REVIEW จัดฟันใสจากเกาหลีที่ว่าถูกและดี ได้ผลจริงไหม ?

สวัสดีค่า เพื่อนๆชาว Jeban

วันนี้เราตั้งใจมากๆ อยากมารีวิวการจัดฟันแบบใสของเราเองค่ะ เราเริ่มจัดก่อนเราย้ายมาเกาหลีนะคะ พอเราย้ายมาเกาหลีก็สะดวกดีเพราะไม่ต้องไปหาหมอ ขนทั้งกล่องมาเกาหลีด้วยเลย เราพึ่งจัดเสร็จไปไม่นาน พึ่งจะมีเวลาทำรูปสวยๆมาลงในนี้ เรียกว่าพลีชีพโพสเลย เป็นอีกเรื่องที่เปลี่ยนชีวิตเราเลยก็ว่าได้เพราะตอนนี้ยิ้มได้อย่างมั่นใจมากขึ้นค่ะ เรามีปมเรื่องฟันมาตั้งแต่เด็กและไม่กล้าจัดฟันมาก่อนกลัวเจ็บ เราคิดว่าประสบการณ์ของเราน่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆที่มีปัญหาฟันแบบเรา ยาวหน่อยแต่อยากแชร์จริงๆค่า

ก่อนอื่นเราขอเล่าปัญหาของเราก่อนคือฟันห่างค่ะ ห่างที่ว่าคือห่างมากชนิดที่ว่ากินข้าวแล้วต้องรีบเช็กทันทีว่ามีอะไรติดมั๊ย ตอนเด็กๆก็ไม่ห่างมากแต่พอโตขึ้นช่องมันก็ห่างมากขึ้นจนเป็นปัญหา ไม่ใช่แค่กลัวพวกเศษอาหารติดนะ แต่รวมไปถึงการพูด การยิ้มด้วยมันจะเขินๆไม่ค่อยกล้ายิ้มกว้างเท่าไหร่ เวลาถ่ายรูปเราจะไม่ค่อยยิ้มเห็นฟัน เราเขิน

​​พอมีปัญหาเยอะก็คิดเยอะเหมือนกันว่าจัดฟันดีมั๊ยเลยเริ่มหาๆในเฟสก่อน เราเจอ Aline ในโฆษณา Facebook ค่ะ เลื่อนๆเจอแบบเอ๊ะ เฟสบุ๊คดักเซิชเรารึเปล่านะโฆษณาเก่ง ดูในเพจก็เริ่มสนใจ เป็นแบรนด์จัดฟันแบบใสจากเกาหลี คิดว่าน่าจะเป็นช่วงโปรโมทแรกๆเลยช่วงพฤษภาคม รีวิวยังมีน้อยมาก เรียกว่าเราน่าจะเป็นลูกค้ากลุ่มแรกๆเลยมั๊ง ราคาก็สามหมื่นกว่าตอนนั้นมีโปรผ่อน 0% 10 เดือนด้วย ตรงนี้คือโอเคนัมเบอร์วัน กี๊ด เศรษฐกิจแบบนี้น่าจะพอไหว

เราเลยทักไปถามข้อมูลในเฟสดูอยากรู้ว่าต้องทำยังไงบ้าง ทางแบรนด์แนะนำมาว่าให้ประเมินฟันดูก่อนว่าเคยจัดฟันมามั๊ย ทำอะไรกับฟันมาบ้าง สำคัญคือฟรี !!! ตรงนี้ชอบมาก เค้าให้ส่งรูปให้ดูว่าจัดได้มั๊ย เราก็ส่งไป 5 รูปตามตัวอย่างที่เค้าให้มา ประเมินมาครั้งแรกคือ จัดได้โดยใช้เวลาประมาณ 5-6 เดือน เราก็งงนิดนึง เพราะเท่าที่เข้าใจจัดฟันมันก็ควรจะ 1-2 ปีรึเปล่า ด้วยความสงสัยก็เลยถามไปว่าทำไมใช้เวลาไม่ถึงปีก็ถึงบางอ้อว่า เครื่องมือที่เค้าให้มาจะต้องเปลี่ยนทุกอาทิตย์ แล้วใส่ 20 ชั่วโมงขึ้นไป มันเลยจะเคลื่อนฟันเร็วกว่าพวกที่ติดเหล็กที่เลื่อนลวดเข้าทุกเดือน อันนี้เก็ตในส่วนของเวลา แอบบอกว่าตรงนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรเลยจริงๆนะ ฟรีจริง ไม่จกตา

ต่อมาทางแบรนด์ก็ให้เรานัดสแกนฟันที่คลีนิกพาร์ทเนอร์ เพื่อเอาไฟล์มาทำแผนการจัดฟัน อันนี้ก็สงสัยนะว่าเค้าจะทำยังไงเลยหายไปคิดอยู่เป็นอาทิตย์ แต่ก็นัดไปคลีนิกแถว BTS พร้อมพงษ์เพราะเดินทางง่าย โชคดีคลีนิกใกล้รถไฟฟ้าเดินทางสะดวกดี สแกนฟันเสร็จจ่ายเงินที่คลีนิกไปสามพันกว่าบาท ทีนี้จ่ายค่าสแกนไปแล้วก็ต้องจัดแล้วล่ะหันหลังไม่ได้แล้ว แงงง หลังจากสแกนไป 2 วันทางแบรนด์ก็ทักมาว่าแผนจัดฟันเสร็จแล้วให้มาเป็น link เราเข้าไปดูก็คือตื่นเต้นมากอ่ะ มันเห็นเลยว่าฟันจะเคลื่อนยังไง ซี่ไหนเข้าก่อน ตั้งแต่แรกจนจัดเสร็จ จังหวะที่ฟันซี่ที่ห่างหุบเข้าคือแบบ มาว่ะ ฟันจะชิดแล้ว สรุปว่าตามแผนก็คือฟันบนจัด 14 อาทิตย์ ฟันล่าง 10 อาทิตย์ ถ้าโอเคก็แจ้งเค้า  

มาถึงตรงนี้ก็ยังคิดอยู่นะว่าไงดี จัดไม่จัด คิดๆอยู่ 2 วันก็ตกลงจัด เค้าแจ้งมาว่าเคสจะติดตามออนไลน์ไม่ต้องเข้าคลีนิกแล้ว ตรงนี้ก็สะดวกดีเพราะไปคลีนิกแต่ละทีก็คือต้องเสียเงิน แล้วบริษัทเรียกเรามาเกาหลีก็ยิ่งสะดวกเพราะไปคลีนิกไม่ได้แน่ๆ แล้วเค้าก็มีให้กรอกฟอร์มยินยอมรักษาในเว็ปก่อนนะ อ่านให้ละเอียดว่าใช้ยาหรือมีการรักษาอะไรอยู่มั๊ย อันนี้ต้องอ่านเลยสำคัญมาก เสร็จก็จ่ายเงินผ่านเว็ปเค้า เราเลือกผ่อนบัตร 0% 10 เดือน ตกเดือนละ 3 พันกว่าบาทก็ถือว่าไม่แพงเลยนะ จากนั้นก็รอประมาณเดือนนึง ของก็มาทั้งกล่องแบบนี้

เราไม่มีรูปตอนใส่เลยแต่มีตอนที่มีแผล อันนี้เวลาใส่ต้องระวังนิดนึงเพราะเครื่องมือเป็นพลาสติกใสบางๆ ตรงขอบแอบบาดเหงือกเรานิดนึง แล้วเหงือกก็มีบวมหน่อยๆ ลองเซิชดูคนที่จัดฟันแทบทุกคนน่าจะเจอปัญหานี้ เราเลยทักไปถามทางแบรนด์ว่าทำไงดี ทางแบรนด์ก็บอกว่าปกติ กินยาช่วยได้ แล้วก็แนะนำว่าตะไบเบาๆลบคมขอบๆอุปกรณ์ได้หรือจะใช้ขี้ผึ้งสำหรับคนที่จัดฟันแปะดูอีกทีก็ได้ เพิ่มเติมว่าตอนเปลี่ยนเครื่องมือจากชุดนึงไปอีกชุดก็จะเจ็บๆตึงๆอยู่นะ เข้าใจว่าเพราะมันดันฟันจากที่ห่างให้เข้ามา เราลองตะใบเบาๆแล้วเอาไปล้างทำความสะอาดก่อนเอามาใส่ก็ดีขึ้น ส่วนยาสรุปคือไม่กิน เพราะขี้เกียจ

และนี่คือรูป Before & After ที่ภูมิใจนำเสนอมาก เพราะมันแบบว่าชัดมาก ช่องที่เคยห่างมันก็เข้ามาแบบนี้เลยในระยะไม่นาน จริงๆช่วงอาทิตย์ที่ 6 ฟันล่างด้านขวาเราคือชิดแล้วนะ แต่ก็รอดูว่า 10 อาทิตย์มันจะเข้าอีกมั๊ย ผลเป็นยังไงไปดูกันเลย

เราขอสรุปค่าใช้จ่าย ข้อดี ข้อเสียตามนี้ค่า 

1. ค่าปรึกษา      0 
2. ค่าสแกนฟัน   3210 บาท 
3. ค่าอุปกรณ์     35000 บาท ผ่อน 0% 10 เดือน (เดือนละ 3500)
   (ราคาตอนนี้ไม่แน่ใจแต่คิดว่าน่าจะมีโปรมาเรื่อยๆ) 

ข้อดี

1. ราคาไม่แพงมากเมื่อเปรียบเทียบกับแบรนด์อื่นๆ 
2. ผ่อนบัตรเครดิตได้สูงสุด 10 เดือน 
3. ไม่ต้องเจอหมอบ่อยๆ เหมาะกับคนที่ยุ่งๆหรือต้องไปต่างประเทศ 
4. ปรึกษาออนไลน์ได้ตลอด ตอบแม้กระทั่งเสาร์-อาทิตย์ ใช้เวลาไม่นาน 
5. ระยะเวลาตรงนี้แล้วแต่ปัญหาฟันแต่ละคนอีกที 
6. กินอะไรก็ได้ เพราะต้องถอดออกก่อนกินข้าว กินชา กาแฟ 
7. สุขภาพช่องปากดีขึ้นมาก ใช้ไหมขัดฟัน แปรงฟันทุกครั้งก่อนใส่เครื่องมือ 

ข้อเสีย

1. เวลาสอบถามเกี่ยวกับตัวฟัน อาจจะต้องรอวันธรรมดาเพราะต้องรอคุณหมอ
2. ต้องมีวินัย ใส่ตลอดเวลา 20-22 ชั่วโมงต่อวัน 
3. มีอาการเจ็บตึงบ้างตอนเปลี่ยนเครื่องมือ 
4. ผ่อนด้วยเงินสดไม่ได้ 
5. รีวิวยังน้อยอาจจะตัดสินใจยากนิดหน่อย 
6. คนที่ติดกินกาแฟ ชา หรือเคี้ยวหมากฝรั่งอาจจะลำบากหน่อยเพราะต้องถอดออกก่อน  

โดยรวมเราประทับใจค่ะ ตอนนี้มีความมั่นใจเยอะขึ้นมากๆ ทางแบรนด์ดูแลติดตามและให้คำแนะนำดีมีอะไรทักไปแอดมินเค้าก็ตอบเร็วตลอด บางทีเราทักไปดึกๆเช้ามาก็มีคำตอบมาละ ถึงแม้จะมีปัญหาบ้างโดยเฉพาะนิสัยส่วนตัวของเราที่ติดกินกาแฟระหว่างวัน ต้องปรับตัวอยู่เหมือนกันแต่ไม่ได้ลำบากอะไร เพื่อฟันสวยต้องฮึบและผลที่ออกมาก็พอใจมาก เราหวังว่ารีวิวของเราจะเป็นประโยช์กับเพื่อนๆที่มีปัญหาเดียวกันหรือกำลังตัดสินใจว่าจะจัดฟันดีมั๊ย ลองเอาเคสเราเป็นตัวอย่างได้ค่า

ปล. ล่าสุดเราทำรีเทนเนอร์ฟันล่างหาย เลยต้องสั่งซื้อใหม่ หาเรื่องจนได้ ค่ารีเทนเนอร์ไม่แพง แต่ต้องหาคนหิ้วมาเกาหลีให้ กี๊ด เราได้รับการอัพเดทจากทางแอดมินว่าทางแบรนด์ Aline จะเปลี่ยนเป็นชื่อ Beforedent เร็วๆนี้ ยังไงหากเพื่อนๆสนใจก็ไปติดตามในเฟสหรือไอจีก่อนได้เลยค่ะ IG beforedent_th มีรีวิวอัพเรื่อยๆ หนึ่งในนั้นก็คือเราเอง เรายินดีแชร์มากๆอยากให้คนที่มีปัญหาแบบเราฟันดีขึ้น

*BPA FREE คืออะไร ? Bisphenol A เป็นสารเคมีที่อยู่ในพลาสติก เป็นวัตถุดิบสำคัญที่นำมาใช้ในการผลิตพลาสติก ซึ่งมีคุณสมบัติทำให้บรรจุภัณฑ์ที่ทำด้วยพลาสติกนั้นมีความใสและแข็งแรง แต่ข้อเสียคือ เป็นสารก่อมะเร็งและสร้างความผิดปกติให้กับเซลล์ในร่างกายอีกด้วย ดังนั้น BPA Free คือสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าสินค้าตัวนั้นๆ ปลอดสาร BPA มีความปลอดภัยต่อร่างกาย