4 เมืองท่องเที่ยว ในสก๊อตแลนด์ ที่เหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในโลกเวทย์มนต์
Som_Naphisa 55 15
เมื่อคิดถึงชาวสก๊อตแลนด์ ทุกคนคงคิดถึง กระโปรงลายสก๊อต (Kilt), ปี่ไพพ์ (Bag pipe), และ Scottish whisky กันใช่ไหมคะ
ส้มมีโอกาสได้ไปใช้ชีวิตอยู่ที่สก๊อตแลนด์ ได้ไปสถานที่ต่างๆ ลองกินอาหารแปลกๆ
เลยถือโอกาสเอามาแบ่งปันให้เพื่อนๆกันค่ะ
ส้มมีโอกาสได้ไปใช้ชีวิตอยู่ที่สก๊อตแลนด์ ได้ไปสถานที่ต่างๆ ลองกินอาหารแปลกๆ
เลยถือโอกาสเอามาแบ่งปันให้เพื่อนๆกันค่ะ
1. Edinburgh Castle (เอดินเบรอะ)
ออกเสียงไม่ค่อยถูก อย่าถือสากันนะ
ไม่พูดถึง Edinburgh castle คงไม่ได้ เพราะ Edinburgh เป็นเมืองหลวงของ สก๊อตแลนด์ และถ้าใครได้ไปเมืองนี้จะเห็นปราสาทนี้ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนเนินที่สูงม๊าก และทางเดินไปปราสาทก็มีร้านขายของ แถมบรรยากาศก็น่าถ่ายรูปมากค่ะ (แต่ส้มถ่ายรูปไม่สวยเลย จะติดรูปคนอื่นให้เป็นตัวอย่างนะ)
ปราสาทนี้มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Castle Rock เพราะว่าทุกส่วนในปราสาทถูกสร้างมาจากหินล้วนๆ (ฟังชื่อแล้วก็นึกถึง Game of Thrones). ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ ศตวรรษที่ 12 (800 ปีแล้ว) น่าทึ่งตรงที่ตัวปราสาทยังแข็งแรงทนแดดทนฝน และข้างในเป็นเหมือน Museum เสียค่าเข้าคนละ £19.50 นะ
ปราสาทนี้มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Castle Rock เพราะว่าทุกส่วนในปราสาทถูกสร้างมาจากหินล้วนๆ (ฟังชื่อแล้วก็นึกถึง Game of Thrones). ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ ศตวรรษที่ 12 (800 ปีแล้ว) น่าทึ่งตรงที่ตัวปราสาทยังแข็งแรงทนแดดทนฝน และข้างในเป็นเหมือน Museum เสียค่าเข้าคนละ £19.50 นะ
ใครเป็นสาวก Harry Potter ต้องรู้จัก ตรอก Diagon แน่นอน
ซึ่ง Victoria street นี้เป็นแรงบันดาลใจให้ JK rowling สร้าง Diagon Alley ขึ้นมานั่นเอง
ซึ่ง Victoria street นี้เป็นแรงบันดาลใจให้ JK rowling สร้าง Diagon Alley ขึ้นมานั่นเอง
2. Glasgow.
ถ้าพูดถึง Glasgow จะเป็นเมืองที่มีนักศึกษาเยอะมากเพราะมี มหาวิทยาลัย และ College ในแถบเดียวกันเยอะมากๆ
(ใครอยากไปเดินดูหนุ่ม ginger หัวแดง หัวทอง ต้องไปเมืองนี้เลยนะ)
(ใครอยากไปเดินดูหนุ่ม ginger หัวแดง หัวทอง ต้องไปเมืองนี้เลยนะ)
Kelvingrove เป็น Art museum ที่เก่าแก่แห่งหนึ่งของเมือง เข้าฟรีนะ
และตอนที่ส้มไปที่นี่ เพื่อนส้มพาออกทางด้านหลังแล้วก็บอกว่าที่นี่มีเรื่องเล่านะ
ทีแรกคิดว่าเรื่องผี แต่เปล่าเลยค่ะ
เพื่อนบอกว่าปราสาทนี้สร้างทางเข้า ไว้ด้านหลัง และทางข้างหลังเป็นทางเข้าด้านหน้า เพราะว่าสร้างทางเข้าเสร็จ และสร้างด้านในแล้วพึ่งมารู้ว่าสร้างผิดด้าน
ถ้าเพื่อนๆออกด้านหลังจะเห็นเป็นรูปปั้นคนนั่งอยู่
ซึ่งเพื่อนส้มก็บอกว่าไม่รู้ว่าเรื่องจริงหรือเรื่องหลอก แต่ก็ตลกดีค่ะ 55555
และตอนที่ส้มไปที่นี่ เพื่อนส้มพาออกทางด้านหลังแล้วก็บอกว่าที่นี่มีเรื่องเล่านะ
ทีแรกคิดว่าเรื่องผี แต่เปล่าเลยค่ะ
เพื่อนบอกว่าปราสาทนี้สร้างทางเข้า ไว้ด้านหลัง และทางข้างหลังเป็นทางเข้าด้านหน้า เพราะว่าสร้างทางเข้าเสร็จ และสร้างด้านในแล้วพึ่งมารู้ว่าสร้างผิดด้าน
ถ้าเพื่อนๆออกด้านหลังจะเห็นเป็นรูปปั้นคนนั่งอยู่
ซึ่งเพื่อนส้มก็บอกว่าไม่รู้ว่าเรื่องจริงหรือเรื่องหลอก แต่ก็ตลกดีค่ะ 55555
ใครอยากหนีความวุ่นวายในเมืองไป Hiking สถานที่ยอดฮิตของชาว Glasgow แนะนำให้ไปที่ Loch Lomond เลยนะ ส้มได้คำแนะนำให้ไปมาอีกทีแต่ว่าเพื่อนส้มไม่พาไปเพราะขี้เกียจปีนเขา (เสียใจมากค่ะ เพราะต้องขับรถไป ส้มขับรถที่นั่นไม่ได้เพราะต้องมีประกัน และรถส่วนใหญ่เป็นเกียร์กระปุก)
3. Isle of Skye
ไปที่นี่สามารถเที่ยวได้แบบจบใน 1 วันนะ แต่อาจจะเหนื่อยไปหน่อย ที่เที่ยวคือแบบขับรถไปตามถนนเส้นเดียวแล้วก็จะมีจุดที่เราจะเห็นสถานที่สวยๆ อยู่ตามรายทาง
อากาศครึ่มมากนะคะตอนที่ส้มไป
และที่ The Storr ถ้ามีเวลาก็สามารถไปปีนเขาได้จะได้เห็นวิวสวยๆกัน แต่ว่าป้าของส้มขาไม่ดีและทริปนั้นมีแต่ผู้ใหญ่เลยเป็นแนวขับรถทัวร์มากกว่าค่ะ
อากาศครึ่มมากนะคะตอนที่ส้มไป
และที่ The Storr ถ้ามีเวลาก็สามารถไปปีนเขาได้จะได้เห็นวิวสวยๆกัน แต่ว่าป้าของส้มขาไม่ดีและทริปนั้นมีแต่ผู้ใหญ่เลยเป็นแนวขับรถทัวร์มากกว่าค่ะ
แนะนำว่า ขนเสื้อกันหนาวอย่างหนาไปเลยนะคะ ส้มไปช่วงหน้าร้อนคิดว่าจะร้อน แต่หนาวมาก ต้องเอาเสื้อพี่ชายมาใส่ค่ะ
4. Isle of Lewis and Harris
มาถึงเกาะที่ส้มได้ไปใช้ชีวิตอยู่ถึง 4 เดือนเต็มๆ
ที่เกาะนี้มีที่เที่ยวอยู่พอสมควร แถมคนที่นี่ก็ใจดีมาก เพราะว่าเป็นเกาะคนก็เลยรู้จักหมด และสิ่งที่ไม่คาดคิดคือ เด็กวัยรุ่นที่เป็นชาวสก๊อตแลนด์แท้ๆเลยก็เยอะมากๆนะคะ (คิดว่าจะมีแต่คนสูงอายุ) เพราะด้วยความที่ต้องข้ามทะเลถึง 2 ชั่วโมงเลยทำให้ยังไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมาเยอะมากนัก จะมีก็แต่เรือสำราญที่จะมาปีละครั้ง
ที่เกาะนี้มีที่เที่ยวอยู่พอสมควร แถมคนที่นี่ก็ใจดีมาก เพราะว่าเป็นเกาะคนก็เลยรู้จักหมด และสิ่งที่ไม่คาดคิดคือ เด็กวัยรุ่นที่เป็นชาวสก๊อตแลนด์แท้ๆเลยก็เยอะมากๆนะคะ (คิดว่าจะมีแต่คนสูงอายุ) เพราะด้วยความที่ต้องข้ามทะเลถึง 2 ชั่วโมงเลยทำให้ยังไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมาเยอะมากนัก จะมีก็แต่เรือสำราญที่จะมาปีละครั้ง
ประเทศนี้ จะถามหาอากาศแบบท้องฟ้าโปร่งนี่เป็นไปได้ยากมากนะคะ เพราะฝนตกตลอดเวลา แต่ว่าก็ได้เห็นสายรุ้งอาทิตย์ละ 2-3 ครั้งเลยนะ
สถานที่เที่ยวยังมีอีกเยอะแยะมากมายที่ยังเที่ยวไม่หมด แต่วันนี้คงต้องพอเท่านี้ก่อน
กระทู้หน้าจะมาเขียนเกี่ยวกับอาหารของชาว Viking ให้ฟังกันค่ะ :)
กระทู้หน้าจะมาเขียนเกี่ยวกับอาหารของชาว Viking ให้ฟังกันค่ะ :)