ตามรีวิว Olio E Osso จากพี่ฟลุ๊ค จนต้องขอสอยมาลอง ดีแค่ไหน ได้ลุคธรรมชาติสวยแค่ไหน มาค่ะเรามีคำตอบ!
benzsocute
74
22
เห็นรีวิวของ Olio E Osso ในเฟสบุ๊คเยอะมากกกจนมาเจอที่พี่ฟลุ๊ครีวิวเลยตัดสินใจซื้อมาลองใช้ เอาจริงๆคือลำบากใจตอนเลือกสีเนี่ยแหละค่ะ เพราะไม่รู้ว่าจะซื้อสีไหนดี เลยต้องถามเพื่อนที่เป็นกูรูสายเมคอัพ สรุปนางแนะนำเบอร์ 04 สีชมพูอมม่วง และเบอร์ 08 สีส้ม เลยซื้อตามที่นางแนะนำ
ถ้าบอกว่าเป็นเมคอัพที่ทาแก้ม ตา และปากได้ เพื่อนๆก็คงเฉยๆกันแน่ๆ แต่ข้อแตกต่างของ Olio E Osso คือ
1. เป็นคัลเลอร์บาล์มออร์แกนิค มีส่วนผสมจากธรรมชาติ เช่น Olive Oil, Shea Butter, Beeswax นอกจากช่วยเติมสีสันบนใบหน้าแล้วนั้นยังช่วยบำรุงผิวไปในตัวอีกด้วย
2. ปราศจากน้ำหอม แอลกอฮอล์ พาราเบน
3. ให้สีอ่อนกำลังดี ช่วยครีเอทลุคสวยแบบธรรมชาติได้แบบไม่โป๊ะ
มารีวิวแต่ละสีกันเลยค่า ขอเริ่มที่เบอร์ 04 สีชมพูอมม่วงก่อน ตอนแรกยอมรับว่าแอบด่าเพื่อนไปว่าหล่อนจะให้ชั้นหน้าช้ำเหมือนโดนต่อยมาเรอะ ถึงเลือกสีนี้มาให้ แต่เพื่อนบอกว่า แกต้องลองทาแบบบางๆเว้ย มันจะออกชมพูหน่อยๆ ซึ่งพอลองแล้วจริงตามที่นางบอกด้วยค่ะ ดูรูปสิ ตรงแก้มและริมฝีปากมีความออกชมพูอ่อนๆด้วยนะ
ต่อมาคือเบอร์ 08 สีส้ม เป็นสีที่ให้งานผิวเหมือนโดนบ่มแดดมาจริงจัง แนะนำว่าสีนี้เหมาะกับสาวผิวสองสีและสาวผิวแทนมากค่ะ ทาแล้วขึ้นแน่นอน แต่ผิวขาวเหลืองแบบเบนซ์ก็ใช้ได้นะ เบนซ์จะทาแบบอ่อนๆ ตรงแก้มและริมฝีปาก ให้สีส้มสวยกำลังดีโดยที่ไม่ทำให้ผิวดูหมอง ถ่ายรูปขึ้นอยู่ใช่ม้า
เนื้อสัมผัส
ให้อารมณ์เหมือนลิปบาล์มมีสีเลย สามารถใช้ร่วมกับรองพื้นได้ แต่เบนซ์แนะนำว่าถ้าสาวๆอยากได้งานผิวสวยธรรมชาติของจริงล่ะก็ใช้ตอนไม่ทารองพื้นจะสวยที่สุด จากรูปเบนซ์ทาแค่กันแดดนะคะ ปาดลงบนแก้มและริมฝีปาก ใช้นิ้วเกลี่ยให้ทั่วแก้ม เท่านี้ก็เสร็จแล้ว
สายเมคอัพออร์แกนิคต้องลองตัวนี้นะคะ มีหลายสีให้เลือก ที่สำคัญคือใช้ได้นาน พกไปเติมระหว่างวันก็สะดวก แพคเกจพกพาง่าย และสามารถนำมาผสมกันได้สีใหม่ไปอีก อยากบอกว่าบางคืนเอามาทาเป็นลิปบาล์มด้วยล่ะ ให้ความชุ่มชื้นลดอาการริมฝีปากแห้งแตกได้นะ ต้องลองแล้วล่ะค่ะสาวๆ