รีวิวจัดฟัน : จัดฟันที่ไหนดี ? จัดฟันราคาเท่าไหร่ ? คนที่จะจัดฟันครั้งแรกห้ามพลาดค่า

46 8
หลังจากที่เคยเขียนรีวิวจัดฟันครั้งแรกไปตั้งแต่คราวก่อน ที่กระทู้นี้ รีวิวจัดฟันครั้งแรก วันนี้บีก็จะอัพเดทหลังจากจัดฟันไป 2 ปีกว่า ซึ่งก็เป็นมหากาพย์ที่ยาวมากๆ เลยค่ะ แต่พยายามจะเล่าออกมาให้ครบครัน คนที่กำลังจะจัดฟันครั้งแรกจะได้ข้อมูลแบบจริงๆ จังๆ ก่อนจะตัดสินใจจัดฟันนะคะ รวมถึงบอกว่าตอนนี้บีจัดฟันที่ไหน และจัดฟันราคาเท่าไหร่ด้วย  
ต้องบอกก่อนว่า ตอนนี้บีจัดฟันมาแล้ว 3 คลินิก ใช่ค่ะ! อ่านไม่ผิด! 3 คลินิกเลยทีเดียว เดี๋ยวจะกริ่นก่อนนะคะว่าทำไม บีจัดคลินิกแรกมา 2 ปี แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากมิดไลน์ฟันบีมันเอียง เลยตัดสินใจย้ายมาคลินิกที่ 2 คลินิกที่ 2 คุณหมอเก่งและละเอียดมาก แต่จัดได้ 1 เดือน โควิดมาสักก่อน เลยตัดสินใจไม่กลับไทยแล้ว ทำที่ฮ่องกงนี่แหละ และเป็นคลินิกที่ 3 หรือคลินิกปัจจุบันนั่นเองค่ะ

ทีนี้มาดูรีวิวแบบยาวๆ กันเลยนะคะ

เริ่มจากคลินิกแรก บีขอไม่บอกชื่อนะคะว่าที่ไหน ซึ่งหลังจากที่จัดมาเกือบ 2 ปีก็ได้พบว่า ฟันของบีมิดไลน์เอียงไปฝั่งซ้ายแบบพอสังเกตได้ 
จนบีต้องดิ้นรนไปหาหมอฟันท่านอื่น ทั้งหมอจัดฟันไทยและต่างชาติ จนได้ข้อสรุปที่ตรงกันว่ามิดไลน์บีเบี้ยวค่ะ และกำลังจะเบี้ยวขึ้นกว่านี้ ...สุดท้ายบีเลยตัดสินใจย้ายคลินิกนั่นเอง
บีเลยคุยกับทางคลินิก และได้ข้อสรุปว่าคลินิกจะชดเชยเงินคืนให้บีครบจำนวน

ขอสรุปราคาจากคลินิกแรกนะคะ 

ค่าครอส 39,000 บาทค่ะ
ค่าเคลียร์ช่องปากแล้วแต่เคส แต่ของบีเคยผ่าฟันคุดก่อนจัดแล้ว ค่าเคลียร์ช่องปากเลยอยู่ที่ไม่ประมาณ 5-7 พันบาทค่ะ
นอกจากนี้มีค่ายิบย่อยพวกเหล็กจัดฟันหลุดด้วย ตัวละ 300 บาทค่ะ หลุดเท่าไหร่ เราก็จ่ายไปเท่านั้น

มาต่อกันที่คลินิกที่ 2 นะคะ

 คลินิกนี้บีขอระบุชื่อคลินิกเลยแล้วกัน เพราะเป็นคลินิกที่บีอยากแนะนำมากๆ ใครที่จะย้ายเคส อยากได้หมอเก่งๆ บีแนะนำเลย ชื่อคลินิกเค้าคือคลินิก Just fun อยู่ตรง bts พญาไทค่ะ มีคุณหมอเจ้าของคลินิกเป็นคนทำ คุณหมอเป็นทันตแพทย์จัดฟันเฉพาะทางค่ะ คุณหมอชื่อรัชฎา ลิ้มวัฒนพรชัย
บีจะบอกว่าคุณหมอเป็นทันตแพทย์ที่ละเอียดมากกก วิเคราะห์เก่งมาก และที่สำคัญคุณหมอมือเบาค่ะ อารมณ์แบบทำไมชั้นไม่รู้จักคุณหมอคนนี้ตั้งแต่แรก ไม่งั้นคงฟันสวยแล้ว แงงง
ซึ่งคุณหมอเสนอทางแก้มิดไลน์ของบีด้วยการปักหมุด/กรอฟัน และบีจะบอกว่าคุณหมอละเอียดถึงขั้นที่ ปกติบีปรับเครื่องมือใช้เวลาแค่ 15-20 นาทีเท่านั้น แต่คุณหมอรัชฎาใช้เวลาในการปรับเครื่องมือเกือบๆ ชั่วโมงนึง แม้แต่การวัดมิดไลน์ฟัน วัดจริงจังมาก หมุนซ้าย หมุนขวา ยิ้มแล้วยิ้มอีก ใช้เวลาร่วม 15 นาที และบีสามารถถามนู้นนี่ๆ คุณหมอตอบได้หมด โดยไม่รู้สึกเหนื่อยใจเลย555
แต่เหนือสิ่งอื่นใด บีทำกับคุณหมอแค่ครั้งเดียว เนื่องจากปัญหาโควิด 19 และบีไม่อยากเดินทางไปกลับไทยแล้วนั่นเอง

สรุปค่าใช้จ่ายคุณหมอคนที่ 2 นะคะ 

บีขูดหินปูน 1,000 บาท
ค่าปรับเครื่องมือ 2,000 บาท (คุณหมอใจดีมากกก นับเป็นเคสจัดต่อ 2,000 จนจบครอสค่ะ ซึ่งก็ตีคร่าวๆ ประมาณ 10 ครั้งนั่นเอง)
ส่วนถ้าใครอยากไปจัดฟันกับคุณหมอ ราคาจัดฟันครั้งแรก อยู่ที่ประมาณ 45,000 บาทค่ะ

มาที่คุณหมอท่านสุดท้ายบ้าง

คลินิกนี้ที่ฮ่องกงนั่นเองค่ะ ชื่อว่า central smile ค่ะ คลินิกเค้าสวยมากกก โมเดิร์นสุดๆ และมีห้องของเล่นสำหรับเด็กรอคุณพ่อ คุณแม่ทำฟันด้วย (ลองดูในคลิปวิดีโอ บีลงบรรยากาศคร่าวๆ ไว้ค่ะ) ที่บีชอบที่สุดคือเทคโนโลยีที่ล้ำมากๆ ของที่นี่ค่ะ คือปกติเนี่ย ที่ไทยจะมีเฉพาะจัดฟันแบบใสเท่านั้นที่เราจะเห็นว่าฟันตอนจัดเสร็จแล้วจะออกมาแบบไหนใช่มั้ยคะ แต่ว่าที่นี่จัดแบบเหล็กธรรมดา ก็สามารถเห็นได้ด้วยเหมือนกันค่ะ ไฮโซมากกกก
บีจัดกับคุณหมอ Barem นะคะ (เผื่อใครอยู่ฮ่องกง แล้วหาข้อมูลออยู่ค่ะ) คุณหมอจบจัดฟันเฉพาะทางจากอังกฤษค่ะ และคุณหมอละเอียดมากๆ ใส่ใจมาก แม้แต่วันปรึกษา ก็ใช้เวลาร่วมชั่วโมงครึ่ง ซึ่งคุณหมอวางแผนแก้มิดไลน์เอียงของบีด้วยกันปักหมุดค่ะ และปรับองศาฟันต่างๆ ส่วนตัวคิดว่ากำลังไปได้ดีค่ะ คุณหมอบอกว่าใช้เวลาแก้มิดไลน์และจบครอสประมาณ 1 ปี (คุณหมอจะพยายามไม่ให้ถึงปีค่ะ แต่นานสุดคือ 1 ปี)
มีหลายๆ อย่างที่บีรู้สึกว่าเค้าแตกต่างกับไทย
1.ราคาค่ะ ที่ไทยจัดฟันแบบเหล็กจะถูกมาก ประมาณ 3-5 หมื่น แต่ที่นี่ราคาจัดฟันแบบเหล็กจะต่างกับแบบใสแค่นิดเดียวค่ะ แบบเหล็ก ราคาประมาณ 150,000 บาท ส่วนแบบใส 200,000 บาทค่ะ แต่ของบีเคสจัดต่อ เลยเหลือประมาณ 100,000-120,000 บาท ส่วนแบบใสจะเป็น 160,000 บาทค่ะ
2.ที่ไทย แบคเก็ตจัดฟันหลุด จะคิดตัวละ 300-500 บาท แต่ที่นี่หลุดเท่าไหร่ ก็ไม่ต้องจ่ายเพิ่มค่ะ
3.ที่ไทย เวลาใส่ยางจัดฟันจะเห็นชัดมากๆ แต่ที่นี่เค้าจะใส่แบบใส แล้วซ่อนไว้ข้างในค่ะ อย่างภาพนี้ก็ใส่อยู่ แต่จะดูไม่ออกเลย
4.ที่ไทยเค้าจะเช็คสุขภาพฟันโดยไม่ได้ใช้เครื่องอะไร แต่ที่นี่เช็คว่าฟันผุมั้ย สภาพฟันเป็นยังไง โดยใช้เครื่องแสกนอะไรสักอย่าง (ซึ่งค่าแสกนประมาณ 3 พันกว่าบาทค่ะ แต่ที่ไทยฟรีเนอะ55)

สรุปค่าใช้จ่ายที่ 3 

1.ค่าจัดฟัน 20,000 เหรียญฮ่องกง (ประมาณ 9 หมื่นบาท)
2.ค่าปรึกษา ประมาณ 3 พันกว่าบาท
3.ค่าแสกนฟัน 3 พันกว่าบาท
4.ค่าเอ็กซเรย์ 3 พันกว่าบาท
ตอนนี้ยังไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม แต่จะมีค่ารีเทรนเนอร์ 5,000 เหรียญ หรือประมาณ 20,000 บาท แต่บริการเช็ครีเทรนเนอร์ประจำปีให้ด้วยค่ะ รวมๆ ก็แสนกว่าได้ จุกกกก
วันนี้ก็รวบรวมข้อมูลแบบละเอียด แต่พยายามย่อให้ไม่ยาวเกินไป และถ้าว่างๆ บีจะมาอัพเดทอีกทีนะคะ ส่วนใครมีคำถามอะไร ก็สามารถถามหรือเล่าสู่กันฟังได้เลยนะคะ

ส่วนวันนี้ลาไปก่อน แล้วเจอกันกระทู้หน้าค่ะ บ๊ายๆ


Bebe Kim

Bebe Kim

สวัสดีค่ะทุกคน
ชื่อ "บีบี" ค่ะ เป็นคนชอบเรื่องความสวยความงามมาก เรียกว่าเสพติดเลยดีกว่า
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผิว เรื่องแต่งหน้า บางทีก็ลามๆ เสียเงินไปเยอะค่ะ เขินนน 555
ตอนนี้บีอาศัยอยู่ที่ฮ่องกงค่ะ (แต่ก็กลับไทยทุกเดือน เพราะคิดถึงอาหารและเพื่อนๆ รวมถึงครอบครัวนั่นเอง แหะๆ) มีลูกชายตัวเล็กๆ 1 คน ชื่อน้องเจคอปค่ะ
ตอนนี้ก็เป็นคุณแม่มือใหม่ ใช้ชีวิตคูลๆ (ปนเหนื่อย) ไปวันๆ และถ้าวันไหนว่างๆ ก็จะมาเขียนกระทู้แชร์เรื่องราวต่างๆ ให้เพื่อนๆ Jebanista อ่านกันค่ะ

ถ้าใครอยากติดตามบีในรูปแบบวิดีโอ ก็สามารถไปที่ https://www.youtube.com/user/BebeSoonyata ได้นะคะ

ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนค่ะ ^^

FULL PROFILE