อัปเดตเคล็ด(ไม่)ลับเกี่ยวกับ Why we age เน้นๆ จากงาน JebanxInstitut Esthederm!
turtle.yolq 105 23 JEBAN GIVEAWAY / ได้รางวัลจากจีบันนี่แหละ!สวัสดีค่ะชาวจีบันนิสต้าที่น่ารักทุกคน หลังจากที่เราได้มีโอกาสไปเข้าร่วมอัพเดตความรู้เกี่ยวกับเรื่อง Why we age จาก JebanxInstitut Esthederm
จริงๆ เนื้อหาอาจจะยาวหน่อย แต่ก็จะพยายามเขียนให้กระชับ เพื่อให้ทุกคน
ได้อ่านกันครบถ้วนแบบเนื้อหาไม่หนักจนเกินไปนะคะ
#ปัจจัยที่ทำให้ผิวแก่
1) อายุที่มากขึ้น : พออายุมากขึ้น เซลล์ผิวทำงานน้อยลง-พลังงานในเซลล์น้อยลง เช่น การสร้างสารอุ้มน้ำลดลง โอกาสเกิดผิวขาดน้ำเพิ่มขึ้น เซลล์ที่ชื่อ ไฟโบรบลาสต์ ที่ช่วยสร้างคอลลาเจน พออายุมากขึ้นก็สร้าง คอลลาเจนน้อยลงผลคือ หน้าห้อย ฯลฯ
ตามงานวิจัย #แก่ตามอายุ (ไม่ได้มีปัจจัยอื่นมาเกี่ยวข้องนอกจากอายุมากขึ้น) ผลคือหน้าห้อย ไม่ใช่หน้ายับริ้วรอยเยอะ
2) ปัจจัยภายนอกอื่นๆ : รังสียูวี มลภาวะ ความเครียด (แบ่งเป็น 2 อย่าง ด้านจิตใจ และร่างกาย ตัวอย่างด้านร่างกาย เช่น นอนน้อย สร้างภาระให้ ร่างกายจนเกิดความเครียด หรือ การออกกำลังกายหนักเกินไปก็สร้างความเครียดให้ร่างกายได้เช่นกัน หรือการกินมากเกินไปก็เช่นกัน) ผลที่เกิดจากปัจจัยภายนอกคือ อนุมูลอิสระจำนวนมาก นึกภาพไม่ออกว่า ทำงานยังไงให้นึกถึงหมู่บ้านเซลล์ผิว แล้วนึกภาพปัจจัยต่างๆ ส่งผลให้ อนุมูลอิสระเป็นเหมือนระเบิด ทำให้เซลล์บางตัวตาย หรือบาดเจ็บ (เซลล์อาจทำงานผิดปกติ)
สกินแคร์ที่ไม่ควรขาด
คือ ครีมกันแดด (ช่วยAntioxidant) + สกินแคร์ที่เน้นเรื่องความชุ่มชื้นเป็นหลัก (มีงานวิจัยระยะยาวบอกว่าเทียบระหว่างคนไม่ใช้สกินแคร์เลยกับใช้สกินแคร์ธรรมดาที่เติมความชุ่มชื้นอย่างเดียวปริมาณและความลึกของริ้วรอยต่างกันอย่างเห็นได้ชัด) + แต่งหน้าลงงานผิว เช่น รองพื้น หรือแป้ง ฯลฯ ไม่หนัก ไม่แต่งแมตต์
.
+ การเสริม Antioxidant ควรทำทั้งกินและทา (เหตุผลที่ควรเสริมแอนตี้ออกซิแดนท์ เพราะถ้าเปรียบอนุมูลอิสระเป็นระเบิดพุ่งทำลายเซลล์ แอนตี้ออกซิแดนท์ ก็เหมือนกับมีบาเรียป้องกันระเบิดไม่ให้เซลล์ถูกทำลาย) อาจเลือกเสริมตัวช่วยต้านอนุมูลอิสระจากภายในเป็นวิตามินซี
.
การนอนก็สำคัญ
ถ้าเรานอนตรงตามเวลาและครบถ้วนตามที่ควรจะนอนจริงๆ ร่างกายจะหลั่ง Growth Hormone ออกมาช่วยซ่อมแซมเซลล์ทั้งหลาย แต่กลับกันถ้าไม่นอนตามเวลาที่ควรก็ไม่มีการหลั่งออกมา เซลล์ไม่ได้รับการซ่อมแซม แถมยังมีออกซิแดนท์หรือระเบิดมายิงตู้มๆ ใส่เซลล์เพิ่มเติมไปอีกกก
.
ผิวมันอย่าละเลย
คนผิวมันไม่ควรละเลยการเติมเต็มความชุ่มชื้น เพราะ
น้ำมันกับน้ำในผิวต่างกัน คนผิวมันคือคนที่ผิวมีน้ำมันเยอะ = ไม่ได้แปลว่ามีน้ำในผิวเยอะ ยังไงก็ควรดูแลเรื่องสมดุลความชุ่มชื้นให้เหมาะสม อาจเลือกมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่เติมน้ำเยอะหน่อย น้ำมันน้อยหน่อย
เติมแล้วอย่าลืมล็อค
ไม่ว่าจะเติมความชุ่มชื้นลงไปขนาดไหน แต่ถ้าไม่มีสกินแคร์กลุ่ม Occlusive เช่น ครีม/เจลครีม ฯลฯ มาปิดล็อคไม่ให้ความชุ่มชื้นออกจากผิว สุดท้ายก็ความชุ่มชื้นที่เราเติมลงไปก็ไหลออกอยู่ดี ประเภทของเนื้อสัมผัสสกินแคร์ที่เราเลือกใช้ควรเลือกตามปริมาณน้ำมันบนผิวด้วย เช่น ถ้าคุณมีปริมาณน้ำมันบนผิวเยอะเจลครีมก็เป็นคำตอบท่ีดีของคุณ ฯลฯ
.
ของหวานก็เกี่ยวกับเรื่อง Aging
มีงานวิจัยบอกว่า เวลาที่ร่างกายได้รับของหวาน จะมีการหลั่งอินซุูลิน(ให้ร่างกายเอาน้ำตาลไปใช้งาน) แต่อินซุูลินจะไปยับยั้ง Growth Hormone (ที่ช่วยซ่อมแซมเซลล์ต่างๆ) แต่ถ้าถามว่ากินของหวานได้มั้ย คำตอบคือ ควรกินช่วงเช้าๆ ไม่เกินเที่ยง-บ่ายจะดีกว่า หลีกเลี่ยงช่วงเวลาตั้งแต่ 2 ทุ่มขึ้นไป เพราะสมมติกิน 2 ทุ่ม 3 ทุ่มอินซูลินหลั่ง หลังจากนั้นต่อให้เราจะนอนไ้ว นอนครบ Growth Hormone ก็ไม่ออกแล้วจ้า
.
อายุที่ควรเริ่มกระตุ้นคอลลาเจน ควรทำตั้งแต่ก่อน 3x ส่วนสารที่มีการวิจัยรองรับว่า สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนก็มีอยู่หลายตัวมากๆ หนึ่งในนั้นคือ ไฮยาลูรอน โมเลกุลขนาดเล็ก เน้น! ไม่ใช่ทุกโมเลกุลที่สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้
ใช้มาสก์ทุกวัน
อีกตัวช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยแห่งวัยนอกเหนือจากการเติมมอยส์เจอร์ไรเซอร์คือ การใช้มาสก์แผ่น ควรมาสก์ทุกวัน ผ่านไปประมาณ 2 อาทิตย์ (แนะนำให้สังเกตผิวตัวเอง วันแรกและวันสุดท้ายจะรู้สึกว่าผิวมีการดูดซึมต่างกัน วันแรกจะรู้สึกผิวซึมเนื้อมาสก์ไวและซึมหมดแผ่น แต่พอจะครบ 2 อาทิตย์จะเริ่มรู้สึกได้เลยว่า เฮ้ย! จะ 20 นาที แล้วเนื้อมาสก์ยังซึมไม่หมดเลย = ผิวมีความอิ่มน้ำฉ่ำฟูกว่าเดิมมากขึ้น)
วิธีใช้ชีทมาสก์ : ทำความสะอาดผิว > โทนเนอร์ > ชีทมาสก์ > ค่อยเริ่มเซรั่ม และเรียงลำดับไปเรื่อยๆ
.
สำหรับคนที่ไม่สะดวกใช้มาสก์ชีททุกวัน
สามารถเลือกใช้ครีมแทนสลิปปิ้งมาสก์ได้ แต่ต้องมีคุณสมบัติ 2 อย่าง คือ
1. มีสารดึงน้ำเอาไว้ที่ผิวมากหน่อย เช่น Glycerin, Xylitol, Hyaluron ฯลฯ
2. มีสารที่คลุมไว้ไม่ให้น้ำที่เราเติมลงไประเหยออก เช่น ออยล์ต่างๆ นอกเหนือจาก Mineral Oil ฯลฯ
บอกต่อตัวช่วยดีๆ จาก Institut Esthederm
Institut Esthederm Cellular Water Mist
เป็น Anti-aging Mist มิสต์ตัวแรกที่ช่วยลดริ้วรอย จากไฮยาโมเลกุลขนาดเล็กมากพอที่จะลงไปใต้ชั้นผิวเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
มี Broad Spectrum เป็น Age Prevention ที่สามารถดักจับอนุมูลอิสระได้ครบทั้ง 3 ประเภท ทั้งออกซิเจนสปีชีส์, ไนโตรเจนสปีชีส์ และคาร์บอนิลสปีชีส์ (ปกติสารต้านอนุมูลอิสระทั่วไปจะดักจับได้ตัวเดียว)
มีเกลือแร่ในระดับเลียนแบบเทียบเท่าน้ำในผิวเพื่อเสริมพลังงานให้ผิวทำงานเหมือนเซลล์ผิวที่อ่อนเยาว์
as Powerful as Serum สามารถใช้ได้ 3 แบบ ได้แก่ 1) สเปรย์ก่อนลงสกินแคร์เพื่อให้ผิวรับสกินแคร์ได้ดีขึ้น 2) หลังลงเมคอัพเพื่อเซ็ตเมคอัพ 3) ระหว่างวัน เหมือนบำรุงด้วยการเติมเซรั่มลงผิวทั้งวัน (จากที่ปกติเราจะทาเซรั่มเช้า-เย็น)