เมื่อมิสเงินเหลือ โดนป้ายยา...
jahyonla
30 มิ.ย. 64
51
17
สวัสดีค่ะทุกคน ช่วงนี้เป็นยังไงกันบ้างเอ่ย? หวังว่าทุกคนจะยังสุขภาพแข็งแรงทั้งกายและใจกันอยู่นะคะ สองสามเดือนมานี้จ๋าแทบไม่ได้ออกไปไหนเลยค่ะ หมกตัวอยู่บ้านทั้งวัน ทำงานก็ Work from home วนไป กลายเป็นว่าช่วงนี้ค่าใช้จ่ายของจ๋าลดลง .. เพราะแทบไม่ได้เสียเงินในส่วนของค่าเดินทางเลย สำหรับคนที่เก็บเงินเก่ง ๆ จ๋าว่าเราสามารถใ ช้โอกาสนี้ในการออมเงิน ได้เลยนะคะ แต่ๆๆๆ ไม่ใช่สำหรับจ๋าค่ะ!! ช่วงที่ผ่านมานอกเหนือจากทำงาน กิจวัตรอีกอย่างของจ๋าก็คือ การไถ Feed ใน Social Media ไปเรื่อย จ๋าก็ไปเจอรีวิวของเหล่าพี่น้องชาวเน็ตกล่าวขานถึงเจ้า Skincare ที่จ๋าก็โดนป้ายยา มาเรียบร้อย จนท้ายที่สุดก็ลองสอยตามเค้ามา แล้วก็รู้สึกว่าไม่ได้การละ ฉันขอมาป้ายยาคนอื่นต่อบ้าง เราจะไม่เสียทรัพย์คนเดียว ฮ่า ๆๆๆ
เอาล่ะค่ะ! มายลโฉมหน้าตัวการในการเสียทรัพย์ครั้งใหญ่ในรอบหลายเดือนของจ๋า นั่นก็คือน้อง ๆ Aesop 2 กระปุกนี้ค่ะ
ก่อนจะอวยยศ ต้องบอกก่อนว่า Aesop เป็นแบรนด์ที่ผ่านตาจ๋ามาตลอด ผลิตภัณฑ์ของเค้าก็มีหลากหลายมากกก ซึ่งจ๋าก็ไม่เคยศึกษาอะไรเพิ่มเติม จนกระทั่ง... นั่นแหละค่ะ ความเป็นมิสเงินเหลือ + เสียงลือเสียงเล่าอ้างของชาวเน็ตทำให้เราได้เจอกัน ฮี่ ๆๆๆ
สภาพผิวของจ๋า เป็นคนผิวแห้ง มีลอกเป็นขุยบ้างตามสภาพอากาศและการพักผ่อน ความกระชับของรูขุมขน ก็ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและการผักผ่อนอีกเช่นกัน จุดด่างดำ+รอยสิว ช่วงนี้มีน้อยมาก มีแต่ใต้ตาดำ ๆ ที่น่าจะรักเรามาก และดูเหมือนเค้าจะอยากอยู่กับเราตลอดไป T__T
น้องคนแรก Aesop B & C Facial Balancing Gel (60ml.)
ค่าตัวน้องอยู่ที่ 4,050 บาท
เค้าเป็น Moisturizer สูตรเจลใส ๆ แต่เนื้อสัมผัสมีความหนืดคล้ายน้ำผึ้งค่ะ ส่วนตัวจ๋าชอบกลิ่นของเค้า เปิดมาดมก็คือฟินน (แพกเกจของเค้าเป็นกระปุกแก้ว อาจจะพกพายากไปนิด แต่ความแข็งแรง ทนทาน ถือว่าเยี่ยม!) คุณสมบัติของเค้า หลักๆคือช่วยบำรุงให้ผิวกระจ่างใส มีวิตามินแบบจุก ๆ ทั้ง B, C มีส่วนช่วยให้รอยสิวต่าง ๆ จางลง และที่สำคัญ (อันนี้จ๋าชอบสุด) เค้าทำให้ผิวชุ่มชื้นอิ่มน้ำ ค่ะ มิสผิวแห้งแบบจ๋าเลิฟมากกก ใช้แล้วรู้สึกว่าผิวแข็งแรงขึ้น ไม่แห้ง ไม่มัน เป็นผิวค่ากลางมีสมดุลที่ดีย์!! และน้องคนนี้ก็ใช้ได้กับทุกสภาพผิวเลยนะคะ ถ้าใครสนใจลองศึกษาเพิ่มเติมและไปตำมาลองกัน!!
อย่างที่จ๋าบอกไปว่าเนื้อสัมผัสของเค้าค่อนข้างหนืด (ถ้าจะให้นึกภาพง่ายๆ ก็คือ หนืดแบบน้ำผึ้งค่ะ) ถ้าเราแตะขึ้นมาแล้วทาไปบนหน้าเลย โอ้โหทุกคน หยุดค่ะ อย่าพลาดแบบจ๋า เพราะจ๋าแตะปุ๊บปาดบนหน้าปั๊บมาแล้ว บอกได้คำเดียวว่า หนืดซะ! และนั่นเป็นวิธีที่ผิดค่ะ วิธีใช้ คุณเค้า เราจะต้องทำการปลุกน้องเค้าก่อน ด้วยการวอร์มด้วยมือเรา นี่แหละค่ะ วน ๆๆ สักประมาณหนึ่ง จนเนื้อเจลหนืด ๆ ที่ว่านี้ กลายสภาพเหลวขึ้น ประหนึ่งเนื้อ Essence แล้วก็ค่อย ๆ แตะ ๆ แปะ ๆ ไปบนผิวหน้าเรา เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จพิธีค่ะ
และน้องอีกคนนึง ก็คือ Aesop Sublime Replenishing Night Masque (60ml.)
ค่าตัวน้องคนนี้อยู่ที่ 4,300 บาท
เค้าเป็นมาส์กวิตามินเข้มข้น มีคุณสมบัติฟื้นบำรุงผิวแบบจัดเต็ม! ชนิดที่ว่าผิวดีข้ามคืน โดยเราสามารถใช้เป็น Overnight Mask ทาแล้วนอนยาว หรือใครที่อยากให้การบำรุงจบลงตอนที่เรายังมีสติ ก็สามารถนำมาทาพอกหน้าไว้แปบ ๆ อย่างน้อย 15 นาที ก็ได้นะคะ ส่วนตัวจ๋าชอบแบบแรกค่ะ โบกไปแล้วหลับยิงยาว ตอนเช้าค่อยว่ากัน 55555
ความดีงามของน้องคนนี้ หลังจากได้ใช้มาสักพักใหญ่ ๆ จ๋าสังเกตว่า พอตื่นมาตอนเช้า มาส์กที่เราทาไว้ตอนก่อนนอน ยังอยู่บนหน้าค่ะทุกคน น้องเค้ายังเคลือบผิวเราไว้ได้ตลอดคืน ทำให้จ๋ารู้สึกอุ่นใจว่าน้องเค้าได้บำรุงหน้าเราจริง ๆ ไม่ได้ไปจบอยู่ที่ปลอกหมอน T__T และก็มาถึงช่วงของการอวยยศ ทุกคนคะ.. จ๋าค่อนข้างประทับใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับผิวเราหลังผ่านการบำรุงจากน้องสองคนนี้มาก
รอยสิวข้างแก้มจางลง รูขุมขนตื้นขึ้น
ผิวจ๋าแข็งแรงขึ้น ช่วงก่อนประจำเดือนไม่มีสิวขึ้นมากวนใจเลย ผิวไม่แห้งไม่ลอกเป็นขุย ซึ่งก็น่าจะมาจากปัจจัยหลายอย่าง โดยที่น้องสองคนนี้ก็อาจจะมีส่วนช่วยคงความชุมชื้นในผิวด้วย รูขุมขนกระชับขึ้น ผิวบริเวณช่วงหน้าแก้มเรียบเนียนขึ้น (แม้จะยังคงพักผ่อนน้อยอยู่เรื่อย ๆ) รอยต่าง ๆ บนหน้าจางลงประมาณนึง กระจ่างใสขึ้น (แต่รอยใต้ตายังคงเดิม T____T 55555) กลิ่นดีทั้ง 2 ตัว เปิดใช้ทีไรก็ผ่อนคลาย ถือเป็นการจบวันที่ดีมาก จ๋าเลิฟมากกก ๆ จริง ๆ
เอาเป็นว่าข้างประทับใจทีเดียว จ๋าจึงขออวยยศ 99 พุ่มทอง ค่ะ ก่อนจะจากไป จ๋าอยากบอกว่านี่เป็นประสบการณ์ที่จ๋าได้รับและนำมาบอกเล่า หลังจากได้ใช้กับสภาพผิวของจ๋าเอง ซึ่งประสบการณ์ที่แต่ละคนได้เจอก็อาจจะแตกต่างไปตามสภาพผิวรวมถึงปัจจัยต่าง ๆ ทั้งนี้ในยุคเศรษฐกิจที่หลาย ๆ คนอาจจะต้องรัดเข็มขัดทางการเงิน (มากน้อยต่างกันไป) และด้วยความที่ค่าตัวน้อง ๆ เค้าก็ไม่เบาเท่าไหร่.. (ในมุมมองของจ๋า 5555) หลายคนอาจจะอยากใคร่ครวญก่อนตัดสินใจ จ๋าก็หวังว่ารีวิวของจ๋าจะเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ สำหรับใครที่กำลังอยากเสียทรัพย์ไม่มากก็น้อยนะคะ สำหรับใครที่เป็นมิสเงินเหลือและอยากลองตำน้อง ๆ เค้าบ้าง เอาจริง ๆ เค้ามีเคาน์เตอร์ตามห้างใหญ่ ๆ หลายที่เลยนะคะ แต่ในช่วงนี้ออกนอกบ้านน้อยครั้งที่สุดอาจจะเป็นอะไรที่ปลอดภัยกับเรามากกว่า เนอะ.. ทุกคนสามารถช้อปผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ Central Online เลยนะคะ (ซุ่มดูดี ๆ อาจจะเจอโปรปัง ๆ ก็ได้น้า)
ขอบคุณทุก ๆ คนมากเลยนะคะที่อ่านกันมาจนถึงตรงนี้ กระทู้หน้าจ๋าจะมาบอกเล่าประสบการณ์กับน้อง ๆ คนไหนอีก ฝากติดตามด้วยนะคะ แล้วเจอกันค่าาา บ๊ายบาย Xoxo