♥REVIEW♥ ส่งท้ายเดือนแรกของปีด้วยเครื่องสำอางที่ใช้ในปี 2020 ... มาช้าแต่มาแล้วน้าา ^ _ ^
KanKan 82 25เดือนแรกของปีช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว ..
เร็วจนรู้ตัวอีกทีก็มาถึงวันสุดท้ายของเดือนแล้ว ก่อนที่จะทิ้งช่วงนานจนเกินไปทางเราที่ยังไม่ได้อัพเดทสรุปเครื่องสำอางที่ใช้ในปีที่ผ่านมาจึงต้องรีบปั่นให้เพื่อนๆอ่านกันในวันนี้
ขอบอกว่าใช้เวลาในการทำรูปและเขียนเนื้อหานานมากกกก ตั้งใจมากๆ หวังว่าการรีวิวของเราจะเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังมองหาเมคอัพใหม่ๆมาลองใช้นะคะ
สำหรับปีที่ผ่านมาเราซื้อเครื่องสำอางน้อยลงมากๆเลย
คงเป็นเพราะ COVID-19 ที่ทำให้เราใส่แมสก์ตลอดเวลาจนไม่ต้องแต่งหน้าก็ได้ แต่พอเขียนไปเขียนมาก็เยอะเหมือนกันนะเนี่ยย แนะนำเพื่อนๆที่ไม่อยากอ่านอะไรยาวๆก็เลื่อนไปแต่หมวดที่ตัวเองสนใจนะคะ โดยเราแบ่งหมวดทั้งหมดตาม Step การแต่งหน้าไล่ไปตั้งแต่ครีมกันแดดจนปิดท้ายที่การลิปสติกค่ะ แต่ถ้าใครชอบอ่านอะไรยาวๆก็ไล่อ่านไปทีละตัว เพลินๆไปเลยค่าา
STEP1 : SUNSCREEN
'The most important thing is sunscreen'
ลืมทาอะไรก็ลืมได้ แต่จะลืมทากันแดดไม่ได้
เดี๋ยวนี้มีกันแดดออกมาให้เลือกใช้หลากหลายมาก ไม่เหมือนเมื่อก่อนทากันแดดทีก็กังวลความเหนียวเหนอะเหนอะ ความวอก สำหรับเราก็ลองอะไรใหม่ๆไปเรื่อยๆ
สำหรับปีนี้ก็ใช้กันแดดไปทั้งหมด 3 ชิ้น จริงๆมีอีกหนึ่งแต่ไม่ค่อยปลื้มเราจึงไม่ขอพูดถึงดีกว่าเนอะ :)
IPSA Sunshield SPF50 PA+++
กันแดดขวดแรกของปี เป็นกันแดดที่หมดแล้วก็ยังซื้อซ้ำเนื่องจากเขาเป็นครีมกันแดดเนื้อน้ำนมที่บางเบา เกลี่ยง่าย ทาแล้วสบายผิว ไม่วอกแต่ทำให้หน้าสว่างขึ้นเล็กน้อย ไม่เหม็นกลิ่นกันแดดและกลิ่นแอลกอฮอลระหว่างวัน (เคยไหมเอามือไปโดนจมูกแล้วได้กลิ่นตุๆจากกันแดด ตัวนี้ไม่เป็นเราเลยประทับใจมาก) และที่สำคัญไม่มีน้ำหอมค่ะ หายห่วง
DECORTE Sun Shelter Multi Protection SPF 50 PA++++
ครีมกันแดดหลอดที่สองของปี เหตุเกิดจากดูรีวิวของพี่แป้ง Kirari และ Mikijin ป้ายยา
ครีมกันแดดของ Decorte รุ่นที่เป็น CC Tone up ปรับสีผิว แต่พอไปเคาน์เตอร์แล้วของหมดเกลี้ยงคุณ BA เลยแนะนำตัวนี้มาว่าดีไม่แพ้กันเลย ทางเราเลยจัดมาก่อนเลย
------
สำหรับ Decorte หลอดนี้เป็นครีมกันแดดที่แพงที่สุดที่เราเคยใช้มาเลย (1,050 บาท)
แต่จะบอกว่าใช้ไปแล้วไม่รู้สึกเสียดายเงินที่จ่ายไปเลย เราชอบที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆที่ได้กลิ่นแล้วรู้สึกสดชื่น กลิ่นนี้ทำให้รู้สึกว่าทาของแพงอยู่ (เออ..แพงจริงๆ ไม่เถียงนะฮะ 5555)
เนื้อเป็นแบบเจลทาแล้วเย็นๆผิวและชุ่มชื้น สำหรับคนผิวแห้งอย่างเราชอบมากๆ
(หากใครนึกไม่ออก กันแดดหลอดนี้ฟีลเดียวกับบิโอเรหลอดฟ้าเลย แต่กลิ่นแอลกอฮอล์น้อยกว่า) และที่อเมซเรามากที่สุดก็คือ...
เค้ากันแดดจัดๆได้จริงๆ โดยที่ผิวเราไม่ดำเลย!!
ตอนนั้นเราทากันแดดหลอดนี้ไปไหว้พระ 9 วัดรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ทุกคนรู้ว่าแดดแถวนั้นแรงมากกกก กลับมาบ้านถอดนาฬิกาข้อมือเราเป็นรอยสายนาฬิกา แต่พอเราล้างเครื่องสำอางทั้งหมดปรากฎว่าหน้ากับคอเราไม่ดำเลย ยังใสกริ้งอยู่! ยกให้เป็น Favourite Sunscreen แห่งปีเลยค่ะ
DECORTE SUN SHELTER TONE UP CC SPF 50 PA++++
หลอดนี้ได้มาในเวลาใกล้เคียงกับหลอดข้างบน เนื่องจากไปตามหาตัวนี้แล้วหมดจึงทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ หลังจากนั้นไม่กี่วันคุณ BA ก็โทรมาตามให้กลับไปซื้อ (น่ารักมากจริงๆ ทั้งๆที่ไม่ต้องโทรตามเราก็ได้เพราะขายดีขนาดนั้น เดี๋ยวก็มีคนแว้บไปซื้อ แต่เขาเลือกที่จะโทรมาถามเราก่อน บอกเลยว่า Decorte ได้ใจเราไปเต็มๆ จะอุดหนุนเรื่อยๆเลยค่ะ ^^)
สำหรับกันแดดตัวนี้มีจุดเด่นคือสีเนื้อที่ปรับสภาพผิวของเราให้สว่างขึ้น 1 ระดับ
สำหรับใครที่สนใจเราว่าตัวนี้ไม่ได้เหมาะกับทุกสีผิวน้าา ยังไงต้องไปลองเทสดูกันก่อนค่ะ
เพราะด้วยความที่เขาเป็นสีเนื้ออ่อน และทำให้ผิวสว่างขึ้นด้วยอาจเกิดความลอย วอกได้
แบรนด์เขามีสีชมพู และสีเนื้ออีกเฉดด้วย ยังไงไปลองดูกันก่อนนะ
พูดถึง Texture ตัวนี้ต่างกับตัวด้านบนโดยสิ้นเชิง อันนี้เนื้อเขาจะเข้มข้นขึ้น ทาแล้วแมตท์ ไม่ชุ่มชื้นเท่าตัวข้างบนแต่ก็ไม่ทำให้ผิวแห้งค่ะ และสิ่งที่ทำให้กันแดดตัวนี้อเมซิ่งขึ้นมาก็คือ..
ปกป้องผิวจากมลภาวะ และ PM2.5 ได้!
ตอนที่ฟังรีวิวก็ไม่ได้คิดว่าจะกัน PM ได้จริงๆ จนมีอยู่วันนึงที่ค่าฝุ่นขึ้นสูงและเพื่อนที่ทำงานบ่นว่าคันหน้า แต่เราหน้าเราไม่เป็นไรเลยทั้งๆที่ผิวเราเองก็มีปฏิกริยาง่ายต่อ PM2.5 เหมือนกันกลายเป็นว่าเราคันแค่แขน ขา ข้อศอก แต่หน้ากับคอเราไม่เป็นอะไรเลย พอลองสังเกตวันอื่นๆหน้าเราก็ยังไม่คันอยู่ดี .. เราก็เลยเชื่อว่าตัวนี้กัน PM2.5 ได้จริงๆ
STEP 2 : Concealer
สเต็ปต่อมาสำหรับเราคือคอนซีลเลอร์เลยค่ะ โดยปกติแทบไม่ใช้รองพื้นเลย ที่มีอยู่ตอนนี้มี 2 ตัวแต่เราใช้ไม่บ่อยเท่าไหร่ อาจจะเก็บไว้เขียนรีวิวแยกอีกทีนะคะ เอาล่ะ..มาพูดถึงคอนซีลเลอร์กัน! สำหรับปีนี้เราใช้คอนซีลเลอร์ไปทั้งหมด 3 ตัว อีกตัวนึงไม่ได้ถ่ายรูปมาด้วยคือของ Tarte
HOURGLASS VANISH AIRBRUSH CONCEALER
ซื้อตามสาวๆในกรุ๊ปเครื่องสำอางแพง ค่าตัวน้องแพงจริงๆ แต่พอได้ลองแล้วก็้ไม่ผิดหวังค่ะ
ตัวนี้เป็นคอนซีลเลอร์เนื้อน้ำๆ ค่อนข้างเหลว (เหลวกว่า Tarte ที่เราเคยใช้ก่อนหน้านี้เยอะเลย)
ด้วยความที่เป็นน้ำจึงไม่หนักผิว และเกลี่ยง่ายมากก เวลาเกลี่ยเค้าจะฟุ้งๆ เบลอผิวไปเลย
สำหรับเรา เราชอบตัวนี้ถ้าจะเอามาทาเพื่อปกปิดรอยดำและรอยแดงต่างๆจากสิว
เพราะเค้าปกปิดได้แบบฟุ้งๆเบลอๆมันเลยทำให้ผิวเนียน
แต่ถ้าเป็นเรื่องของการปกปิดแพนด้าใต้ต้า ออกตัวก่อนเลยว่าใต้ตาเรา "เข้มมาก"
เพราะฉะนั้นตัวนี้ก็เลยยังปิดไม่มิดเท่า Tarte ที่เคยใช้มาค่ะ
โดยสรุป ถ้าพูดถึงความบางเบา และฟุ้งนั้น สมชื่อ 'Airbrush' เหมาะกับปิดรอยดำรอยแดง และคนที่มีปัญหาใต้ตาคล้ำในระดับเบาๆ
BENEFIT Boi-ing cakeless Concealer & Undereye Setting Powder
ตัวนี้ซื้อมาหลังจากที่ได้ใช้ Hourglass ไปพักใหญ่ๆ ตอนนั้น Sephora มีโปร 11.11
ทางเราเจอเซตนี้พอดีคำนวณราคาแล้วคุ้มก็เลยซื้อมา แต่...เราซื้อมาผิดสี!! อันนี้เป็นบทเรียนให้ตัวเองเลยอะว่าเวลาซื้อพวก Base Makeup พวกนี้ต้องลองให้แน่ใจและมั่นใจจริงๆว่ามันเข้ากับผิวของเราจริงๆ อันนี้เราซื้อมาแล้วปรากฎว่าน้องเขาติดสีเหลืองมากจนเกินไปทาแล้วเหลืองโดดมาเลยยย ร้องไห้ TT _ TT
ขอพูดถึงเนื้อผลิตภัณฑ์กันก่อนเลย ตัวนี้จะข้นกว่าตัว Hourglass แต่เกลี่ยง่ายเหมือนกัน
ไม่หนักผิว เวลาเซตตัวเขาจะเปลี่ยนตัวเองเป็นแป้งๆ จากนั้นตามด้วยแป้งฝุ่นที่มาด้วยกันเพื่อล็อคไม่ให้ให้เกิดการละลายหรือเป็นริ้วเส้นๆใต้ตา ปรากฎว่า.. สิ่งนี้ 'Cakeless' สมชื่อจริงๆค่ะ เป็นคอนซีลเลอร์ตัวแรกที่ใช้แล้วรู้สึกว่าเค้าไม่เป็นเส้นๆใต้ตาเลย ตอนใช้ครั้งแรกถึงกับอุทานในใจตอนส่องกระจกในห้องน้ำที่ทำงานว่า ไม่ตกร่องว่ะเฮ้ยย ของจริง ... เสียดายที่ซื้อมาผิดสีนี่แหละ ฮืออออ
STEP 3 : POWDER
เป็นแป้งตลับที่แพงที่สุดตั้งแต่เคยใช้มาอีกแล้ว แป้งอะไร! 3,200 บาทกล้าซื้อได้ยังไง! แต่ก็ต้องบอกอีกครั้งว่าแป้งตัวนี้เป็นการจ่ายเงินซื้อมาแล้วไม่รู้สึกเสียดายเลยจริงๆ หนำซ้ำจะกลับไปซื้อมาใช้อีกเนี่ยย
ที่มาที่ไปทำไมซื้อแป้งตัวนี้มา ตอนนั้นเป็นช่วงที่บ้าสกินแคร์แบรนด์ IPSA มากๆ
แว้บไปเคาน์เตอร์เพราะจะซื้อสกินแคร์นี่แหละ แต่คุณ BA ดันให้ลองตัวนี้
จำได้เลยว่า BA บอกว่าขอลองทาบนหน้าให้ดูหน่อย ไม่ซื้อไม่เป็นไร แต่มั่นใจว่าเราจะซื้อแน่ๆหลังจากที่ส่องกระจดตอนทาเสร็จเรียบร้อยปุ๊บ...ได้โปรดรับเงินของฉันไป ณจุดนั้นลืมไปเลยว่าแป้งเขาราคา 3,200
พิมพ์มาขนาดนี้แล้วเขาดียังไงเนี่ย ตัวนี้เป็นแป้งไม่ผสมรองพื้นอัดแข็ง ไม่มีสี (Translucent) และ ไม่มีน้ำหอม เวลาทาฟีลไม่เหมือนทาแป้งเลย อยู่ดีๆก็แค่หน้าเนียนๆใสๆขึ้นมาซะอย่างงั้น
ทาหลังทากันแดดก็ได้ลุคใสๆจบเลย หรือจะทาหลังจากลงรองพื้นเพื่อเซตผิวก็ได้
ดีไม่ดีก็คือใช้จน Hit pan ง่ะะ ไม่เชื่อต้องลองไปพิสูจน์กันดูนะค้าาา ^ _ ^
หลังจากที่ประทับใจไปกับกันแดดของแบรนด์ Decorte แล้วถึงคราวถอยแป้งฝุ่นมาใหม่ ตัวนี้อ่านรีวิวมาจากพี่เนตตี้ Beauty Life และมิกิจินอีกแล้ววว
แป้งรุ่นนี้มีหลากหลายสีมากเลย ตอนไปลองก็งงๆเพราะเลือกไม่ถูก เยอะเกิ้นนน..
หลักๆก็คือเลือกให้พอดีกับผิวตัวเอง และความชอบของตัวเองว่าชอบลุคแมทท หรือชอบให้ผิวโกลว์ๆหน่อย เพราะแป้งของเค้ามีทั้งแบบแมททที่ไม่ผสมชิมเมอร์ให้ลุคนวลๆเป็นธรรมชาติ กับแบบที่ผสมชิมเมอร์เล็กๆมาด้วยทำให้ผิวโกลว์แต่ไม่เป็นดิสโก้บอล
เราใช้เบอร์ 80 Glowpink ค่ะ สีนี้จะเป็นแป้งสีชมพูและมีวิ้งๆผสมอยู่ด้วย
ความแพคเกจลวดลายดอกไม้ผู้หญิ๊งผู้หญิง เปิดออกมามีกลิ่นหอมดอกไม้อ่อนๆยังคงให้ฟีลผู้หญิ๊งผู้หญิงเช่นกัน เป็นแป้งฝุ่นที่เนื้อละเอียดม๊ากกกก ตอนทาจะฟุ้งๆนะคะระวังนิดนุง
วิ้งเขาละเอียดมากถ้าแสงปกติทาไปก็มองไม่เห็นค่ะ จะเห็นก็ต่อเมื่อเวลาอยู่ในแสงไฟเหลืองๆ
ถ้าส่องดูใกล้ๆจะเห็นเลยว่าชิมเมอร์เล่นไฟวิบวับๆ สำหรับลุคที่ได้เราว่าต่อให้มีชิมเมอร์เล็กๆแต่เขาแมทกว่า IPSA ค่ะ ตอนทาไปครั้งแรกมีคนทักว่าทำไมวันนี้หน้าเนียนจัง ดูธรรมชาติ แต่ถ้าถามความเห็นเราเราชอบ IPSA มากกว่าค่ะ แฮ่
STEP 4 : EYEBROW
ANASTASIA BROW PROMADE
ด้วยความที่เราเป็นลูกค้าประจำของ Anastasia เวลาเข้าไปใช้บริการหลังจากที่แวกซ์คิ้วเสร็จเรียบร้อยทางร้านก็จัดแต่งทรงคิ้วให้ด้วยผลิตภัณฑ์ของเขาเองก่อนหน้านี้ที่ใช้แบบ Powder อยู่เลยเปลี่ยนมาใช้แบบเจลบ้าง เพราะเริ่มเบื่อแบบ Powder ที่ใช้มาน๊านนานไม่หมดซักที
เขาเป็นที่เขียนคิ้วเนื้อเจล เวลาแตะเบามือนิดนึง เพราะให้สีชัดมากกกก
แต่ถามว่าถ้าเผลอหนักมือไปแก้ยากมั้ย? สำหรับเราที่เคยพลาดมาแล้ว บอกเลยว่าไม่ยากเพราะ สามารถเบลนๆออกได้ เราใช้สี Ash brown ให้สีที่ใกล้เคียงกับสีขนจริงๆ
เวลาทาแล้วให้ฟีลว่าคิ้วหนาๆ ฟูๆเป็นธรรมชาติดีค่ะ
แอบแนบรูปให้ดูว่าการใช้ที่เขียนคิ้วแบบเจลไม่ได้ให้ลุคคม เฉี่ยวเสมอไปเพราะสามารถทำให้คิ้วฟุ้งๆเป็นธรรมชาติได้เช่นกันค่าา ^^
Laneige Eyebrow Cushion-cara
เป็นที่เขียนคิ้วที่หมดแล้วซื้อซ้ำมากที่สุด ตลับนี้ตลับที่ 3 แล้วค่ะ
ถ้าถามว่าติดใจอะไรทำไมถึงซื้อซ้ำอันดับแรกคือสีที่ธรรมชาติเข้ากับสีผมดำๆของเรามาก
เนื้อสีเขาจะไม่ติดสีน้ำตาลจนดูโดดเกินสีผม แต่ก็ไม่ได้ดำสนิทขนาดนั้นแต่มีความเทาๆ
และเนื่องจากใน 1 ตลับมีทั้งสองสีทำให้เราสามารถไล่คิ้วให้มีมิติได้ง่ายกว่าการที่มีสีเดียวแล้วต้องมาคอนโทรลน้ำหนักมือเอง สำหรับเนื้อผลิตภัณฑ์จะเหลวๆเป็นน้ำสไตล์คุชชั่น+แปรงที่ให้มาทำให้เขียนเส้นๆได้ง่ายมาก แต่ถ้าไม่ชอบคมๆให้ใช้ด้านที่เป็นแปรงมาปัดๆก็จะฟุ้งเป็นธรรมชาติมากขึ้น
ANASTASIA BROW POWDER DUO
ที่เขียนคิ้วแบบฝุ่นใช้มาต่อเนื่องยาวนานตั้งแต่ปี 2019 จน 2021 ก็ยังใช้ไม่หมดจนขอหยิบมาพูดถึงซ้ำกันอีกครั้ง
เป็นตัวที่เคยรีวิวไปเมื่อนานมาแล้ว ถ้าใครถามหาที่เขียนคิ้วแบบฝุ่นที่ราคาไม่แพงจนเกินไปเราแนะนำตัวนี้เลย! เป็นที่เขียนคิ้วแบบฝุ่นที่เขียนง่าย ไม่จับตัวเป็นก้อน ให้สีชัดและติดทน (หางคิ้วไม่หลุด) ชอบที่มีสองสีในหนึ่งตลับทำให้ไล่สีคิ้วได้อย่างมีมิติ และที่สำคัญคือใช้ได้นานม๊ากกก ใช้ยังไงก็ไม่มีวี่แวว่าจะ Hit pan ซักที คุ้ม!
STEP 5 : EYE LINER
'เสกตาให้คม กลมโตสวยด้วยอายไลเนอร์'
สำหรับอายไลเนอร์จะใช้แต่แบรนด์เดิมๆที่คุ้นเคยและมั่นใจว่าใช้แล้วติดทนทั้งวัน ไม่แพนด้า หลักๆเลยมีอยู่แค่ 2 แบรนด์นี้เท่านั้น ก่อนหน้านี้จะมี Majorica อีกแบรนด์แต่ทว่าน้องได้เก็บกระเป๋าบินกลับญี่ปุ่นไปแล้ว ; _ ;
Twelve O' Clock แท่งนี้เป็นอายไลเนอร์ของพี่ตู่ ปิยะวดี นี่ใช้มาประมาณ 6 แท่งแล้วค่ะ ลองย้อนรีวิวกับฮาวทูเก่าๆของเราก็จะเห็นแท่งนี้อยู่ตลอด ^^ ที่ชอบเพราะว่าเป็นอายไลเนอร์สีดำสนิท (สีดำๆทำให้ตาของเราดูคมชัดขึ้นมาก จากเดิมที่ตาลอยๆเหมือนน้องง่วงนอนตลอดเวลา ได้ไลเนอร์แท่งนี้เข้าไป ตาตื่นและมีพลังขึ้นมาเลย) และในส่วนของปลายพู่กันเรียวแหลมทำให้เขียนเส้นได้คมกริบ ที่ชอบมากๆคือติดทนและไม่ไหลมากองที่ใต้ตาค่ะ..แต่หลังจากที่ใช้หมดแล้วซื้อใหม่อยู่หลายรอบรู้สึกว่าลอตหลังๆตัวพู่กันแอบแห้งเร็วและเริ่มไม่คมเร็วเกินไป หมดแท่งนี้เลยคิดอาจจะแอบนอกใจไปลองของ IPSA ที่ออกใหม่ดูค่ะ
KISS ME Heroine Make แท่งนี้เชื่อว่าสาวๆคุ้นชื่อแน่นอน เพราะเป็นแบรนด์ที่ฮิตมากๆทั้งในห้องแป้ง และจีบันเลย เราก็ใช้หมดซื้อซ้ำมาหลายแท่งแล้วค่ะ แท่งนี้พิเศษตรงที่เป็นสีน้ำตาลเข้ม เวลาเขียนแล้วทำให้ตาเราดูกลมโตสวย แต่หวานๆมากกว่าคมชัดค่ะ เหมาะกับคนที่ชอบให้ดวงตากลมโตขึ้น แต่ไม่อยากให้คมจนดุค่ะ แต่สำหรับเราที่ตาลอยๆง่วงๆน้านน..สีดำเท่านั้นค่ะ อ้อ ส่วนเรื่องความติดทน และไม่แพนด้าเต็ม 10 ไม่หักเหมือนกันค่ะ
พูดถึงเรื่องการล้างออกบ้างสำหรับทั้งสองตัวนี้ล้างออกง่ายด้วยการใช้คลีนซิ่งออยล์ หรืออาย รีมูฟเวอร์ค่ะ จริงๆใช้แค่คลีนซิ่งวอเทอร์ก็ออกอะพูดเลยย ดีอะไรแบบนี้
STEP6 : MASCARA
'ขนตางอนเด้ง ตาหวานจนน้ำตาลยังต้องเรียกพี่'
คอนเซปท์การเลือกใช้มาสคาร่าของเราจะคล้ายกับอายไลเนอร์คือใช้อยู่แค่ไม่กี่แบรนด์ ต้องมั่นใจจริงๆว่าใช้แล้วขนตางอนเด้ง ไม่ไหลมากองที่ใต้ตา
KISS ME HEROINE MAKE เมื่อมีอายไลเนอร์สีน้ำตาลแล้ว ก็ต้องมีมาสคาร่าสีน้ำตาล ตอนนั้นซื้อมาพร้อมกันเพราะอยากรู้ว่าเวลาขนตาสีน้ำตาลและอายไลเนอร์สีน้ำตาลแล้วลุคจะออกมาเป็นยังไงน้าา สำหรับมาสคาร่ารุ่นนี้เป็นรุ่น Long & Volume เวลาปัดแล้วให้ขนตายาวม๊ากกก ไม่แพ้รุ่นสีดำเลย แต่ด้วยความที่เป็นสีน้ำตาลเวลาปัดจะดูซอฟท์ๆตาหวานกว่าสีดำค่ะ ความติดทนงอนเด้ง ไม่แพนด้าเราให้คะแนนเต็ม! แต่ใครสนใจต้องบอกไว้ก่อนว่าเขาล้างยากนิดนึงนะคะ ต้องใช้อายรีมูฟเวอร์เท่านั้นถึงจะออก ต้องให้เวลาในการล้างเค้าหน่อย
CANMAKE รู้จักกับตัวนี้เพราะรีวิวในทวิตเตอร์เลยค่ะ ไม่คิดว่าอายไลเนอร์ถูกและดีจะมีอยู่จริง ตัวนี้ราคาไม่แพงเลยแค่ประมาณ 2 ร้อยนิดๆ แต่ผลลัพธ์ที่ได้ตรงกันข้ามค่ะ
แปรงของเขาจะเป็นหวีทำให้เรียงและจับขนตาให้เป็นช่อๆได้ สีดำสนิททำให้ดวงตาดูคมโตยิ่งขึ้นไปอีก ในส่วนของความติดทน และไม่แพนด้าเราไม่หักเลย สำหรับการล้างออก CANMAKE ล้างออกง่ายกว่า KISS MEค่ะ