
เหตุผล:ขอเท้าความก่อนนะว่า การ์ตูนเรื่องAvatar:The Last Airbenderเป็นการ์ตูนทางทีวีเรือธงของช่องNickelodeonในยุค2000s เรื่องราวของโลกที่ขับเคลื่อนด้วยพลังของดิน น้ำ ลม ไฟ และโลกก็มีคนที่ใช้พลัง4ธาตุได้พร้อมกัน เรียกว่า"อวตาร"
สองพี่น้องเผ่าน้ำอย่าง"Katara"และ"Sokka"ได้ไปพบกับ"Aang"นักรบเผ่าลมที่ถูกแช่แข็งโดยบังเอิญ ทั้ง2จึงช่วยเหลือAang แต่เนื่องจากAangยังไม่ได้ฝึกฝนอย่างเพียงพอ การผจญภัยของAangและ2พี่น้องเผ่าน้ำจึงเริ่มขึ้น รวมไปถึงการหยุดความทะเยอทะยานของเผ่าไฟซึ่งนำโดยเจ้าชาย"Zuko"
การ์ตูนเรื่องนี้เด่นตรงที่การเล่าเรื่องที่แสนเข้มข้นเอาใจผู้ใหญ่ และมีทั้งหมด3ซีซั่น ออกอากาศในปี2005-2008 และมีฉบับComicตามมา
หลังจากการ์ตูนAvatar:The Last Airbenderจบลง 4ปีต่อมาทางNickelodeonก็ได้ทำภาคต่อที่มีชื่อว่า"The Legend of Korra"เป็นเรื่องราวของตัวเอกหญิงนามว่า"Korra" ออกอากาศระหว่างปี2012-2014รวมทั้งหมด4ซีซั่น
หลังจากการ์ตูนAvatar:The Last Airbenderจบลง 4ปีต่อมาทางNickelodeonก็ได้ทำภาคต่อที่มีชื่อว่า"The Legend of Korra"เป็นเรื่องราวของตัวเอกหญิงนามว่า"Korra" ออกอากาศระหว่างปี2012-2014รวมทั้งหมด4ซีซั่น
กลับมาที่ฉบับภาพยนตร์Live Actionกันต่อ เริ่มมาจากผู้กำกับเชื้อสายอินเดียที่แจ้งเกิดจากภาพยนตร์ระทึกขวัญอย่างM. Night Shyamalan อยากสานฝันให้ลูกๆของเขาด้วยการหยิบเอาการ์ตูนเรื่องAvatar:The Last Airbenderมาทำเป็นฉบับภาพยนตร์Live Actionที่ใช้ชื่อว่า"The Last Airbender"ออกฉายในเดือนสิงหาคมปี2010 แต่พอเข้าฉายจริงๆกลับทำให้แฟนๆการ์ตูนและคนทั่วไปที่ได้ดูไม่ค่อยEnjoyสักเท่าไหร่นัก
สาเหตุมี3ประเด็นหลักๆคือ
สาเหตุมี3ประเด็นหลักๆคือ
- เนื้อหาในภาพยนตร์บางช่วงที่ดูยังไงก็ไม่เข้าใจและไม่สนุกอย่างที่ควรจะเป็น
- การแสดงของนักแสดงที่ไม่เข้ารูปเข้ารอยเท่าไหร่นัก
- การCastingนักแสดงที่ค้านสายตาแบบสุดๆ
- Aangรับบทโดยน้องNoah Ringerที่ปัจจุบันหันหลังให้กับวงการบันเทิงตั้งแต่ปี2012 ซึ่งสำหรับเรานั้น Aangในฉบับการ์ตูนมีหน้าตาคล้ายกับคนจีน แต่เขาCastingคนที่มารับบทเป็นAangมาจากความสามารถที่น้องRingerมีดีกรีเป็นนักเทควันโดเยาวชนโดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติระหว่างน้องRingerกับบทที่ได้รับเลย
- Kataraรับบทโดยน้องNicola Peltz นักแสดงสาวที่ต่อมาได้ร่วมงานกับคุณMark Wahlbergในภาพยนตร์เรื่องTranformers:Age of Extinction ซึ่งสำหรับเราแล้ว ตัวละครKataraมีหน้าตาคล้ายกับคนไทยหรือคนฟิลลิปปินส์ คือ ผิวสีแทนและตาคมเข้ม ซึ่งฉบับการ์ตูนกับฉบับภาพยนตร์ต่างตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง
- Sokkaรับบทโดยพี่Jackson Rathbone ใครได้ดูภาพยนตร์ชุดTwilightคงเห็นหน้าค่าตาของพี่Rathboneได้เป็นอย่างดี ซึ่งสำหรับเราแล้ว คล้ายกับกรณีของKataraเลยคือฉบับการ์ตูนกับฉบับภาพยนตร์ต่างกันมาก ก็ไม่แปลกใจเลยที่พี่Rathboneได้รับรางวัลRazzie Awardsสาขานักแสดงสมทบชายยอดแย่ไปครอง
- Zukoรับบทโดยพี่Dev Patelพระเอกภาพยนตร์เรื่องSlumdog Millionaire ซึ่งสำหรับเราแล้ว ทางเอเจนซี่เค้าCastingบทZukoได้ผิดสัญชาติมาก เพราะตัวละครZukoหน้าตาคล้ายคนจีน แต่พี่Patelเป็นคนเชื้อสายอินเดีย ถึงแม้มาจากฝั่งเอเชียก็ตาม
ด้วยสาเหตุที่เรายกมาจึงทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับรางวัลRazzie Awardถึง5สาขา จากการเข้าชิงถึง9สาขา ได้แก่
-สาขาภาพยนตร์ยอดแย่
-สาขานักแสดงสมทบชายยอดแย่
-สาขาผู้กำกับภาพยนตร์ยอดแย่
-สาขาบทภาพยนตร์ยอดแย่
-สาขาพิเศษ:ภาพยนตร์ที่นำเสนอในรูปแบบ3-Dสุดแย่
ในส่วนภาพยนตร์เรื่องนี้ก็จบแบบค้างคามาก หวังว่าจะมีภาคต่อ แต่ก็ถูกยกเลิกไป เอวัง
ปล.ชักเป็นห่วงThe Last Airbenderฉบับซีรี่ส์ทางNetflixจังเลย
-สาขาภาพยนตร์ยอดแย่
-สาขานักแสดงสมทบชายยอดแย่
-สาขาผู้กำกับภาพยนตร์ยอดแย่
-สาขาบทภาพยนตร์ยอดแย่
-สาขาพิเศษ:ภาพยนตร์ที่นำเสนอในรูปแบบ3-Dสุดแย่
ในส่วนภาพยนตร์เรื่องนี้ก็จบแบบค้างคามาก หวังว่าจะมีภาคต่อ แต่ก็ถูกยกเลิกไป เอวัง
ปล.ชักเป็นห่วงThe Last Airbenderฉบับซีรี่ส์ทางNetflixจังเลย
เรื่องต่อไปค่ะ
2.Aladdin(2019)?♂️
ประเด็น:คุณWill Smithรับบทเป็นยักษ์Genie และNaomi Scottรับบทเป็นเจ้าหญิงJasmine
ระดับความ"พัง":3/10
เหตุผล:เมื่อปีที่ผ่านมามีภาพยนตร์ที่ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำหลายเรื่อง Aladdinคือหนึ่งในนั้น
Aladdinภาพยนตร์แฟนตาซีของค่ายDisneyที่ดัดแปลงมาจากฉบับภาพยนตร์Animationเมื่อปี1992
ฉบันคนแสดงได้คุณGuy Ritchie(สามีเก่าของป้าMadonna)มากำกับฉบับนี้ และเป็นภาพยนตร์แจ้งเกิดให้กับพี่Mena Massoudนักแสดงหน้าคมเชื้อสายอียิปต์อีกด้วย
2.Aladdin(2019)?♂️
ประเด็น:คุณWill Smithรับบทเป็นยักษ์Genie และNaomi Scottรับบทเป็นเจ้าหญิงJasmine
ระดับความ"พัง":3/10
เหตุผล:เมื่อปีที่ผ่านมามีภาพยนตร์ที่ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำหลายเรื่อง Aladdinคือหนึ่งในนั้น
Aladdinภาพยนตร์แฟนตาซีของค่ายDisneyที่ดัดแปลงมาจากฉบับภาพยนตร์Animationเมื่อปี1992
ฉบันคนแสดงได้คุณGuy Ritchie(สามีเก่าของป้าMadonna)มากำกับฉบับนี้ และเป็นภาพยนตร์แจ้งเกิดให้กับพี่Mena Massoudนักแสดงหน้าคมเชื้อสายอียิปต์อีกด้วย
แต่ขอบอกว่า กว่าที่ภาพยนตร์Aladdinฉบับคนแสดงเข้าฉายแล้วทำรายได้ถล่มทลายแบบนี้ ก็ทุลักทุเลมาตั้งแต่Castingนักแสดงแล้ว
เริ่มที่คุณWill Smithที่เป็นนักแสดงผิวสีที่ทางเราชอบมากที่สุด ได้มารับบทเป็นยักษ์Genie ชาวโซเชียลมีเดียบางคนก็ตั้งคำถามว่า"จะไหวเหรอ"
แต่พอเรื่องนี้เข้าฉายเท่านั้นแหละ บุคลิกที่เฮฮาและร่าเริงของยักษ์GenieในฉบับAnimation คุณSmithก็ใส่ในบทที่เขาได้รับในฉบับคนแสดงได้อย่างชัดเจน จนเรียกได้ว่าเป็นตัวละครMVPของฉบับนี้ไปโดยปริยาย
อีกอย่างคือ บทยักษ์Genieทั้งฉบับAnimationกับฉบับคนแสดงนั้น ไม่มีการระบุสีผิวและเชื้อชาติแต่อย่างใด
แต่พอเรื่องนี้เข้าฉายเท่านั้นแหละ บุคลิกที่เฮฮาและร่าเริงของยักษ์GenieในฉบับAnimation คุณSmithก็ใส่ในบทที่เขาได้รับในฉบับคนแสดงได้อย่างชัดเจน จนเรียกได้ว่าเป็นตัวละครMVPของฉบับนี้ไปโดยปริยาย
อีกอย่างคือ บทยักษ์Genieทั้งฉบับAnimationกับฉบับคนแสดงนั้น ไม่มีการระบุสีผิวและเชื้อชาติแต่อย่างใด
ถ้าใครคิดว่าของคุณSmithหนักแล้ว Naomi Scottหนักกว่านี้อีก เพราะโดนชาวโซเชียลมีเดียบางคนด่าลามถึงสัญชาติเลย
แต่เธอไม่สนใจกระแสดราม่าแต่อย่างใด และพอหลังจากภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉาย เธอก็โชว์ศักยาภาพการร้องเพลงในเพลง"Speechless"จนฮอตฮิตติดลมบนและมีคลิปร้องเพลงCoverเพลงนี้อีกเพียบ
แต่เธอไม่สนใจกระแสดราม่าแต่อย่างใด และพอหลังจากภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉาย เธอก็โชว์ศักยาภาพการร้องเพลงในเพลง"Speechless"จนฮอตฮิตติดลมบนและมีคลิปร้องเพลงCoverเพลงนี้อีกเพียบ
3.Aloha(2015)?
ประเด็น:พี่Emma Stoneรับบทเป็นตัวละครที่ไม่ชัดเจนเรื่องเชื้อชาติ และคนฮาวายไม่ปลื้มกับชื่อภาพยนตร์
ระดับความ"พัง":8.5/10
เหตุผล:ภาพยนตร์โรแมนติก-คอเมดี้จากลุงCameron Crowe ผู้กำกับที่เคยฝากผลงานไว้กับภาพยนตร์เรื่อง"Jerry Maguire"(เรื่องนี้ได้แจ้งเกิดนักแสดงเชื้อสายเบลเยี่ยมดีกรีออสการ์2ตัวอย่างคุณRenee Zellweger)เมื่อปี1996 และภาพยนตร์เรื่อง"Almost Famous"(เรื่องนี้ได้แจ้งเกิดทายากนักแสดงอย่างคุณKate Hudson)เมื่อปี2000
ประเด็น:พี่Emma Stoneรับบทเป็นตัวละครที่ไม่ชัดเจนเรื่องเชื้อชาติ และคนฮาวายไม่ปลื้มกับชื่อภาพยนตร์
ระดับความ"พัง":8.5/10
เหตุผล:ภาพยนตร์โรแมนติก-คอเมดี้จากลุงCameron Crowe ผู้กำกับที่เคยฝากผลงานไว้กับภาพยนตร์เรื่อง"Jerry Maguire"(เรื่องนี้ได้แจ้งเกิดนักแสดงเชื้อสายเบลเยี่ยมดีกรีออสการ์2ตัวอย่างคุณRenee Zellweger)เมื่อปี1996 และภาพยนตร์เรื่อง"Almost Famous"(เรื่องนี้ได้แจ้งเกิดทายากนักแสดงอย่างคุณKate Hudson)เมื่อปี2000
ซึ่งเรื่องราวของภาพยนตร์เรื่องนี้เกิดขึ้นที่เกาะฮาวาย เรื่องราวรักวุ่นๆของพลทหารชายพระเอกของเรื่องที่ยังตัดใจกับแฟนเก่าไม่ได้ กับทหารอากาศหญิงนางเอกของเรื่องที่เป็นห่วงพลทหารคนนี้อยู่ตลอดเวลา
เรื่องนี้นำแสดงโดยคุณBradley Cooper,พี่Emma Stone,คุณRachel McAdams,คุณJohn Krasinski เป็นต้น
แต่พอฉายไปกลับเจ๊งไม่เป็นท่าทั้งรายได้และคำวิจารย์ ซึ่งสาเหตุมีอยู่2ประเด็นหลักๆคือ
1.ชื่อภาพยนตร์ที่ประชาชนชาวฮาวายไม่ปลื้ม เพราะเหมือนเป็นการดูหมิ่นภาษาและวัฒนธรรมของชาวฮาวาย ซึ่งชาวฮาวายบางคนร้องให้ทางทีมงานภาพยนตร์เรื่องนี้เปลี่ยนชื่อ แต่ทางทีมงานยืนกรานว่าจะใช้ชื่อนี้ สุดท้ายภาพยนตร์เรื่องนี้ก็...เจ๊ง
แต่ที่หนักที่สุดก็คือ...
เรื่องนี้นำแสดงโดยคุณBradley Cooper,พี่Emma Stone,คุณRachel McAdams,คุณJohn Krasinski เป็นต้น
แต่พอฉายไปกลับเจ๊งไม่เป็นท่าทั้งรายได้และคำวิจารย์ ซึ่งสาเหตุมีอยู่2ประเด็นหลักๆคือ
1.ชื่อภาพยนตร์ที่ประชาชนชาวฮาวายไม่ปลื้ม เพราะเหมือนเป็นการดูหมิ่นภาษาและวัฒนธรรมของชาวฮาวาย ซึ่งชาวฮาวายบางคนร้องให้ทางทีมงานภาพยนตร์เรื่องนี้เปลี่ยนชื่อ แต่ทางทีมงานยืนกรานว่าจะใช้ชื่อนี้ สุดท้ายภาพยนตร์เรื่องนี้ก็...เจ๊ง
แต่ที่หนักที่สุดก็คือ...
2.พี่Emma Stoneถูกกล่าวหาว่าเหยียดสีผิวเพราะรับบทเป็นตัวละครที่ไม่ชัดเจนเรื่องเชื้อชาติ ซึ่งตอนแรกทางผู้กำกับบอกว่าตัวละครทหารอากาศหญิงนามว่า"Alison Ng"ที่พี่Stoneรับบทนั้น เป็นลูกครึ่งจีน เท่านั้นแหละ โลกโซเชียลเดือดปุดๆ ลั่นจะไม่ดูภาพยนตร์เรื่องนี้กันเลยทีเดียว ถึงแม้ทางผู้กำกับกลับลำไปแล้ว แต่ก็สายไปแล้วจ้า
จากเหตุการณ์นั้น ทำให้ชีวิตการแสดงของพี่Stoneเป๋ไปพอสมควร ก่อนที่จะมากลับลำได้ในภาพยนตร์มิวสิคัลเรื่องLa La Land(2016) ซึ่งร่วมด้วยพี่Ryan Gosling,ลุงJ.K.Simmonsและนักร้องเสียงดีอย่างคุณJohn Legend และส่งผลให้พี่Stoneคว้ารางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมในงานออสการ์ครั้งที่89
4.Iron Man3(2013)??
ประเด็น:ลุงBen Kingsleyรับบทเป็นMandarin แต่พอเข้าฉายคนดู(ทั้งเป็นแฟนๆMarvel Comicและไม่เป็น)กลับโดนตลบหลังกันถ้วนหน้าด้วยการหักมุมว่าบทที่ลุงKingsleyได้รับนั้นเป็นMandarin"ตัวปลอม"
ระดับความ"พัง":1.5/10
เหตุผล:MandarinในฉบับComicเป็นชายเชื้อสายจีน
ภาพยนตร์เรื่องIron Man3 ได้ผู้กำกับจากLethal Weapon 2ภาคแรกมากุมบังเหียน โทนเรื่องจะดราม่ามากกว่าIron Man 2ภาคแรก
ประเด็น:ลุงBen Kingsleyรับบทเป็นMandarin แต่พอเข้าฉายคนดู(ทั้งเป็นแฟนๆMarvel Comicและไม่เป็น)กลับโดนตลบหลังกันถ้วนหน้าด้วยการหักมุมว่าบทที่ลุงKingsleyได้รับนั้นเป็นMandarin"ตัวปลอม"
ระดับความ"พัง":1.5/10
เหตุผล:MandarinในฉบับComicเป็นชายเชื้อสายจีน
ภาพยนตร์เรื่องIron Man3 ได้ผู้กำกับจากLethal Weapon 2ภาคแรกมากุมบังเหียน โทนเรื่องจะดราม่ามากกว่าIron Man 2ภาคแรก
โดยลุงBen Kingsleyรับบทเป็นTrevor Slatteryนักแสดงตกอับที่ต้องอ้างตัวเองว่าเป็น"Mandarin"ผู้ครอบครองแหวนทั้ง10วงที่ก่อให้เกิดหายนะ ถ้าแฟนๆที่ติดตามแต่ฉบับComicดูแค่ผิวเผินก็ต้องคิดว่า"ดราม่าต้องมาแน่ๆ"
แต่พอIron Man3เข้าฉายก็บอกไปเลยว่า ต้องขอขอบคุณผู้เขียนบทเรื่องนี้ที่ทำให้ตัวละครตัวนี้จบแบบหักมุม แต่ขอไม่บอกว่าจบแบบไหน เดี๋ยวจะหาว่าสปอย
ส่วนบทMandarin(ตัวจริง)นั้น จะได้ลุงTony Leungมารับบทนี้ และจะปรากฏตัวในภาพยนตร์เรื่อง"Shang Chi and the Legend of the Ten Rings" เข้าฉายปี2021นี้
ส่วนบทMandarin(ตัวจริง)นั้น จะได้ลุงTony Leungมารับบทนี้ และจะปรากฏตัวในภาพยนตร์เรื่อง"Shang Chi and the Legend of the Ten Rings" เข้าฉายปี2021นี้
5.Doctor Strange(2016)?
ประเด็น:คุณChiwetel Ejioforรับบทเป็นKarl Mordoและป้าTilda Swintonรับบทเป็นAncient One
ระดับความ"พัง":3.5/10
เหตุผล:ภาพยนตร์เรื่องนี้มาแบบครบรส ทั้งแอ็คชั่น,แฟนตาซี,คอเมดี้,ดราม่าและสยองขวัญ เป็นเรื่องราวของศัลยแพทย์นามว่าStephen Strangeที่รับแต่ผู้ป่วยที่รายได้สูงๆ จนเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้มือทั้งสองข้างใช้การไม่ได้อีก เขาหาทุกวิถีทางเพื่อจะรักษามือทั้งสองข้างให้เป็นปกติแต่ไม่ได้ผล จนวันหนึ่งเขาได้ใช้เงินก้อนสุดท้ายไปที่หิมาลัย เรื่องราวของศัลยแพทย์ผู้กลายเป็นซุเปอร์ฮีโร่จอมขมังเวทย์จึงเริ่มต้นขึ้น
ประเด็น:คุณChiwetel Ejioforรับบทเป็นKarl Mordoและป้าTilda Swintonรับบทเป็นAncient One
ระดับความ"พัง":3.5/10
เหตุผล:ภาพยนตร์เรื่องนี้มาแบบครบรส ทั้งแอ็คชั่น,แฟนตาซี,คอเมดี้,ดราม่าและสยองขวัญ เป็นเรื่องราวของศัลยแพทย์นามว่าStephen Strangeที่รับแต่ผู้ป่วยที่รายได้สูงๆ จนเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้มือทั้งสองข้างใช้การไม่ได้อีก เขาหาทุกวิถีทางเพื่อจะรักษามือทั้งสองข้างให้เป็นปกติแต่ไม่ได้ผล จนวันหนึ่งเขาได้ใช้เงินก้อนสุดท้ายไปที่หิมาลัย เรื่องราวของศัลยแพทย์ผู้กลายเป็นซุเปอร์ฮีโร่จอมขมังเวทย์จึงเริ่มต้นขึ้น
เรื่องนี้นำแสดงโดยคุณBenedict Cumberbatchจากซีรีส์Sherlock ร่วมด้วยคุณRachel McAdam,คุณMads Mikkelsen,คุณChiwetel Ejiofor,คุณBenedict Wongและป้าTilda Swinton
แต่มีตัวละคร2ตัวในภาพยนตร์เรื่องนี้ที่แตกต่างจากฉบับComicพอสมควร ได้แก่
1.Karl MordoรับบทโดยคุณChiwetel Ejiofor
แต่มีตัวละคร2ตัวในภาพยนตร์เรื่องนี้ที่แตกต่างจากฉบับComicพอสมควร ได้แก่
1.Karl MordoรับบทโดยคุณChiwetel Ejiofor
ความแตกต่างของKarl MordoในฉบับComicกับฉบับภาพยนตร์
- Karl MordoในฉบับComicเป็นชายผิวขาวผมดำจากทรานซิลเวเนีย ในช่วงแรกเป็นศิษย์พี่ของStephen Strangeที่ต่อมากลายเป็นศัตรูกัน
- Karl Mordoในฉบับภาพยนตร์เป็นชายผิวสี เป็นศิษย์พี่ของStephen Strangeที่ช่วยเหลือในทุกๆเรื่อง ก่อนที่จะแยกจากกันในช่วงท้าย
2.Ancient Oneรับบทโดยป้าTilda Swinton
ความแตกต่างของAncient OneในฉบับComicกับฉบับภาพยนตร์
- Ancient OneในฉบับComicมีชื่อจริงว่า"Yao" เป็นปรมาจารย์ด้านเวทย์ที่เป็นชายชรามีอายุยืนเป็นร้อยกว่าปีทำหน้าที่ควบคุมสมดุลโลกเวทย์มนต์และเป็นคนสอนวิชาเวทย์ให้กับStephen Strange
- Ancient Oneในฉบับภาพยนตร์เป็นหญิงวัยกลางคนผิวขาว(แต่อายุอานามก็ร้อยกว่าปีเช่นกัน)ทำหน้าที่เป็นคนควบคุมสมดุลโลกเวทย์มนต์และสอนวิชาเวทย์ให้กับStephen Strange
ด้านผู้บริหารMarvel Studioก็มาชี้แจงกรณีของ2ตัวละครนี้ว่า"อย่าไปยึดติดกับฉบับComicมากจนเกินไป"
ขอให้ทุกคนที่เป็นแฟนๆMarvelจงจำเอาไว้ว่าฉบับComicกับฉบับภาพยนตร์ทางMCUนั้นคือคนละจักรวาลกัน (เข้าใจตรงกันนะ)
ขอให้ทุกคนที่เป็นแฟนๆMarvelจงจำเอาไว้ว่าฉบับComicกับฉบับภาพยนตร์ทางMCUนั้นคือคนละจักรวาลกัน (เข้าใจตรงกันนะ)
นี่เป็นเพียงตอนแรกเท่านั้น เพราะหัวข้อนี้จะมีอีก2ตอนค่ะ โปรดติดตามให้ดีนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลบางส่วนจากWikipedia
ขอขอบคุณข้อมูลบางส่วนจากWikipedia