วิถีการสร้างแบรนด์ด้วยการแกล้งโง่แบบฉบับParis Hilton

73 7
.
 
หากนึกถึง Influencer ตัวแม่ในตำนาน   ทายาทสาวหหาเศรษฐีที่กลายถูกเม้ากระฉ่อนเพราะคลิปหลุดสุดฉาวและอาจจะทำให้หลายคนคิดว่า เธอต้องเก็บตัวหนีสังคมไปด้วยความอับอาย

แต่เธอเธอกลับพลิกสถานการณ์มาสร้างความโด่งดังระดับ global  แม้จะมีข่าวในทางเสื่อมเสียไม่รู้กี่ครั้ง  แต่ก็ไม่อาจจะฉุดกระแสให้ตกต่ำลงไปได้  

ความดังของเธอน่ะเหรอ ?   ก็มากล้นเกินพอจน Kim K เคยยกเครดิตว่า  "เธอเป็นคนสร้างชื่อให้กับชั้นในวงการ"  

แต่ก็นั่นแหละ   ไม่มีอะไรอยู่จีรังยั่งยืน      จากที่เคยเป็นคนดังที่ผู้คนค้นหาข้อมูลใน internet มากที่สุด   และหยิบจับทุกอย่างเป็นทอง   เพื่อนสาวที่เคยเปรียบเหมือนนางบริวารอย่าง Kim  ก็ผงาดขึ้นมาดึงกระแสความสนใจไปยังตัวนางและครอบครัวไปจนหมด  ชื่อของ Paris Hilton  จึงถูกบรรยายต่อท้ายด้วยคำว่า "ในตำนาน"  เพราะตำแหน่งราชินี internet ถูกพี่น้อง Kardashian แทนที่มานานแล้ว
 แต่ไม่ว่าจะอย่างไร  วิถีการสร้างแบรนด์ของ Paris อันโดดเด่นตราตรึงใจผู้เสพกอสสิป   ถึงเวลาจะผ่านไปนานขนาดไหน   คน gen Y  ขึ้นไปย่อมจดจำความเผ็ดของเธอได้ไม่ลืม



แต่จู่ๆ  สาวไอโซแอ๊บแบ๊วตลอดกาลกลับประกาศออกสื่อว่า    "ที่ผ่านมา แค่แสร้งทำเป็นโง่"   reaction ของชาวเน็ทก็ประมาณว่า   "อะไรกันเนี่ย?!"


เรามาย้อนลำดับ character อันโดดเด่นที่ทำให้ Parisโด่งดังกันก่อนดีกว่า  


ความสัมพันธ์กับ Kim K   ผู้สืบทอดบัลลังก์ราชินีอินเทอร์เน็ท
- พูดเสียงมุ้งมิ้งเหมือนเด็กสาววัยเอ๊าะ  ตั้งแต่เริ่มมีชื่อในวงการจนตอนนี้จะขึ้นหลัก 4 ปีหน้า  เสียงพูดของแพก็ยังแบ๊วเสมอ



- แม้เวลาผ่านไปนานขนาดไหนก็ยึดชมพูเป็นสีประจำตัว และ theme เจ้าหญิงไม่มีเปลี่ยนแปลง



- ความ contrast กับท่าทางที่เหมือนเด็กสาวสวยใส แพไม่ปิดบังความเผ็ดเลยสักนิด เธออาจจะไม่ได้นำเสนอส่วนเว้าส่วนโค้งแบบพี่น้อง Kardashian แต่ก็สั่นสะเทือนโลกกอสสิปด้วยแฟชั่นที่ดูติดเรทมาแล้วหลายครั้ง ส่วนเส้นทางการเดทก็โลดโผนสุดชีวิต แฟนหนุ่มมาจากหลากหลายวงการ และมีภาพหลุดเผ็ดๆตามมาอีกหลายรอบ  แต่สถานะปัจจุบันคือโสด ไม่เคยเข้าพิธีวิวาห์


- เป็นนักสร้าง viral ก่อนจะมีsocial media จะกลายมาเป็นปัจจัยที่ 5 เธอจด trademark ประโยค That's Hot และปั้นเทรนด์ชุดวอร์ม Juicy Couture จนโด่งดัง ไหนจะภาพของ Vally Girl ยุค 2000s ที่ต้องอุ้มน้องหมาไซส์กระเป๋าไปทุกหนทุกแห่ง




ไม่น่าแปลกใจว่า   ใครๆต่างก็ยกให้เธอเป็น Barbie เวอร์ชั่นเผ็ดแซ่บ
แม้หลายปีมาก่อนจะเคยมีข่าวว่า Paris และ Kim  แตกหักกันจนมองหน้าไม่ติด    และยิ่งในช่วงหลังๆ  เธอก็จะได้รับคำถามชวนหงุดหงิดใจว่ารู้สึกอย่างไรที่ช่วงเวลาแห่งความรุ่งเรืองได้ผ่านพ้นไม่หวนกลับคืน   (เธอเคยลุกออกไปจากการสัมภาษณ์ดื้อๆ หลังจากที่พิธีกรยิงคำถามนี้ใส่)  ทำให้บางคนเชื่อว่า มิตรภาพระหว่างสองสาวคงเกินเยียวยา       แต่ทุกวันนี้ พวกเธอกลับดูแนบแน่นกันยิ่งกว่าในอดีตซะอีก
ทั้งสองกลับมาสนิทสนมกัน   แม้ Kim จะไม่ใช่สาวโนเนมที่เดินตามก้นParis อีกต่อไป  แต่ก็ให้เครดิตเพื่อนสาวไว้เต็มที่   Kim ได้เปิดเผยใน documentary ว่า


" Paris เป็นต้นแบบของของคนดังที่มีพาพาราซซี่คอยติดตามทุกความเคลื่อนไหว ชั้นจะไม่ประสบความสำเร็จเหมือนทุกวันนี้หาก Paris ไม่ได้ทำรายการ reality และแนะนำให้ผู้คนได้รู้จักชั้น ส่วนคำแนะนำที่ดีที่สุดจาก Paris ก็คือ จงศึกษาด้วยการเฝ้ามองเธอว่าทำอะไรบ้าง"


หลายคนเชื่อว่า เบื้องหลังความสำเร็จของ Kim มาจาก Paris พวกเธอเจอกับ scandal เทปโป๊หลุด - เซ็นสัญญาเล่น reality show - ทำธุรกิจสร้างสารพัดผลิตภัณฑ์ป้อนตลาด - กอบโกยเงินทอง แต่ Kim ที่ตามมาทีหลังกลับพาครอบครัวทะยานแซงหน้าไป


  
This Is Paris    documentary ที่เปิดเผยตัวตนจริงที่โลกไม่รู้มาก่อน
คำวิจารณ์ที่พุ่งเป้ามายัง Paris  บ่อยที่สุดก็น่าจะเป็นข้อกล่าวหาว่าเธอเป็นสาวสมองกลวงที่มีดีแค่เงินและความสวย     จะมีสาวไฮโซคนอื่นอีกบ้างไหมที่ถูกGuinness Book ยกให้เป็น " บุคคลที่ถูกตีค่าสูงเกินความจริงที่สุดในโลก"!
Paris ไม่ได้พยายามเชิดชูภาพของผู้หญิง "มีกึ๋น"    หลายคำพูดของเธอกลายมาเป็น quote ให้ผู้คนเยาะเย้ยว่าว่าช่างฟังดูไร้สมอง  

" Walmart ที่ขายอะไรอะ พวกอุปกรณ์เกี่ยวกับผนังรึยังไง"


" ชั้นรักแอฟริกา ไม่ว่าจะเป็นแอฟริกาใต้หรือแอฟริกาตะวันตกก็เยี่ยมยอดทั้งสองประเทศ


"ชั้นไม่ค่อยคิดอะไรนักหนาหรอก ชั้นแค่เดินสวยๆแค่นั้นพอ"



"Britney กับชั้นเป็นคนคิดค้นการถ่าย selfie"    


(สื่ออย่าง BBC ยังต้องงัดเอาข้อมูลมาโต้ว่า มี selfie มาตั้งแต่ยุคภาพขาวดำแล้ว)  


" ชั้นเกลียดรสชาติของเหล้ามากเลย   ชั้นชอบดื่มแต่ Red Bull" 

( แต่ถูกจับเมาแล้วขับ และมีภาพเมาปลิ้นกลาง party มาหลายครั้ง)






ตลอดมา ผู้คนจำนวนมากไม่ได้ "ให้ราคา" กับ Paris Hilton ด้วยอคติว่าเธอเป็นคุณหนูสุดสปอยล์ที่ใช้อภิสิทธิ์เหนือคนอื่นมาเป็นรากฐานความโด่งดัง ภาพของ Barbie มีชีวิตที่ควงผู้ชายไม่ซ้ำหน้าและดราม่าขัดแข้งขัดขากับคู่แข่งอย่าง Lindsay Lohan ทำให้เธอปรากฏอยู่บนปกแทบลอยด์สม่ำเสมอ


ทั้งหมดเป็นเพียงการแสดง

Paris ได้สร้างความฮือฮาจากคำยืนยันในสัมภาษณ์กับสื่อออสเตรเลียว่า

"ตลอดเวลาที่ผ่านมา  ชั้นได้เล่นละครเข้าถึงบทบาทและทั้งโลกก็ไม่เคยรู้จักตัวตนที่แท้จริงของชั้น    ที่จริงแล้วชั้นเป็นคนเฉลียวฉลาด ไม่ใช่สาวบลอนด์โง่เง่า   ชั้นแค่เสแสร้งทำเป็นโง่ได้แนบเนียนเท่านั้น"


เสียงที่แท้จริงของ Paris ทำให้ชาวเน็ทต้องเซอร์ไพรส์     Paris ที่ออกสื่อสัมภาษณ์ documentary เปิดเผยตัวตนเป็นครั้งแรก ดูจะเป็นคนละคนในภาพความทรงจำของผู้คนมากมาย   เธอไม่ได้พูดจาด้วยน้ำเสียงและใส่จริตสุดแบ๊ว  แต่ดูเป็นผู้ใหญ่กว่า "แคแรคเตอร์"  สาวผมบลอนด์สวยใสไร้สติที่เธอสร้างขึ้นมามากทีเดียว
 


เพราะอะไร Paris จึงต้อง "แกล้งโง่"
Paris แสดงบทบาทสาวบลอนด์สวยใสไร้สติมานานจนเหมือนกับการกดสวิทช์ไปทีโหมดนั้นได้ทุกครั้งที่เธอเห็นกล้อง    เธออธิบายว่า   เสแสร้งทำแบบนี้เพื่อสร้างเกราะกำบังและเอื้อประโยชน์ในการสร้างแบรนด์อันแข็งแกร่งนั่นเอง  แต่เมื่อต้องถูกประเมินคุณค่าจากตัวตนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่เธอปล่อยวางไปได้ง่ายๆ

" ชั้นเป็นผู้ใหญ่แล้ว เมื่อต้องถูกพิพากษาและมีแนวคิดผิดๆเกี่ยวกับชั้นเพราะบทบาทที่ชั้นสร้างขึ้นมาก็ทำให้เหนื่อยใจค่ะ"

"แต่ในขณะเดียวกัน ชั้นสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งจากวิธีนี้ ชั้นไม่เสียใจที่ทำมัน "


ถึงจะไม่ได้ peak เหมือนเดิม  แต่งาน "คนดัง" ก็ยังรัดตัวจนเครียดจัด แต่ก็ปล่อยวางไม่ได้
ทุกวันนี้ หัวข้อข่าวกอสสิปที่ชาวเน็ทสนใจเต็มไปด้วยสาวๆบ้าน KarJenner    และ Paris มักจะได้รับคำถามชวนกดดันว่า  รู้สึกอย่างไรที่ spotlightไม่ได้ส่องมาที่เธอเหมือนเดิม  แต่หลายคนอาจจะไม่รู้มาก่อนว่า Paris ยังมีงานล้นมือ   เธอเดินทางไปโพรโมทแบรนด์ตลอดเวลา     แม้จะยืนยันว่าชอบหาเงินเยอะๆ และจะไม่พักจนกว่าจะทำเงินได้พันล้าน   แต่ชีวิตที่ไม่เคยหยุดนิ่งกลับทำให้เธอนั่งซึมในห้องที่โรงแรมและนึกสงสัยว่า เธอยังเป็นคนเดิมอยู่รึเปล่า  

"ได้เดินทางไปทั่วโลก แต่ชั้นไม่ได้เห็นอะไรเลยนอกจากห้องพัก ห้างสรรพสินค้าและคลับ "


" ชั้นมักเปิดเผยความสุขกับชีวิตสมบูรณ์แบบเป็นฉากหน้า   เพราะชั้นวางแผนสร้างแบรนด์นี้และตัวตนนี้ขึ้นมา  แล้วชั้นจมอยู่กับตัวตนผู้หญิงที่สร้างขึ้นมาจนไปไหนไม่ได้    เมื่อก่อน  ชั้นไม่ได้เป็นแบบนี้เลย"

ใน documentary แม่ผู้ยังปฏิบัติกับเธอเหมือนเด็กหญิงวัย 12ได้แสดงความวิตกกังวลว่า ภาพของลูกสาวที่แสดงออกเหมือนนักแสดงดิสนีย์ เสแสร้งเป็นสาวไร้สมองนั้นเป็นเหมือนกับเกราะหรือเปลือกที่ปกปิดบางอย่างไว้


และก็มีการขุดไปถึงต้นสายปลายเหตุที่ทำให้เธอเลือกวิธีนี้ในการความสำเร็จ


มันเป็นเรื่องราวที่ dark กว่าที่คุณคิดมากค่ะ

ช่วงที่ครอบครัวย้ายมา New York    Paris ที่อยู่ในวัยหัวเลี้ยวหัวต่อต้องพบกับปัญหาการปรับตัวเข้ากับเด็กสาวที่โรงเรียน   เธอถูกกลั่นแกล้งและไม่รู้สึกว่าตัวเองเหมาะกับที่ไหนเลย  จนมาพบกับชีวิตยามค่ำคืน  Paris ใช้บัตรประชาชนปลอมเข้าไปสนุกสุดเหวี่ยงใน party ที่เต็มไปด้วยสิ่งมึนเมา และทำให้พ่อแม่ของเธอที่เลี้ยงดูอย่างเคร่งครัดต้องวิกตกกังวลใจ โดยเฉพาะแม่ที่ไล่โทรตามหาลูกสาวไปตามคลับต่างๆ (พร้อมกับคำขู่ว่าจะแจ้งปิดคลับ)    และในที่สุดพวกเค้าก็ใช้ไม้ตายควบคุมเธอขั้นเด็ดขาดด้วยการส่งไปยังโรงเรียนและแคมป์ปรับพฤติกรรมเด็กมีปัญหา   นั่นได้สร้างความทรงจำที่เลวร้ายให้กับ Paris  เพราะนอกจากจะต้องถูกคุมตัวไม่ให้ออกไปสัมผัสโลกภายนอก  ครูผู้คุมยังมีพฤติกรรม abusive   ทั้งตะคอกใส่และตบตีเมื่อแหกกฎ    โดยเฉพาะ Provo  โรงเรียนสุดท้ายที่พ่อแม่ส่งเธอเข้าไปปรับพฤติกกรรมก่อนที่จะอายุครบ 18
Paris เปิดเผยด้วยท่าทางหวาดกลัวฝังใจว่า  สต๊าฟในโรงเรียนนี้ได้นำความรุนแรงมาเป็นเครื่องมือบีบบังคับเด็กนักเรียนให้เชื่อฟัง   ทั้งการใช้คำพูดร้ายกาจ  ตะโกนใส่หน้า  ตบ  บีบคอ    เธอเคยถูกลงโทษด้วยการขังห้องเย็น และเด็กๆจะถูกบังคับกินยาที่ไม่รู้จัก การใช้ชีวิตในโรงเรียนกินนอนแห่งนั้นกลายมาเป็นฝันร้ายที่หลอกหลอนทุกวันนี้   แต่เธอไม่ยอมบอกความจริงกับพ่อแม่ว่าเคยถูกทำร้าย     ความโกรธเกรี้ยวที่มีต่อพ่อแม่ที่บังคับเธอให้มาอยู่โรงเรียนสุด abusive แห่งนี้ได้กลายมาเป็นแรงผลักดันให้เธอโหยหาความสำเร็จที่ทำให้เธอสามารถหลุดออกจากการควบคุมของพ่อแม่ไปให้ได้  และนั่นหมายความว่า เพื่อเป้าหมายที่ว่า เธอจะต้องทำทุกวิถีทาง   รวมไปถึงการเล่นละครให้โลกได้เข้าใจว่า เธอเป็นสาวบลอนด์โง่เง่านั่นเอง


" ชั้นมุ่งมั่นจะสร้างแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จให้ได้   ชั้นมั่นใจว่า มันจะทำให้ฉันได้รับอิสระอย่างเต็มที่"



เมื่อถูกตั้งคำถามว่า จะยุติการสร้างแบรนด์แบบนี้รึเปล่า เพราะไม่ว่าอย่างไรเธอก็จะมีอายุมากขึ้นไปเรื่อยๆจนไม่เข้ากับแบรนด์แล้ว Paris ตอบยังไม่ลังเลใจว่า


" ไม่ค่ะ  ชั้นจะเป๊ะแบบนี้ตลอดไป"

ช่างเป็นคำตอบที่สมศักดิ์ศรี Paris ซะจริงๆ!


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE