#รีวิวหนัง I MORTAL KOMBAT
gee_salinee 44 10วันนี้จะมารีวิวหนังใหม่ที่เพิ่งเข้าโรงภาพยนต์กันบ้าง
และการรีวิวในครั้งนี้ ยกเครดิตให้คุณแฟนเหมือนเดิมค่ะ
ใครที่ชอบดูหนังเรท R เลือดสาดกระจาย แนะนำเรื่องนี้เลย
** คำแนะนำ **
ระหว่างอยู่ในโรงภาพยนต์เว้นระยะห่างและใส่แมสตลอดการรับชมด้วยนะคะ
#ด้วยรักและห่วงใย
“Get over here!”
โคล ยัง นักสู้ MMA ธรรมดาคนหนึ่งที่มีปานรูปมังกรติดตัวมาตั้งแต่เกิด หลังจากถูกตามล่าจากเหล่านักฆ่าที่มีพลังเหนือมนุษย์ เขาได้พบว่ามันคือสัญลักษณ์ของเหล่าผู้ถูกเลือกที่จะต้องเข้าร่วมการประลองยุทธ์อันโหดเหี้ยม โดยมีชะตากรรมของมวลมนุษย์เป็นเดิมพัน
อีกหนึ่งภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากวีดีโอเกมส์ชื่อดัง และเคยถูกสร้างเป็นภาพยนตร์มาแล้วเมื่อปี 1995 แต่นี่จะเป็นการรีบูธเรื่องราวใหม่ทั้งหมดโดยไม่ได้อ้างอิงจากฉบับใดเลย หนังว่าด้วยเรื่องราวของมิติโลกมนุษย์ที่ต้องถูกรุกรานจาก นักรบทรงพลังที่มาจากต่างมิติ
ที่เรียกว่า Outworld แต่เทพเจ้าโบราณ Elder god ต้องการให้โอกาสเหล่ามนุษย์จึงเสนอให้จัดการประลอง ที่มีชื่อว่า Mortal Kombat โดยมีกฎว่าหาก Outworld สามารถชนะต่อเนื่องถึง 10 ครั้ง จะสามารถบุกยึดโลกมนุษย์ได้ทันที แต่หากชัยชนะเป็นของฝั่งมนุษย์ Outworld จะไม่มีสิทธิ์มารุกรานโลกได้อีก
ฟังดูเป็นการเล่นเรื่องราวที่สเกลใหญ่พอดู แต่หนังก็ไม่ได้ให้เราเห็นภาพไปไกล
ถึงขนาดนั้นสักเท่าไหร่ เพราะหนังเลือกที่จะสร้างตัวละครใหม่ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนอย่าง โคล ยัง ขึ้นมาเปรียบเสมือนตัวแทนของผู้ชมที่ค่อยๆได้รับรู้ถึงเรื่องราวต่างๆ ในโลกของสังเวียนเลือดนี้ไปพร้อมๆกับเรา ซึ่งผมว่ามันก็เป็นวิธีเข้าท่าดี เพราะมันง่ายต่อการสร้างเส้นเรื่องใหม่ๆของตัวเอง โดยมีตัวละครต่างๆที่เราคุ้นเคย มาเป็นส่วนเสริมเรื่องราวและสร้างสีสันให้ซึ่งผลที่ได้มันก็เป็นที่น่าพอใจในระดับหนึ่ง
แต่จุดขายจริงๆของหนังอยู่ที่ฉากแอ็คชั่นมาเชียลอาร์ทต่างๆในหนัง ซึ่งต้องบอกว่า
มันออกมาดูดีกว่าที่คิดไว้มากด้วยการที่เป็นหนังเรทR มันจึงไม่มีการประนีประนอมที่จะใส่ฉากความรุนแรงละเลงเลือดมาอย่างเต็มที่ ซึ่งตรงนี้มันตอบโจทย์ของความเป็น
มอร์ทัล คอมแบท ได้มากกว่าฉบับปี1995ได้อย่างเทียบไม่ติด
การเลือกใช้เหล่านักแสดงนำที่ไม่ใช่เบอร์ใหญ่ก็ดูไม่เป็นปัญหา เพราะไม่ทำให้เราติดภาพจากบทบาทเรื่องอื่นๆและทำให้เรารู้สึกว่าพวกเขาเป็นนักสู้จริงๆ ถึงจะดูแข็งๆไปบ้างในซีน
พักเบรคสนทนากันต่างๆ แต่หนังก็ไม่ปล่อยให้เราได้รำคาญใจจากจุดนี้นักเหมือนเรื่องอื่นๆ เพราะฉากแอ็คชั่นในเรื่องที่จะประเคนมาแทบไม่ได้หยุดพัก สิ่งที่น่าเสียดายเท่าที่พอจะมองออกก็คงเป็น การตัดต่อที่ดูจะโดดๆ ให้อารมณ์ที่ไม่ต่อเนื่องและดูรีบไปหน่อยโลเคชั่นต่างๆที่ดูไม่ค่อยจะหลากหลายเท่าไหร่
อาจเป็นเพราะความจำกัดต่างๆในเรื่องของงบประมาณ ทำให้ฉากต่างๆ ดูค่อนข้างแห้งแล้งและไม่ค่อยได้อารมณ์ที่ยิ่งใหญ่สักเท่าไหร่ ผิดกับซีจีคอมพิวเตอร์กราฟฟิกต่างๆที่ทำออกมาได้สวยงามมากๆ โดยรวมแล้วนี่คือหนังที่สามารถถอดสมองดูได้เลยไม่ต้องหวังเนื้อเรื่องที่ซับซ้อนอะไร ใช้แอ็คชั่นขับเคลื่อนเรื่องราวอย่างเดียวพอ
ถ้าเพื่อนๆมองหาหนังที่สามารถเข้าไปดูเพื่อความสนุกสะใจได้แน่ๆล่ะก็
เรื่องนี้ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอนไปรับชมกันได้แล้ววันนี้ในโรงภาพยนตร์