เรื่องราวน่ารู้ของ Uniform จากทั่วโลก
candy 61 7
.
Uniform ที่เก่าแก่ที่สุด
Christ’s Hospital School โรงเรียนที่ใช้เครื่องแบบสไตล์เดิมมาเกินกว่าห้าร้อยปี !
เด็กนักเรียนโรงเรียนนี้จะเรียกเครื่องแบบที่มีเสื้อคลุมยาวแบบTudor style ว่า Housey coat และพวกเค้าไม่ต้องจ่ายเงินแสนแพง แต่โรงเรียนจะหยิบยื่นให้แบบฟรีๆ
แน่นอนว่าโรงเรียนประจำชื่อดังแห่งนี้มีกฎระเบียบที่นักเรียนจำเป็นต้องปฏิบัติตาม แต่ภายใต้ความเป็นอนุรักษ์นิยมก็ได้ให้อิสระเรื่องทรงผมไม่น้อยเลยทีเดียว ที่สำคัญ แม้จะให้บรรยากาศความเป็นelite แต่มีมูลนิธิการกุศลเข้ามาบริหารจัดการเพื่อเสนอทุนให้กับนักเรียนที่ขาดแคลน นักเรียนเกือบ 80% จะเป็นนักเรียนทุน ในขณะที่โรงเรียนได้ offer หลักสูตรที่ไม่แตกต่างจากโรงเรียนเอกชนค่าเทอมแพงระยับ รวมไปถึงสภาพแวดล้อมทีกว้างขวางสวยงาม อัตราการแข่งขันเพื่อคว้าทุนเข้าเรียนก็สูงลิบลิ่ว มีศิษย์เก่าที่สร้างชื่อเสียงในแทบทุกแวดวง
อย่างไรก็ตาม ถึงจะขึ้นชื่อว่าเป็นโรงเรียนที่โดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องแบบและการเรียนการสอน แต่ก็หนีเรื่องล่วงละเมิดเด็กไปไม่พ้น เคยมีครูถูกจำคุกเพราะย่องเข้าหอนอนไปล่วงละเมิดเด็กชายมาแล้ว และไม่ได้มีเพียงแค่ครูจิตใจต่ำรายเดียว ก็เกิดซ้ำรอยหลายคน
แต่ถึงจะมีชื่อเสียงเรื่อง uniform โรงเรียนก็เคยโหวตถามความสมัครใจนักเรียนมาแล้วว่าต้องการความเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ผลก็คือ นักเรียนส่วนมากต้องการจะใส่ uniform นี้ต่อไปเพราะประทับใจในอัตลักษณ์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใครนั่นเอง แต่การเปิดโหวตนี้หมายความว่า โรงเรียนพร้อมที่จะยอมรับความเปลี่ยนแปลงหากนักเรียนรู้สึกว่า uniform แบบโบราณนี้ไม่เหมาะสมอีกต่อไป ซึ่งผลดหวตก็ได้พิสูจน์แล้วว่า เด็กนักเรียนรู้สึกชื่นชมกับการสืบทอดการแต่งกายแบบดั้งเดิมไว้
gender-neutral uniform
จากที่เคยเป็นเครื่องหมายของชนชั้นสูงของอังกฤษที่ "ควรค่า"ต่อการศึกษา uniform กลายมาเป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าถึงได้ และปัจจุบัน โรงเรียนหลายแห่งได้ออกกฎให้นักเรียนสามารถเลือกว่าจะใส่กระโปรงหรือกางเกงตามที่ต้องการ (ภายใต้ขอบเขตของระเบียบโรงเรียน)
โรงเรียนที่ยังคงความเป็นอนุรักษฺนิยมของอังกฤษยังมีอยู่มาก อย่างไรก็ตาม การกล้อนผมหรือทำโทษด้วยความรุนแรงถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย อย่าว่าแต่ตัดผมของนักเรียนเลย จะสัมผัสตัวก็ยังไม่ได้ แต่เรื่องความยาวของผมไม่ได้เป็นปัญหาในระบบการศึกษาของที่นั่นนัก เป็นเรื่องปกติที่เด็กนักเรียนจะปล่อยผมยาว หรือทำผมแบบต่างๆไปเรียน เนื่องด้วยอังกฤษเป็นชาติที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติและวัฒนธรรม การออกกฎบังคับให้ไว้ผมสั้นติ่งหูของเด็กหญิงหรือสั้นเกรียนของเด็กชายจึงไม่ปรากฏอยู่สถานศึกษา เมื่อใดที่เด็กทำผิดกฎระเบียบการแต่งกาย นอกจากจะตักเตือนแล้วก็มีการลงโทษด้วยการส่งกลับบ้าน ไม่ให้เข้าเรียนตามปกติ ทำให้ผู้ปกครองจะได้รับรู้ถึงปัญหา
มีโรงเรียนหลายสิบแห่งในอังกฤษได้แบนกระโปรงออกจาก uniform และออกกฎให้นักเรียนชายและหญิงใส่ชุดกางเกงเท่านั้น เชื่อกันว่า นี่ไม่ใช่นโยบายที่สอดคล้องกับเรื่อง neutral gender เพียงเท่านั้น แต่เป็นการตัดปัญหา fashion ที่ถูกมองว่าไม่เหมาะสมกับวัยเรียน อย่างกระโปรงที่สั้นหรือแนบเนื้อเกินไป การเปลี่ยนแปลงอันนี้สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม รวมถึงตัดเด็กนักเรียนหญิงที่ถูกห้ามใส่กระโปรงว่าเป็นการลิดรอนสิทธิ์ และมีการประท้วงโรงเรียนกันตามมา อย่างไรก็ดี หลายโรงเรียนได้เดินหน้าแบนกระโปรงต่อไป
แต่ทว่า การออกกฎให้นักเรียนเลือกใส่กระโปรงหรือกางเกงนั้น ก็ยังไม่ได้ตัดปัญหาเรื่อง fashion ที่มักจะเกิดขึ้นในกลุ่มนักเรียนมัธยมที่เข้าสู่วัยรุ่นที่รักสวยรักงาม สื่ออังกฤษเคยทำข่าวเรื่องนักเรียนหญิงที่ถูกส่งกลับบ้านและกักบริเวณเพราะใส่กางเกงและกระโปรงรัดรูปเกินไป ทำให้นักเรียนและผู้ปกครองออกมาแสดงความไม่พอใจว่า โรงเรียนมีกฎระเบียบที่เคร่งครัดเกินไป
เด็กสาวเหล่านี้ระบายว่ารู้สึกอับอายเมื่อถูกครูตำหนิเรื่องกางเกงที่รัดรูปเหมือน skinny jeans โดยเฉพาะส่วนสะโพก ส่วนแม่ของพวกเธอก็ยืนยันว่า ซื้อกางเกงมาจากแผนกเครื่องแบบและคิดว่ามันดูเหมาะสมดีแล้ว และจะไม่ยอมเสียเงินซื้อกางเกงใหม่
ส่วนครูใหญ่ได้โต้ตอบอย่างเด็ดขาดว่า หากผู้ปกครองไม่สามารถดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายเรื่อง uniform ได้ สามารถติดต่อขอคำปรึกษากับครูหัวหน้าชั้นปีโดยสามารถเก็บเป็นความลับ และยืนยันว่า uniform ที่ถูกต้องเหมาะสมจะช่วยให้ไม่เบี่ยงเบนความสนใจจากการศึกษาเรียนรู้ และคนที่แต่งกายผิดระเบียบก็ต้องถูกลงโทษด้วยการส่งกลับบ้านหรือแยกออกจากนักเรียนคนอื่นในช่วงพัก
ส่วนครูใหญ่ได้โต้ตอบอย่างเด็ดขาดว่า หากผู้ปกครองไม่สามารถดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายเรื่อง uniform ได้ สามารถติดต่อขอคำปรึกษากับครูหัวหน้าชั้นปีโดยสามารถเก็บเป็นความลับ และยืนยันว่า uniform ที่ถูกต้องเหมาะสมจะช่วยให้ไม่เบี่ยงเบนความสนใจจากการศึกษาเรียนรู้ และคนที่แต่งกายผิดระเบียบก็ต้องถูกลงโทษด้วยการส่งกลับบ้านหรือแยกออกจากนักเรียนคนอื่นในช่วงพัก
uniform นักเรียนจีน ไม่โฟกัสเรื่องความสไตล์ที่สวยงาม แต่ใช้งานได้ดี
ใครที่เคยชมซีรีส์รักวัยรุ่นของจีนอาจจะคุ้นเคยกับuniform แบบนี้ แต่มันก็อาจจะทำให้หลายคนสงสัยว่า เด็กนักเรียนจีนต้องเรียนพลศึกษาทุกวันรึเปล่า ?
แน่นอนว่า นักเรียนแลกเปลี่ยนจากต่างประเทศก็ต้องใส่ uniform ที่ดู sporty นี้ด้วย
uniform นักเรียนญี่ปุ่น ความน่ารักสำคัญมาเป็นอันดับต้นๆ
นี่เป็น uniform ที่คนไทยและชาวต่างชาติคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง ถ้ามองผ่านๆ อาจจะเป็นรูปแบบที่ได้อิทธิพลมาจากชาติตะวันตกอย่างอังกฤษมาอย่างเต็มที่ แต่ญี่ปุ่นถูกยกให้เป็นเจ้าแห่ง detail และประยุกต์เพื่อเพิ่มความน่ารัก เด็กสาวจำนวนมากใช้เวลาเป็นชั่วโมงเตรียมตัวก่อนออกจากบ้านไปโรงเรียน และหลายโรงเรียนได้หันมาทุ่มเทกับการออกแบบให้ดูสวยงามเพื่อดึงดูดใจเพิ่มอัตราผู้สมัครเข้าเรียน รวมไปถึงการผ่อนคลายกฎระเบียบที่เคยเคร่งครัดในอดีตให้สอดคล้องกับโลก fashion ญี่ปุ่นมากยิ่งขึ้น ความหลงไหลใน uniform น่ารักๆนี้ทำให้เกิดกลุ่ม subculture ที่เรียกว่า kogyaru (สาวแกลในชุดนักเรียนที่ฟรุ้งฟริ้งสุดชีวิต)
บางโรงเรียนอนุญาตให้นักเรียนหญิงใส่กระโปรงที่สั้นระดับ micro (สั้นกว่า miniskirt) และนั่นเป็นuniform ที่ปรากฎในญี่ปุ่นมาเป็นสิบปีแล้ว เมื่อคุณนึกถึงการ์ตูนสุดคลาสสิคอย่าง Sailor Moon สาวๆอาจจะใส่ชุดนักเรียนกะลาสีที่กระโปรงมีความยาวระดับเข่า แต่เรหรือ Sailor Mars นั้นใส่uniform ที่สั้นสุดๆ และนั่นก็ไม่ได้ต่างจาก uniform ในชีวิตจริงในหลายโรงเรียน
ภาพกระโปรงสั้นระดับ micro อาจจะทำให้หลายคนสับสนว่าจะเหมาะกับการเคลื่อนไหวร่างกายในขณะเรียนหนังสือหรือไม่ แต่นักเรียนหญิงหลายคนใช้วิธีพันทบกระโปรงขึ้นตอนอยู่นอกรั้วโรงเรียนเพื่อให้สั้นตามเทรนด์ ส่วนในเวลาเรียนก็จะดึงให้ยาวลงมาอีกนิดหน่อย
อิทธิพลสาวแกลตัวแม่อย่าง Namie Amuro ได้เปลี่ยนแปลงวงการ uniform ของญี่ปุ่นเนิ่นนานกว่าสิบปี จากชุดคอกะลาสีกระโปรงยาวที่ดูไม่ดึงดูดใจ ก็มีการแข่งขันดีไซน์ uniform ให้โดนใจเด็กวัยรุ่นมากที่สุด รวมไปถึงเหล่า fashion magazine ที่จะนำเสนอเทคนิคการประยุกต์พร็อพต่างๆเพื่อให้ใส่ uniform ได้อย่างน่ารักโดดเด่น
แต่ไม่ใช่ว่านักเรียนหญิงฯี่ปุ่นจะใส่กระโปรงสั้นกุดไปเรียนกันไปหมด กระโปรงที่มีความยาวระดับเข่าหรือเหนือเข่าเล็กน้อยยังมีอยู่แพร่หลาย และยังมีโรงเรียนที่รักษากฎระเบียบแบบดั้งเดิม เช่น ไม่อนุญาตให้ทำสีผมและห้ามดัดแปลงเครื่องแบบให้ดูfashion จ๋า หากติดตามมังงะหรืออนิเมะบ่อยๆจะพบว่า uniformใน"โรงเรียนคุณหนู" จะดูอนุรักษ์นิยมมากกว่า
ในภาพคือ เจ้าหญิงไอโกะ พระราชธิดาในสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะและสมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ เจ้าหญิงได้เข้าศึกษาในโรงเรียน Gakushuin ตามธรรมเนียมดั้งเดิมของชนชั้น elite และศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย Gakushuin ลองมาเปรียบเทียบกันสิว่า โรงเรียนสำหรับชนชั้นสูงที่มีแต่ลูกท่านหลานเธอและเชื้อพระวงศ์เข้าเรียนกันดูเรียบร้อยมากแค่ไหน
uniform ยาวลากพื้นของโรงเรียนประจำสุดหรู
Rugby School โรงเรียนหรูค่าเทอมหลักล้านแห่งนี้เคยเป็นโรงเรียนชายล้วนมาก่อน เมื่อเปลี่ยนมารับนักเรียนหญิงตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง นักเรียนหญิงคนแรกๆที่เข้าเรียนเมื่อปี 1975 ใส่กางเกง แล้วก็เป็นเดรส แต่ไม่นานต่อมาก็เปลี่ยนมาเป็นชุดกระโปรงยาวและเส้อนอกเหมือนกับนักเรียนชาย ซึ่งเป็นstyle ที่โดดเด่นในวงการการศึกษาอังกฤษ
กระโปรงของนักเรียนหญิง Rugby school ในช่วงแรกจะไม่ยาวเลยตาตุ่มเหมือนกับปัจจุบัน ซึ่งครูใหญ่เคยยืนยันว่า นักเรียนหญิงต่างชื่นชอบกระโปรงสีเทายาวเหยียด มันช่วยให้อบอุ่นในหน้าหนาว หน้าร้อนก็ใส่สบาย ใครตื่นไม่ทันก็สวมทับชุดนอนมาทำกิจกรรมที่โบสถ์ในตอนเช้าได้เลย เขาได้สนับสนุนไอเดียของ uniform ว่าเป็นสิ่งที่แสดงความเท่าเทียมในโรงเรียน คุณจะไม่สามารถแบ่งแยกพื้นเพของนักเรียนได้ว่ามาจากครอบครัวที่มั่งคั่งด้วยเงินทองหรือเป็นนักเรียนทุนเต็มจำนวน เพราะต่างก็ใส่ชุดที่ดูเหมือนกันหมด
หรือจะเป็นโรงเรียนที่ดัชเชส Kate เคยเข้าเรียนอย่างMarlborough College ที่นักเรียนหญิงชั้น Sixth Form ต้องใส่กระโปรงยาวลากพื้นเช่นกัน
uniform ที่ทำให้นึกถึง cosplay
ในประเทศที่เคยเป็นหนึ่งในสหภาพ Soviet อย่างRussia Ukraine Azerbaijan จะมีรูปแบบ uniform เด็กหญิงที่โดดเด่นมากๆ นั่นคือชุดเอี๊ยมระบายที่ทำให้นึกถึงชุดเมดฝรั่งเศส รวมถึงเครื่องประดับผมpom pomสีขาวฟูฟ่องที่น่ารัก ซึ่งสามารถพบเห็นเครื่องประดับผมนี้ในโรงเรียนประเทศอดีต Soviet เป็นเรื่องปกติ
มันเป็นอะไรที่ว้าวมากที่ได้เห็นเด็กหญิงใส่เครื่องหัวใหญ่ตู้มไปโรงเรียนกันเป็นปกติมาเป็นสิบๆปีแล้ว
ชุดเอี๊ยมระบายสีขาวแบบ Soviet นั้นยังพบได้ในกลุ่มเด็กนักเรียนหญิงตัวเล็กๆ ส่วนนักเรียนที่โตขึ้นมาจะใส่uniform ตามที่โรงเรียนกำหนด (แต่ก็มีโรงเรียนหลายแห่งที่ไม่ได้กำหนดให้ใส่ uniform) และจุดเด่นสำคัญหนึ่งของ uniform ในRussia และ Ukraine ก็คือ วาไรตี้ของชุดนั่นเอง แนวคิดจะเหมือนกับuniform นักศึกษาไทยที่สามารถเลือกดีไซน์ที่แตกต่างกันในภายใต้ dress code ที่สถานศึกษากำหนดให้ ดังที่เห็นในภาพว่า ชุดนักเรียนสีเทาและเสื้อตัวในสีขาวของเด็กมี detail ที่แตกต่างกันออกไป
uniform ของ Russia และ Ukraine มีความหลากหลายและเน้นเรื่องความสวยงาม สไตล์ที่พบเห็นได้มากคือเสื้อขาวคอระบาย หากเป็นชุดที่ดูไม่หวานแหววมากก็ต้องมีเครื่องประดับผมดอกใหญ่ ถุงเท้าและถุงน่องสีขาวยาวได้รับความนิยมสูงไม่แพ้กัน ความนิยมในuniform น่ารักๆนั้นทำให้มีมีแบรนด์ต่างๆออกแบบและจัด fashion show อย่างจริงจัง
สำหรับเด็กสาววัยรุ่นจะนำชุดนี้มาใส่ในวันฉลองจบการศึกษาค่ะ จับคู่กับถุงน่องและส้นสูงแบบจัดเต็ม แตกต่างจากอารมณ์ของนักเรียนในยุค Soviet ที่ดูเคร่งขรึมแบบคนละโลก ไม่ว่าจะเป็น Russia หรือ Kazakhstan ก็ทีประเพณีที่คล้ายคลึงกัน
สาวๆ Russian ต่างก็ใส่ชุดตามธรรมเนียมเดิมมาร่วมสนุกสนานในงานที่เรียกว่า last bell หรือการลั่นระฆังครั้งสุดท้ายในชีวิตวัยเรียนมัธยม บ้างก็เลือกจิกส้นสูงมาโพสสุด sexy แต่หล่ยคนก็ใส่รองเท้าส้นแบนหรือรองเท้ากีฬามาเพื่อความสนุกสุดเหวี่ยง ทั้งเต้นรำและร่วม party กับเพื่อนฝูง
uniform ดูจะได้รับความนิยมมากในประเทศแถบนี้ แต่ใน Ukraine ก็มีการเรียกร้องให้ยกเลิกการบังคับให้นักเรียนใส่ uniform โดยไม่สมัครใจแล้ว ซึ่งก็คล้ายคลึงกับบ้านเราที่มีการสร้างข้อโต้แย้งว่า เมื่อยกเลิก uniform จะทำให้เกิดปัญหาการ bully ระหว่างเด็กที่มาจากครอบครัวแตกต่างพท้นเพกัน และความเหลื่อมล้ำอาจจะสร้างความกดดันให้กับเด็ก
uniform ของโรงเรียนนานาชาติ Sweden ที่ถูกตรวจสอบว่าขัดต่อหลักสิทธิเสรีภาพ
ในขณะที่มุมหนึ่งของโลก มีนักเรียนและผู้ปกครองที่ออกมาประท้วงเรื่องชุดนักเรียนว่าเป็นภาระการใช้จ่ายที่สูงสำหรับหลายครอบครัว และยังเป็นการปิดกั้นการแสดงออกตัวตนของนักเรียนที่ต้องปฎิบัตติตามกฎระเบียบที่เข้มงวด ในสวีเดน ผู้ตรวจสอบทางการศึกษาจาก The Swedish National Agency for Education ได้ยื่นข้อเสนอให้โรงเรียนนาชาติในNorrköping ยุติกฎบังคับให้รักเรียนใส่ uniform
เป็นเพราะอะไร ?
จากภาพด้านบน จะเห็นได้ว่าuniformโรงเรียน Nordic International ห่างไกลจากคำว่าเคร่งครัด มีเพียงแต่เสื้อตัวนอกเท่านั้นที่เป็นแบบเดียวกัน ส่วนเสื้อข้างในและกางเกงนั้น มีรูปแบบที่แตกต่างกันตามที่นักเรียนเลือกมา ที่สำคัญ นี่เป็นเสื้อผ้าที่โรงเรียนจัดให้กับนักเรียนโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่ม และให้เหตุผลว่า uniform ทำให้ดูเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และช่วยลดความตึงเครียดเเมื่อนักเรียนรู้สึกสับสนว่าจะใส่ชุดใด
แต่กระนั้น ผู้ตรวจการการศึกษาก็แสดงออกว่า นี่คือสิ่งที่ขัดต่อข้อกำหนดที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญนั่นคือ ....
" เสื้อผ้าควรจะสื่อถึงการแสดงอัตลักษณ์ของนักเรียนอันเกิดจากความตั้งใจของพวกเค้าเอง และแม้ว่าจะจัดสรร uniform ให้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่การออกบทลงโทษนักเรียนแต่งกายไม่ตรงกับกฎโรงเรียนนั้นเป็นสิ่งที่ขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญและขอให้เปลี่ยนแปลงกฎนี้
แต่กระนั้น ผู้ตรวจการการศึกษาก็แสดงออกว่า นี่คือสิ่งที่ขัดต่อข้อกำหนดที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญนั่นคือ ....
" เสื้อผ้าควรจะสื่อถึงการแสดงอัตลักษณ์ของนักเรียนอันเกิดจากความตั้งใจของพวกเค้าเอง และแม้ว่าจะจัดสรร uniform ให้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่การออกบทลงโทษนักเรียนแต่งกายไม่ตรงกับกฎโรงเรียนนั้นเป็นสิ่งที่ขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญและขอให้เปลี่ยนแปลงกฎนี้
ไม่นานหลังจากนั้น โรงเรียนก็เปลี่ยนแปลงกฎ การลงโทษนักเรียนที่ไม่แต่งตัวตาม dress code ของโรงเรียน และปฏิเสธไม่ได้เลยว่า วิสัยทัศน์ในการปฏิบัติงาน The Swedish National Agency for Education ช่างแตกต่างกับบางแห่งที่มีผู้ใหญ่บริภาษเด็กๆที่ต้องการแต่งตัว casual ไปเรียนว่า เป็นพวกที่อยากทำอาชีพขายบริการทางเพศมากกว่านักเรียน
ในยุโรป มีเพียงสหราชอาณาจักร(รวมถึงIreland) ที่นักเรียนยังใส่ uniform อย่างแพร่หลาย ส่วนประเทศอื่นๆจะไม่ต่างจาก Sweden มากนัก อย่างเมื่อสองปีก่อน นักเรียนและผู้ปกครองในเมืองแห่งหนึ่งในฝรั่งเศสเล็งเห็นว่า uniform นั้นมีด้านดีและเข้ากับ lifestyle มากกว่าชุด casual จึงโหวตลงมติเพื่อเริ่มให้นักเรียนเริ่มใส่ uniform ได้ แต่ขีดเส้นใต้เน้นๆว่า สนับสนุน uniform แต่ไม่บังคับ และนั่นถือว่าเป็นการเคลื่อนไหวครั้งแรกของคนฝรั่งเศสที่ต้องการให้มี uniform และมันยังเป็นส่วนเล็กๆในสังคมที่ยึดมั่นในการสร้างสรรค์อย่างเสรี ยังมีคนฝรั่งเศสอีกมากที่เชื่อว่า uniform เป็นเครืองหมายแห่งการก้าวถอยหลัง
เชื่อว่าหลายคนย่อมมีเหตุผลในการสนับสนุนหรือต่อต้าน uniform เมื่อได้พิจารณาถึงวิธีจัดการกับข้อขัดแย้งในโลกที่มีความเป็นประชาธิปไตย นอกจากการลงมติจากการหาคะแนนเสียงข้างมาก ก็ยังต้องทดลองปฏิบัติให้เห็นอย่างถ่องแท้ว่า วิธีใดจึงจะเหมาะสมกับสังคมนั้นๆมากที่สุด แน่นอนว่า การใช้อคติบดบังการมองหลายๆมุมและใช้แต่วาจาห้ำหั่นกันอาจจะยิ่งทำให้ความขัดแย้งร้าวลึกไปยิ่งกว่าเดิม และไม่ได้แก้ไขปัญหาให้ตรงจุดแต่อย่างใด
The End