เปิดเบื้องลึกเส้นทาง Human Ken Doll สู่Barbie
candy 73 11
" ฉันไม่อยากจะเป็นเหมือนใคร"
Jessica Alves TV personality ชาว Brazilian ที่เคยสร้างชื่อไปทั่วโลกด้วยฉายา Human Ken Doll ก่อนที่จะเปิดเผยว่า ภายในร่างกายของ Ken Doll เธอได้ปกปิดจิตใจแบบ Barbie ไว้ และไม่ต้องการจะปิดบังตัวตนอีกต่อไป และได้ก้าวเข้าสู่กระบวนการแปลงเพศอย่างเต็มตัว
แต่เธอจะเข้าถึงความสุขที่แท้จริงได้หรือไม่ ?
Jessica Alves TV personality ชาว Brazilian ที่เคยสร้างชื่อไปทั่วโลกด้วยฉายา Human Ken Doll ก่อนที่จะเปิดเผยว่า ภายในร่างกายของ Ken Doll เธอได้ปกปิดจิตใจแบบ Barbie ไว้ และไม่ต้องการจะปิดบังตัวตนอีกต่อไป และได้ก้าวเข้าสู่กระบวนการแปลงเพศอย่างเต็มตัว
แต่เธอจะเข้าถึงความสุขที่แท้จริงได้หรือไม่ ?
"ทำจมูก 11 ครั้ง"
"เสริม six pack แล้วเปลี่ยนใจดูด ออกมาเสริมที่ก้นแทน"
"ผ่าตัดเปลี่ยนสีนัยน์ตา"
" ผ่าตัดเอากระดูกซี่โครงเพื่อให้ลำตัวดูเล็กลง"
นี่เป็นเพียงส่วนน้อยในการการผ่าตัดทั้งหมดของ Jessica ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นตอนที่เธอยังเป็น Rodrigo เธอเปิดเผยรายละเอียดของการศัลยกรรม รวมถึง Nonsurgical treatment อย่างหมดเปลือก และดึงดูดความสนใจจากผู้คนที่ฉงนใจว่า เพราะอะไร เธอจึงทำศัลยกรรมมากมายถึงเพียงนี้
"เสริม six pack แล้วเปลี่ยนใจดูด ออกมาเสริมที่ก้นแทน"
"ผ่าตัดเปลี่ยนสีนัยน์ตา"
" ผ่าตัดเอากระดูกซี่โครงเพื่อให้ลำตัวดูเล็กลง"
นี่เป็นเพียงส่วนน้อยในการการผ่าตัดทั้งหมดของ Jessica ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นตอนที่เธอยังเป็น Rodrigo เธอเปิดเผยรายละเอียดของการศัลยกรรม รวมถึง Nonsurgical treatment อย่างหมดเปลือก และดึงดูดความสนใจจากผู้คนที่ฉงนใจว่า เพราะอะไร เธอจึงทำศัลยกรรมมากมายถึงเพียงนี้
หลังจากที่ผ่าตัดทำศัลยกรรมมาไม่ต่ำกว่า 75 ครั้ง Jessica ก็ยอมไปพบจิตแพทย์และได้รับการวินิจฉัยว่า เจ็บป่วยเป็นโรคทางจิตเวช ที่เรียกว่า Body Dysmorphic Disorder (BDD) เป็นอาการที่ไม่พึงใจกับรูปร่างหน้าตาจนผิดปกติ กล่าวคือ เป็นอาการที่ผู้ป่วยจะหมกมุ่นกับรูปลักษณ์ของตัวเองสร้างความวิตกกังวลว่า ใบหน้าและอวัยวะร่างกายไม่ได้สัดส่วน มีข้อบกพร่องต่างๆ
ตอนที่ยังเป็น Human Ken Doll Jessica ยืนยันว่า ไม่เคยรู้สึกเสียใจที่ได้ทำศัลยกรรมลงไป แต่ก็ยอมรับว่า เมือผ่าตัดเปลี่ยนรูปลักษณ์ไปแล้ว ก็ยากที่จะหยุดได้" เธอจึงเดินหน้าเข้าสู่ห้องผ่าตัดแทบไม่ว่างเว้น แม้ว่าผลที่ตามมาอาจจะเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต!
สิ่งเหล่านี้คือผลพวงที่ Jessica ต้องพานพบเพื่อจะก้าวสู่จุดหมายของความสมบูรณ์แบบ
"จมูกยุบหายจนไม่สามารถแก้ไขได้"
" ถูกแบคทีเรียกัดกินที่ใบหน้า
"ติดเชื้อจนมีภาวะอัมพาตชั่วคราว"
"รู้สึกเจ็บปวดช่วงลำตัวเมื่อเคลื่อนไหวอันเป็นผลจากถอดซี่โครงออกไป"
แต่จะมีวันที่เธอเข้าใกล้เป้าหมายแห่งความสมบูรณ์แบบหรือไม่?
สิ่งเหล่านี้คือผลพวงที่ Jessica ต้องพานพบเพื่อจะก้าวสู่จุดหมายของความสมบูรณ์แบบ
"จมูกยุบหายจนไม่สามารถแก้ไขได้"
" ถูกแบคทีเรียกัดกินที่ใบหน้า
"ติดเชื้อจนมีภาวะอัมพาตชั่วคราว"
"รู้สึกเจ็บปวดช่วงลำตัวเมื่อเคลื่อนไหวอันเป็นผลจากถอดซี่โครงออกไป"
แต่จะมีวันที่เธอเข้าใกล้เป้าหมายแห่งความสมบูรณ์แบบหรือไม่?
อดีตวัยเยาว์ที่แสนเจ็บปวด
อดีตที่แสนเจ็บปวด
"ไอ้จมูกหัวมันฝรั่ง"
"พุงเผละเป็นเจลลี่"
สำหรับเด็กๆมากมาย วัยเด็กคือช่วงเวลาของความสดใสไร้มลพิษทางความคิด แต่สำหรับ Jessica เธอมีอดีตที่แสนเจ็บปวดและไม่อยากจะระลึกถึงมากนัก ตอนที่ยังใช้ชื่อว่า Rodrigo เธอได้เติบโตมาเป็นเด็กชายที่แสดงจริตที่กระตุ้งกระจิ้ง และยังมีความผิดปกติทางฮอร์โมนจนทำให้ทรวงอกขยายออกคล้ายกับเด็กผู้หญิง จึงกลายมาเป็นเป้าหมายของกลุ่มเด็กจอม bully นอกจากจะถูกล้อเลียนเรื่องรูปทรงจมูกและรูปร่างแล้ว ก็ยังถูกทำร้ายร่างกาย กดหัวไปจ่อโถปัสสาวะ เอาหัวไปโขกกับกำแพง
ประสบการณ์ที่เลวร้ายนี้ทำให้ตัดสินใจทำศัลยกรรมเป็นครั้งแรกในวัยเพียง 17 ปีเท่านั้น มันคือผ่าตัดเพื่อปรับรูปทรงหน้าอกไม่ให้เหมือนผู้หญิง เมื่อเมื่อได้ศัลยกรรมไปแล้วครั้งหนึ่ง ก็กลายเป็นแรงผลักให้ Rodrigo เข้าสู่เส้นทางของการเปลี่ยนแปลงตัวเองที่ยากจะสิ้นสุด
เส้นทางการศัลยกรรมที่ดูไม่สิ้นสุด
แม้จะไม่ใช่มหาเศรษฐี แต่ Rodrigo ก็มีฐานะดีพอสมควร เขาใช้เงินที่ครอบครัวหยิบยื่นให้เพื่อศัลยกรรม นับตั้งแต่การลดขนาดหน้าอกเมื่ออายุ 17 จนเริ่มเป็นที่รู้จักในแวดวงสื่ออังกฤษหลังจากย้ายมาพำนักในยุโรป เมื่อเขาอายุก้าวขึ้นเลข 3 ก็ผ่าตัดไปแล้ว 12 ครั้ง และเขาก็ได้รับฉายา Human Ken Doll มาแล้วอย่างเต็มภาคภูมิ
แต่การผ่าตัด 12 ครั้งนั้นยังไม่สามารถเทียบได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่เขาเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมา
แต่การผ่าตัด 12 ครั้งนั้นยังไม่สามารถเทียบได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่เขาเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมา
เพราะหลังจากทีเริ่มโด่งดังขึ้นมาแล้ว Rodrigo เข้าๆออกๆ โพงพยาบาลศัลยกรรม ให้ถามตัวเลขจริงๆว่าทำไปแล้วกีครั้ง เจ้าตัวยังไม่แน่ใจว่า 75 หรือ 76 ครั้ง (ยังไม่รวมทรีทเมนท์ต่างๆอย่างพวก filler และ botox นับร้อย) และยังไม่มีทีท่าว่าจะถอดใจจากการศัลยกรรมไปได้
เมื่อเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมา Rodrigo สร้างรายได้จากการเดินสายออก TV บอกเล่าถึงเส้นทางสู่ความเป็น Ken Doll ที่สมบูรณ์แบบที่ปรารถนาเหนื่อสิ่งอื่นใด Rodrigo เปิดเผยทุกรายละเอียดโดยไม่ตะขิดตะขวงใจ ไม่ว่าจะเป็นโมเมนท์ตอนที่ถูกวางยาสลบ ไปจนถึงภาพซิลิโคนที่บิดเบี้ยว และสร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์อื้ออึงขึ้นมาเรื่อยๆ เพราะผู้คนในสังคมต่างลงความเห็นว่า ยิ่ง "ขึ้นเขียง" บ่อยครั้งมากเท่าใด ก็ยิ่งดูห่างไกลจากรูปลักษณ์ของตุ๊กตาแฟนหนุ่มของ Barbie ออกมาเรื่อยๆ
Rodrigo ไม่ปิดบังว่ารู้สึกดีกับชื่อเสียงและความสนใจที่หลั่งไหลมาจากสังคมที่มองเขาด้วยความทึ่ง และเคยทำในเรื่องสุดช็อคอย่างการหิ้วโถกระดูกซี่โครงที่ผ่าตัดออกเพื่อให้เอวดูเล็กลงมาโชว์ออกสื่อ
Rodrigo ไม่ปิดบังว่ารู้สึกดีกับชื่อเสียงและความสนใจที่หลั่งไหลมาจากสังคมที่มองเขาด้วยความทึ่ง และเคยทำในเรื่องสุดช็อคอย่างการหิ้วโถกระดูกซี่โครงที่ผ่าตัดออกเพื่อให้เอวดูเล็กลงมาโชว์ออกสื่อ
ทุกๆครั้งที่ได้เปิดเผยว่าได้ทำศัลยกรรมส่วนใดเพิ่ม Rodrigo จะพูดด้วยน้ำเสียงมีความสุขว่ารู้สึกดีกับผลลัพธ์การผ่าตัดเป็นที่สุด แต่หลังจากนั้นเพียงไม่นานก็ book คิวหมอเพื่อศัลยกรรมอีก โดยเฉพาะจมูก บางปี Rodrigo เข้ารับผ่าตัดทำจมูกถึงสามครั้ง ในที่สุด การศัลยกรรมเป็นสิบๆครั้งก็ได้ส่งผลกระทบรุนแรงกับสุขภาพของ Human Ken Doll จนในปี 2017 ต้องไปออกรายการ Botched แห่งช่อง E! News ที่พยายามช่วยเหลือผู้ที่เคยศัลยกรรมแล้วมีผลลัพธ์ที่ผิดปกติตามมา แม้หมอจะแนะนำด้วยน้ำเสียงหนักใจว่า ผิวตรงจมูกดูไม่ดีนัก และมีความเป็นไปได้ว่าจมูกอาจจะยุบตัวหรือเกิดเนื้อตายหากทำจมูกซ้ำอีก Rodrigo ก็ได้แต่บ่นอุบว่า ตัวเองโชคไม่ดี ขนาดเพื่อนๆคนอื่นทำก็ไม่เห็นจะมีปัญหาใดๆตามมา ซึ่งที่จริงแล้ว ก่อนที่จะไปออกรายการ Botched จมูกก็ได้ยุบตัวลงและไม่สามารถหายใจได้อย่างปกติได้จนต้องเข้ารับการรักษษฉุกเฉินจาก NHS ของอังกฤษ ( หลังจากเข้ามาสร้างชื่อเสียงโด่งดังแล้วก็ได้รับสัญชาติ British ทำให้ได้สิทธิ์ในการรักษานี้ค่ะ)
ผู้ชมจึงแทบไม่เชื่อสายตาว่า Rodrigo ยังทำจมูกต่อมาเรื่อยๆ โดยเฉพาะในปี 2019 ที่ได้บินไปยังอิหร่านเพื่อเสริมคางและทำจมูกครั้งที่ 11!
ตามที่หลายคนคาดการณ์ ผ่านไปไม่กี่เดือน Rodrigo ก็พบว่า จมูกได้ล้มลงไปอีก ส่วนคางก็ย้อยจนต้องขอความช่วยเหลือจากหมอศัลยกรรมคนอื่นๆ แต่ถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลว่า เรื่องนี้อยู่เหนือทักษะของหมอชื่อดังไปแล้ว
Rodrigo ได้ทุ่มเทศึกษาเรื่องเทคโนโลยีการศัลยกรรมแบบใหม่ๆ หลายอย่างก็สร้างความสับสนให้ไม่น้อย อย่างดูดไขมันและผ่าตัดและดูดฟิลเลอร์ที่เคยเป็น six pack ปลอมแล้วฉีดกลับเข้าไปที่ก้นให้ใหญ่เด้งขึ้น
บอกลาชีวิตที่อยู่กับการหลอกตัวเอง
"ฉันเป็นที่รู้จักในฐานะ Ken แต่ที่ผ่านมา ความรู็สึกของฉันคือ Barbie ในที่สุดก็ได้แสดงตัวตนที่แท้จริง เต็มไปด้วยความดึงดูดใจ งดงาม และสมกับเป็นผู้หญิง"
" หลายปีที่ผ่านมา ฉันใช้ชีวิตอยู่ในร่างของผู้ชาย ฉันผ่าตัดทำ six pack ปลอม ทำกล้ามแขนปลอม แต่ฉันกำลังโกหกตัวเองอยู่"
"ฉันเป็นผู้หญิง และมีความคิดแบบผู้หญิงมานานแล้ว และตอนนี้ ร่างกายของฉันก็ตรงกับจิตใจภายในซะที"
อดีต Human Ken Doll เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Jessica และเริ่มเดินสายออกรายการ TV เพื่อเปิดใจถึงเส้นทางใหม่ เธอยืนยันว่า ไม่ได้ป่วยเป็นโรค "ไม่พึงพอใจรูปลักษณ์ตนเอง" แต่ที่ศัลยกรรมมากมายถึงขนาดนี้ เป็นเพราะความ "ไม่พึงพอใจในเพศสภาพของตนเอง" ต่างหาก
"ฉันพยายามเต็มที่แล้วที่จะเป็นผู้ชาย และฉันก็ไร้ซึ่งความสุข ฉันทำศัลยกรรมมาโดยตลอดเพราะใจจริงแล้วฉันต้องการจะเป็นผู้หญิง"
" ฉันมีภาวะไม่พึงพอใจกับเพศสภาพของตัวเอง และเคยได้รับการบำบัดรักษาแล้ว แต่ฉันไม่เคยป่วยเป็นโรคหมกมุ่นในร่างกายจนผิดปกติ "
" ฉันรู้สึกเสียดายตัวเองที่เสริมกล้ามท้องและกล้ามแขน ในอดีต ถ้าตอนนั้นฉันมีความกล้าพอจะไปพบผู้เชี่ยวชาญเพื่อช่วยเหลือเรื่องการเปิดเผยตัวตนจริงๆได้ก็คงจะดี"
แน่นอนว่า การแสดงตัวตนที่แท้จริงให้โลกได้รับรู้จะมาพพร้อมกับการศัลยกรรมปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ให้ดูเป็นผู้หญิงตามที่ Jessica โหยหามานาน
- ปรับโครงสร้างหน้าใหม่ด้วยการเสริม Titanium
- ดึงหน้าให้ตึง ( สมัยเป็นผู้ชาย เคยทำมาก่อนแล้ว)
- ทำหน้าอกคัพ D
- เหลากราม
- ผ่าตัดเอาคางเหลี่ยมแบบผู้ชายออก
- ฉีดfillerปากให้ใหญ่มากกว่าเดิม
- ยกกระชับหางตา
- ดูดไขมัน
- เสริมก้นให้เหมือน J Lo และสะโพกผายกว้างเหมือน Kim K ด้วย filler 9 ลิตร
ส่วนการผ่าตัดแปลงเพศนั้นยังต้องรอไปอีก เพราะยังอยู่ในสถานการณ์โรคระบาด
เธฮให้ความเห้นเกี่ยวกับเรื่องเงินเป็นสิบๆล้านที่ทุ่มเทกับการศัลยกรรมว่า
" เรื่องเงินไม่ใช่ประเด็นสำคัญ หามาได้ก็ใช้ไปได้ ค่ะ ฉันใช้เงินไปการศัลยกรรทั้งหลายนี้ และ ฉันก็ติด lifestyle แพงๆด้วย ถ้าพรุ่งนี้ฉันตายไป ฉันก็จะตายอย่างมีความสุข ฉันเคยใช้ชีวิตเต็มที่ในแบบผู้ชายมาแล้ว ฉันขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ เริ่มจากปี 2020 เลยค่ะ"
- ปรับโครงสร้างหน้าใหม่ด้วยการเสริม Titanium
- ดึงหน้าให้ตึง ( สมัยเป็นผู้ชาย เคยทำมาก่อนแล้ว)
- ทำหน้าอกคัพ D
- เหลากราม
- ผ่าตัดเอาคางเหลี่ยมแบบผู้ชายออก
- ฉีดfillerปากให้ใหญ่มากกว่าเดิม
- ยกกระชับหางตา
- ดูดไขมัน
- เสริมก้นให้เหมือน J Lo และสะโพกผายกว้างเหมือน Kim K ด้วย filler 9 ลิตร
ส่วนการผ่าตัดแปลงเพศนั้นยังต้องรอไปอีก เพราะยังอยู่ในสถานการณ์โรคระบาด
เธฮให้ความเห้นเกี่ยวกับเรื่องเงินเป็นสิบๆล้านที่ทุ่มเทกับการศัลยกรรมว่า
" เรื่องเงินไม่ใช่ประเด็นสำคัญ หามาได้ก็ใช้ไปได้ ค่ะ ฉันใช้เงินไปการศัลยกรรทั้งหลายนี้ และ ฉันก็ติด lifestyle แพงๆด้วย ถ้าพรุ่งนี้ฉันตายไป ฉันก็จะตายอย่างมีความสุข ฉันเคยใช้ชีวิตเต็มที่ในแบบผู้ชายมาแล้ว ฉันขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ เริ่มจากปี 2020 เลยค่ะ"
เมื่อกลายมาเป็นหญิงโดยที่ไม่ต้องหลบซ่อนตัวตนข้างในอีก ดูเหมือนว่า Jessica จะยิ่งโด่งดังกว่าตอนเป็น Ken Doll โชว์กล้ามท้อง หลังจากที่วนเวียนเป็นดารา reality show และแขกรับเชิญของรายการ talk show ตามประเทศในยุโรป ตอนนี้ project ต่อไปคือรายการที่เป็นของเธอเอง นั่นคืดการเสาะหารักแท้และพ่อของลูก...เพราะเธอยืนยันด้วยความมั่นใจว่าพร้อมจะเป็นแม่คนอย่างเต็มที่แล้วนั่นเอง
" เพราะฉันสามารถพูดได้หกภาษา จึงจะเดินทางไปยังประเทศต่างๆที่ใช้ภาษาที่ฉันพูดได้ อย่าง อังกฤษ อิตาลี เยอรมนี ฝรั่งเศส อเมริกา บราซิลและเนเธอแลนด์ จากนั้นฉันจะเลือกคู่เดทที่เริ่ดที่สุดเป็นตัวแทนแต่ละประเทศและพาพวกเค้ามากินอยู่อาศัยที่วิลล่าบนเกาะ แล้วก็เลือกผู้ชนะค่ะ"
"ในที่สุดฉันก็มีความสุขจริงๆสักที" Jessica ยืนยัน
เราหวังว่าเธอจะค้นพบความสุขที่แท้จริง แม้ว่าเธอยังจะดึงตัวเองจากการศัลยกรรมไม่ได้ แต่ก็ขอให้เธอไม่ตัดสินใจทำสิ่งที่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพและความปลอดภัยของชีวิตอีก
ลาก่อน Ken Doll .... สวัสดี Barbie!
The End