ไขข้อข้องใจ เพราะอะไรจึงมีคนปลอม Black identity

50 8


จากรณีของนางแบบ Insta ที่เริ่มเป็นที่สนใจจากความสัมพันธ์กับนักร้องหนุ่มชื่อดังจนมีลูกด้วยกัน ชาวเน็ทได้ตั้งข้อสงสัยถึงตัวตนที่เจ้าตัววบรรยายไว้ว่าเป็น Blasian ที่มีเชื้อสาย Cherokee* จนขุดคุ้ยหาหลักฐานต่างๆว่าเธอไม่ได้มีเชื้อสายผิวดำ จากเอกสารใบแจ้งเกิดของลูกน้อยที่ระบุว่าเธอเกิดในเมืองไทย รวมไปถึงภาพจาก social media เก่าๆที่พูดถึงพ่อแม่ที่มีรูปลักษณ์เหมือนคนไทยอย่างชัดเจน นั่นทำให้หลายคนเชื้อว่า เธอได้ปลอมแปลงตัวตนด้วยเป้าหมายบางอย่าง แต่ก็ยังไม่มีคำอธิบายอย่างชัดเจนว่า แท้จริงแล้ว เธอเป็นสาวเลือดผสม หรือว่าเป็น Race Faker ตามที่ถูกกล่าวหา




*   Blasian คือ  ฺBlack + Asian  ส่วน Cherokee คือเชื้อสายชนเผ่าอินเดียนแดงเผ่าหนึ่ง 



คุณอาจจะเคยได้ยินมาก่อนว่า คนดังอย่าง Angelina Jolie , Bill Clinton, Miley Cyrus , ฺBlake Lively เคยประกาศว่าตันเองสืบเชื้อสายชนเผ่า Cherokee มาจากบรรพบุรุษ แต่ทราบไหมว่า พวกเค้าเหล่านั้นกลับถูกวิจารณ์ว่า "เสแสร้ง" หรือไม่ก็ " ใช้เรื่อง race มาสร้างความน่าสนใจ" ทั้งๆไม่มีหลักฐานมายืนยันได้ว่าตัวเองมีเชื้อสายที่ " exotic" ตามที่ได้กล่าวอ้าง


อย่างไรก็ตาม Race Faker ที่เราจะเล่าให้ฟังนั้นแตกต่างจากกรณีของคนดังเหล่านั้นอย่างชัดเจน เพราะมันเป็นเรื่องลวงโลกเพื่อสร้างภาพและผลระโยชน์ให้กับตนเองที่ black community และสังคมไม่อาจจะยอมรับได้


มาติดตามกันค่ะ



สุดอึ้ง  professor มหาวิทยาลัย George Washington  หลอกลวงว่ามีเชื้อสายผิวดำนานหลายปี



นี่คือ scandal ที่ช็อควงการศึกษา USA   เมื่อบุคคลที่น่าเชื่อถืออย่าว professor ที่มีปริญญาแสดงความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับวัฒนธรรม African ถูกจับได้ว่าเป็น Race  Faker  !


Professor ผิวขาวคนนี้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานจากความเชี่ยวชาญ เธอเป็นนักประวัติศาสตร์และเจ้าของหนังสือวิชาการทางด้าน African American history และ Latin America และสอนประวัติศาสตร์ที่มหาวิทยาลัย George Washington ในระยะเวลาหลายปี เธอได้ใช้ตัวตนของหญิงสาวมีเป็นลูกครึ่ง German-American และ Afro Puerto Rican ผู้ที่สามารถถีบตัวเองจากย่าน Bronx ให้ก้าวมาอยู่ในวงการวิชาการ


แต่แท้จริงแล้ว  เธอเป็นผู้หญิงผิวขาวที่เติบโตในครอบครัวชนชั้นกลางที่มีบ้านแถวชานเมืองและเล่าเรียนในโรงเรียนเอกชน    ไม่ได้หาเลี้ยงชีพด้วยการเป็นครูสอนเต้น Salsa ตามที่อ้าง

เธอได้เขียนบล็อกเพื่อยอมรับความผิดทุกอย่าง

" ชั้นสร้างชีวิตขึ้นมาจากการใช้ความรุนแรงต่อต้านคนดำ และโป้ปดทุกลมหายใจเข้าออก" และเรียกตัวเองว่าเป็นปลิงทางวัฒนธรรม



ไม่เพียงเท่านั้น มหาวิทยาลัยยังได้ขอให้เธอลาออกและยืนยันในเวลาต่อมาว่าเธอได้สิ้นสุดการทำงานไปเป็นที่เรียบร้อย   ส่วนผู้จัดพิมพ์หนังสือผลงานของเธอก็ได้ประกาศว่า รายได้ทั้งหมดจากที่ได้จากการตีพิมพ์จะถูกนำไปบริจาคเพื่อเป็นทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนเชื้อสายผิวดำและละติน


ทั้งอดีตเพื่อนและเพื่อนร่วมงานของprofessor ลวงโลกรายนี้ได้เปิดเผยว่า  เธอไม่ได้ออกมายอมรับผิดเพราะรู้สึกผิดกับการกระทำ แต่เป็นเพราะว่าเธอถูกจับได้และไล่ต้อนจนมุมแล้วต่างหาก     professor ที่มีเชื้อสาย Afro Latina จริงๆ ได้แฉว่า  อย่าได้เชื่อเด็ดขาดว่าเธอคนนี้ออกมาเปิดเผยความจริงด้วยตัวเอง  


Hari Ziyad นักเขียนผิวดำอดีตเพื่อนที่แตกหักกับ Jessicaจากเหตุการณ์นี้ได้เสริมว่า เขาเคยปกป้องเธอเธอจากเพื่อนผิวดำคนอื่นๆที่ระแวงแคลงใจในตัวเธอ เขาสันนิษฐานสาเหตุของการปลอมแปลงตัวตนไว้ว่า "มาจากแนวคิดในด้านลบที่ติดแน่นและความริษยา เธอเชื่อว่าต้องพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นของแท้แน่นอน"



อดีตนักเรียนจากคลาสของเธอยืนยันว่า เค้าเคยเรียนวิชา African Studies ที่มีผู้สอนเป็นคนผิวขาวที่มีความทุ่มเทและเปี่ยมไปด้วยความรู้มาแล้ว Jessica สามารถไปได้รุ่งในเส้นทางวิชาการโดยไม่จำเป็นต้องปลอมเชื้อชาติตัวเอง

ส่วนนักเรียนอีกคนหนึ่งได้เปิดเผยประสบการณ์ที่ อดีต professor คนนึ้ โกหกได้อุกอาจขนาดโชว์ภาพผู้หญิงผิวขาวที่ได้คว้ารางวัลเอาชนะเธอไปได้ เพื่อบ่งบอกถึงอภิสิทธิ์คนขาว และนักวิชารกคนดำต้องถูกมองข้าม ทั้งๆที่ตัวเธอเป็น race faker



Jessica ไม่ต่างจาก serial liar เธอสร้างภาพของสาว Afro Latina ที่อาศัยกับพ่อแม่ขี้ยาในสลัม และสามารถขึ้นบรรยายในสัมนาเรื่องชีวิตที่ตกอยู่ในอันตรายเพราะการแบ่งแยกทางสีผิวด้วยน้ำมือตำรวจได้อย่างเป็นตุเป็นตะ ทั้งๆที่ตัวเองไม่มีประสบการณ์ข้องเกี่ยวกับความยากลำบากของคนผิวดำ เติบโตในครอบครัวผิวขาวชนชั้นกลางด้วยซ้ำไป




อย่างไรก็ตามความพยายามในการสร้างตัวตนเพื่อให้สังคมยอมรับในฐานะผู้หญิงผิวดำที่ร่วมต่อสู้การแบ่งแยกทางสีผิวก็ทำลายความน่าเชื่อถือของ Jessica ไปหมดสิ้น  เธอประกาศว่า กำลังรักษาตัวจากความเจ็บป่วยทางจิตใจพื่อแก้ไขพฤติกรรมการหลอกลวงของตัวเอง   หวังว่ามันจะช่วยเหลือเธอได้ เพราะนี่เป็นบทเรียนที่หนักหนาสาหัสทีเดียว




Rachel Dolezal     Race Faker ระดับตำนาน



คุณจะได้ยินชื่อของเธอคนนี้ได้จากโชว์เดี่ยวไมโครโฟนของนักแสดงตลกผิวดำอยู่เรื่อยๆ ว่ากันว่า นี่แหละคือตัวแม่ของ Race Faker ภาพลักษณ์ของสาวผิวขาวที่คลั่งไคล้ความเป็นผิวดำสร้างกระแสร้อนแรงวถูกสร้างเป็นสารคดี Netflix
เมื่อเรื่องราวของ  Rachel Dolezal  ถูกเปิดโปงออกมาก็ทำให้ผู้คนมากมายต้องอึ้ง  เพียงแค่ใช้ makeup และเปลี่ยนทรงผมให้หยิกฟู  เธอก็สามารถปูทางตัวเองเข้าสู่องค์กรที่เคลื่อนไหวเพื่อสิทธิคนดำ แต่เมื่อถูกจับได้และสูญเสียหน้าที่การงานไป  เธอก็หาโอก่าสเข้ามาสร้างชื่อเสียงในฐานะผู้หญิงผิวดำอีกครั้ง และยืนยันว่า ไม่รู้สึกผิดใดๆทั้งนั้น

หากได้เห็นเด็กสาวผิวผมบลอนด์ที่เติบโตในครอบครัวคนขาวในชนบทในภาพโดยที่ไม่ระบุชื่อ  คงไม่มีใครคิดว่า เธอจะกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ยืนยันกับคนรอบข้างว่าตัวเองมีเชื้อสายผิวดำและใช้ชีวิตใน Africa มาแล้ว  


ไม่เพียงแต่จะได้เข้าสอนในมหาวิทยาลัย ภาพของหญิงผิวดำที่อุทิศตนเพื่อสร้างความเท่าเทียมทางเชื้อชาติทำให้เธอได้รับตำแหน่งประธานของหน่วยงาน National Association for the Advancement of Colored People (NAACP).

ผู้ที่ได้เปิดเผยface ที่แท้จริงของเธอไม่ใช่คนอื่น  แต่เป็นครอบครัวของเธอนั่นเอง  พวกเค้ามาพร้อมกับหลักฐานต่างๆที่ชี้ว่า คำพูดต่างๆของ Rachel เป็นเพียงคำหลอกลวง


หากว่าเธอปลอมตัวเป็นสาวผิวดำเพียงอย่างเดียวก็คงไม่ถูกกระแสถล่มรุนแรงขนาดนี้ แต่ที่ผ่านมาเธอเคยบอกเล่าเรื่องราวแสนลำเค็ญจากความเป็นคนดำว่าถูกพ่อเลี้ยวผิวขาวทารุณราวกับทาสผิวดำในอดีต

และครอบครัวได้โต้กลับสุดตัวว่า คำพูดของเธอไร้ความจริงอย่างสิ้นเชิง เธอไม่เคยมีพ่อเลี้ยง และะดูเหมือนจะเริ่งหมกมุ่นกับความเป็นคนดำเมื่อพ่อแม่ได้อุปการะเด็กๆผิวดำมาเป็นลูกบุญธรรม เธอเริ่มเข้าหาชุมชนคนผิวดำตอนที่เป็นวัยรุ่น และเลือกเรียนในมหาวิทยาลัย Howard ( มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของคนดำมาเนิ่นนานในอเมริกา) ประมาณปี 2007 ก็ระบุตัวตนใหม่ว่าเป็นผู้หญิงผิวดำ และเอาตัวออกห่างจากครอบครัวเดิม


น้องชายบุญธรรมเชื้อสายลูกครึ่งผิวดำของเธอให้ข้อมูลว่า พี่สาวได้ขอร้องไม่ให้เขาบอกใครเรื่องครอบครัวที่แท้จริงที่อาศัยใน Montana และชี้ตัวผู้ชายที่วางแผนไว้ว่าจะกลายมาเป็น " พ่อผิวดำ" ในการปั้นเรื่องโกหกให้คนอื่นเชื่อ


น้องชายบุญธรรมให้ความเห็นว่า สิ่งที่พี่สาวทำมันคือ ฺBlackface (การกระทำที่ยังถือว่าเหยียดผิวอย่างแรง)

" มันเหมือนเป็นการตบหน้าชาวAfrican-American เพราะพี่ไม่รู้ถึงความรู้สึกที่เกิดมาเป็นคนดำ เธอแค่ทำตัวเป็น African-American เพราะมันสร้างประโยชน์ให้ เธอไม่เคยเข้าถึงความลำบากแบบคนดำ เธอเพิ่งมาเปลี่ยนเป้นคนดำมาไม่กี่ปีนี้เองครับ"






น้องชายของเธอยังให้เหตุผลว่า เหตุใดการกระทำของพี่สาวจึงไม่ใช่เรื่องถูกต้องว่า


" Rachel สร้างผลงานไว้อย่างดีในการต่อต้านการเหยียดผิวและพฤติกกรมรุนแรงเกินกว่าเหตุของตำรวจ แต่เธอเดินผิดเส้นทางครับ เธอประกาศว่าเธอเป็นคนผิวดำมาแต่เกิดและรู้ดีว่าการเติบโตเป็นคนAfrican-American ในโลกนี้มันเป็นอย่างไร แต่เธอไม่รู้สักนิด"



สื่อได้ไล่ล่าหาตัวประธาน NAACP เพื่อบีบให้เธอตอบคำถามมมาตรงๆถึงเรื่องพ่อแม่ที่ออกมาเปิดเผยตัวพร้อมหลักฐานใบเกิดและรูปถ่ายต่างๆ เธอทั้งอ้ำอึ้งและปฏิเสธอย่างไม่เต็มปากเต็มคำ ทำให้แทบทุกคนมั่นใจว่า ตัวตนของผู้หญิงที่เธอบอกเล่านั้นเป็นเพียงเรื่องโป้ปด



หลังจากเก็บตัวตั้งหลักสักพัก เธอโต้ตอบหลักฐานและคำพูดของครอบครัวว่า  แม้จะไม่ได้เกิดมาเป็นคนผิวดำ  แต่ความรู้สึกนึกคิดทุกอย่างของเธอคือคนดำแท้ๆ  และจะใช้ชีวิตต่อไปในฐานะผู้หญิวผิวดำ   แต่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงถูกปลดจากตำแหน่งประธานองค์กร  NCAAP รวมถึงอาชีพสอนใน Eastern Washington University 
ประธานNAACP สาขาอื่นได้วิพากษ์วิจารณ์ว่า    เขาไม่เข้าใจสักเพียงน้อยว่าเธอทำเรื่องนี้ไปเพื่ออะไร  เพราะNAACP มีประธานผิวขาวมาแล้ว ไม่เกี่ยวกับการกีดกันทางผิวสี  แต่การประกาศว่าตัวเองเป็น race อื่นนั้นฟังราวกับว่าเธออับอายในตัวตนที่แท้จริง  และเธอไม่ควรอับอายในสีผิวของตัวเองเลย และเขารู้สึกเสียใจที่เธอรู้สึกเช่นนั้น






ดุษฎีบัณฑิตสาวผิวขาวผู้ลวงโลกว่ามีเชื้อสาย African


ชุมชนชาวผิวดำได้แสดงความไม่พอใจมาตลอดระยะเวลาหลายปีที่เรื่องสีผิวของพวกเค้าๆด้กลายมาเป็นหนึ่งใน "prop" ที่บางคนนำใช้เพื่อสร้างจุดเด่นให้ profile ของตัวเองดูน่าสนใจ  และอาจจะเป็นกรณีเดียวกับสาวที่มีวุฒิการศึกกษาระดับปริญญาเอกจาก University of Wisconsinที่โกหกคนรอบข้างว่ามีเชื้อสาย Ethiopian ทั้งๆที่เป็นสาวผิวขาวที่ครอบครัวย้ายมาจาก Italy 


CV Vitolo-Haddad ผู้ช่วยสอนในมหาวิทยาลัยที่ใช้คำจำกัดความเรื่องเพศว่า Non Binary และใช้คำสรรพนามว่า "พวกเค้า" (ไม่ต่างจาก Sam Smith ) ถูกบีบให้ออกมาสารภาพอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรว่า "พวกเค้า" ไม่ตรงไปตรงมามาเกี่ยวกับเชื้อชาติ และทำให้คนอื่นเข้าใจว่ามีเชื้อสายผิวดำและละติน่า


เรื่องเริ่มต้นหลังจากที่มีผู้ไม่ประสงค์จะออกนามได้ตีแผ่พฤติกรรมการปลอมตัวตนของ Vitolo-Haddad ที่แท้จริงแล้วเป็น Italian American ไม่ว่าจะเป็นการชี้นำให้เชื่อและการแสกงความคิดในฐานะลูกผสมที่เปี่ยมประสบการณ์แบบสาวผิวดำ








ตัวอย่างพฤติกรรมที่พยานใน University of Wisconsin Madison ได้แชร์ตรงกัน

- เล่าเรื่องราวที่แม่ถูกล้อเรื่องสำเนียง และให้ความเห็นว่า เป็นผลกระทบจากการล่าอาณานิคมในอดีต ทั้งๆที่แม่ของพวกเค้าเป็นหญิงผิวขาวเชื้อสาย Italian ที่เติบโตใน New York

- เปรียบเทียบตัวเองกับสาวผิวดำ และ post ข้อความที่บ่งชี้ว่าไม่ได้เป็นผู้หญิงผิวขาว แต่สืบทอดเชื้อสายผิวสี ในกลุ่ม light skin (ผิวสี แต่เฉดไม่เข้ม)



- แม้จะเขียนสารขอโทษมาแล้วสองฉบับ ก็ยังไม่ยอมรับชัดเจนว่าตัวเองเป็นคนผิวขาว และพยายามเบี่ยงเบนว่าเป็นความเข้าใจที่สับสนจากการสื่อสารกับครอบครัว และยังพยายามเบี่ยงเบนว่า มีบรรพบุรุษเป็นคนผิวสี แต่ก็มาแก้ไขภายหลัง ทั้งยังปิดsocial media account และภาพที่ยืนยันว่าเป็นคนผิวขาวออกไปอีกด้วย




Vitolo-Haddad ได้สร้างชื่อในภาพของนักวิชาการที่เคลื่อนไหวต่อต้านการแบ่งแยกทางสีผิวและการใช้อภิสิทธิ์คนขาว เข้าร่วมการประท้วง Black Lives Matter มาแล้วหลายครั้ง และพยายามถ่ายทอดแนวคิดเหล่านี้ในสถานศึกษาหลายแห่ง

แต่เมื่อความจริงปรากฏว่าเธอโกหกเรื่องสีผิวเพื่อก่อประโยชน์ให้กับตัวเอง ผู้คนจึงทวงถามถึงความจริงใจอันเป็น step สำคัญในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข เธอไม่ยอมระบุ race ที่แท้จริงของตัวเอง และยังบรรยายถึงอปสรรคในการชีวิตในฐานะคนที่มีเชื้อสายผิวดำ แต่ที่จริงแล้วเติบโตในครอบครัว Italian ที่มีอันจะกิน

หลังจากที่มีคนนำ post เก่าๆของพวกเค้ามายืนยันถึงคำโกหกที่พลิกไปเรื่อย บ้างก็บอกว่าตัวเองมีเชื้อสาย Italian - Ethiopian บ้างก็บอกว่าเป็น Afro-Latinx เพียงไม่นานก่อนหน้าก็ยังทวีทความเห็นเกี่ยวกับ Jessica Krug ที่ถูกเด้งออกงานงานเพราะโกหกเรื่อง race ทั้งๆที่รู้ดีอยู่แก่ใจว่าตัวเองก็ทำแบบเดียวกัน แต่ยังไม่มีใครลุกขึ้นมาเปิดโปงเท่านั้น   ไม่นานต่อมาพวกเค้าก็ได้สารภาพด้วยความจำนนต่อหลักฐาน






"ด้วยความพยายามที่จะนำเสนอความคิดในเรื่องเชื้อชาติ ฉันได้ทำความผิดพลาดอย่างน่ารังเกียจในการก้าวเข้ามาสร้างความน่าเชื่อถือด้วยข้อสันนิษฐานอันเป็นเท็จ" Vitolo-Haddad ยอมรับผิดโดยดุษฎี

ถ้อยแถลงขอโทษนั้นเ๖็มไปด้วยโวหารที่แสดงความสำนึกผิด แต่คนอ่านจำนวนไม่น้อยโจมตีว่า ไม่ได้สัมผัสถึงความจริงใจ เพราะVitolo-Haddad ชี้ว่า เป็นเพราะคนในครอบครัวที่บอกเล่าเรื่องเชื้อสายที่เป็นความเท็จทำให้เกิดความเข้าใจผิด รวมถึงไม่ยอมรับว่าโกหก และเลี่ยงไปใช้คำว่า ผสมโรงไปกับคนอื่นที่สันนิษฐานเรื่องเชื้อชาติของพวกเค้าเอง


สหภาพครูผู้ช่วยสอนหรือ Teaching Assistants Association ประกาศถอดถอนVitolo-Haddad ออกจากตำแหน่งประธาน และเปิดเผยว่า ได้หยิบยื่นตำแหน่งให้พวกเค้าโดยที่ไม่รับรู้เรื่องการฉกฉวยโอกาสแอบอ้างความเป็นคนดำของประธานคนนี้มาก่อน สื่อใหญ่หลายเจ้าต่างเปิดเผยหน้าตาของพวกเค้าอย่างชัดเจน และอาจจะทำให้ภาพลักษณ์สาว Italian ผิวขาวจอมแอบอ้างติดตัวพวกเค้าไปอีกนาน ดูเหมือนว่า อาจจะมีแต่กาลเวลาที่จะทำให้ผู้คนลืมเลือนเรื่องฉาวนี้ไปได้ นอกจากว่าเจ้าตัวจะกลับมาทำพฤติกรรมเดิมอีก




นักวิเคราะห์หหลายคนพูดตรงกันว่า เพียงเพราะว่ามีความหลงไหลในความเป็นคนดำและมีแรงบันดาลใจให้เข้ามาศึกษาความรู้เรื่องวัฒนธรรมคนดำจนแตกฉาน ก็ไม่สามารถทำให้คนเหล่านี้เปลี่ยนแปลง race ได้ พวกเค้าเหล่านี้ไม่ได้เติบโตขึ้นมาในครอบครัวคนดำ ไม่ได้พบอุปสรรคเรื่องความเหลื่อมล้ำทางสีผิว ในช่วงหลังอาจจะเปลี่ยนลุคทั้งหมดให้ดูใกล้เคียงกับคนดำ แม้จะอ้างว่า จิตวิญญาณภายในจะเป็นคนดำ แต่การทำผิวแทนไม่ได้เป็นคำตอบของ race และยังสร้าง story ต่างๆมาสนับสนุนคำโกหกของตัวเอง ชุมชนคนดำยอมรับเรื่องเหล่านี้ได้หรือไม่ การถูกปลดจากตำแหน่งต่างๆของคนโกหกก็น่าจะอธิบายได้อย่างชัดแจ้ง


The End


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE