ผิวสวยกระจ่างใสแลดูสุขภาพดีในวัย 30 +++ ด้วยเซรั่มวิตามินซี 3 แบรนด์ 3 สไตล์
Junjaowkha review 60 18 WITH <strong>FYNE Skin</strong> / ขอแนะนำผลิตภัณฑ์ในเนื้อหาบางส่วน ;)หลายต่อหลายครั้งที่ปัญหาผิวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องริ้วรอย สิวอุดตัน ผิวไม่เรียบเนียน สีผิวไม่สม่ำเสมอ และรูขุมขนกว้าง ถูกแก้ไขได้ด้วยการใช้สกินแคร์ที่มีส่วนประกอบของวิตามินซี ?
พิสูจน์ได้จาก 1 ปี ที่ผ่านมานี้ เราพิถีพิถันในการเลือกใช้สกินแคร์ให้เหมาะสมกับสภาพผิวหน้ามากขึ้นและแน่นอนว่าสกินแคร์ที่เพิ่มเข้ามาในวัย 30 +++ ต้องเป็นสกินแคร์ที่มีส่วนประกอบวิตามินซีเป็นหลัก
ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ มีสภาพผิวหน้าที่ดีขึ้นกว่าเดิมมาก..
ทำไมเราจึงต้องยกให้วิตามินซีเป็นสกินแคร์ตัวหลักในวัย 30 +++ ???
ก็เพราะว่าเมื่ออายุมากขึ้นกระบวณการผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติก็จะเกิดขึ้นช้ากว่าปกติ ส่งผลให้เกิดปัญหาผิวต่างๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นผิวหมองคล้ำ สิวอุดตัน รูขุมขนกว้าง รวมถึงปัญหาหนักใจของใครหลายคนก็คือ “ริ้วรอย”
แต่เอ๊ะ !!!! แล้ววิตามินซีจะช่วยให้ผิวของเราแลดูสวยและมีสุขภาพดีได้อย่างไร ?? เรารวบรวมข้อมูลสั้นๆ มาให้ทุกคนได้อ่านกันแล้วค่ะ
ประโยชน์ของวิตามินซีที่มีต่อผิวพรรณ ได้แก่
1. กระตุ้นให้ผิวผลิตคอลลาเจนเพิ่มขึ้น ดังนั้นวิตามินซีจึงมีผลในการต่อต้านริ้วรอยแห่งวัย
2. ลดการผลิตเม็ดสีเมลานินในชั้นผิว กระตุ้นการผลิตกลูต้าไธโอนและวิตามินอี จึงช่วยปรับสภาพผิวหมองคล้ำให้กระจ่างใส และมีสุขภาพดี
3. ลดเลือนจุดด่างดำ รอยแดง รอยดำ จากสิว ช่วยให้สีผิวสม่ำเสมอ และกระจ่างใส
4. ปกป้องผิวจากรังสี UVB และฟื้นฟูผิวจากแสงแดด เนื่องจากวิตามินซีเป็น Antioxidant สามารถยับยั้งสารอนุมูลอิสระต่างๆ ได้
5. ลดการอักเสบ ติดเชื้อ และสมานแผล เนื่องจากวิตามินซีช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ดังนั้นจึงช่วยให้แผลบริเวณผิวหนังหายเป็นปกติเร็วขึ้น
วิตามินซีที่เราหยิบมาพูดถึงในวันนี้มาในรูปแบบของเซรั่ม จาก 3 แบรนด์ 3 สไตล์ ได้แก่
Boots Vitamin C Brightening Anti - ageing Intensive Serum
FYNE Potent Vitamin C Antioxidant Brightening Fluid Serum
Kiehl's Powerful-Strength Line-Reducing Concentrate
Note ! !
สภาพผิว : ? ผิวผสมค่อนไปทางแห้งและขาดน้ำ มีฝ้า กระ จุดด่างดำ รูขุมขนกว้าง ผิวไม่เรียบเนียน สีผิวไม่สม่ำเสมอ มีริ้วรอยตื้นๆ และริ้วรอยร่องลึก
Boots Vitamin C Brightening Anti - ageing Intensive Serum
(30 ml ราคา 499 บาท)
เซรั่มวิตามินซีเข้มข้นช่วยบำรุงและซ่อมแซมผิวอย่างล้ำลึก มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดเลือนความหมองคล้ำ และ Anti-Ageing พร้อมทั้งช่วยกระตุ้นการสร้างผิวใหม่เพื่อให้ผิวโกลว เรียบเนียน และกระจ่างใสมากขึ้น
ประกอบด้วยส่วนผสมที่สำคัญ ดังนี้
2x Hyaluronic Acid : ช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้นมากขึ้น
Sodium Hyaluronate : ไฮยาลูรอนโมเลกุลใหญ่ ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น ช่วยให้ผิวสมดุล แลดูเปล่งปลั่ง และลดเลือนริ้วรอย
Hydrolyzed Hyaluronic Acid : ไฮยาลูรอนโมเลกุลเล็ก ช่วยเติมความชุ่มชื้น และเพิ่มความกระชับให้ผิว
ลักษณะของผลิตภัณฑ์
เซรั่มเนื้อบางเบา เกลี่ยง่าย เมื่อทาลงบนผิวเค้าจะให้เนื้อสัมผัสคล้ายไพร์มเมอร์เคลือบคลุมผิวเอาไว้ แต่ไม่ทิ้งความเหนอะหนะ มีกลิ่นหอมคล้ายส้มยูสุ ให้ความรู้สึกสดชื่น ผ่อนคลาย
ผลลัพธ์หลังการใช้
หลังการใช้อย่างต่อเนื่อง 2 สัปดาห์ พบว่าช่วยให้ผิวเรียบเนียนและกระจ่างใสมากขึ้น จุดด่างดำ รวมถึงรอยดำ รอยแดงจากสิวดูลดเลือนลง ส่วนเรื่องของการเติมความชุ่มชื่นให้ผิวนั้น สภาพผิวของเรายังต้องใช้มอยสเจอร์ไรเซอร์ควบคู่ไปด้วยค่ะ และด้วยความที่เค้ามีเนื้อสัมผัสคล้ายไพร์เมอร์จึงช่วยเบลอรูขุมขนได้ในทันที ให้ผิวที่ดูโกลวและช่วยให้เมคอัพติดทนมากขึ้น สำหรับเรื่องของริ้วรอยต้องใช้เวลาอีกสักพัก โดยรวมแล้วถือว่าเป็นเซรั่มที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีและราคาไม่สูงจนเกินไป
Fyne Potent Vitamin C Antioxidant Brightening Fluid Serum
( 30 g ราคา 2,590 บาท )
เซรั่มวิตามินซีที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินจึงทำให้ผิวกระชับและริ้วรอยต่างๆ ดูลดเลือนลง นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความกระจ่างใส ช่วยลดรอยดำรอยแดงจากสิว ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวอิ่มฟูและมีสุขภาพดี ที่สำคัญคือ เป็นวิตามินซีที่มีความอ่อนโยน จึงเหมาะกับทุกสภาพผิว รวมทั้งผิวเป็นสิวและผิวแพ้ง่าย แบรนด์ควบคุมสมดุล pH ประมาณ 5-6 ซึ่งเป็นค่าที่ใกล้เคียงกับน้ำกลั่นเพื่อลดโอกาสของการเกิดการระคายเคือง และไม่รบกวนประสิทธิภาพของสกินแคร์ตัวอื่นๆ
ประกอบด้วยส่วนผสมที่สำคัญ ดังนี้
12% Vitamin C เสถียร 3 อนุพันธ์ ได้แก่ 8% SAP ลดการอักเสบ ลดปัญหาสิว ปรับผิวสว่างกระจ่างใส ลดรอยแดง รอยดำ 2% AA2G และ 2%EAC ปรับผิวสว่างกระจ่างใส ลดจุดด่างดำ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
Highly Effective Antioxidants ช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ด้วย 2 กลไก คือ ป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระและกำจัดอนุมูลอิสระที่มีอยู่แล้ว จากส่วนผสม ดังนี้ SOD , Fullerenes , Astaxanthin , Coenzyme- Q10 , Vitamin E , Grape Seed , Green Tea Leaf และ Ginkgo Leaf
Peptide 2 ชนิด ได้แก่ ArgirelineTM และ MatrixylTM ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน เพื่อชะลอการเกิดริ้วรอย และลดเลือน Fine Line
Hyaluronic Acid ช่วยเติมความชุ่มชื่นให้ผิว ช่วยให้ผิวอิ่มฟู ลดเลือน Fine Line
No Silicone , Fragrance , Alcohol , Colorant , Paraben and Mineral Oil
ผ่านการทดสอบ Dermatologically Tested พบว่า ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
ลักษณะของผลิตภัณฑ์
เซรั่มเนื้อบางเบา สีส้มอ่อนๆ เกลี่ยง่าย ซึมซาบเข้าสู่ผิวไว ไม่ทิ้งความเหนอะหนะ มีกลิ่นหอมอ่อนๆ
ผลลัพธ์หลังการใช้
หลังการใช้อย่างต่อเนื่อง 2 สัปดาห์ พบว่าสามารถลดรอยดำรอยแดงจากสิวอักเสบที่เกิดจากการบีบเค้นใหม่ๆ ให้จางลงได้ในสามถึงสี่วัน ถือว่าให้ผลลัพธ์ค่อนข้างไวเลยค่ะ ส่วนจุดด่างดำเก่าๆ ที่มีก่อนหน้านี้จะจางลงช้ากว่ารอยที่เกิดใหม่หน่อยนะคะ สภาพผิวโดยรวมที่สัมผัสได้ใน 2 สัปดาห์ คือ ผิวเรียบเนียน อิ่มฟู กระจ่างใส และรูขุมขนกระชับมากขึ้น เมื่อใช้ควบคู่กับเจลแต้มสิวจะช่วยลดการอักเสบของสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยค่ะ สำหรับเรื่องของการเติมความชุ่มชื่นให้ผิว สภาพผิวของเราก็ยังคงต้องใช้มอยสเจอร์ไรเซอร์ควบคู่กันไปด้วย ส่วนเรื่องของริ้วรอยต้องใช้เวลาอีกสักพักเช่นเคย ในเรื่องของความอ่อนโยนต้องยกให้น้องเค้าจริงๆ เราชอบตรงที่เค้าสามารถใช้ได้ทั้งเช้าและเย็น ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง และไม่รบกวนประสิทธิภาพของสกินแคร์ตัวอื่นๆ โดยรวมแล้วถือว่าเป็นเซรั่มที่ให้ผลลัพธ์ดีงามควรค่าแก่การลงทุน
Kiehl's Powerful-Strength Line-Reducing Concentrate
(100 ml ราคา 4,145 บาท)
เซรั่มที่มีส่วนผสมจากวิตามินซีบริสุทธิ์มากถึง 12.5% ประกอบด้วยวิตามินซีบริสุทธิ์เข้มข้น Ascorbic Acid 10.5% ช่วยลดเลือนริ้วรอยทั้งตื้นและลึก ปรับสภาพผิวให้เปล่งปลั่ง และมี Ascorbyl Glucoside หรือ Vitamin Cg 2% ที่ช่วยให้มีการปลุกฤกธิ์ทันทีที่ซึมซาบเข้าสู่ผิวชั้นบน ดังนั้นจึงช่วยบำรุงผิวและมุ่งส่งเสริมการลดเลือนริ้วรอยต่อเนื่องอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ยังมีไฮยาลูโรนิก แอซิด ที่ผ่านการแยกส่วน (Fragmented Hyaluronic Acid) เป็นไฮยาลูโรนิก แอซิดชนิดที่มีขนาดเล็กและซึมซาบไว มีความสามารถในการอุ้มน้ำได้มากกว่าน้ำหนักตัวถึง 1000 เท่า ดังนั้นไฮยาลูโรนิก แอซิดจึงทำหน้าที่เสมือนฟองน้ำ โดยดึงความชื้นเข้าสู่ผิวชั้นนอกแล้วพองตัวขึ้นเมื่อดูดซับความชื้นไว้ ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน เหมาะกับทุกสภาพผิว
คุณสมบัติโดดเด่น
* ลดเลือนจุดด่างดำให้จางลง
* รับผิวชั้นนอกให้เปล่งปลั่งกระจ่างใส
* ลดเลือนริ้วรอยแห่งวัยทั้งริ้วรอยตื้นและริ้วรอยร่องลึกของผิวชั้นนอกให้จางลง โดยเฉพาะบริเวณหางตาและมุมปาก
* กระตุ้นการสร้างคลอลาเจนตามธรรมชาติ ผิวจึงเรียบเนียนเปล่งปลั่งสดใสยิ่งขึ้น
ปราศจากสารกันเสีย ปราศจากการแต่งสีและกลิ่น
ลักษณะของผลิตภัณฑ์
เซรั่มกึ่งครีม เนื้อสัมผัสบางเบา เกลี่ยง่าย รู้สึกอุ่นๆ ที่ผิวแต่ไม่นานความรู้สึกนั้นก็หายไปเองค่ะ มีกลิ่นซีตรัส แอบคล้ายกลิ่นสนิม เมื่อลงไปบนผิวจะเห็นได้ว่ามีลักษณะคล้ายซิลิโคนเคลือบผิวอยู่ ซึ่งมันคือ Dimethicone เป็นกลุ่มของซิลิโคนที่ช่วยเติมความชุ่มชื่น และก่อให้เกิดการอุดตันน้อยกว่า สาวๆที่แพ้ซิลิโคนควรทดสอบการแพ้ก่อนนะคะ สีของเซรั่มเมื่อเปิดใช้ครั้งแรกเป็นสีขาวจั๊วที่ขาวแบบกระดาษเลยนะคะ แต่ 1 ปีผ่านไป สภาพสีของน้องเค้าก็แปรเปลี่ยนไปดังภาพ
ผลลัพธ์หลังการใช้
ผลลัพธ์จากการใช้อย่างยาวนานเป็นเวลา 1 ปี (ระหว่างนี้มีการหยุดใช้เพื่อทดลองสกินแคร์ในกลุ่มเดียวกันอยู่นะคะ) พบว่า ช่วยเบลอรูขุมขนได้ในทันทีที่ใช้ และเมื่อใช้อย่างต่อเนื่องช่วยให้รูขุมขนกระชับได้จริง ช่วยให้ผิวกระจ่างใส สีผิวสม่ำเสมอ ลดเลือนจุดด่างดำ รอยดำรอยแดงจากสิวได้ดีงามเลยค่ะ เนื้อสัมผัสดูหนาก็จริงแต่ไม่ทิ้งความมันเหนอะหนะบนใบหน้า ที่สำคัญกว่านั้นช่วยให้ริ้วรอยเล็กๆ บางๆ ริ้วรอยร่องแก้ม รอยย่นบนหน้าผากดูตื้นขึ้นได้จริง เนื้อสัมผัสที่ทาลงไปแล้วคล้ายไพรเมอร์ช่วยให้ผิวโดยรวมดูเรียบเนียนและละเอียดมากขึ้น ทำให้หน้าดูแมทและโกลว์ ให้ความชุ่มชื้นได้ดีในระดับนึงแต่สภาพผิวแบบเราก็ยังจำเป็นต้องใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ควบคู่กันไปด้วยจะทำให้ดีต่อผิวมากกว่า สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องริ้วรอยและรูขุมขนกว้างเราว่าน้องเค้าเป็นเซรั่มที่ควรค่าแก่การลงทุนมากค่ะ แต่ว่าสีของเค้าจะเปลี่ยนไปไวมากเนื่องจากมีความไม่เสถียรสูง สีที่เปลี่ยนไปหมายถึงการเสื่อมสลายของวิตามินซี ทำให้คุณสมบัติทางเคมีในเป็นสารอนุมูลอิสระน้อยลง ประสิทธิภาพลดลงหรือไม่มีประสิทธิภาพ ... ขนาด 100 ml จึงไม่เหมาะที่จะเก็บไว้ใช้นานๆ เลือกขนาดที่เล็กลงมาหน่อยน่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เวิร์ค
มาดูลักษณะและเนื้อสัมผัสของแต่ละตัวกันค่ะ
?
เนื้อสัมผัสของแต่ละแบรนด์
Kiehl’s มีความหนืดมากกว่าใครเพื่อน รองลงมาคือ Boots และสุดท้ายคือ FYNE
สำหรับเรื่องของสีที่เปลี่ยนไปเราบอกได้เลยว่า Kiehl’s มีสีที่เปลี่ยนไวมาก ในเดือนที่ 1 – 2 ก็เริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงแล้วค่ะ ผ่านไป 1 ปี ก็มีสีดังภาพ ส่วน Boots และ FYNE ที่เราเปิดทดลองใช้ได้เพียง 2 สัปดาห์ เท่านั้น เราจึงยังไม่สามารถบอกได้ว่าทั้ง 2 ตัวจะมีสีที่เปลี่ยนไปหรือไม่เพราะยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลง
ความเกลี่ยง่าย
เนื้อสัมผัสที่แตกต่างกัน แต่ว่าแต่ละตัวมีความเกลี่ยง่ายตามแบบฉบับของตัวเอง ดังนั้นเราขอให้คะแนนเท่ากัน
การซึมซาบเข้าสู่ผิว
ภาพมันฟ้องจริงค่ะว่าทั้ง 3 ตัว ซึบซาบเข้าสู่ผิวได้ดีพอๆ กัน มองอย่างผิวเผินแทบไม่มีความแตกต่าง และที่สำคัญ ทั้ง 3 ตัว ให้ความรู้สึกสบายผิว ไม่ทิ้งความเหนอะหนะ (จากภาพจะเห็นว่าผิวยังคงมีความชุ่มๆ อยู่ เพราะเรายังนวดน้องๆ ให้ซึมเข้าสู่ผิวไม่เต็มที่นะคะ)
ทั้งหมดนี้คือเซรั่มวิตามินที่เราใช้อย่างต่อเนื่องในช่วงนี้ ต้องบอกว่าเราชอบทั้งตัวเลยเพราะแต่ละตัวเค้ามีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป ที่สำคัญกว่านั้นคือ ทั้ง 3 ตัวให้ผลลัพธ์ที่ดีงามมาก หากไม่เชื่อว่าวิตามินซีจะช่วยให้ผิวของเราดูดีขึ้นได้ขนาดนี้ก็ต้องเชื่อแล้วล่ะค่ะ และอย่าลืมว่าสภาพผิวของแต่ละคนตอบสนองต่อสกินแคร์แตกต่างกันออกไปดังนั้นผลลัพธ์ที่ได้ย่อมแตกต่างกันออกไปด้วยน๊า
? ? ข้อแนะนำในการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของวิตามินซี
ควรใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีค่าการปกป้องสูงและมีส่วนผสมของวิตามินอี เพื่อช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวี
ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่มีคุณสมบัติหลักๆ เป็น AHA หรือ BHA ซ้ำซ้อนกัน ควรเลือกใช้อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้นเพื่อลดโอกาสการเกิดความระคายเคืองค่ะ
สำหรับการใช้ครั้งแรก ควรเทสที่หลังใบหู หรือท้องแขนก่อนเสมอ จนแน่ใจว่าไม่แพ้ไม่ระคายเคืองจึงนำไปบำรุงบนผิวหน้า
การใช้สกินแคร์ที่มีส่วนประกอบของวิตามินอี , กรดเฟอรูลิก , Niacinamide ที่เสถียรแล้ว จะช่วยส่งเสริมการทำงานของวิตามินซีให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ควรหยุดใช้หากผลิตภัณฑ์เปลี่ยนเป็นสีเหลืองเข้มหรือสีน้ำตาล ซึ่งหมายถึงผลิตภัณฑ์อาจจะเสื่อมหรือหมดประสิทธิภาพ