Superstar เกาหลีใต้ที่ต้องเผชิญตราบาปการหย่าร้าง

55 14
จากปรากฏการณ์  Korean Wave  ที่ทำให้อุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลีบูมถึงขีดสุดในระยะเวลาหลายปีมานี้  พวกเราได้มีโอกาสติดตามชมซีรีส์ที่นำเสนอเรื่องราวของมุมมมองการคู่หย่าร้างที่มีอัตราเพิ่มสูงแปรผันตามกับการเข้าสู่สังคมยุค modern หญิงชายสามารถตัดสินใจเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเองโดยไม่ต้องอดทนกับการแต่งงานที่ไร้สุขหรือ toxic จนเสียสุขภาพจิต   ซีรีส์เกาหลีบางเรื่องได้ชูประเด็น normalisation    การหย่าว่าไม่ใช่เรื่องเสียหาย   ตัวละครนำนัดกันไปหย่าและยังสามารถพูดคุยกันได้ตามปกติ (แม้จะไม่ชอบขี้หน้ากันนัก)  พวกเค้าได้เรียนรู้ในการก้าวต่อไปในชีวิตโดยไม่มีคู่ครองอยู่เคียงข้าง  และในที่สุดก็ค้นพบเส้นทางแห่งความสุขด้วยตัวเอง

แต่ในขณะเดียวกัน  ยังมีซีรีส์เกาหลีอีกหลายเรื่องที่ได้สะท้อนถึงการ "ตีตราบาป" ให้กับผู้ที่ผ่านการหย่า  โดยเฉพาะผู้หญิง ที่มักจะถูกบั่นทอนคุณค่าเพียงเพราะว่าเธอกลับมาใช้สถานะโสด   ซีรีส์บางเรื่อง ได้เผยถึงความทุกข์แสนสาหัสของพ่อแม่ที่ได้รู้ว่า บุตรสาวต้องการจะหย่าขาดจากสามี   บางครั้งผู้เป็นพ่อแม่อาจจะบีบให้ลูกสาวตัวเองทนทรมานกับชีวิตแต่งงานต่อไป  ทั้งๆที่อาจจะถูกสามีทารุณด้วยความรุนแรงทั้งร่างกายและจิตใจ  รวมถึงความวิตกกังวลที่จะถูกสังคมพิพากษาว่าทำหน้าที่ภรรยาได้ไม่ดีพอ ไม่อดทนเพื่อลูกเพียงพอ  และถือเป็นมลทินที่แสนด่างพร้อยที่อาจจะเป็นอุปสรรคในการเริ่มต้นชีวิตใหม่กับใครสักคน    และถูกดันมากขึ้น  หากต้องกลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว เพราะจะถูกเลือกปฏิบัติหนักกว่าเดิมซะอีก



นางเอก A List ที่ถูกรุมถากถางเพราะ "ใช้ชีวิตตามปกติ" หลังประกาศหย่ากับพระเอกหนุ่มขวัญใจมวลชน


ในช่วงที่ดราม่าเรื่องนี้กำลังร้อนฉ่า  ก็อาจจะทำให้หลายคนรู้สึกช็อคกับ "การเลือกปฏิบัติ"  ที่superstar อดีตสามีภรรยาได้รับ     เพราะฝ่ายหญิงถูกโจมตีอย่างแรงจนเอเจนซี่ต้องประกาศเตือนเหล่านักเลงคีย์บอร์ดที่พยายามลากเธอให้ดูเป็นผู้หญิงต่ำตม หลังจากที่เธอพยายามใช้ชีวิตต่อไปหลังจากจบชีวิตคู่
อดีตคู่ทรงอิทธิพลที่ถูกตั้งฉายาว่า คู่ซง-ซงมีวิธีรับมือกับสถานการณ์ที่แสนบีบคั้นจากสังคมรอบข้างได้อย่างเป็นส่วนตัว พวกเค้าดำเนินการทางกฎหมายอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้ออกมาโจมตีกันและกัน  แม้ว่าจะมีการคาดเดาสาเหตุความสัมพันธ์ที่แตกร้าวไปต่างๆนานา รวมถึงการปล่อยข่าวเรื่องการนอกใจจากผู้ไม่ประสงค์ดีที่ต้องการทำลายชื่อเสียง   แต่พวกเราต่างทราบกันเป็นอย่างดีว่า  การหย่าไม่ได้มีต้นเหตุมาจากเรื่องความไม่ซื่อสัตย์ต่อคู่ชีวิตเพียงเท่านั้น    แต่ยังมีเรื่องราวอีกล้านแปดที่คนนอกไม่รับรู้  หากไม่ได้เข้าไปใช้ชีวิตคลุกคลี หรือแอบแฝงตัวไปนอนใต้เตียงของสามีภรรยาผู้โด่งดัง  

แต่กระแสความเกลียดชังที่ตามมาระรานฝ่ายหญิงนั้น  อาจจะเป็นสิ่งที่อธิบายได้อย่างชัดเจนว่า  เหตุใด  การหย่าจึงยังถูกมองเป็นเรื่องต้องห้าม หรือตราบาปที่หลายคนรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึง

แม้ว่าซง ฮเยคโยจะรักษาภาพลักษณ์ที่ดีงามในวงการมาได้ยาวนานโดยไม่ต้องรับมือกับ scandal ที่ฉาวโฉ่รุนแรงนัก ( นอกจากเรื่องการเลี่ยงภาษีที่เจ้าตัวรับผิด) แต่เมื่อมีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการว่า ชีวิตแต่งงานที่ดูสมบูรณ์แบบกับซง จุงกีต้องปิดฉากลง ก็มีคนกลุ่มหนึ่งในสังคมที่คาดหวังให้เธอวางตัวอย่าง "สำรวม" และเก็บตัวจากสายตาผู้คน ซึ่งถือเป็นพฤติกรรมที่เหมาะสมสำหรับนักแสดงสาวระดับ top พึงใส่ใจ

แต่เมื่อเธอได้เดินทางไปโพรโมทแบรนด์ที่ได้รับการจองคิวว่าจ้างด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเป็นปกติ ก็เริ่มมีกระแสตีกลับว่า "นี่หรือคือท่าทีของผู้หญิงที่กำลังหย่าสามี" ชาวเน็ทหลายคนเริ่มประนามเธอว่า "มั่นหน้าเกินเหตุ" รวมไปถึงแสดงความไม่พอใจที่เธอบังอาจ "ระริกระรี้" ที่ได้ตีตัวออกห่าง "โอปป้าผู้น่าสงสาร"


ประชากรโลกนี้มีเป็นพันล้าน  แต่ในบางสังคมกลับตีหรอบให้การหย่าร้างมีเพียงรูปแบบเดียว   คนที่กลับมาโสกอีกครั้งจะต้องตรอมตรมกลับประสบการณ์ชีวิตคู่อันแสนระทมจนไม่มีหน้าไปพบกับใครได้  โดยเฉพาะคนดังที่จะต้องอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว  ห่างจากความสนใจคนรอบข้าง

แต่ช้าก่อน ....

เหล่านักเลงคีย์บอร์ดที่แสดงอคติต่อผู้หญิงรุ่นใหม่ผู้แหวกกรอบแนวคิดของ
การหย่าร้างออกมาใช้ชีวิต รับผิดชอบหน้าที่การงานด้วยสีหน้าปกตินั้นอาจจะลืมไปว่า

  •   การหย่าอาจจะนำมาซึ่งความสุขของคนทั้งสอง  ปัญหาชีวิตคู่ของพวกเค้าอาจจะดำเนินมาเป็นระยะนานและผ่านการกลั่นกรองเพื่อตัดสินใจร่วมกัน  ชีวิตคู่ที่สิ้นสุดลงไม่ได้หมายความว่าโลกจะแตกสลายไปด้วย

  • อดีตสามีภรรยาหลายคู่  เมื่อผ่านช่วงเวลาแห่งความทุกข์และเยียวยาจิตใจได้ สามารถกลับมาเป็นเพื่อนกันอีกครั้ง หรือแม้กระทั่งทำงานด้วยกัน   คนบางคนไม่เหมาะจะเป็นคู่ครอง  แต่สามารถกลับมาเป็นเพื่อนโดยไม่สร้างความขัดแย้งเหมือนช่วงที่ยังใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน

  • พวกเราไม่มีทางทราบได้เลยว่า  หน้าฉากในการทำงานที่ดูสดใสนั้น  จะมีเบื้องหลังเป็นอย่างไร   คนที่ดูแข็งแกร่งมากมาย อาจจะใช้ช่วงเวลาที่ไม่มีใครเห็นระบายความเสียใจ  การรับงาน event ของนางเอก A List   ถือเป็นการแสดงบทบาทของผู้หญิงยุค modern  ที่ไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด เพียงเพราะว่าชีวิตคู่มันไปต่อไม่ได้



"เธอเป็น อี บยองฮอน*เวอร์ชั่นผู้หญิง "

"ภาพลักษณ์ของเธอดูเหมือน อี มีซุก**ซะแล้ว"

"เห็นๆกันอยู่ว่าเธอดูแก่ลงเยอะ"

" ไสหัวไปอยู่คนเดียวซะเถอะ อย่าไปทำลายชีวิตผู้ชายคนอื่นเหมือนกับที่ซง จุงดีต้องเจอ"


นี่เป็นตัวอย่างคอมเมนท์ที่โจมตีเธอโดยไม่ยึดถึงfactที่ว่า มันไร้หลักฐานและข้อมูลใดๆที่ชี้เรื่องการนอกใจ หรือสาเหตุการหย่าร้างว่าเธอเป็นฝ่ายผิดเพียงผู้เดียว แต่ก็มีผู้คนที่เชื่อมั่นว่า พระเอกหน้าเด็กที่พวกเค้าชื่นชมนั้นเป็น "เหยื่อ"   ส่วนเธอเป็นผู้หญิงร้ายกาจที่หลอกลวงให้เขามาติดกับ


* superstar ที่มีข่าวนอกใจภรรยาจนถูก blackmail
**นางเอกรุ่นใหญ่ที่อดีตเอเจนซี่กล่าวหาว่ามีความสัมพันธ์กับหนุ่มรุ่นลูกจนต้องหย่าร้างกับสามีที่ใช้ชีวิตคู่กันมายี่สิบปี

ใช่ค่ะ การหย่ากับซง จุงกี ทำให้ซง ฮเยคโยถูกมองว่าเป็นหญิงหลายใจทรยศสามี บางคนสาปแช่งให้เธอตกต่ำไปกับชื่อเสียงที่เหลวแหลก

แต่ดูเหมือนว่า เส้นทางของซง ฮเยคโยจะไม่ได้สิ้นสุดลงตามคำสาปแช่ง




แม้ว่าเธอจะถูกโจมตีหนักไม่ใช่น้อย แต่ยังมีแฟนๆที่ให้ความปกป้องและชี้ให้เห็นถึงความไม่ยุติธรรมที่นางเอกชื่อดังต้องเผชิญ แม้เธอจะรับมือกับสถานการณ์ด้วยความหนักแน่นและประกาศเตือนผู้ที่ส่งข้อความเกลียดชังให้ระมัดระวังตัวหมายศาล แต่จากหลากหลายกรณีที่ผ่านมา นางเอกที่ผ่านการหย่าร้างอาจจะต้องพบกับวิกฤติชื่อเสียงที่ตกต่ำลงไปจนไม่สามารถดึงดูดสปอนเซอร์ยักษ์ใหญ่ได้เหมือนเดิม

อย่างไรก็ตาม ชื่อเสียงยาวนานกว่ายี่สิบปีของซง ฮเยคโยนั้นดูแข็งแกร่งราวกับภูผา เธอยังรักษา deal กับแบรนด์ต่างๆได้อย่างเหนียวแน่น และมีผู้ให้ความเห็นใจที่เธอต้องฝ่าแรงกดดันหลังการหย่า แม้จะมีคนปล่อยข่าวลือว่า เธอกลับไปคืนดีกับ ฮยอน บิน แฟนเก่าsuperstar แต่ก็ยังวางตัวสงบนิ่ง เมื่อเร็วๆนี้ก็ได้เปิดใจว่า อยากจะรับบทละคร romantic comedy ซึ่งน่าจะเป็นสัญญาณเนื่องการหวนคืนสู่การทำงาน ซึ่งเป็นสไตล์ของนักแสดงระดับtop ที่รับงานแสดงไม่มากและช่างเลือกสุดๆ แต่สร้างรายได้ล้นเหลือจากโฆษณานั่นเอง

ถึงกระนั้นเหล่า haterก็ไม่ยอมรามือ มีผู้ปล่อยข่าวว่า สาเหตุของการหย่าร้างมาจากการแอบเป็นชู้กับพัค โบกอม พระเอกรุ่นน้องที่สนิทสนมกับซง จุงกีที่ประชันบทบาทคู่กันในซีรีส์เรื่องนี้ การแสดงที่หลายคนชมว่ามีเคมีเข้ากันจนชวนเคลิ้มนั้น ทำให้บางคนพยายามนำเสนอ timeline ว่า ในระหว่างการถ่ายทำซีรีส์เป็นช่วงที่คู่ ซง-ซงกำลังมีปัญหากันพอดี แต่ต้นสังกัดของพัค โบกอมก็ได้ก้าวออกมาขู่ฟ้องร้องผู้ที่ปล่อยข่าวสร้างความเสียหายให้กับพระเอกหน้าหวานจนข่าวนี้เงียบหายไป

ล่าสุดมีรายงานว่า ซง ฮเยคโยได้ตอบรับแสดงนำในซีรีส์ที่มีแผนจะออนแอร์ช่วงครึ่งปีหลัง นั่นคือWe are breaking up ที่แค่ฟังชื่อเรื่องก็กระแทกใจ เธอจะรับบทเป็นผู้หญิงทำงานเก่งกาจระดับหัวหน้าทีมในบริษัทแฟชั่น ฉลาดเฉลียว ดูเย็นชา เข้มงวดกับตัวเอง ยึดมั่นกับความเป็นจริง ไม่โลกสวย ให้ความสำคัญกับชีวิตที่มั่นคง


ดูจากบทแล้ว เราอาจจะคิดกันไปเอง แต่เหมือนกับจะสัมผัสได้ว่า เธอกำลังบอกใบ้อะไรบางอย่างกับพวกเรา

(และพระเอกก็เด็กกว่าอีกแล้วค่ะ)






นางเอกแห่งชาติที่ถูกกระหน่ำซ้ำเติมหลังผ่านมรสุมการหย่าจนตัดสินใจปลิดชีพตัวเอง


บางคนมองว่า การฆ่าตัวตายของ ชเว จินซิล  นางเอกที่เคยได้รับฉายา "นางเอกแห่งชาติ" และได้รับความรักมากมายจากผู้คนนั้น นับเป็นความอัปยศของสังคมเกาหลีที่แสนผลักไสให้เธอไร้ที่ยืนและสิ้นหวังจนเลือกจากไปและสร้างผลกระทบใหญ่หลวงจนเป็นโศกนาฏกรรมที่ยากจะลืมเลือน
นางเอกผู้ที่สร้างความนิยมล้นหลามมาตั้งแต่ยุค 90s  จนถูกเปรียบเทียบว่าเป็น Julia Roberts*แห่งเกาหลีใต้  รอยยิ้มพิมพ์ใจที่ดูอ่อนหวานนั้นอาจจะทำให้บางคนจินตนาการชีวิตที่แสนเลิศเลอของชีวิตนางเอกระดับ top ที่คนเกาหลีหลงรัก


แต่ความรักนั้นไม่ได้ยั่งยืนมั่นคง เธอผ่านscandal มาหลายครั้ง แต่ที่หนักหน่วงที่สุด คือชีวิตคู่ที่สร้างความเจ็บปวดทรมาน และการต่อสู้ทางกฎหมายเพื่อสิทธิ์การเลี้ยงดูลูกๆที่กลายกอสสิปที่สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์สนุกปาก

สถานะของแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ผ่านการหย่าร้างที่หนักหนาสาหัสนั้น กลับทำให้นางเอกถูกกระหน่ำซ้ำเติมอย่างไร้ความเห็นใจ





*  Julia ประสบความสำเร็จจากหนังรายได้สูงและคว้า Oscar มาครองได้  เธอยังเป็นที่รักจากแฟนๆจนกลายเป็น "หวานใจอเมริกา"  แม้ว่าจะผ่าน scandal ที่ถูกกล่าวหาว่าแย่งสามีคนอื่น เธอก็ยังโลดแล่นได้สวยงามในวงการ


มันเป็นเรื่องน่าสะเทือนใจเมื่อได้เห็นภาพร่องรอยอาการบาดเจ็บของนางเอกผู้โด่งดังที่มาจากฝีมือสามีนักเบสบอล แต่สิ่งที่ทำให้ยิ่งเจ็บปวดไปยิ่งกว่านั้นก็คือ แม้จะมีหลักฐานยืนยันว่า สามีของเธอมีพฤติกรรมabusive แต่สปอนเซอร์รายหนึ่งกลับกล่าวหาเธอว่า
"ไม่รักษาศักดิ์ศรี" เพราะเธอเปิดเผยภาพของการตกเป็นเหยื่อความรุนแรง และอ้างว่า นี่คือการกระทำที่ขัดต่อข้อสัญญาเรื่องการรักษาภาพลักษณ์อันดีงาม เป็นผู้หญิงที่มีศักดิ์ศรี และยังฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากเธอ

OMG!

ผู้หญิงอ่อนแอที่ถูกสามีทุบตีจนบอบช้ำต้องเข้าโรงพยาบาลถูกฟ้องร้องเพราะ "ไร้ศักดิ์ศรี" 

แล้วจะต้องมีเหยื่ออีกสักกี่คนที่หวาดหวั่นไม่กล้าเปิดเผยความจริงเรื่องความรุนแรงในครอบครัว และต้องฝืนใจอดทนถูกกระทำ มีสักกี่คนที่บาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิต เรื่องแบบนี้ชวนให้สยดสยองในจิตใจและแทบไม่เชื่อว่า นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกที่ได้ขึ้นชึ้นชื่อว่าพัฒนาแล้ว


ไม่น่าแปลกใจนัก สามีของเธอออกมาเรียกร้องให้สังคมฟังความสองข้าง และยืนยันว่าเธอทำร้ายเขาเช่นกัน แต่รูปร่างที่ต่างกันมาก รวมถึงสภาพใบหน้าที่ฟกช้ำ (และน่าจะมีรอยแผลที่ซ่อนอยู่อีก) ทำให้หลายคนเชื่อว่า นี่ไม่ใช่การลงมือครั้งแรกของฝ่ายชายแน่นอน


นอกจากจะต้องวิ่งวุ่นกับคดีหย่าร้างและแย่งสิทธิ์เลี้ยงดูลูก  ชเว จินซิลต้องต่อสู้กับสปอนเซอร์เจ้าปัญหาที่ยัดเยียดตราบาปเหยื่อความรุนแรงที่กล้าหาญมากพอจะเปิดเผยให้สังคมได้ตระหนักถึงปัญหาอันร้ายแรงนี้    บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่จ้างเธอเป็นpresenter อ้างว่า  เลือกร่วมงานกับเธอเพราะต้องการภาพลักษณ์ที่เปี่ยมไปด้วยความสุขและมีเกียรติ

หลังจากที่สู้คดีอยู่หลายปีและเกิดโศกนาฏกรรมช็อคชาวเกาหลี เก้าเดือนหลังจากที่เธอเสียชีวิต ศาลสูงสุดของเกาหลีก้ได้ตัดสินว่า นางเอกสาว "ไม่สามารถรักษาภาพลักษณ์ที่ดีงามได้ จึงเป็นการทำผิดสัญญา"


มันเหมือนเป็นการกระทืบบรรดาเหยื่อความรุนแรงให้ยับเยินไปกว่าเดิม เพราะนี่ก็ไม่ได้ต่างจากการประกาศว่า ผู้หญิงที่ถูกสามี (หรือคนในครอบครัว) ทำร้ายร่างกาย มีภาพลักษณ์ที่ต่ำต้อยไร้เกียรติ


แน่นอนว่า เหล่าองค์กรเพื่อสิทธิสตรีเต้นเป็นเจ้าเข้า ทั้งๆที่เธอเสียชีวิตไปแล้ว แต่ก็ต้องถูกลากมาชี้ว่าใช้ชีวิตมัวหมอง ทั้งๆที่เป็นฝ่ายถูกกระทำ และมันน่าจะเป็นอีกสาเหตุที่บีบคั้นให้เธอเลือกจบชีวิตตัวเอง และกลับถูกคนกลุ่มหนึ่งตราหน้าว่าไร้เกียรติ

เราไม่มั่นใจว่า หากเป็นคดีที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน จะมีผลการตัดสินคดีเหมือนกันหรือไม่




มีการเปิดเผยว่า สามีของนางเอกดังทั้งนอกใจ หยิบยืมเงินจากแม่และพี่ชายของเธอไปเป็นจำนวนมาก และเคยทำร้ายเธอมาแล้วหลายครั้ง รงมถึงตอนที่ยังอุ้มท้องลูกคนที่สอง เขาพยายามโต้กลับว่า เธอใช้ลูกไม้แสแสร้งแกล้งเป็นเหยื่อ ทั้งๆที่ความจริงมีพฤติกรรมร้ายกาจ อย่างไรก็ตาม เมื่อดำเนินการหย่าร้าง เธอเป็นฝ่ายได้สิทธิ์การเลี้ยงดูลูกๆไปแต่เพียงผู้เดียว แต่ต้องแลกกับการถอนฟ้องสามีในข้อหาการทำร้ายร่างกายและการฉ้อโกง ครอบครัวของเธอยังเปิดเผยภายหลังว่า ได้ยกหนี้ให้ชายคนนี้ไปทั้งหมด เพื่อต้องการให้ลูกสาวได้เป็นอิสระจากชีวิตแต่งงานที่แสนระทมและสามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่โดยไม่ถูกก่อกวน แะพ่อเด็กยังได้สิทธิ์การเยี่ยมอีกด้วย


หลังจากที่ต้องตกเป็นข่าวฉาวรายวัน ชเว จินซิลถอยห่างจากวงการบันเทิงเพื่อเลี้ยงดูลูกๆ และกลับมาสร้างความยิ่งใหญ่ด้วยซีรีส์เรตติ้งอลังการ My Rosy Life (ไปได้สูงสุดที่ 47%) แต่แม้ว่าแฟนๆจะต้อนรับการหวนคืนสู่วงการอย่างอบอุ่นถึงเพียงนี้ แต่ไม่กี่ปีต่อมา นางเอกผู้ที่เคยได้รับความรักอย่างท่วมท้น ก็ต้องเผชิญวิกฤติชีวิตอีกครั้ง

เธอถูกใส่ความ ...



หลังจากนักแสดงหนุ่ม อัน แจฮวานได้ตัดสินใจฆ่าตัวตาย กระแสความสนใจได้หันเหมายังชเว จินซิล เพราะเธอและผู้เสียชีวิตเป็นเพื่อนสนิทมาช้านาน นางเอกชื่อดังยังแสดงท่าทางสะเทือนใจอย่างรุนแรงในงานศพของเขา เมื่อมีการเปอดเผยว่า สาเหตุของการฆ่าตังตายอาจจะมาจากการเครียดเรื่องหนี้สิน ก็มีข่าวแพร่สะพัดในโลกออนไลน์ว่า เธอได้ปล่อยกู้ให้กับอัน แจฮวานไปจำนวนมาก และตัวเลขหนี้สินทำให้เพื่อนของเธอเครียดจัดจนปลิดชีวิตตัวเอง

ข่าวลือที่ลุกลามบานปลายทำให้สังคมหันมาจับจ้องเธอด้วยสายตาแห่งการจับผิด เธอพยายามพิสูจน์ความบริสุทธิ์ด้วยการพึ่งพาเจ้าหน้าที่ตำรวจและสามารถจับกุมพนักงานบริษัทรักษาความปลอดภัย แต่นั่นไม่ได้ทำให้จิจใจอันบอบช้ำของเธอได้รับการเยียวยา ก่อนที่จะเสียชีวิต เธอได้ถามเพื่อนอย่างเศร้าหมองซ้ำๆไปมาว่า เหตุใดผู้คนจึงใส่ร้ายป้ายสีเธอเรื่องการปล่อยกู้ เธอได้รับการปลอบใจจากเพื่อนๆไปตามเรื่องตามราว โดยที่พวกเค้าไม่รู้ว่า นี่จะเป็นการพูดคุยครั้งสุดท้าย

ร่างของชเว จินซิลถูกพบในบ้านพัก และมีการสรุปจากเจ้าหน้าที่ว่าเป็นการฆ่าตัวตาย เพราะไร้ร่องรอยการต่อสู้ในที่เกิดเหตุ เธอไม่ได้ทิ้งจดหมายสั่งเสียไว้ แต่ตำรวจได้ค้นหาบันทึกต่างๆของผู้เสียชีวิตที่ระบายถึงความทุกข์ใจอย่างแสนสาหัสที่ถูกใส่ร้าย ความตายของเธอสั่นสะเทือนสังคมเกาหลีจนเกิดปรากฏการณ์โดมิโน หนึ่งเดือนหลังจากเกิดโศกนาฏกรรมที่ทำให้ผู้คนมากมายโศกสลด ตัวเลขของการเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายก็พุ่งสูงขึ้นราวๆ 70% และมีความหวาดวิตกว่า นี่เป็นพฤติกรรมเลียนแบบนางเอกผู้ล่วงลับ สองปีต่อมา เรื่องราวยิ่งหมองหม่นลงไปอีก น้องชายของชเว จินซิลที่เกิดอาการซึมเศร้าก็ได้จากโลกนี้ไปด้วยการฆ่าตัวตาย



เมื่อเกิดความสูญเสียขึ้นมา สังคมมักจะควานหาเป้าหมายเพื่อระบายความคับแค้นใจ พวกเขาโทษสื่อ โทษคนที่ใส่ร้ายเธอ โทษนักเลงคีย์บอร์ดที่กล่าวเธออย่างไร้หลักฐาน ไร้ความเห็นใจที่เธอผ่านมรสุมชีวิตมาแล้วหลายครั้ง และแน่นอนว่า ผู้คนเริ่มหันมาโจมตีอดีตสามีที่เคยทำร้ายเธอมาก่อน เขาพยายามเคลื่อนไหวเพื่อขอสิทธิ์การเลี้ยงดูลูกๆกลับมา และถูกกล่าวหาว่า ทำไปเพื่อหวังเงินมรดกของชเว จินซิล แต่ในที่สุดขอต้องสละสิทธิ์ในการครอบครองทรัพย์สินที่เธฮทิ้งไว้ และสิทธิ์การเลี้ยงดูเด็กๆได้ตกไปอยู่กับผู้เป็นยาย ผลกระทบจากเรื่องนี้ทำให้เขาใช้ชีวิตอย่างกดดันตลอดระยะเวลา5 ปีหลังจากอดีตภรรยาเสียชีวิต และตัดสินใจฆ่าตัวตายเช่นเดียวกัน ข้อความบอกร่ำลาแม่ที่ว่า "คงไม่สามารถใช้ชีวิตในเกาหลีได้อีกต่อไปแล้ว" น่าจะชี้ชัดว่าภาพลักษณ์ผู้ร้ายที่เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ชเว จินซิลจบชีวิตตัวเองนั้นได้เป็นสิ่งที่บีบคั้นให้เขาเลือกจากไปด้วยวิธีเดียวกัน


แต่อดีตสามีของนางเอกดังเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมจริงหรือ ?




หลังจากที่ชเว จินซิลจากโลกนี้ไป MBCได้เผยแพร่สัมภาษณ์จากปากของเธอที่ระบุว่า "หวาดกลัว"โลกออนไลน์ ผู้คนมากมายหยามหยันเธอเพราะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ผ่านการหย่ามาแล้ว ตำรวจระบุว่า ตั้งแต่เดินเรื่องหย่า เธอต้องใช้ยาต้านซึมเศร้ามาโดยตลอด

แม้ว่าเธอจะเป็นนักแสดงที่อยู่จุดสูงสุดของวงการ สามารถฟันฝ่าอุปสรรคชีวิตอันร้ายกาจ และพยายามทำหน้าที่แม่ที่ดีให้กับเด็กๆ

แต่เธอกลับถูกชางเน็ทเย้ยหยันเพราะเคยหย่าร้างจากชายที่ตบตีและโกงเงินครอบครัวเธอ


พัค ซูนา นักเขียนข่าวบันเทิงได้ตีแสกหน้าสังคมไว้ว่า

"สังคมเกาหลีไม่ชื่นชอบผู้หญิงแกร่ง และคิดว่าแม่เลี้ยงเดี่ยวมีความผิดปกติทางบุคลิกภาพ " (https://content.time.com)  

และยังมีตัวแทนจากองค์กรเพื่อผู้หญิงที่ยืนยันว่า สังคมยังตีตราบาปให้กับผู้หญิงที่ผผ่านการหย่าร้างและแม่เลี้ยงเดี่ยว และทำให้พวกเธอต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก

แม้จะเป็นนางเอกชั้นนำก็หลีกเลี่ยงปัญหานี้ไปไม่พ้น...





นางเอกในตำนานวงการหนังเกาหลีที่ความนิยมดิ่งฮวบหลังหย่า และถูกเผด็จการเกาหลีเหนือลักพาตัวในภายหลัง



ย้อนไปเมื่อหลายสิบปีก่อน ในยุคที่ไร้ internet   นางเอกหนังที่โด่งดังสร้างปรากฏการณ์ความนิยมจากผลงานนับร้อยเรื่องก็เคยต้องฝ่าอุปสรรคหลังการหย่าร้างเช่นเดียวกัน    แม้จะไม่มีความเห็นจากนักเลงคีย์บอร์ดมาทิ่มแทง  แต่ในสมัยก่อนนั้น  การหย่าร้างถือว่าเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย และโทษผู้หญิงแรงกว่ายุคปัจจุบันซะอีก

ชเว อึนฮี นางเอกที่เริ่มเข้าวงการแสดงมาตั้งแต่สมัยที่เกาหลียังตกเป็นเมืองขึ้นของญี่ปุ่นและได้ก้าวขึ้นมาเป็นนางเอกโด่งดังด้วยความสามารถและความงามที่เลื่องลือ เธอผนึกกำลังกับสามีผู้กำกับ ชิน ซังอ๊ก ก่อตั้งบริษัทผลิตหนัง และกลายมาเป็นคู่สามีภรรยาทรงอิทธิพลของวงการบันเทิง นับตั้งแต่ยังเป็นสาวงามแล้วเข้าสู่วัยกลางคน ออร่าความเป็นดาราใหญ่ของเธอก็ไม่มัวหมองลงไป และยังเคยแสดงฝีมือการกำกับหนัง ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นได้บ่อยนักกับผู้หญิงในยุคนั้น ตราบกระทั่งได้พบว่า สามีสุดที่รักแอบมีบุตรนอกสมรสกับนางเอกวัยเยาว์ จึงเลือกจะเดินจากชีวิตคู่ที่ทำให้ช้ำใจ


อบ่างไรก็ตาม แม้จะถูกสามีหักหลัง แต่หลังจากที่จบกันไปแล้ว พวกเค้ายังรักษามิตรภาพไว้ได้ สิ่งที่เสียหายกลับเป็นชื่อเสียงของนางเอกรุ่นใหญ่ การแยกทางจากสามีที่ถูกยกให้เป็นเจ้าพ่อแห่งวงการหนัง ทำให้เธอถูกมองในแง่ไม่ดีนัก จากเรื่องราวในอดีตที่เคยมีสามีมาแล้ว แต่ถูกอีกฝ่ายทุบตีมาโดยตลอด ทำให้เธอไม่ลังเลใจจะตีจากชายผู้นั้นมาเริ่มต้นใหม่กับผู้กำกับหนุ่ม สามีเก่าพยายามฟ้องร้องเธอข้อหาผิดประเวณี แต่เพราะเป็นการอยู่กินโดยไม่มีทะเบียนสมรสรับรอง เธอจึงทิ้งชีวิตที่เคยเป็นเหยื่อความรุนแรงมาเป็นนางเอกชื่อดัง และใช้ชีวิตคู่อย่างเปิดเผยและถูกต้องตามกฎหมายกับผู้กำกับชิน สามีที่เธอยกย่องมาโดยตลอด


แม้จะไม่สามารถมีบุตรได้ ชเว อึนฮีได้เลือกรับอุปการะลูกบุญธรรมสองคนร่วมกับสามี เมื่อเวลาล่วงเลยจนกลายมาเป็นนักแสดงรุ่นใหญ่ เธอต้องช็อคเมื่อได้รู้เรื่องลูกลับๆของเขากับนางเอกวัยเอ๊าะจากสื่อหนังสือพิมพ์พร้อมกับคนอื่นๆ แม้ว่าจะยังรักสามีอยู่มากมาย ก็ตัดสินใจขอหย่า

สังคมไม่ได้ตอบรับกับการตัดสินใจของเธออย่างเห็นใจ ผู้หญิงที่หย่ากับสามีที่ประสบความสำเร็ขถึงเพียงนั้นถูกมองว่าไร้สติ และไม่มีน้ำอดน้ำทน มีคนที่โทษเธอว่าไม่สามารถให้กำเนิดลูกให้กับสามีได้ ความเจ็บปวดที่ถูกนอกใจและแรงกดดันจากสังคมทำให้เธอหลบมาพักใจที่ฮ่องกง และต้องกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่โลกต้องจดจำ

เธอถูกสายลับเกาหลีเหนือลักพาตัวจากคำสั่งของ คิม จองอิล ทายาทเผด็จการที่กลายมาเป็นผู้นำประเทศในภายหลัง ด้วยความหลงไหลในศิลปะการสร้างหนัง เขาได้ฉวยโอกาสที่นางเอกชั้นนำของเกาหลีใต้กำลังพำนักอยู่นอกประเทศแล้วพาตัวมายังเกาหลีเหนือเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องการทำหนัง

ไม่กี่เดือนหลังจากนั้น ผู้กำกับชินที่เฝ้าตามหาอดีตภรรยาที่หายสาปสูญก็ถูกลักพาตัวไปยังเกาหลีเหนือเช่นเดียวกัน แม้จะฝ่ายเผด็จการจะรับรองความเป็นอยู่อย่างหรูหราให้กับพวกเค้า แต่นั่นเป็นเพราะความประสงค์ที่จะบีบให้ทั้งสองร่วมกันสร้างหนังชื่นชมประเทศเกาหลีเหนือ เพื่อรักษาชีวิตและความปลอดภัย พวกเค้าจึงเดอนหน้า project ต่างๆตามคำสั่งของคิม จองอิลเป็นเวลาหลายปี พวกเค้ายังถูกบีบให้บอกกับสื่อต่างชาติว่า เดินทางมาสร้างสรรค์ผลงานที่เกาหลีเหนือด้วยความสมัครใจ และในที่สุด หลังจากที่คิม จองอิลอนุญาตให้เดินทางไปยังออสเตรียเพื่อถ่ายทำหนัง พวกเค้าจึงใช้โอกาสนี้ติดต่อสถานทูตอเมริกา และหาช่องทางขอลี้ภัยมายังอเมริกาได้สำเร็จ

แต่กว่าจะกลับมายังเกาหลีใต้ได้ ก็ใช้เวลานานหลายปี  เพราะรัฐบาลแสดงความระแวงว่า พวกเค้าหักหลังชาติบ้านเกิดไปร่วมมือกับเกาหลีเหนือนั่นเอง


ชีวิตของผู้หญิงหลังการหย่าร้างที่ถูกผลักไสให้จนมุมกับคำว่า"ไม่ดีพอ" ช่างชวนให้หดหู่ใจซะจริงๆ



The End


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE