Forbes เฉลยชัด Kanye รวยพันล้านจริงหรือ ?!

58 7



เราเคยติดตามบทความเรื่องมหาเศรษฐีใจากนิตยสาร Forbes ด้วยความสนใจ มีเซเลบเพียงไม่กี่คนที่ประสบความสำเร็จในการสร้างอาณาจักรธุรกิจจนร่ำรวยได้ถึงระดับ Billionaire หรือครอบครองทรัพย์สินมูลค่าหนึ่งพันล้านเหรียญขึ้นไป สื่อดังเจ้านี้ได้นำเสนอเส้นทางการสร้างรายได้มหาศาลที่เกิดขึ้นนอกเหนือจากงานในวงการบันเทิงได้ชัดเจน แม้บางคนจะยังไม่ปักใจอย่างเต็มที่ว่า Forbes จะรายงานตัวเลขอย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมา การคำนวณรายได้และทีพย์สินของมหาเศรษฐีนั้นจำเป็นจะต้องมีเอกสารที่น่าเชื่อถือมายืนยัน และยังมีการตั้งข้อสงสัยว่า Forbes อาจจะรายงานตัวเลขเกินจริงไปบ้าง


แต่สำหรับ Kanye West กลับมีความไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งที่ Forbes ไม่จัดให้เขาอยู่ในกลุ่ม Billionaire เพราะเจ้าตัวมั่นใจเต็มที่ว่า ยังไงตัวเองก็รวยเกินพันล้าน เขาประกาศว่า ยื่นหลักฐานเรื่องทรัพย์สินไปยัง Forbes แล้วว่ามีเงินมากถึง 890 ล้านดอลลาร์ แต่ ยังไง Forbes ก็ยังเมิน ไม่ยอมยกให้เขารวยพันล้านซักที


เมื่อได้รู้ความคิดของ Ye แล้ว คำถามนี้อาจจะพุ่งตามมาทันทีว่า


890 มีค่าเท่ากับ 1000  ตั้งแต่เมื่อไร ?   

(เรากำลังพูดถึงหลักล้าน ที่ไม่ใช่ว่าจะปัดเลขขึ้นกันได้อย่างหน้าตาเฉย)




แล้ว Forbes  จะโต้ตอบว่ายังไงบ้างนะ ?






ล่าสุดก็มีความเคลื่อนไหวจากนิตยสารดังแล้วค่ะ


ดูเหมือนว่า Kanye คงจะสมใจสักที นั่นเป็นเพราะว่า Forbes ยอมใช้คำว่า ฺBillionaire เพื่ออธิบายความร่ำรวยของเขาแล้ว แต่จะบอกว่า happy กันทุกฝ่ายคงไม่ได้ เพราะ Forbes ยังให้ข้อมูลที่อ่านแล้วตาลุก! พร้อมกับคำบรรยายแบบกรีดเจ็บๆตามมาด้วย

แค่ขึ้นต้นบทความก็แซ่บแล้วค่ะ


Kanye West  ก้าวมาเป็นมหาเศรษฐีพันล้านอย่างเป็นทางการ  ( และเขาอยากให้ทั้งโลกได้รับรู้จริงๆ)


ว่ากันว่า Kanye เริ่มมาฟาดงวงฟาดงากับ Forbes หลังจากที่ Kylie ได้รับการยกย่องอย่างเต็มที่ในฐานะมหาเศรษฐีพันล้านแบบ self - made บางคนถึงกับล้อมวงตั้งข้อครหาว่า นอกจาก Kylie ใช้เวลาไม่กี่ปีแซงหน้าพี่สาวที่ใช้เวลายาวนานในการสร้างแบรนด์ เธอยังแซงพี่เขยที่สร้างรายได้จากผลงานทางดนตรีและการออกแบบสินค้ามาตั้งแต่ยุค 2000s เมื่อไม่กี่ปีก่อน Kylie ยังเป็นเพียงนางแบบ(กิตติมศัพท์) ให้กับแบรนด์ Yeezy อยู่ แต่ไหงได้เป็นมหาเศรษฐีพันล้านก่อน Kanye !


ยังจำกันได้ไหมว่า เจ้าตัวเคยปล่อยระเบิดลง Twitter  ด้วยการประกาศ ว่ามีหนี้ $53 ล้านแล้วขอยืมเงิน Mark  Zuckerberg เพื่อไปสร้างสรรค์ผลงานด้วยไอเดียอันบรรเจิด      Kanye ใช้เวลาอีกสามปีในการทำเงินก้อนใหญ่โตมโหฬาร และไม่ปลื้มเลยสักนิดที่  Forbes ไม่ยอมรับว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีพันล้าน

เป็นเรื่องปกติที่คุณจะอ่านบทความเรื่องมหาเศรษฐีพันล้านจาก Forbes  แล้วจะสัมผัสถึงแรงอวยแบบออกนอกหน้า  แต่พอมาถึงคิว Kanye  West   เอ๊ะ น้ำเสียงมันเปลี่ยนไป!
 เมื่อหน้าร้อนที่แล้วที่เราได้นำเสนอเรื่องราวของ West  ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามในจากแบรนด์ Yeezy     ช่วงแรกๆ เขาก็ดูยินดีกับหัวข้อข่าวนี้    ภรรยาคนดังระดับโลกของเขายังได้กล่าวแสดงความยินดีบน Twitter ด้วยซ้ำ        แต่ทว่า   หากไร้ข้อมูลเอกสารต่างๆมายืนยันตัวเลขทรัพย์สินอันไม่ธรรมดาของเขาแล้ว  แม้จะขัดต่อคำกล่าวอ้างของเขาและการคำนวณเองอย่างคร่าวๆ   เราก็ไม่สามารถยกให้เขาเป็นมหาเศรษฐีพันล้านได้   และเรื่องนี้ก็รบกวนจิตใจของเขามากจนต้องประท้วงออกสื่อ    " ผมโชว์หลักฐานการเงิน $890 ล้านให้ Forbes ดูไปแล้ว  แต่พวกเค้าก็ยังไม่ยอมประกาศว่าผมรวยพันล้าน " ทั้งๆที่เรื่องที่เขาบอกสื่อนั้น ไม่มีใครในทีมงาน Forbes จำได้ด้วยซ้ำว่าเกิดขึ้นเมื่อไร   เขายังส่งข้อความส่วนตัวมาถึงเรา และฟังดูหัวเสียกว่าเดิม  ในข้อความของเขาบอกว่า  "มันเป็นบทความที่ดูถูกกันนี่นา   จงใจเมินเฉยผมชัดๆ"  



เมื่อถึงเวลาที่เราได้ประกาศรายชื่อมหาเศรษฐีพันล้านประจำปีเมื่อต้นเดือนเมษายน เป็นอีกครั้งที่ชื่อของ West ไม่ได้ปรากฏในรายชื่อนี้ แต่พวกเราก็ยังไม่ได้รับเอกสารยืนยันใดๆจากเขาเลย บวกกับสถานการณ์โรคระบาดในตอนนี้เข้าไปด้วย ปฏิกิริยาโต้ตอบของ West ดูจะเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและโกรธเกรี้ยว เขาส่งข้อความมาหาเราว่า

   "  คุณรู้ตัวดีว่ากำลังทำอะไรอยู่     คุณกำลังปั่นประสาทผม และในนามของพระเยซูเจ้า ผมจะไม่ยอมทนต่อไปแล้ว"    และมันมาถึงจุดที่เขากล่าวหา Forbes ว่าเป็น "หนึ่งในบรรดาสื่อที่พยายามล้มล้างแนวคิดเรื่องการสร้างตัวจนเป็นมหาเศรษฐีของเขา เพราะอคติจากการแบ่งแยกทางเชื้อชาติ   เรื่องที่น้องสาวภรรยาอย่าง Kylie Jenner สามารถก้าวมาอยู่ในกลุ่มมหาเศรษฐีพันล้านได้ยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดมากขึ้น


จากนั้น West ได้นำทีมของเขาบุกมาหาพร้อมกับหลักฐานที่เราเชื่อได้ว่าเป็นมูลค่าที่แท้จริงของ  Kanye, Inc    และทำให้เรารับรู้เรื่องราว 3 ประการ 

 อย่างแรกคือ  นี่คือเหตุผลที่เราควรนำเขามาขึ้นปกนิตยสาร   West สร้างแบรนด์ดังขึ้นมาในช่วงเวลาไม่กี่ปี  สามารถก้าวขึ้นมาแข่งขันกับความสำเร็จของรองเท้า Nike’s Air Jordanได้    เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในตำนานการค้าปลีกที่ยิ่งใหญ่แห่งศตวรรษทีเดียว


เรื่องที่สองคือ ที่ West ได้ยืนยันด้วยคำพูดและเอกสารว่า เขามีทรัพย์สินมากกว่า3000 ล้านดอลลาร์นั้น มันเป็นคำคุยโวไม่ต่างจากสไตล์ของประธานาธิบดี Donald Trump ผู้เป็นไอดอลของเขา   หรือว่าWest จะไม่ถนัดเรื่องการคำนวณตัวเลข ?


      แต่ในที่สุด สิ่งสุดท้ายที่เราได้ยอมรับก็คือ หลังจากที่ได้ใช้วิธีประเมินค่าในวิธีของเราแล้ว   มูลค่าทรัพย์สินที่เขาได้รับประโยชน์จาก Yeezy  ก็ทำให้เขาเป็นมหาเศรษฐีพันล้านเต็มตัว ซึ่งจริงแล้วมีมูลค่ามากกว่าหนึ่งพันล้านไปพอประมาณ



Forbes คำนวณทรัพย์สินของ Kanye ไว้ที่ 1300 ล้านค่ะ เรียกว่าพุ่งขึ้นมาอย่างสวยงามมาก เมื่อปี 2018 หลายสื่อรายงานตรงกันว่า ทรัพย์สินของ Kanye มีมูลค่า 160 ล้าน และน้อยกว่า Kim K เกินเท่าตัว เพียงสองปีต่อมา เขาก็ได้รับการขนานนามว่ามหาเศรษฐีพันล้านอย่างเป็นทางการ



แต่ขึ้นชื่อว่า Kanye West แล้ว   หากเขาเชื่อว่ารวยมากกว่า 3300ล้าน  คงเป็นได้ยากที่จะพอใจกับตัวเลข1300ล้าน    มีหรือจะยอมถอยง่ายๆ   ถูกสื่อกระแทกแดกดันซะปานนั้น


บรรณาธิการของ Forbes ได้โชว์ข้อความที่เต็มไปด้วยความเหวี่ยงจากแร็พเพอร์พันล้านว่า ไม่ใช่พันล้านสักหน่อย มัน 3300 ล้านต่างหากล่ะ Forbes นับเลขกันไปเป็นสักคน

และบก.ก็บรรยายอย่างติดตลกเพื่อโต้ตอบแร็พเพอร์พันล้านว่า

" เราคาดว่า เรื่องโต้แย้งกันนี้คงไม่ได้สิ้นสุดลงง่ายๆ ในระหว่างนี้ก็ขอให้ทุกคนชมอย่างบันเทิงใจกันต่อไปนะครับ"



คำกล่าวโทษของ Kanye นั้น จริงๆแล้วย้อนแย้งกับชื่อเสียงของ Forbes ค่ะ เราไม่ได้จะช่วยยืนยันว่า Forbes ได้รับความเชื่อถือในการคำนวณทรัพย์สินของมหาเศรษฐีอย่างแม่นยำ แต่ที่จริงแล้ว ผู้สื่อข่าวจากสื่อเจ้านี้ก็เคยยอมรับว่า เคยถูกคนรวยหลอกเรื่องตัวเลขทรัพย์สิน โดยเฉพาะกรณีของ Donald Trump ที่ Forbes ถูกจิกมานานว่าช่วยอวยความรวยจนเกินกว่าความเป็นจริงตอนจัดลำดับมหาเศรษฐีในยุค 80s

เวลาผ่านไปถึงสามสิบปีกว่าที่ Forbes จะออกมายอมรับว่าติดกับเล่ห์การสร้างภาพความรวยของ Trump เมื่อตรวจเช็คอย่างละเอียดแล้ว ในยุคนั้น ทรัพย์สินของประธานาธิบดีคนปัจจุบันไม่ได้ใกล้เคียงกับตัวเลขที่พวกเค้าประกาศในนิตยสารเลย รวมถึงสื่ออื่นๆก็แสดงความไม่เชื่อถือต่อตัวเลขมหาศาลที่ Trump อวดอ้างกับสังคม

เมื่อมีผู้สื่อข่าวนำข้อมูลจากนักการเงินที่เคยร่วมงานกับ Trump มาแฉว่า ในขณะ Trumpพยายามประชาสัมพันธ์ตัวเองว่ามีทรัพย์สินมากมายถึง 5000- 6000ล้านเหรียญ แต่ที่มูลค่าทรัพย์สินจริงๆน้อยกว่านั้นหลายเท่า ( 200- 250ล้าน) Trump ไม่ยอมรับข้อกล่าวหานั้นและฟ้องผู้สื่อข่าวข้อหาหมิ่นประมาทแล้วเรียกค่าเสียหายหลายพันล้าน แต่ก็แพ้คดี และยังไม่ยอมโชว์หลักฐาน tax return เพื่อยืนยันตัวเลขทรัพย์สินที่แท้จริงของตัวเอง
( อย่างไรก็ตาม Trump สามารถต่อยอดสร้างความร่ำรวยได้อีกมากมายในระยะเวลาสามทศวรรษมานี้ Forbes จึงได้ยอมรับว่าเขามีทรัพย์สินมากกว่า 3100 ล้านเหรียญ )



อีกหนึ่งกรณีที่ชัดเจนที่เกี่ยวกับความโปร่งใสในการคำนวณรายได้มหาเศรษฐีของ Forbes ก็คือ Wilbur Ross ที่สื่อดังได้รายงานความรวยของเขาว่ามีมูลค่าถึง 2900 ล้านดอลลาร์ แต่เขาแจ้งทรัพย์สินต่อหน่วยงานรัฐเพียง 700 ล้าน และชี้แจงกับ Forbes ในภายหลังว่า แบ่งเงินอีก2000 ล้านใส่ในกองทุนของครอบครัว ซึ่งเขาไม่ต้องรายงานตัวเลขเงินในกองทุนนี้ Forbes ใช้เวลาหลายเดือนในการสืบค้นความจริง และก็พบกับบทสรุปว่า เงินกว่า 2000 ล้านนี้ไม่มีอยู่จริง กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเป็นผู้ยืนยันข้อเท็จจริงนี้เอง สื่อในวงการวิเคราะห์การเงินได้รายงานตรงกันว่า ในโลกนี้ยังมีมหาเศรษฐีอีกหลายคนที่โกหกเรื่องความร่ำรวยให้มากมายไปกว่าตัวเลขที่แท้จริง

แม้แต่ตอนที่ Forbes ประกาศว่า Kylie Jenner เป็นมหาเศรษฐีพันล้านที่อายุน้อยที่สุด ก็มีบทความโจมตีทางโลกออนไลน์ว่า เรื่องนี้ขาดความน่าเชื่อถือ และเป็นอีกครั้งที่ Forbes รายงานตัวเลขความรวยแบบเกินจริงมาก บางคนทำนายไว้ล่วงหน้าว่า อีกไม่นาน Kylie จะต้องเจรจาขายหุ้นกับนายทุนใหญ่ เพราะเมื่อ Forbes ยอมรับเธอแล้วก็จะสร้างpowerในการต่อรองให้สูงขึ้น ไม่นานต่อจากนั้น ก็มีการตีข่าวออกมาว่าเธอขายหุ่นเกือบครึ่งในราคา 600ล้านเหรียญ ( แม้จะต้องเสียภาษีอีกมาก แต่ก็เป็นตัวเลขที่สูงลิบลิ่วชวนตะลึง ) 



ฉะนั้นแล้ว ข้อครหาเรื่อง Forbes อวยมหาเศรษฐีให้ดูรวยกว่าทรัพย์สินที่มีอยู่จริในช่วงระยะเวลาหลายทศวรรษมานี้จึงขัดแย้งกับคำพูดของ Kanye อย่างชัดเจน      (  เป็นสื่อที่ขึ้นขื่อเรื่องอวยความรวย ไม่ใช่กดให้ดูรวยน้อยลงนั่นเอง)

ส่วนประเด็นสีผิวที่ Kanye ใช้มาโจมตีว่า เพราะเขาเป็นชายอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน Forbesไม่ยอมรับในบารมีความรวยพันล้าน แต่ในปี 2019 Forbes ไม่ได้มีปัญหาใดๆในการยอมรับตัวเลขทรัพย์สินของ Jay Z ว่าเป็นมหาเศรษฐีพันล้าน แต่เราก็เชื่อว่า Jay Z เองคงไม่คอยส่งข้อความงอแงใส่กองบรรณาธิการเหมือนกับอดีตเพื่อนซี้




เหตุใด Forbes และสื่อการเงินอื่นๆจึงไม่ยอมรับ Kanye ในฐานะมหาเศรษฐีพันล้านในช่วงปีที่ผ่านมา ?




เมื่อลองเปรียบเทียบกับแบรนด์รองเท้าที่เปรียบเทียบได้ว่าเป็น "มหาอำนาจ" แห่งวงการรองเท้ากีฬาอย่าง Air Jordan ที่มีถูกประเมินมูลค่าของธุรกิจไว้ที่ 3000 ล้านดอลลาร์ ตัว Michael Jordan ผู้ที่มีรายได้เข้ามาหลากหลายเส้นทางนั้นถูกประเมินทรัพย์สินไว้ที่ 2100 ล้านค่ะ นั่นเป็นเพราะว่านี่คือการดำเนินธุรกิจแบบ Partnership หรือการร่วมมือกันระหว่างนายทุนยักษ์ใหญ่กับคนดัง และแบ่งรายได้กัน แตกต่างจาก Kylie Cosmetics ที่ตัว Kylie เคยเป็นเจ้าของกิจการทั้งหมดและขายหุ้นให้กับนายทุนในภายหลัง ดังนั้น จะเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้มหาศาล แต่ Kanye ไม่ได้กำผลประโยชน์จาก Yeezy เพียงผู้เดียว แต่ผู้ลงทุนและจัดการเรื่อง production อย่าง Adidas ก็แบ่งส่วนความสำเร็จนี้ไปด้วย ไม่ต่างจากความเป็น partnership ของ Michael Jordan กับ Nike 


แต่ Kanye ได้ประกาศอย่างองอาจว่า ตัวเอแซงหน้าสร้างรายได้จากรองเท้ามากกว่า Michael Jordan ไปซะแล้ว ในขณะที่หลายๆคน ยังไม่ปักใจเชื่อ เพราะ Michael Jordan คร่ำหวอดในวงการกีฬาและมีรายงานว่า การเป็นหุ้นส่วนกับ Nike ก็สร้างรายได้เข้ากระเป๋าตำนานนักบาสเก็ตบอลไปแล้วปีละร้อยล้าน ไหนจะมีรายได้จากทีมบาสเก็ตบอล Charlotte Hornets ที่ขาซื้อมาและสร้างกำไรมหาศาล ( Jordan เป็นเป็นเจ้าของหุ้นขถึง 97% และในปัจจุบันมีการประเมินค่า Charlotte Hornets ไว้ถึง 1500ล้าน) จนได้ก้าวเข้ามาสู่กลุ่มมหาเศรษฐีพันล้านตั้งแต่ปี 2014


หลายคนจึงมองว่า คำพูดของ Kanye ที่บอกว่าร่ำรวยจนมีเงิน 3300 ล้าน เป็นจำนวนที่มากกว่าทรัพย์สินของ Michael Jordan ถึง 1200ล้านนั้นจึงไม่ได้ฟังดูสมเหตุสมผลนัก เพระาเรากำลังพูดถึงคนดังที่สร้างอาณาจักรธุรกิจรองเท้ากีฬาจนถูกยกย่องในเรื่องความ classic และ iconic มายาวนานกว่า 30ปี และยังมีรายได้อีกมากมายจากสัญญาการเป็นพรีเซนเตอร์และธุรกิจอื่น       Forbes ได้รายงานว่า ตั้งแต่ปี 1984 MJ ได้รับส่วนแบ่งจาก Nike จากยอดขาย Air Jordan ไป 1300 ล้านดอลลาร์ จึงไม่น่าแปลกใจว่า เหตุใดสื่อเจ้านี้จึงไม่ได้เชื่อถือตัวเลข 3300 ล้านที่ Kanye นำเสนอ  




และแม้ Kanyeจะมั่นใจว่าโค่นยักษ์ใหญ่อย่าง Air Jordan ได้ราบคาบ   แต่จากการสำรวจยอดขาย  sneakers ในปี 2019    Yeezy  ก็ไม่ใช่แบรนด์ที่ขายที่เป็นอันดับหนึ่ง   แต่เป็น Nike หลากหลายรุ่นที่โกยยอดขายสูงสุด ดังที่ NPD  ได้รายงานตัวเลข top 10 ไว้ดังนี้

1. Nike Air Max 270
2. Nike Air Force 1 low
3. Nike Tanjun
4. adidas NMD R1
5. Nike Air Jordan 4
6. adidas YEEZY Boost 350 V2
7. Vans Ward
8. Converse Chuck Taylor OX low
9. Nike Air Max 97
10. Nike Air Jordan 11
 



พวกเราจะได้เห็นว่า  เมื่อใดที่ Yeezy เปิดตัวรองเท้าก็ขายดีจนหมดเกลี้ยงshop และทำให้Kanye สร้างฐานะจนกลายเป็น Billionaire ในเวลาไม่กี่ปี    แต่นักวิเคราะห์ได้ชี้ให้เห็นว่า Nike ยังมีความเสมอต้นเสมอปลาย  ถึงหลายรุ่นจะไม่ได้ได้ sold out และมีกระแสจากสื่อบันเทิงเหมือนกับ Yeezy   แต่ก็มียอดขายสูงขึ้นจากปีที่แล้ว    ส่วน Boost 350 V2 จาก Yeez ขายดีจนติดอันดับ 6 นั้นเลื่อนระดับจากอันดับ 9 ในปี 2018   แต่ยอดขายโดยรวมตกลงมาบ้าง  และยังตามหลัง Air Jordan ที่ส่งรองเท้าสองรุ่นเข้าเข้ามาติด  top 10   ยืนยันความสำเร็จระดับตำนานได้อย่างหนักแน่นและนิ่มนวล
แต่แม้ว่า Kanye  งอแงออกสื่อบ่อยแค่ไหน  คุณก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงไปได้เลยว่า  บุคคลที่ถูกมองว่าเป็นตัวตลกสร้างความบันเทิงให้กับสังคมคนนี้แหละที่กำลังกอบโกยเงินทองอย่างหม่หยุดยั้ง  ผลงานของเขาประสบความสำเร็จในระดับต้นๆจากกลุ่มคนดังที่ผันตัวมาสร้างแบรนด์  และแม้ว่าใครต่อใครจะมองว่าเขาเป็นพวกหลงรักตัวเองจนเกินจะกู่กลับ  แต่ก็ยังมีผู้คนอีกมากมายที่ยออมเทกระเป๋าเพื่อรองเท้า  Yeezy



ไม่นานมานี้ สื่อได้นำเสนอว่า Kim Kardashian West ไม่ได้แตกต่างจากสามีจากการวางเป้าหมายเพื่อกลายเป็นเศรษฐีพันล้าน จากความสำเร็จในการสร้างแบรนด์ราชินีอินเทอร์เน็ททำให้เธฮต่อยอดสร้างรายได้หลายช่องทาง ความเติบโตของ SKIM ผลิตภัณฑ์ชุดชั้นในที่เรียกกระแสตอบรับอย่างสวยงาม และงานพรีเซนเตอร์ที่ร่ำลือว่า แค่ 1 post บน instagram ก็ทำรายได้ 7หลักแล้ว!


ขึ้นชื่อว่าเป็นครอบครัว Kardashian -West ก็มีแต่รวยขึ้นสินะ !




จบจ้า


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE