ผิวสองสีก็ดูสดใส อมชมพูได้ มา "โทนอัพ แบบหน้าไม่เทา" กับ TONE-UP GEL CLINIQUE ID กันเถอะ
kinistapai 63 11 เค้าแจกฟรี/ มีคนให้มาแหละ :)สวัสดีค่าาา มาแนะนำไอเท็ม ที่สาวผิวสองสี ก็ใช้ได้ !
เชื่อว่าต้องมีหลายคนเคยใช้ครีมที่มีการปรับให้ผิวสว่างขึ้น แต่ผลลัพธ์คือ หน้าเทา หน้าวอก จนต้องวางครีมนั้นให้ฝุ่นเกาะอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งไปอย่างน่าเสียดาย
แต่ !! วันนี้ Kinistapai ได้พบเจอกับ
โทนอัพเจล ที่ช่วยให้เราหน้าไม่เทา ให้ความเปล่งประกาย แถมยังบำรุงผิวหน้าไปด้วยในตัวอีกต่างหาก !!
ก่อนอื่นปายขอเกริ่นถึงแบรนด์ กับ ตระกูล CLINIQUE ID ก่อนเล็กน้อยค่า
CLINIQUE ID
about brand
แบรนด์ : CLINIQUE คลีนิกข์
Head Office อยู่ที่ New York
เป็นแบรนด์ในเครือของ บริษัท Estée Lauder
เป็นพรีเมียมแบรนด์ที่มีทั้งผลิตภัณฑ์ สกินแคร์ เครื่องสำอาง และน้ำหอม
โดยผลิตภัณฑ์แต่ละตัว ผ่านการทดสอบแล้วว่า ไม่มีสารก่อให้เกิดอาการแพ้ ( allergy tested )
ที่สำคัญ ยัง ปราศจากน้ำหอม ( 100% fragrance free )
เครดิต : https://www.globalcosmeticsnews.com/clinique-company-profile/
โดยเจ้าตัว TONE-UP GEL นี้ จะอยู่ในไลน์ผลิตภัณฑ์ ของ CLINIQUE ID
ถ้าใครยังไม่รู้จัก มารวมกันตรงนี้ก่อนค่าา ส่วนถ้าใครรู้จักแล้ว จะผ่านไปเลยก็ได้น้าา
CLINIQUE ID ถือเป็นนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นมาเป็นพิเศษ
เค้าคือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า ที่เราสามารถออกแบบได้เอง โดยสามารถเลือกจากความชอบ สภาพผิว และปัญหาผิวที่เรา concernซึ่งเค้าจะให้เราเลือก
1.) ตัวให้ความชุ่มชื้น เนื้อสัมผัสที่เราต้องการ
+
2.) ตัว active ที่จะเข้ามาช่วยบำรุงผิว จุดที่เรา concern
2.) ตัว active ที่จะเข้ามาช่วยบำรุงผิว จุดที่เรา concern
แล้ว CLINIQUE ID เป็นนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ตรงไหน?
ตัวบรรจุภัณฑ์ที่ผสานระหว่างตัวชุ่มชื้น กับ ตัว active นี้แหล่ะค่ะ ที่เป็นจุดเด่นของเค้า
เพราะแต่ละครั้งที่เรากดออกมา จะมีการผสมของ
มอยส์เจอไรเซอร์ 90% และ สารบำรุง (บูสเตอร์) 10%
เป็นสัดส่วนที่ทรงประสิทธิภาพในการให้ความชุ่มชื้น และแก้ปัญหาผิวที่เรากังวลได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ
ซึ่งสามารถทดลองเช็กสภาพผิวตัวเองผ่านเว็บได้ง่ายๆ
โดยสแกน QR CODE จากรูปด้านล่างนี้
เค้าก็จะให้เราถ่ายรูปตัวเอง แล้วโปรแกรมก็จะช่วยคำนวณว่าเรามีจุดบกพร่องตรงไหนบ้าง ลองเล่นกันดูจ้าาา
แต่สำหรับปาย คิดว่าการใช้กล้องมือถือ มันก็ไม่ค่อยแม่นยำเท่าไหร่
จริงๆเราควรไปตรวจสภาพผิวด้วยเครื่องที่ได้มาตรฐานมากกว่า
หรือเบื้องต้นเราก็สามารถเลือกบูสเตอร์จากข้อมูลคร่าวๆของแต่ละตัวเอา
เทียบกับผิวของตัวเอง ว่าปัญหาอะไรที่เราต้องการจะดูแลมากที่สุดค่ะ
ทีนี้ มาดูความแตกต่างของบูสเตอร์ กับ Hydrate base แต่ละตัวกันค่าา
1.) เนื้อมอยส์เจอร์ไรเซอร์ ( Hydrate base )
- เนื้อ Silky โลชั่น ( Moisturizing Lotion+)
ให้ความชุ่มชื้นและปกป้องผิวยาวนาน 8 ชม. - เนื้อเจล ( Oil-Free Gel )
ให้ความชุ่มชื้น ไม่มัน ยาวนาน 8 ชม. - เนื้อเจลลี่ ( Hydrating Jelly )
ให้ความเบา ไม่มัน ปกป้องผิวจากผลภาวะได้นานถึง 24 ชม.
2.) บูสเตอร์ ( Active Cartridge Concentrate )
- สีเขียว เหมาะสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย
มีส่วนผสมจาก lactobaccilus ferment ซึ่งเป็นโปรไบโอติกที่ช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้นโดยธรรมชาติ อีกทั้งยังมีส่วนผสมที่ช่วยปลอบประโลมผิวให้ผ่อนคลายอย่างสารสกัดจากสาหร่ายและรากชะเอมอีกด้วย ช่วยลดรอยแดงบนผิว - สีฟ้า เหมาะสำหรับผิวที่รูขุมขนกว้างและไม่เรียบเนียน
ซึ่งมีส่วนผสมของ AHAs รวมถึงสารสกัดจากสาหร่ายสีน้ำตาลที่ช่วยกระชับรูขุมขนให้แลดูเล็กลง พร้อมทั้งให้ผิวดูสดชื่น ใสสว่าง - สีขาว เหมาะสำหรับคนที่มีสีผิวไม่สม่ำเสมอและหมองคล้ำ
ซึ่งตัวบูสเตอร์จะมีส่วนผสมจาก Japanese angelica root extract, licorice root extract, ascorbyl glucoside และ salicylic acid ที่ช่วยให้ผิวกลับมาแลดูเปล่งปลั่ง กระจ่างใส - สีส้ม เหมาะสำหรับผิวที่อ่อนล้าไม่สดใส
มาพร้อมส่วนผสมจาก taurine ช่วยเพิ่มพลังให้เซลล์ผิว รวมถึงยังมีคาเฟอีน และสารสกัดจาก mimosa bark ที่ช่วยทำให้ผิวค่อย ๆ ดูโกลว์เปล่งปลั่ง และลดความอ่อนล้าเมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง - สีม่วง เหมาะสำหรับผิวที่มีปัญหาริ้วรอย
มีส่วนผสมจากเวย์โปรตีนที่ช่วยให้เส้นริ้วรอยต่าง ๆ แลดูตื้นและเรียบเนียนขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ผิวนุ่มเนียนด้วยส่วนผสมจาก argireline และสารสกัดจากสาหร่ายทะเลสีแดง - สีชมพู (Limited Edition) สำหรับผิวบอบบาง
เพิ่มความสมดุล สร้างความแข็งแรงให้กับผิว ด้วยสารสกัดจากดอกซากุระ - สีทอง (Limited Edition) สำหรับผิวไม่สดใส
ให้ผิวดูเปล่งประกายอมชมพู ด้วยสารสกัดจากโสม
เอาล่ะค่ะ พูดเรื่อง CLINIQUE ID มายาววววมากเลย
คราวนี้จะมารีวิวตัว TONE-UP GEL กันแล้วน้าา
Clinique ID
Dramatically Different Moisturizing Tone-Up Gel
เป็นมอยซ์เจอไรเซอร์ที่เพิ่มเข้ามาในตระกูล CLINIQUE ID ค่ะ
เค้ามาในเนื้อสัมผัสครีมเจลบางเบา ที่เหมาะกับทุกสภาพผิว ให้ความชุ่มชื้น บำรุง และให้ผิวดูเปล่งประกาย โดยให้ความชุ่มชื้นได้ยาวนาน 8 ชม. พร้อมกับไม่ทำให้หน้าดูมัน
ไม่มีพาราเบน พาทาเลต ไม่มีน้ำหอม
เป็นสูตรพิเศษ มี Transforming Tint Release Technology ที่ผสานเม็ดสีชมพูช่วยกระจายแสง มอบความสว่างให้ผิวดูเปล่งประกายอย่างเป็นธรรมชาติ
วิธีใช้ตัวนี้ ในตอนเช้า ให้เราลง
ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ทั้งหมดก่อน >> ตามด้วย CLINIQUE ID TONE UP GEL >> แล้วค่อยตามด้วย กันแดด จ้า
ส่วน ตอนกลางคืน ไม่ต้องใช้ค่ะ บำรุงด้วย CLINIQUE ID ที่เรามีตามปกติจ้า
อย่างตัวที่ปายได้เป็นเทสเตอร์นี้ จะเป็น
1) hydration base : Moisturizing Tone-Up gel
2) active cartridge concentrate : Sallow Skin (สีทอง)
Ingredients
แบ่งส่วนประกอบออกเป็น 2 ส่วนนะคะhydration base : Moisturizing Tone-Up gel
- Water
- Dimethicone
- Isododecane
- Butylene Glycol
- Glycerin
- Titanium Dioxide
- BIS-PEG-18 Methyl Ether Dimethyl Silane
- Tocopheryl Acetate
- Sodium Hyaluronate
- Helainthus Annuus (Sunflower) Seedcade
- Hordeum Vulgare ( Barley) Extract/Extrait D’Orge
- Laminaria Saccharina Extract
- Lactobacillus Ferment
- Caffeine
- Trehalose
- Caprylyl Glycol
- Saccharomyces Lysate Extract
- Propylene Glycol Dicaprate
- Cellulose Acetate
- Laureth-23-Laureth-4
- Tin Oxide
- Aluminum Hydroxide
- Silica
- Synthetic Fluorphlogopite
- Polycilicone-11
- Tromethamine
- Carbomer
- Propylene Glycol Stearate
- Hexylene Glycol
- Magnesium Stearate
- Ammonium Acryloyldimethyltaurate/VP Copolymer
- Oleth-10
- Acrylates/Ammonium Methacrylate Copolymer
- BHT
- Disodium EDTA
- Sodium Benzoate
- Phenoxyethanol
- Iron Oxides
- RED 4
- RED 30 Lake
- RED 33
- YELLOW 5
active cartridge concentrate : Sallow Skin (สีทอง)
- Water
- Butylene Glycol
- Glycolic Acid
- Pentylene Glycol
- Lactic Acid
- Sodium Hydroxide
- Caffeine
- Panax Ginseng (Ginseng ) Root Extract
- Taurine
- Poria Cocos Sclerotium Extract
- Carprylyl Glycol
- Xanthan Gum
- Polysorbate 80
- Disodium EDTA
- Phenoxyethanol
- YELLOW 6
- RED 33
- YELLOW 5
ในส่วนของ เทสเตอร์ ให้เราบีบบูสเตอร์ด้านล่าง (เบอร์ 2) ให้ขึ้นไปผสมกับ Hydration base (เบอร์ 1) ด้านบน
แต่ถ้าใครใช้ขนาดปกติ ก็กดๆจากขวดได้เลยค่า
เค้าจะออกมาผสมให้เราเองในอัตราส่วน 90:10
เนื้อเจลจะมาเป็นสีชมพู ถ้าซูมดูใกล้ๆเราจะเห็นเม็ดพิกเมนต์สีชมพูเป็นประกายกระจายอยู่ทั่วไป
วิธีใช้คือ ให้เราวอร์มครีมก่อน เม็ดสีชมพูจะได้แตกตัว จากนั้นก็ทาลงบนผิวหน้าค่ะ
จะเห็นว่าผิวเราไบรท์อัพขึ้นมา ที่สำคัญคือไม่เทา ไม่วอกเลยค่ะ จริงๆเหมือนเค้าผสานลงไปกับผิวเรา ให้ความเนียนนุ่มละมุนมากๆ มีการกระจายแสง ทำให้ผิวดูมีมิติ
ทดลองลงครึ่งหน้า เพื่อเปรียบเทียบ
จะเห็นว่า เค้าไบรท์อัพขึ้นมานิดหน่อย ต่างจากผิวปกติไม่มากนัก
ทำให้ดูแล้วไม่หลอกตา ไม่วอก แล้วก็ไม่เทาค่ะ
แต่สิ่งที่ปายสัมผัสได้ คือความเนียนนุ่ม เป็นสัมผัสคล้ายๆกับการที่เราใช้ ไฮยาลูรอนค่ะ
ทีนี้ก็ลงให้ทั่วทั้งใบหน้าเลยค่ะ วันนี้ปายอยากเทสต์ว่าเค้าจะอยู่กับเราได้ยาวนานขนาดไหน ก็เลยจะ....
ไม่ลงรองพื้น ไม่ลงแป้ง
ที่เห็นตอนนี้ก็คือ ปายจะลง คอนซีลเลอร์กลบใต้ตา แล้วก็กลบสิวตรงคางนะคะ
ปัดบลัชออน และทาลิป สำหรับวันเบาๆ ที่ไม่ต้องออกไปเจอใครมากนัก
ประมาณ 8.00 น.
ลง TONE-UP GEL + กันแดด + คอนซีลเลอร์เสร็จแล้ว
ประมาณ 11.00 น. ถ่ายอีกครั้ง ก่อนเหงื่อออก ตัว TONE-UP GEL ยังคงอยู่
ประมาณ 16.00 น. ถ่ายอีกครั้ง มีเหงื่อออกไปบ้าง ไม่เติมอะไรทั้งนั้น จะเห็นว่าลิปเริ่มหลุดไปแล้ว แต่หน้าเรายังไม่โทรมนะจ้ะ เริศศศศศ !
ตัว Tone-Up Gel นี้เค้าบอกว่า ไม่มัน และให้ความชุ่มชื้นตลอด 8 ชม.
ปายถือว่า โอเคเลยนะ ตลอด 8 ชม.ที่ลองถ่ายภาพเก็บมาฝากสาวๆ
ในเรื่องความไม่มัน ก็อาจจะการันตี หรือบอกต่อกับเพื่อนๆไม่ได้ เนื่องจากเป็นคนหน้าแห้ง แต่บอกได้เลยว่า ทาแล้วหน้าไม่แห้งเลย
รู้สึกว่าผิวหน้า เรานุ่ม มีความชุ่มชื้นตลอดเวลา แถมไม่เหนียวเหนอะหน้าจ้า
สรุป
สภาพผิว อายุ ปัญหาผิว
- อายุ ปีนี้เข้าสู่เลข 3 อย่างเต็มภาคภูมิ (เหรอ !?)
เรียกว่าเข้าเลข 3 อย่างจำใจดีกว่าค่ะ 555+ - สภาพ + ปัญหา ผิว ปกติเป็นคนผิวแห้ง ขาดน้ำ ดื่มน้ำน้อย นอนดึก ผิวโทรม
ผิวเหลืองแต่ค่อนข้างคล้ำ มีจุดด่างดำ รอยสิว สีผิวไม่สม่ำเสมอ
(โฮกกก นี่หน้าหรอคะ !?) ไม่ค่อยมีเวลาดูแลตัวเองค่ะ T_T ไม่ใช่แค่ที่ตาเห็นนะคะ พอเรานอนดึก ผิวโทรมเนี่ย ลำบากมากเลยล่ะค่ะ ถ้าไม่แต่งหน้า ปกติคือจะแบบ...เอ่อ....ซอมบี้รึเปล่า ! เป็นคนขอบตาคล้ำมากกกก ยิ่งอายุเพิ่มมากขึ้น ผิวฟื้นตัวช้ามากกก
ผลการใช้ ความรู้สึกส่วนตัว
แค่ทดลองใช้ตัว Tone-Up Gel แบบซอง ครั้งแรกเลย ก็คือ
เลิฟมากกกกกก มากที่สุดดดดดดดด
my best of Tone Up Product of the year ไปเลย จ้าาาาา
ส่วนตัวปายรู้สึกว่า เค้าให้ผิวสัมผัสที่ดี ดีมากๆ ส่วนตัวเป็นคนผิวแห้ง และผิวหมองคล้ำ เคยใช้ Tone-up ของที่อื่นมาแล้วรู้สึกว่าไม่เวิค หน้ามันจะเทาๆหมองๆ
พอได้ลอง CLINIQUE ID ก็รู้สึกเลยว่าพรุ่งนี้ต้องวิ่งไปที่เคาน์เตอร์แบบด่วนๆ
คือ เค้าให้ความไบรท์อัพกับผิวเรา แบบไม่ดูหลอกตา ให้ผิวดูเปล่งประกายอมชมพู
ให้ความชุ่มชื้นได้ยาวนานตลอด 8 ชม. แบบจริงจัง และไม่ทำให้หน้าดูหมอง หรือ ดร็อประหว่างวันด้วยค่ะ
แนะนำมากๆๆๆๆ สำหรับใครที่ชอบลุคสบายๆ ไม่ค่อยชอบแต่งหน้า แต่ก็ไม่อยากให้หน้าดูโทรมนะ CLINIQUE ID TONE UP GEL เลยจ้าา
ถ้ามีปัญหาใต้ตาคล้ำ หรือมีรอยสิว อาจต้องใช้คอนซีลเลอร์บ้าง
แต่นอกนั้นคือสบายผิวสุดๆ เพราะเราไม่ต้องใช้รองพื้นจ้าาา
ขอบคุณที่อ่านจนจบน้าาาค้าาา