มารู้จักกับ "Cryotherapy" การรักษาด้วยไอเย็น เทรนด์ใหม่ในการบำบัด
Nichy_KP
47
10
GIVEN BY BRAND / แบรนด์ฝากประชาสัมพันธ์จ้า ^^
Cryotherapy การรักษาด้วยไอเย็น เทรนด์ใหม่ในการบำบัด
Cryotherapy คือ การบำบัดด้วยความเย็นจัด ซึ่งมีรากศัพท์มาจากภาษากรีก 2 คำ คือ Cryo ซึ่งแปลว่า "เย็น" กับคำว่า Therapy ซึ่งแปลว่า "การรักษา" ซึ่งในทางการแพทย์นั้นก็ได้มีการรักษาด้วยความเย็นมาเป็นเวลานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการประคบเย็น (Ice Pack Therapy), การผ่าตัดด้วยการจี้เย็น (Cryosurgery) และ Whole Body Cryochamber (WBC) หรือการเข้าตู้แชมเบอร์เยือกแข็งซึ่งใช้ไนโตรเจนเหลงในการทำความเย็น เพื่อทำการรักษาด้วยไอเย็นทั้งร่างกาย
1. CRYOTHERAPY…PROVIDES PAIN RELIEF
เช่นเดียวกันกับการใช้น้ำแข็งประคบเพื่อลดความเจ็บปวด ซึ่งการบำบัดเพื่อลดความเจ็บปวดด้วยความเย็นนั้นเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างมาก
สำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคเรื้อรัง เช่น โรคข้ออักเสบ MS และจากการศึกษาพบว่า การรักษาด้วยความเย็นที่คอสามารถช่วยลดความรุนแรงของไมเกรนได้ด้วย
2. CRYOTHERAPY…REDUCES INFLAMMATION
ช่วยลดการอักเสบที่อาจเกิดขึ้นหลังจากการบาดเจ็บเฉียบพลันที่อาจเกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งใช้ความเย็นบำบัดด้วยการสัมผัสนั้นสามารถลดการอักเสบ ได้ทั้วร่างกาย และช่วยเพิ่มการผลิตเซลล์ที่สนับสนุนภูมิคุ้มกันที่สำคัญได้เช่นกัน
3. CRYOTHERAPY…SPEEDS UP WOUND HEALING & MUSCLE RECOVERY
ความเย็นช่วยเร่งการรักษาบาดแผล และการฟื้นฟูกล้ามเนื้อได้อย่างรวดเร็วด้วยฤทธิ์ต้านการอักเสบที่มีประสิทธิภาพ
4. CRYOTHERAPY…REDUCES SYMPTOMS OF ANXIETY & DEPRESSION
ช่วยเพิ่มอัตราของ adrenaline, noradrenaline และ endorphins ซึ่งช่วยทำให้อาการวิตกกังวลและความหดหู่ภายในจิตใจนั้นลดลง
5. CRYOTHERAPY…INCREASES ENERGY & METABOLISM
ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้คุณมีพลังงานที่มากขึ้น ซึ่งเป็นการสร้างการเผาผลาญให้รวดเร็วมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
6. CRYOTHERAPY…IMPROVES DERMATITIS, ECZEMA & OTHER ATOPIC SKIN CONDITIONS
ช่วยทำให้โรคผิวหนัง เช่น กลากเกลื้อน มีอาการที่ดีมากยิ่งขึ้น และการรักษาด้วยความเย็นบนใบหน้า
จะช่วยในการกระชับผิวและรูขุมขนให้ดูเล็กลง พร้อมลดการอักเสบและรอยแดงบนผิวหน้า
7. CRYOTHERAPY…SUPPORTS BRAIN HEALTH
นักวิจัยมีการคาดการณ์ว่าประโยชน์ในการต้านการอักเสบ และต่อต้านการเกิดออกซิเดชันของการรักษาด้วยความเย็น
สามารถมีบทบาทสำคัญในการป้องกันโรคสมองเสื่อมและอัลไซเมอร์
References:
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3727573/
https://jamanetwork.com/journals/jamadermatology/fullarticle/419737
https://jamanetwork.com/journals/jamadermatology/fullarticle/419737
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2734249/
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/10832164