Skincare 2020 for acne-prone skin :: แก้ปัญหาผิวเป็นสิวด้วยความชุ่มชื้น

61 11
สวัสดีค่ะ กระทู้นี้นะคะ ก็จะมาแนะนำสกินแคร์สำหรับคนเป็นสิว ผิวมัน รูขุมขนกว้าง รอยสิวเยอะ ทำไงหน้าดีขึ้น มาดูกัน

ก่อนอื่นนะคะ ก็ต้องมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับสกินแคร์สำหรับสิวก่อนเลยเนอะ ปกติแล้วเนี่ย คนเป็นสิว จะชอบใช้อะไรที่มันลดความมัน หน้าชั้นต้องไม่มีความมันเหลืออยู่ ต้องแห้งตึง ซึ่งเมื่อก่อนเราก้เป็นหนึ่งในนั้น ครีมส่วนใหญ่ก็จะเป็นยาทาสิว สกินแคร์ลดความมันนี่คือชอบ กันแดดกับแป้งก็คือต้องเคลมว่าคุมมัน แต่สังเกตุดู สิวก็ไม่เคยหาย ซ้ำหน้ายังมันกว่าเดิมอีก เราเลยเริ่มลองมาศึกษาเกี่ยวกับผิวของเรามากขึ้น

เมื่อเริ่มศึกษาก็เข้าใจว่า ผิวของเราจะสวยได้ ต้องเริ่มมาจาการเสริมชั้นผิวให้แข็งแรง เพื่อให้มีปราการป้องกันมลภาวะต่างๆ สิวจะเกิดได้ยาก นอกจากนี้ถ้าเราใช้ครีมหลายชั้นเกิดไป ก็เสี่ยงที่จะอุดตัน ดังคำกล่าวที่ว่า “less is more” ใช้น้อยผิวยิ่งดี เราเลยเริ่มปฏิวัติการใช้สกินแคร์ของเรา ส่วนใหญ่จึงเน้นอะไรที่เติมความชุ่มชื้นและสร้างปราการผิวค่ะ และหลังจากที่เราเปลี่ยนเป็นสกินแคร์ที่ช่วยเรื่องความชุ่มชื้น เราสังเกตุว่าผิวเราเนี่ยสิวขึ้นน้อยลงมากกกก รอยหายไวขึ้น และหน้าดีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เราเลยอยากมาแชร์สกินแคร์ที่เราใช้และช่วยให้ผิวดีขึ้นค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอาการแพ้หรือผลลัพธ์ก็ขึ้นแต่ละบุคคล อันนี้เป็นแค่แนวทางสำหรับใครที่สนใจนะคะ

ขั้นแรก : โทนเนอร์

ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนเปิดโลกเรามากเลยค่ะ ปกติเราจะไม่ใช้โทนเนอร์ แต่พอเริ่มลองใช้ พบว่าสิวขึ้นน้อยลง และสกินแคร์ตัวต่อไปก็ซึมซาบได้มากยิ่งขึ้นค่ะ 

ซึ่งโทนเนอร์ที่เราใช้นะคะ เป็นของ Thayers rose water 

ตัวนี้มีหลายสูตรมาก แต่เราเลือกมาเป็นกลิ่นกุหลาบ กลิ่นผ่อนคลายค่ะ และใช้ไม่มีอาการแพ้อะไรเกิดขึ้น เวลาที่กดสิวมาใหม่ๆ เราก็เอาตัวนี้ชุบสำลีชุ่มๆและแปะลงไปตรงสิว ทำให้อาการระคายเคืองดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ 

ขั้นที่ 2 : น้ำตบ

น้ำตบเป็นตัวให้ความชุ่มชื้นตัวแรกที่เราเติมเข้าไป จะช่วยทำให้หน้าชุ่มชื้นมากขึ้น พร้อมรับการบำรุง โดยปกติเราจะติตะได้ว่าผิวเราเหมือนฟองน้ำ พอเติมความชุ่มชื้นเข้าไป จะทำให้ซึมครีมตัวต่อไปได้ดีขึ้น ให้เลือกตามคุณสมบัติที่ต้องการได้เลยค่ะ 

ตัวที่เราใช้ คือ loreal microessence ค่ะ




ตัวนี้เราใช้และเห็นผลตั้งแต่อาทิตย์แรกเลยค่ะ หน้ามีความชุ่มชื้นมากขึ้น ตื่นมาหน้าสว่างกระจ่างใสมาก รอยสิวจางลงอย่างเห็นได้ชัด ตัวนี้จะมีส่วนผสมของ salicylic acid สามารถช่วยเรื่องสิวได้ในระดับนึงค่ะ ซึ่งตัวนี้ทำในรูปแบบ micro essence ทำให้ซึมลงไปในชั้นผิวได้ลึกขึ้น ตัวนี้คือแนะนำมาก ราคาไม่แพงและเห็นผลชัดเจนค่ะ 

ขั้นที่3 : เซรั่ม

ขั้นตอนนี้ให้เลือกเซรั่มที่เหมาะกับสภาพผิวในช่วงนั้นๆของตัวเอง เนื่องจากเซรั่มเนื่องเป็นตัวที่เข้มข้น และให้ผลลัพธ์ได้ชัดมากที่สุด 
ซึ่งที่เราใช้จะมี 2 ตัวด้วยกัน 
biotherm ตัวนี้บอกเลยว่าประทับใจมาก เราเคยใช้ตัวน้ำตบของเค้าแล้วแพ้ ทำให้ตอนแรกไม่กล้าเปิดใจกับแบรนด์นี้มาก แต่พอเจอรีวิวตั่งต่าง เราก็รู้สึกว่า ของมันต้องมี ถ้าแพ้ค่อยเอาไปให้คนอื่นใช้ แต่พอใช้จริงรู้สึกว่านี่คือสิ่งที่ตามหา ซึ่งสิ่งที่เราชอบเลยคือ ทำให้ผดที่หน้าลดลงเยอะมากกกก และผิวก็ฟูขึ้น รอยต่างๆก็ลดลง ซึ่งเราลองใช้ตัวเดียว ตามคำเคลม พบว่าผิวมันดีขึ้นจริงๆ ถ้าหมดขวดนี้ คือ ก็ต้องมีต่อแน่นอนค่ะ

ตัวนี้ก็เป็นเซรั่มที่แนะนำเหมือนกันค่ะ ใช้ไม่รู้กี่ขวดแล้ว นับไม่ถ้วนเลย เราจะใช้เวลาที่มีสิวขึ้น หรือหน้าแบบไม่ไหวแล้ว ก็จะโบกตัวนี้ไปเลยค่ะ ซึ่งตัวนี้จะมีฤทธิ์เป็น antioxidant สามารถใช้ต่อเนื่องได้นานๆเลยค่ะ เพื่อผิวที่ดีขึ้น เป็น anti aging ได้เลยละค่ะ ใช้ตัวนี้แล้วสิวแห้งไว รอยต่างๆก็ลดลง แต่เรารู้สึกว่าไม่มากนะสำหรับเรา (มีวิตซี 10%) และก็ตัวนี้หลังทาจะมีความหนึบบนหน้านิดหน่อย ใครที่ไม่ชอบก็ไม่แนะนำค่ะ 

ขั้นที่4 : ครีม

ขั้นนี้จะเป็นตัวปิดค่ะ จะเน้นเติมความชุ่มชื้น เสริมความแข็งแรงของผิว ให้เลือกตามสภาพผิวของเรา ถ้าคนหน้ามันอาจจะใช้เป็นเนื้อเจลครีม แต่ถ้าหน้าแห้ง อาจจะใช้เนื้อที่เข้มข้นมาหน่อย
ซึ่งที่เราใช้จะมี 2 ตัวด้วยกัน
fyne skin barrier เป็นตัวเสริมชั้นผิว และเหมาะกับผิวแพ้ง่ายมากๆ เค้าจะเน้นให้ผิวแข็งแรง ปราศจากสารที่อาจก่อให้เกิดการแพ้ เนื้อของเค้าเหมือนจะหน้ก แต่พอทาลงไปกลับซึมง่ายมาก ใครหน้าแห้งอาจจะต้องมีครีมเสริมอีกตัว 
mizumi ตัวนี้เพิ่งออกมาใหม่ เป็นตัวเพิ่มความชุ่มชื้นยาวนาน 72 ชั่วโมง เหมาะกับทุกสภาพผิว เพราะให้ความชุ่มชื้นแน่นมากกกก ไม่อุดตัน เราเป็นคนหน้ามันยังชอบ เนื้อสัมผัสเค้าเหมือนจะหนา แต่พอทามีความนุ่ม ซึมเข้าไปในผิว ตื่นเช้ามาแล้วผิวเหมือนนอนหลับเพียงพอ เป็นอีกตัวที่แนะนำเหมือนกันค่ะ
และสำหรับใครที่ขี้เกียจ หรือว่าจะมีงานสำคัญ อาจจะเพิ่มขั้นตอนที่ 5 คือ การใช้ sleeping mask จริงๆขั้นตอนนี้สามารถทำได้ทุกวัน ถ้าเป็นมาณืกที่ช่วยเรื่องความชุ่มชื้น แต่ถ้าเป็นมาร์กที่เพิ่มกระจ่างใส ทำให้หน้าขาว ใช้สัปดาห์ละ 2-3 ครั้งก็เพียงพอค่ะ

นี่ก็เป็นเพียงแนวทางที่เราอาจจะมาแนะนำเพื่อนๆต่อกันนะคะ จากใจคนที่ปัญหาผิวมาเป็นสิบๆปี ทั้งนี้เราไม่ได้เข้าคลินิก คืออะไรทั้งสิ้น เป็นการลองผิดลองถูกของเราเอง มั่นใจว่าถ้าเพื่อนๆทำตามขั้นตอนนี้ ผิวของเพื่อนๆจะดีขึ้นแน่นอนค่ะ
ปล ใครเป็นสิวหนักมาก แนะนำให้หาคุณหมอนะคะ อาจจะเกิดจากภายในร่างกาย อาหารการกิน ก็ต้องลองปรับกันดูค่ะ 

ขอบคุณค่ะ ?