มหากาพย์อุ้มบุญดับอนาคตนางเอกดังจีน
candy 53 10เมื่อไม่กี่วันมานี้ ชาวจีนต้องพบกับ scandal ที่สั่นคลอนความรู้สึกจากการเสพข่าวชีวิตอีกด้านของนางเอกผู้โด่งดัง พวกเรามักเคยชินกับภาพลักษณ์ของเซเลบระดับท็อปของจีนที่ต้องวางตัวเป็นแบบอย่างทางศีลธรรมจรรยาและจารีตประเพณีของชนชาติ แม้จะรู้ดีว่า คนดังเหล่านี้จะต้องวางตัวอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้ตัวเองถูกมองในแง่ร้ายจนได้รับผลกระทบจาก cancel culture
แต่คงเป็นเรื่องยากที่จะมีคนทำใจยอมรับได้เต็มหัวใจว่า นางเอกสาวที่มีรูปลักษณ์อันใสซื่อ ผู้ที่เคยได้รับความเห็นใจจากมวลชนอย่างล้นหลามจากการเปิดเผยเรื่องความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่กับผู้ชายใจคด จะถูกเปิดโปงว่าเธอได้ทอดทิ้งลูกน้อยสองคนที่เกิดจากการอุ้มบุญ และเคยพยายามบีบให้แม่อุ้มบุญทั้งสองทำแท้งเพื่อกำจัดลูกที่เธอไม่ต้องการอีกต่อไป หลังจากความพยายามนั้นไม่ประสบผล ความลับเรื่องนี้ก็ได้ย้อนกลับมาทำลายอาชีพนักแสดงของเธอซะแล้ว
Surrogacy Gate ของเจิ้งส่วง : Trending อันร้อนแรงในจีนที่สั่นสะเทือนถึงกระบวนการอุ้มบุญ
จากนักแสดงสาววัยรุ่นที่ดูสดใสจากซีรีส์รีเมค "รักใสๆหัวใจสี่ดวง" เจิ้งส่วงได้ก้าวเข้ามากำหัวใจแฟนๆด้วยการเปลี่ยนแปลงโฉมเป็นสาวงามตามสเป็ควงการบันเทิง ดวงตาใสซื่อออดอ้อน ผิวพรรณขาวจัดและรูปร่างบอบบางน่าทะนุถนอมได้สร้างเสียงชื่นชมให้กับนางเอกสาวจนดังเปรี้ยงปร้างจากการจับคู่กับหยางหยางในซีรีส์ Love 020 ปูทางให้เธอก้าวเข้ามาสร้างความสำเร็จระดับsuperstar จากนั้น เธอได้รับบทหญิงสาวที่มีจิตใจงดงามบริสุทธิ์มาแล้วหลายครั้ง แต่เมื่อพูดถึงตัวตนนอกจอ เจิ้งส่วงได้สร้างความฮือฮาด้วยนิสัยเปิดเผยตรงไปตรงมาแบบสาวจีนยุคใหม่ แต่ก็เป็นที่รักใคร่จาแฟนคลับเป็นอย่างยิ่ง
ความดังของเธอไม่ธรรมดา เพราะถูกรับเลือกให้เป็นหนึ่งใน "สี่บุปผาแห่งวงการบันเทิงจีน " ที่จะคัดเลือกนางเอกกระแสแรงที่ผลงานโดดเด่นในแต่ล่ะยุค นางเอกดังที่ได้อยู่ในกลุ่มสี่บุปผาในแต่ล่ะยุคก็เกาะตำแหน่ง A Lister อย่างเหนียวแน่นกันมาแล้วหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็น เจ้าเวย จางจื่ออี้ หยางมี่ แองเจล่าเบบี้ ส่วนเจิ้งส่วงนั้นได้รับการโหวตจากชาวเน็ทนับร้อยล้านคน รวมไปถึงการสำรวจความเห็นจากคนวงในจนได้รับฉายาหนึ่งในสี่บุปผายุคใหม่ที่เกิดในช่วง 90s อนาคตในวงการของเธอก็ดูรุ่งโรจน์ไม่มีทีท่าจะดับแสง ทั้งงานแสดงและงานพรีเซนเตอร์ที่สร้างชื่อเสียงและรายได้มหาศาล
คงไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่า เธอจะต้องเผชิญกับความฉาวโฉ่ที่ถูกขนานชื่อว่า Surrogacy Gate *
* หากมีเรื่องฉาวใหญ่โตระดับชาติ มักจะมีคนนำคำว่า gate ต่อท้าย ซึ่งมีที่มาจากคดี Watergate ที่ทำให้ประธานาธิบดีRichard Nixon แห่งอเมริกาต้องลาออก และหมายความว่า ข่าวของเจิ้งส่วงทำให้เธอตกอยู่ในภาวะวิกฤติเลยทีเดียว
Timeline ชนวนบ่อเกิดแห่งความแตกหัก และลูกที่จู่ๆก็โผล่ขึ้นมาถึงสองคน
ที่ผ่านมา เจิ้งส่วงเคยรับมือกับ scandal มาแล้วหลายครั้ง แต่ fanbase ที่แข็งแกร่งได้ส่งแรงสนับสนุนเธอจนฝ่าฟันอุปสรรคมาได้ แต่วิกฤติครั้งนี้ทำให้เธอถูกมองไปเป็นคนละคน ถึงขั้นที่หลายคนต่างเชื่อมั่นว่า เธอจะไม่ได้ผุดได้เกิดในวงการอีกเลย
พฤษภาคม 2018 ข่าวที่มีภาพยืนยันว่านางเอกชื่อดังพบรักกับโพรดิวเซอร์หนุ่มกลางกองถ่ายรายการ TV สร้างเสียงวิจารณ์ถึงความสัมพันธ์ที่ก่อตัวอย่างรวดเร็ว หลังจากที่เธอเพิ่งจะมีภาพนัดพบกับแฟนเก่าที่ดูใกล้ชิดราวกับว่ากำลังจะกลับมาคืนดี แต่ก็มีการสันนิษฐานว่า อาจจะเป็นเพียงตัวหลอกไม่ให้รอบข้างพุ่งความสนใจกับแฟนใหม่
สิงหาคม 2018 ทั้งคู่เปิดเผยความสัมพันธ์อย่างเต็มที่ และลงหุ้นเปิดบริษัทด้วยกันทั้งๆที่รู้จักกันได้เพียงไม่กี่เดือน ในช่วงแรกนั้น สื่อยังโปรโพรไลฟ์ว่าจางเหิง ว่าเป็นทายาทเศรษฐีดีกรีนักเรียนนอก ยังไม่มีใครเอะใจเรื่องการฉ้อโกงปอกลอกฝ่ายแฟนสาวแต่อย่างใด
มกราคม 2019 มีการสันนิษฐานกันว่า เจิ้งสวงและจางเหิงบินไปแต่งงานกันอย่างลับๆที่อเมริกา จากการแชร์ภาพของสุนัขตัวโปรดของฝ่ายหญิงที่มีการจัด theme ของงานแต่งงาน
ช่วงหน้าหนาวของปี 2019 เจิ้งส่วงและจางเหิงปรากฏตัวใน Meeting Mr. Right รายการ reality ด้วยกัน ตอกย้ำเรื่องความสัมพันธ์ที่แสนเปิดเผย แฟนๆได้รับรู้ถึงชีวิตส่วนตัวและความสัมพันธ์ของฝ่ายชายต่อครอบครัวของเจิ้งส่วง เหมือนกับจะบอกใบ้ว่า เขาคือคนที่เธอจริงจังและอาจจะมีสิทธิ์ก้าวไปสู่การแต่งงาน
มีรายงานว่า เจิ้งส่วงทุ่มเงินลงทุนไปกับบริษํทที่เปิดร่วมกับแฟนหนุ่มโพรดิวเซอร์ถึงสิบล้านหยวน (สี่สิบหกล้านบาทเศษๆ) ส่วนเขาลงทุนไปเพียงสองแสนหยวน (เก้าแสนบาทเศษๆ) เท่านั้น
ตุลาคม 2019 ชาวเน็ทสะสมความไม่พอใจในตัวจางเหิง เพราะมีภาพทางรายการที่เธอดูเศร้าโศกจากพฤติกรรมและคำพูดของเขา และมีข่าวคราวเรื่องการเลิกราออกมาหลายครั้ง แต่ภาพที่จางเหิงแต่งเพลงประกาศความรักต่อเจิ้งส่วงจนทำให้เธอต้องซาบซึ้งน้ำตาไหลและจูบกันกลางรายการาทำให้ชาวเน็ทจีนฮือฮากลายเป็น viral รวทถึงข่าวลือว่า พวกเค้าคงประกาศข่าวแต่งงานในเร็วๆนี้
ธันวาคม 2019 viral ภาพความสวีทในรายการ TV กลายเป็นอดีตรัก เพราะไม่นานจากนั้นเจิ้งส่วงก็ประกาศว่าแยกทางกับจางเหิงแล้ว และมีข่าวลือหนาหูว่า สาเหตุของการเลิกรามาจากความขัดแย้งเรื่องเงินๆทองๆ
ตามใบเกิดของลูกๆที่ถูกปล่อยในโลกออนไลน์ ลูกชายเกิดมนเดือนธันวาคมปี 2019 และลูกสาวเกิดในเดือนมกราคม 2020 สถานที่เกิดอยู่ในอเมริกาที่ต่างรัฐกัน นั่นหมายความว่า เด็กๆเกิดมาจากการอุ้มบุญสองครั้งจากแม่อุ้มบุญคนละคนกันนั่นเอง
มกราคม 2020 เจิ้งส่วงยื่นฟ้องอดีตแฟน(หรือตอนนี้ทุกคนกำลังสงสัยว่าเป็นสามี) ว่าทำการฉ้อโกง โดยการหยิบยืมเงินกูนอกระบบที่มีดอกเบี้ยสูงด้วยการใช้ชื่อของเธอเพื่อลงทุนธุรกิจเป็นเงินนถึงยี่สิบล้านหยวน เจิงหวงตั้งทนายสู้คดีกลับ โดยอ้างว่าเงินจำนวนดังกล่าวเป็นค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายทางธุรกิจ ไม่ใช่เงินกู้ เพราะในระหว่างที่พวกค้าคบหากัน จาวเหิงก็ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการให้เธอด้วย
พฤศจิกายน 2020 ศาลในเซี่ยงไฮ้สั่งให้จางเหิงชำระเงินจำนวนมากมายที่ติดค้างเจิ้งส่วง รวมไปถึงดอกเบี้ย เขายื่นอุทธรณ์ต่อ ในระยะเวลาที่ผ่านมาชื่อของเขาถูกเหยียดหยามจากชาวเน็ทจนเหลวแหลกไม่มีชิ้นดี จากเดิมที่สื่ออวยว่าเป็นทายาทตระกูลที่ร่ำรวยก็เปลี่ยนมาเป็นแมงดาเจ้าเล่ห์ที่วางแผนปอกลอกนางเอกที่น่าสงสาร
18 มกราคม 2021 จางเหิงโพสต์ใน Weibo เพื่อเล่าความฝั่งตัวเอง เขายืนกรานปฏิเสธเรื่องฉ้อโกง และเล่าถึงสถานการณ์ที่ต้องติดอยู่ในอเมริกา ไม่สามารถกลับไปยังจีนได้เพราะต้องดูแลลูกๆทั้งสอง ส่อความหมายว่า เจิ้งส่งคือแม่ของเด็ก เขาประกาศว่าจะรอให้ระบบยุติธรรมจากในอเมริกาและจีนพิสูจน์ความจริง และขอร้องไม่ให้ทุกคนเอาแต่เชื่อข่าวลือที่ว่อนอยู่ในโลกออนไลน์
ภาพที่จางเหิงจับมือและอุ้มลูกน้อยทั้งสองก็สร้างความตกตะลึงพรึงเพริดให้กับชาวจีนมากพออยู่แล้ว แต่หลักฐานที่ถูกจัดให้เป็นเครื่องมือที่ทำให้อีกฝ่ายน็อคเอาท์ก็คือคลิปเสียงยาวเหยียดที่ถูกปล่อยตามมายืนยันเรื่องราวนั่นเอง
เนื้อหาจากคลิปเสียงสุดฉาวที่ชาวจีนประนามว่าช่างไร้ศีลธรรมและเลือดเย็น
• พ่อของเจิ้งส่วงแนะให้ทิ้งเด็กๆไว้ที่โรงพยาบาล แต่ฝั่งครอบครัวจางเหิงโต้ว่า มันไม่ได้ง่ายอย่างที่พูด แและยังผิดกฎหมายที่อเมริกา
• พ่อแม่เจิ้งส่วงเสนอให้ยกเด็กไปเป็นลูกบุญธรรม เพราะนอกจากจะเป็นเรื่องที่ดีต่อผู้ที่ต้องการจะมีลูก มันก็ยังเหมาะสมต่อสถานการณ์ของเจิ้งส่วงและจางเหิงที่แยกทางกันแล้ว
• แม่เจิ้งส่วงอธิบายสถานการณ์หลังจากปรึกษากับทนายว่า ไม่สามารถทำแท้งเด็กได้
คำพูดสุดช็อคจากเจิ้งส่วง
" เราทำแท้งเด็กไม่ได้แล้ว บ้าจริง นี่มันน่ารำคาญชะมัด"
" ถ้ามีหน่วยงานที่ต้องการเงินเพื่อจะยกเด็กให้คนอุปการะ ก็จ่ายไปเลย"
19 มกราคม 2021 การชี้แจงอย่างคลุมเครือจากนางเอก
เจิ้งส่วงระบุแต่เพียงว่า นี่เป็นเป็นเรื่องเศร้าและเป็นเรื่องส่วนตัวที่ไม่อยากเล่าให้ทุกคนได้รับรู้ เรื่องที่ถูกเผยแพร่ออกสื่อนั้นก็มาจากเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ เธอได้พึ่งพาทนายจากทั้งในจีนและอเมริกาเพื่อปกป้องครอบครัวมาเป็นเวลากว่าสองปีโดยที่ไม่ได้ตัดขาดการติดต่อหรือเว้นจากการไกล่เกลี่ย
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่สังคมอยากจะได้ยิน เพราะปัญหาที่ค้างคาใจผู้คนก็คือ ท่าทีของเธอต่อเด็กๆที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไข นี่ไม่ใช่การตั้งครรภ์โดยพลาดพลั้ง แต่เป็นความตั้งใจในการให้กำเนิดเด็กถึงสองคน ไม่ว่าจะมีเหตุผลใด หรือว่าสถานการณ์แบบไหนที่ทำให้เธอตัดสินใจมีลูกกับจางเหิง แต่ข้อเท็จจริงก็คือ เธอจะต้องยินยอมพร้อมใจเพื่อใช้ไข่จากร่างกายตัวเองเพื่อให้กำเนิดลูกจากกระบวนการอุ้มบุญ นอกจากจะมีเรื่องราวลึกลับซับซ้อนกว่านั้น
การชี้แจงเรื่องราวจากเจิ้งส่วงก็ไม่ต่างจากการเติมเชื้อเพลิงในกระแสข่าวฉาวนี้ แม้หลายคนจะยังไม่เชื่อถืออดีตคนรักของเธอที่ต้องสู้คดีฉ้อโกงเงินนับร้อยล้านบาทของเธอ แต่ก็ยังมีการทวงถามความมีมนุษยธรรม เพราะมันไม่ใช่ความผิดใดๆของเด็กบริสุทธิ์ที่เกิดมาหลังจากพ่อแม่เปลี่ยนแปลงความรู้สึกที่มีต่อกัน แต่เธอเลือกจะไม่พูดถึงชีวิตของเด็กทั้งสอง ทำให้กระแสตอบรับจากชาวเน็ทยิ่งเกรี้ยวกราด ทำให้เธอต้องส่งข้อความชี้แจงอันใหม่ตามมา
นี่คือส่วนหนึ่งของข้อความบอกเล่าเรื่องราวจากฝั่งเจิ้งส่วง
• จางเหิงนอกใจเธอเมื่อเดือนกันยายน ปี 2019 ทำให้เธอเดินทางจากอเมริกากลับมายังจีนด้วยเพื่อจะจบปัยหาทุกอย่าง
• เธอต้องการจะแก้ไขปัญหานี้เงียบๆ ทั้งเรื่องอนาคตและเงินกู้ยืมของจางเหิง
• พ่อแม่จางเหิงติดต่อมาหาพ่อแม่เธอเพื่อขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้นและใช้เวลาถกกันทั้งคืน และส่วนหนึ่งของบทสนทนาก็รากฏอยู่ในคลิปเสียงที่ถูกปล่อยออกมาทางเน็ท แต่ที่จริงแล้วมันมีความยาวถึงหกชั่วโมง
• เธอร้องไห้โวยวายด้วยความทุกข์ใจจนพ่อแม่เป็นห่วง พ่อจึงแนะว่ายกเงินให้จางเฉิงตามที่เขาต้องการไปซะ และให้มองในแง่ดีเข้าไว้ ไม่ต้องทำให้เรื่องยุ่งยากมากกว่าเดิม
• เธอโทษตัวเองที่เป็นผู้หญิงโง่เขลาที่สร้างภาระใหญ่หลวงให้กับครอบครัวจากความผิดพลาด เธอขอโทษพ่อแม่ที่ห้ามไม่ให้พวกเค้าบอกความจริงให้คนอื่นรู้ เพราะกลัวว่าเป็นข่าวฉาว
• เธอกล่าวถึงเงินหลายล้านที่หายไป และรู้ตัวว่าจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือ รวมถึงการแก้ไขปัญหาเรื่องเด็กทั้งสอง
จะเห็นได้ว่าเธอได้เอ่ยถึงลูกที่เกิดมาจากอุ้มบุญแล้ว แต่นอกจากเรื่องถูกนอกใจและฉ้อโกง แต่ไม่ได้ชี้แจงเรื่องการบีบให้แม่อุ้มบุญทำแท้ง หรือการไม่ยอมรับเด็กเป็นลูกแต่อย่างใด
พ่อเจิ้งส่วงเดือดหนัก "จะไม่ให้เงินคนพวกนั้นสักหยวน"
เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ครอบครัวฝั่งจางเหิงไม่ได้ทอดทิ้งหรือยกเด็กๆให้กับคนอื่น แต่หันกลับมาเล่นงานเจิ้งส่วงด้วยหลักฐานใบเกิดและคลิปเสียงสนทนา พ่อของเธอจึงออกอาการรับไม่ได้ ประนามเจิงหวงออกสื่อออนไลน์ว่า ขี้ขลาด โลภมาก เป็นจอมหลอกลวงที่ล่อให้ครอบครัวพวกเค้าเจรจาผ่านโทรศัพท์แล้วแอบบันทึกเสียงเพื่อจะชี้นำให้พูดแบบนั้นออกไป
"พวกเค้าร้ายกันทั้งครอบครัว เขาทำได้ทุกอย่างเพื่อเงิน เป็นคนที่เลวร้ายและน่าขยะแขยง ความสัมพันธ์ที่ผ่านมาทำร่ายเจิ้งส่วงอย่างสาหัสและเธอต้องสูญเสียเงินไปมากมาย เราเป็นฝ่ายจ่ายเงินทุกอย่างเพื่อจะเปิดบริษัทนั้น เขายังไม่ได้จ่ายเงินที่ติดค้างเราไว้ยี่สิบล้านหยวน และยังหน้าด้านมาบอกว่ามันเป็นเงินเดือนตัวเอง เขาไร้ซึ่งยางอาย พวกเค้าพยายามบีบเราให้สู่กลลวงหลอกเอาเงินของเรา
พ่อเจิ้งส่วงได้อธิบายสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับหลานในไส้อย่างสั้นๆว่า
" เราเป็นครอบครัวที่มีความรับผิดชอบ เราไม่ได้ทอดทิ้งและอยากจะรับผิดชอบพวกเค้า(เด็กๆ) รอให้ความจริงปรากฏก่อนเถอะครับ และอีกอย่างนะ เราจะไม่ให้ครอบครัวนั้นได้ไปสักแดงเดียว คุณคิดเหรอว่าคนพวกนี้ใจดีมีเมตตานักหนา เมื่อไม่กี่วันก่อนพวกเค้าเรียกร้องให้มาไกล่เกลี่ยกันนอกรอบ ไม่งั้นพวกเค้าจะทำลายเราซะ"
( น่าจะสื่อถึงการไกล่เกลี่ยเรื่องเงินนั่นเองค่ะ)
ถูกขุดคุ้ยและแฉซ้ำซ้อน สถานภาพของเด็กๆยังไร้ความแน่นอนเพราะแม่ไม่ต้องการ
scandal ที่ร้ายแรงของเจิ้งส่วงทำให้คดีเลียงภาษีของฟ่านปิงปิงกลายเป็นเรื่องรองไปเลย ดึงดูดให้ชาวเน็ทและสื่อไล่ล่าตามหาความลับซับซ้อนเพื่อนำมาวิจารณ์กันอย่างเผ็ดร้อน นอกจากจะตอกย้ำว่า ชีวิตนางเอกแสนเลิศเลอของเธอจะต้องอวสานที่ตรงนี้ แต่ก็มีคำถามผุดขึ้นมาอีกมาก
• อนาคตของเลือดเนื้อเชื้อไขของเจิ้งส่วงและจางเหิงจะเป็นอย่างไร ในเมื่อคนวงในได้ปล่อยข้อมูลออกมาว่า เด็กๆควรจะได้รับสัญชาติจีน แต่การดึงเรื่องเจรจาทำให้ฝ่ายหญิงยังไม่ตกลงใจยอมรับเป็นแม่เด็กทางกฎหมายทำให้สถานภาพของพวกเค้ายังไร้ความแน่นอน และหลายคนยังเป็นห่วง หากเด็กๆต้องเติบโตมารับรู้ถึงความขัดแย้งของพ่อแม่ และพบกับความเจ็บปวดว่าพวกเค้าอาจจะไม่ได้เป็นที่ต้องการ
• แม้ผู้คนจำนวนไม่น้อยได้แสดงความเข้าใจที่เจิ้งส่วงต้องผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบาก เธอสูญเสียเงินไปเป็นจำนวนมาก ความทุกข์ทรมานที่ถูกหักหลังย่อมกั้นขวางไม่ให้ต้องการมีส่วนร่วมใดๆ กับชายคนนี้อีก และยังมีความเชื่อว่า เจิ้งส่วงและครอบครัวย่อมหวาดกลัวที่จะถูกอีกฝ่ายใช้ลูกเป็นเครื่องมือเรียกร้องเงินไม่รู้จบสิ้น
แต่ก็มีเสียงโต้แย้งว่า หากเธอรู้ตัวว่าตัดสินใจพลาดไปแล้ว ก็น่าจะมีวิธีจัดการกับปัญหาที่รัดกุมและมีมนุษยธรรมมากกว่าการยัดเยียดให้เด็กที่ไม่มีความผิดต้องเข้าสู่กระบวนการรับเลี้ยงลูกบุญธรรม สื่อรายงานว่าในระยะเวลาสิบสองปีที่เข้าวงการมา เธอสร้างรายได้ถึงพันล้านหยวน แม้จะหักภาษีออกไปแล้ว ก็ยังเป็นนางเอกที่มั่งคั่งไม่แพ้นักแสดง A List คนอื่นๆ ก่อให้เกิดกระแสประนามว่าเธอไม่คิดแม้แต่จะเลี้ยงดูลูกของตัวเอง ทั้งๆที่มีฐานะดีพร้อมพรั่ง
ชาวเน็ทได้หยิบยกคำพูดของเธอในรายการ TVที่ ว่า เธอปรารถนาจะเป็นแม่คนมาตลอด และมีความคิดจะแช่แข็งไข่ก่อนอายุ 30เพื่อมีลูกในอนาคต ซึ่งสวนทางกับความจริงที่ว่า ในขณะที่เธอออกรายการนี้ ลูกของเธอทั้งสองก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมาแล้วและตำเป็นต้องอาศัยในอเมริกาโดยไม่ได้พบหน้าแม่ที่แท้จริง
ผลกระทบที่แสนร้ายกาจ ถูกแบนทุกผลงาน สะเทือนไปถึงเพื่อนร่วมวงการและนายทุน
หลังจากที่แบรนด์ดังประกาศฉีกสัญญาเพราะไม่สามารถรับกระแสกดดันจาก Surrogacy Gate ส่งผลให้เจิ้งส่วงได้รับฉายา "นางมารสวม Prada"ตัวจริง พ่วงมาเพิ่ม แต่ความเสียหายนั้นรุนแรงร้าวลึกกว่าการถูกยกเลิกสัญญามากมายนัก ซีรีส์ที่แฟนๆต่างรอคอยสามเรื่องถูกเลื่อนกำหนดฉายอย่างไม่มีกำหนด โดยไม่ต้องรอให้ชาวเน็ทคว่ำบาตร เพราะทางการจีนได้ออกมาสั่งแบนผลงานเธออย่างเด็ดขาด ยังไม่ทราบว่าเธอจะต้องรับผิดชอบความเสียหายจากการยกเลิกสัญญาโฆษณาเหมือนกับคนดังญี่ปุ่นที่มีข่าวอื้อฉาวหรือไม่
• Lora Rose แบรนด์เครื่องประดับจาก London ได้ลบคอนเทนท์ทุกอย่างเกี่ยวกับเจิ้งส่วงออกไปจนหมด เช่นเดียวกับนิตยสาร Harper Bazaar
• Chioture แบรนด์เครื่องสำอางจีนประกาศยกเลิกสัญญากับนางเอกดังเช่นเดียวกัน
• เธอยังมีสัญญากับอีกหลายแบรนด์ที่ดูชัดเจนว่าจะไม่ได้ไปต่อ
• เธอไม่มีสิทธิ์มาปรากฏตัวในรายการวาไรตี้ต่างๆที่เป็นขุมทองในการสร้างชื่อเสียงเงินทองของนักแสดงจีน โพรดิวเซอร์รายการที่ไม่ประสงค์จะออกนามยืนยันว่าไม่มีใครต้องการร่วมงานกับเธออีก
• ผู้จัด Huading Awards ถอดถอดรางวัลที่เจิ้งส่วงเป็นผู้ชนะในปี 2014และ 2016 ในขณะที่เวทีอื่นๆยังปิดปากเงียบ เนื่องจากโด่งดังมาตลอดระยะเวลาสิบสองปี ทำให้เธอกวาดรางวัลการแสดงและรางวัลยอดนิยมมาเป็นจำนวนมาก เมื่อปีที่แล้วก็ยังเป็นผู้ชนะ "นักแสดงยอดนิยมหญิงแห่งปี" จาก Weibo Awards มาด้วยซ้้ำ
• คณะกรรมการกลางของสันนิบาติเยาวชนคอมมิวนิสต์จีน คืออีกองค์กรที่ออกโรงตำหนินางเอกชื่อดัง
" ชีวิตคนเราไม่ใช่การละเล่น ชีวิตทั้งชีวิตจะเป็นเรื่องตลกได้อย่างไร คนดังสมควรจะเข้าใจถึงความรับผิดชอบของตัวเอง"
ชัดเจนเหลือเกินว่า แทบทุกฝ่ายประกาศเจตนาเพื่อตัดขาดจากเจิ้งส่วงโดยไร้เยื่อใยอย่างสิ้นเชิง
กระแสต่อต้านการอุ้มบุญแพร่สะพัดในจีน
คณะกรรมการกลางด้านการเมืองและกฎหมายจีนได้โจมตีเรื่องนี้โดยมุ่งไปยังฝ่ายหญิงอย่างชัดเจน
"การอุ้มบุญเป็นสิ่งต้องห้ามในจีนแผ่นดินใหญ่เนื่องจากเป็นการใช้มดลูกผู้หญิเป็นเครื่องมือเพื่อซื้อขายชีวิตคนราวกับสินค้าทั่วไป "
"ในฐานะที่เป็นพลเมืองจีน การเดินทางไปยังอเมริกาเพื่ออุ้มบุญคือการใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายแสดงถึงความไม่เคารพกฎหมายบ้านเมือง"
" ในขณะที่ยังมีความรักให้กันอยู่ คุณยินดีจะร่วมเลี้ยงดูลูกด้วยกัน การเลือกจะทอดทิ้งเด็กหลังจากยุติความสัมพันธ์ย่อมเป็นพฤติกรรมที่ไม่สมควร"
ที่ประเทศจีน แม้การอุ้มบุญจะเป็นเรื่องผิดกฎหมาย แต่ก็เป็นที่ทราบกันอย่างกว้างขวาง ถึงปัญหาลักลอบอุ้มบุญ คู่สามีภรรยาที่ใฝ่ฝันจะมีทายาทสืบวงศ์ตระกูลได้เลือกเข้าหานายหน้าจากตลาดมืดเพื่อว่าจ้างแม่อุ้มบุญให้กำเนิดทารก และไม่ได้เป็นกระบวนการที่มีมาตรฐาน อาจจะเกิดอันตรายต่อทั้งเด็กและผู้ที่เกี่ยวข้อง และทำให้สังคมได้ตั้งคำถามกับเจิ้งส่วงเช่นกันว่า เธอได้ใช้บริการเอเจนซี่ที่ได้รับอนุญาตในอเมริกาหรือไม่ ?
แม้ว่าหลายคนจะเชื่อว่าการอุ้มบุญเป็นธุรกิจการเช่ามดลูกและซื้อขายเด็กทารก แต่สำหรับประเทศที่อนุญาตให้มีการอุ้มบุญอย่างถูกกฎหมายอย่างอเมริกา ก็ไม่ได้สนับสนุนความเชื่อว่า "ไม่ว่าใครก็มีลูกได้ หากเงินถึง" กระบวนการต่างๆมีความซับซ้อนไม่น้อย มีการบัญญัติกฎหมายขึ้นมาปกป้องชีวิตบริสูทธิ์ที่กำลังลืมตาดูโลก พ่อแม่ที่เลือกการอุ้มบุญจะต้องมีที่ปรึกษาและการตรวจสอบว่าพร้อมจะเป็นพ่อแม่หรือไม่ มิเช่นนั้นแล้ว หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเปลี่ยนใจไม่ต้องการมีลูก ทั้งๆที่เด็กกำลังเติบโตในครรภ์ ก็อาจจะนำมาซึ่งความขัดแย้ง และส่งผลกระทบต่อเด็กเป็นส่วนใหญ่
.
แฮชแทก #坚决反对一切形式的代孕 หรือต่อต้านการอุ้มบุญทุกรูปแบบได้รับความสนใจจากชาวเน็ทจีนจนมียอดชมร่วมๆสามร้อยล้านครั้ง และกลายเป็นประเด็นร้อนแรงที่สร้างข้อถกเถียงไม่จบสิ้น เพราะแม้ว่าจะมีผู้คนมากมายที่เชื่อว่า การอุ้มบุญก็ไม่ต่างจากธุรกิจค้ามนุษย์ที่ไม่สมควรจะยอมรับเด็ดขาด แต่ก็มีผู้ที่โต้แย้งว่า ในจีนนั้น ยังมีปัญหาเด็กถูกลักพาตัวและเรื่องค้ามนุษย์จริงๆ หากรัฐบาลเปลี่ยนแปลงให้คู่สมรสได้มีโอกาสเลือกมีลูกด้วยวิธีนี้ได้ ก็อาจจะลดปัญหาเด็กถูกลักพาตัว รวมถึงการอุ้มบุญในตลาดมืดที่ทำให้มีเด็กที่เกิดมาโดยไร้ทะเบียนเกิดและเกิดปัญหายุ่งยากมากมายในภายหลัง
คลีนิครักษาผู้มีบุตรยากในอเมริกาอ้าง - เจิ้งส่วงยังไม่ชำระค่าใช้จ่ายครบถ้วน และปัดความรับผิดชอบในตัวเด็กๆให้คลีนิคดูแลแทน
ข่าวฉาวดูจะไม่ยุติง่ายๆ เมื่อผู้อำนวยการคลีนิคสำหรับผู้มีบุตรยากแห่งหนึ่งในอเมริกาได้แสดงตัวเพื่อยืนยันว่า เจิ้งส่วงได้เข้าสู่ขั้นตอนการรักษาเพื่ออุ้มบุญในคลีนิคแห่งนี้ และ เธอก็ยังไม่ได้ชำระค่าบริการในแพคเกจราคาราวๆ 168,000 ดอลลาร์ครบถ้วน เธอยังติดค้างเงินจำนวนหนึ่งที่ตกลงไว้ว่าจะจ่ายหลังจากเด็กๆได้ลืมตาดูโลกแล้ว พวกเค้าอ้างว่าเธอติดต่อเข้ามาให้คลีนิคดูแลเลี้ยงดูทารกโดยยื่นขอเสนอเป็นเงินค่าดูแลประมาณ 6,100 ดอลลาร์ต่อเดือน และแสดงจุดยืนที่หนักแน่นที่จะไม่ยอมรับเด็กๆเป็นลูกและไม่ต้องการให้่พวกเค้าเดินทางไปอาศัยในประเทศจีน
ผู้อำนวยการคลีนิคกล่าวว่า เจิ้งส่วงแสดงความจำนงที่จะไม่ยอมรับเด็กๆในครรภ์ในขณะที่แม่อุ้มบุญท้องได้เจ็ดเดือน เธอร้องขอให้แพทย์ยุติการตั้งครรภ์โดยทันที แม้ว่าเด็กๆจะมีชีวิตในครรภ์เจ็ดเดือน และก็ตรงกับคลิปเสียงที่ถูกปล่อยออกมา คลีนิคปฏิเสธเพราะมันเป็นสิ่งที่ปิดกฎหมายนั่นเอง
ผู้อำนวยการได้ให้เครดิตกับจางเหิงที่ยอมรับเด็กๆไปเลี้ยงดู แม้ว่าสถานการณ์อาจจะเปลี่ยนแปลงจนอาจจะไม่ได้อยากทำหน้าที่พ่อเพียงผู้เดียว
สงคราม discredit เริ่มต้นอย่างเต็มรูปแบบ
หลายคนคงทราบกันแล้วว่า หลังจากที่เจิ้งส่วงถูกกล่าวหาว่าทอดทิ้งลูกๆที่เกิดจากการอุ้มบุญ เพจ Zheng Shuang Fan Siteที่มีผู้ติดตามสี่แสนกว่าคนได้ลบคอนเทนท์ของเธอออกไปจนหมดเกลี้ยง ประธานแฟนคลับหลักประกาศบอกลาผ่าน Weibo แต่จำนวนผู้ติดตามบน social media ของเจิ้งส่วงกลับสูงขึ้นมากกว่าล้านคนในเวลาเพียงไม่กี่วัน ความอยากรู้อยากเห็นของผู้คนนั้นฟังดูน่าสะพรึง โดยเฉพาะสงครามการสาดโคลนได้เริ่มต้นอย่างเต็มรูปแบบ เมื่อฝั่งพ่อเจิ้งส่วงได้ตราหน้าอดีตแฟนของลูกสาวว่ามีพฤติกรรมหลอกลวงไม่ต่างจากสิบแปดมงกุฎ บุคคลหนึ่งที่อ้างว่าเป็นเพื่อนของจางเหิงก็ได้ให้สัมภาษณ์โจมตีเจิ้งส่วงอย่างหนักหน่วง
• เขาบอกว่า เจิ้งส่วงคือการวางแผนมีลูกด้วยกันเป็นความคิดของเจิ้งส่วง จู่ๆเธอก็ชักชวนให้จางเหิงเข้าสู่กระบวนการอุ้มบุญด้วยเหตุผลที่่า หากตั้งท้องเองก็อาจจะกระทบกับอาชีพนักแสดงของเธอ
• เขาอธิบายว่า ทั้งคู่ต้องนไเรื่องหย่าร้างเข้าสู่ขั้นตอนกฎหมายอเมริกา เพราะเจิงส่วง ไม่ยอมเซ็นชื่อในเอกสารเพื่อยืนยันความสัมพันธ์เพื่อใช้ขอพาสปอร์ตให้กับลูกๆในการเดินทางกลับจีนในฐานะพ่อเลี้ยงเดี่ยว
• เขาฟาดฟันต่อว่า เจิ้งส่วงต่างหากที่เป็นฝ่ายนอกใจจางเหิง เพื่อนไม่ได้ระบุชื่อของอีกฝ่าย แต่ใบ้ว่าเป็นคนที่เคยมีข่าวลือกับเธอจนเป็นtrending ใน social media และเมื่อเผชิญหน้าเจรจากันในเรื่องนี้ เธอกลับบอกว่า ทำลงไปเพื่อตัวเขาจะปรับปรุงตัวเองให้คู่ควรกับเธอ ก่อนที่เธอจะหาผู้ชายที่เหมาะสมกว่ามาทดแทน โดยที่เปรียบว่า เธอเป็นเรือค้นหาทอง ส่วนเขาเป็นคนขับเรือ หากทำหน้าที่ไม่ดี ก็ต้องเปลี่ยนกัปตันใหม่
• ส่วนเนื้อหาของการเจรจาเรื่องสิทธิ์การเลี้ยงดูลูก เพื่อนระบุว่า พ่อแม่จางเหิงได้ไต่ถามครอบครัวเจิ้งส่วงว่า ต้องการจะรับเลี้ยงดูเด็กทั้งสอง หรือรับไปเพียงคนเดียว หรือไม่ยอมรับเลยสักคน หากไม่ต้องการลูกเลย จางเหิงจะเป็นฝ่ายเลี้ยงดูพวกเค้าเอง และสัญยาว่าจะไม่เปิดเผยเรื่องที่แก่สาธารณชน แตฝ่ายบ้านเจิ้งส่วงไม่ต้องการเช่นนั้น พวกเค้าบอกให้ทางจางเหิงทอดทิ้งลูกๆไปซะ มิเช่นนั้นจะบีบบังคับด้วยการฟ้องร้อง และหากถูกบีบคั้นต่อไป จางเหิงก็คงจะจ่ายเงินคืนเจิ้งส่วงไป ( จางเหิงยืนยันว่าไม่ได้โกงเงิน แต่ศาลเคยตัดสินไปก่อนหน้าแล้วว่าจะต้องจ่ายคืน แต่เขาสู้คดีต่อ)
ฟังแล้วเป็นหนังคนละม้วนกันเลยทีเดียว
• เขาบอกว่า เจิ้งส่วงคือการวางแผนมีลูกด้วยกันเป็นความคิดของเจิ้งส่วง จู่ๆเธอก็ชักชวนให้จางเหิงเข้าสู่กระบวนการอุ้มบุญด้วยเหตุผลที่่า หากตั้งท้องเองก็อาจจะกระทบกับอาชีพนักแสดงของเธอ
• เขาอธิบายว่า ทั้งคู่ต้องนไเรื่องหย่าร้างเข้าสู่ขั้นตอนกฎหมายอเมริกา เพราะเจิงส่วง ไม่ยอมเซ็นชื่อในเอกสารเพื่อยืนยันความสัมพันธ์เพื่อใช้ขอพาสปอร์ตให้กับลูกๆในการเดินทางกลับจีนในฐานะพ่อเลี้ยงเดี่ยว
• เขาฟาดฟันต่อว่า เจิ้งส่วงต่างหากที่เป็นฝ่ายนอกใจจางเหิง เพื่อนไม่ได้ระบุชื่อของอีกฝ่าย แต่ใบ้ว่าเป็นคนที่เคยมีข่าวลือกับเธอจนเป็นtrending ใน social media และเมื่อเผชิญหน้าเจรจากันในเรื่องนี้ เธอกลับบอกว่า ทำลงไปเพื่อตัวเขาจะปรับปรุงตัวเองให้คู่ควรกับเธอ ก่อนที่เธอจะหาผู้ชายที่เหมาะสมกว่ามาทดแทน โดยที่เปรียบว่า เธอเป็นเรือค้นหาทอง ส่วนเขาเป็นคนขับเรือ หากทำหน้าที่ไม่ดี ก็ต้องเปลี่ยนกัปตันใหม่
• ส่วนเนื้อหาของการเจรจาเรื่องสิทธิ์การเลี้ยงดูลูก เพื่อนระบุว่า พ่อแม่จางเหิงได้ไต่ถามครอบครัวเจิ้งส่วงว่า ต้องการจะรับเลี้ยงดูเด็กทั้งสอง หรือรับไปเพียงคนเดียว หรือไม่ยอมรับเลยสักคน หากไม่ต้องการลูกเลย จางเหิงจะเป็นฝ่ายเลี้ยงดูพวกเค้าเอง และสัญยาว่าจะไม่เปิดเผยเรื่องที่แก่สาธารณชน แตฝ่ายบ้านเจิ้งส่วงไม่ต้องการเช่นนั้น พวกเค้าบอกให้ทางจางเหิงทอดทิ้งลูกๆไปซะ มิเช่นนั้นจะบีบบังคับด้วยการฟ้องร้อง และหากถูกบีบคั้นต่อไป จางเหิงก็คงจะจ่ายเงินคืนเจิ้งส่วงไป ( จางเหิงยืนยันว่าไม่ได้โกงเงิน แต่ศาลเคยตัดสินไปก่อนหน้าแล้วว่าจะต้องจ่ายคืน แต่เขาสู้คดีต่อ)
ฟังแล้วเป็นหนังคนละม้วนกันเลยทีเดียว
จากข้อความกล่าวอำลาทาง social media ทำให้หลายคนเชื่อว่า เจิ้งส่วงน่าจะออกจากวงการอย่างถาวร แต่คดี surrogacy gate ยังไม่มีทีท่าว่าจะหาข้อยุติกันได้ในเร็วนี้ บทสรุปของเรื่องราวจะเป็นเช่นไร ผู้คนมากมายคงหวังตรงกันว่า ขอให้พวกเค้าหาหนทางในการปรองดองกันเพื่ออนาคตของเด็กทั้งสองด้วยเถอะ
The End