เกาะติดชีวิตปัจจุบันของซุปเปอร์สตาร์J pop ยุค 2000s
candy 59 14ใครบ้างที่เป็น "ติ่งยุคบุกเบิก" ของศิลปิน J Pop ยุค 2000s ? ในตอนนั้นเราอาจจะยังไม่ได้ใช้คำว่าเมน หรือรวมตัวกันเป็นแฟนคลับกลุ่มก้อนใหญ่ แต่ศิลปินจากแดนอาทิตย์อุทัยก็มีอิทธิพลต่อวัยรุ่นในยุคนั้นสูงมากทีเดียว
เริ่มคิดถึงกันรึเปล่าว่าบรรดาซุปตาร์ที่เคยทำให้พวกเราต้องเก็บสะสมค่าขนมซื้อ CD ที่แสนแพงในทุกวันนี้จะเป็นเช่นไรบ้าง มาปักรอกับเราตรงนี้ได้เลยค่ะ
Hikaru Utada
สาวน้อยมหัศจรรย์ที่สั่นสะเทือน Oricon Chart ด้วยยอดขายหลายล้านแผ่น
เมื่อเราพูดถึงคำว่าหลายล้าน เราไม่ได้พูดถึงเพียงอัลบั้มรวม เพราะในยุคนั้น เหล่าซุปตาร์ตัดมาขายทีละซิงเกิ้ล แฟนๆก็ควักกระเป๋าซื้อ CD จนยอดขายพุ่งปรี๊ด สำหรับฮิคารุ อุทาดะ หรือชื่อเล่นที่แฟนๆตั้งให้ว่า ฮิกกี้ ได้ก้าวมาเป็นศิลปินทรงอิทธิพลของญี่ปุ่นจนสื่อต่างชาติจับตามองมาตั้งแต่ปลายยุค 90s แม้ว่าผลงานที่ทำให้เธอโด่งดังจะไม่ใช้อัลบั้มแรก แต่เป็นความพยายามในครั้งต่อมาเพื่อจะเจาะตลาดญี่ปุ่นให้สำเร็จ และฮิกกี้ก็กลายมาเป็นดาวเปล่งประกายเจิดจ้าทั้งๆที่มีอายุเพียง 15-16 ปีเท่านั้น
ที่เราบอกว่าเจาะตลาดญี่ปุ่น ก็เป็นเพราะพื้นเพความอินเตอร์ของสาวน้อย R&B เธอเป็นชาวอเมริกันเชื้อชาติญี่ปุ่นที่ใช้ชีวิตแบบไปๆมาๆระหว่างสองประเทศ สไตล์ของเธอช่างแตกต่างกับไอดอล J Pop จากช่วง 90s ที่แต่งตัวด้วยสไตล์หวานแหววและมีความสวยน่ารักแบบไร้เดียงสา เสียงของเธอดูแหบใหญ่เมื่อเปรียบเทียบกับนักร้องสาวเสียงแบ๊วชื่อดังทั่งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ฟังดูไม่ต่างจากนักพากย์อนิเมะ รูปลักษณ์ที่เป็นผู้ใหญ่ทั้งๆยังอยู่ในวัยมัธยมนั้นห่างไกลกับพิมพ์นิยมความคาวาอี้แบบญี่ปุ่นที่พวกเราคุ้นเคย
แต่ First Love ทำให้เธอกลายเป็นศิลปินเจ้าของสถิติอัลบั้มขายดีที่สุดตลอดกาลของญี่ปุ่นด้วยยอดขายราวๆ8,000,000 แผ่น ทิ้งห่างA Best อัลบั้มที่รั้งอันดับสองของอายูมิ ฮามาซากิถึงราวๆ 2,670000 แผ่นเลยค่ะ (ยังไม่รวมว่า เธอมี 3 อัลบั้มที่ติด top10 อัลบั้มที่ขายดีที่สุดที่ศิลปินคนอื่นทำไม่ได้) จากความเปลี่ยนแปลงในการเข้าถึงผลงานที่กลายมาเป็นระบบ digital ในยุคนี้ ก็คงสื่อได้ว่า ฮิกกี้จะเป็นศิลปินที่จะครองอันดับหนึ่งนี้ไปอีกเนิ่นนาน และเมื่อย้อนคิดกลับไปว่า เธอดังถล่มทลายกลายมาเป็นราชินี Oricon Chart มาตั้งแต่อายุ 16 ก็ยิ่งปลาบปลื้มในความสามารถของเธอ เพราะฮิกกี้ไม่ได้ฝากพลังเสียงไว้ในบทเพลงอันไพเราะเท่านั้น เธอยังมีส่วนร่วมในการแต่งเพลง produce และ arrange จนไม่มีใครปรามาสได้ว่า เธอเป็นนักร้องที่เปรียบเหมือนกับสินค้าที่ผลิตมาจากค่ายเพลงในรูปแบบเดิมๆดูเกลื่อนตลาด เมื่อถามถึงศิลปินที่เธอชื่นชอบผลงาน Sting ,The Cure Radiohead, Bjork และ Nine Inch Nail และยังปลื้ม เจ๊แม่ Madonna ที่ไม่ต้องสร้างความโด่งดังจากจากสูตรสำเร็จแบบเดิมๆอีกด้วย ก็น่าจะอธิบายได้ถึงความแตกต่างภาพของราชินี J Pop ที่เราเคยพบเห็นมา ฮิกกี้ยอมรับในสัมภาษณ์สื่อต่างชาติว่า เธอไม่ได้ฟังเพลงญี่ปุ่นมากเท่าใดนัก แต่กลับทำเพลงญี่ปุ่นออกมาจนโดนใจเพลงๆกลายมาเป็นเบอร์ 1 ได้สำเร็จ
เรามั่นใจเต็มร้อยว่า ไม่ได้มีเพียงแค่เราเท่านั้นที่ยังกดเลือกเพลง First Love จากบริการ Streaming มาฟังอยู่เรื่อยๆ ถ้าพูดถึงฮิคารุ อุทาดะ แฟนๆ ชาวไทยก็อาจจะนึกถึงเพลงนี้เป็นอันดับแรก แต่เธอมีซิงเกิ้ลยอดฮิตอีกเยอะ และไม่ได้เป็นความโด่งดังแค่ประเดี๋ยวประด๋าว แต่ขายดีลากยาวมาเกินสิบปี และถูกสื่อต่างชาติยกย่องให้เป็น popstar อันดับ 1 ของญี่ปุ่น สิ่งเดียวที่เธอเธอทำไม่สำเร็จคงจะเป็นการแจ้งเกิดในอเมริกา ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่า การทำให้ชาวอเมริกันยอมรับศิลปินต่างชาติได้นั้นมันยากเย็นนัก ( แม้เธอจะเกิดและเติบโตในอเมริกาก็ตาม)
แต่ถ้าเป็นญี่ปุ่น แม้ฮิกกี้จะไม่ได้ดูเป็นศิลปินที่ focus กับการเป็นผู้นำแฟชั่น แต่เธอก็เป็นทั้งเจ้าของclothing line และมีดีลโฆษณามากมาย รวมไปถึงการดีไซน์ตัวการ์ตูนแมว Chuichi ที่ปรากฏตัวในmusic video และสินค้าต่างๆที่แฟนทุ่มเงินสะสมอย่างไม่ลังเล
ตอนที่ให้สัมภาษณ์ ฮิกกี้ดูไม่ต้องคอยระมัดระวังเรื่องความสำรวมและรักษาภาพลักษณ์แบบ good girl เธอเปิดใจได้ตรงๆว่า อยู่ตรงข้ามกับความเป็นดิว่า แม้จะถูกเปรียบเทียบว่าประสบความสำเร็จมโหฬารพอๆกับฺBritney Spears แต่เธอใช้ชีวิตแบบธรรมดาๆ ไม่ได้แสดงออกแบบ pop sensation อย่างที่ใครๆพูดกัน เธอโฟกัสกับงานเบื้องหลัง มากกว่า ส่วนใหญ่เธอมีแค่ notebookและเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆก็ทำงานที่บ้านได้สะดวกสบาย และเธอเชื่อว่า ตัวเองไม่ได้เข้าพวกกับ popstar ของที่มีเพลงฮิตใน chart ของอเมริกาแต่อย่างใด
เธอแต่งงานกับผู้กำกับที่อายุมากกว่าหลายปีตั้งแต่ที่เธออายุเพียงแค่ 19 และหย่าหลังจากใช้ชีวิตคู่ด้วยกันเกือบห้าปี เมื่อพบรักใหม่กับหนุ่มอิตาเลียนก็ได้รับบทบาทใหม่ คือการเป็นแม่คน
เธอแต่งงานกับผู้กำกับที่อายุมากกว่าหลายปีตั้งแต่ที่เธออายุเพียงแค่ 19 และหย่าหลังจากใช้ชีวิตคู่ด้วยกันเกือบห้าปี เมื่อพบรักใหม่กับหนุ่มอิตาเลียนก็ได้รับบทบาทใหม่ คือการเป็นแม่คน
ฮิกกี้ในปัจจุบันน่าจะอยู่ในระดับที่เรียกได้ว่า "ขึ้นหิ้ง" ซุปตาร์สาววัย 38 ไม่ได้มีผลงานออกมาถี่ๆ แต่ก็สม่ำเสมอพอจะให้แฟนๆหายคิดถึง ผลงานที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามของเธอยังมีอิทธิพลมาถึงทุกวันนี้ อย่างการทำเพลงประกอบอนิเมะในตำนาน Evangelion: 3.0+1.0 Thrice Upon a Time หรือซีรีส์ Netflix เรื่อง First Love ที่สร้างมาจากเพลงอันแสนตราตรึงใจของเธอนั่นเอง ( พระเอกคือพระเอกระดับtop อย่างทาเครุ ซาโต้ และจะลงจอในปีหน้าค่ะ)
Ken Hirai
เมื่อพูดถึงเพลงรัก R&B ต้องเขาคนนี้
ท่ามกลางการแข่งขันในตลาดดนตรีที่หลากหลายของญี่ปุ่่น เมื่อพูดถึงตัวแทนของ R&B ฝ่ายชาย ชื่อของเคน ฮิราอิจะต้องนำมาเป็นลำดับต้นๆ เพราะนี่คือศิลปินที่ทั้งมีความสามารถโดดเด่นในการเขียนเนื้อเพลง compose produce และเล่นpiano ไม่ต่างจากฮิคารุ อูทาดะ เขาหลงไหลในเพลงโซลจาก1970s Stevie Wonder, Donny Hathawayหรือจะเป็นศิลปินรุ่นใหม่อย่าง D'Angelo และได้สร้างแรงบันดาลใจจากผลงานเพลงโซลโลกตะวันตกมาประยุกต์เข้ากับ J Pop
เคนซังไมไ่ด้เติบโตในครอบครัวนักดนตรีเหมือนกับฮิกกี้ และไม่ได้เก่งเรื่องเล่นดนตรีมาตั้งแต่แรก และใช้เวลาหลายปีตั้งแต่เดบิวท์เพื่อฝึกฝนเรียนรู้โดยไม่ได้มีพื้นฐานจากทฤษฎีจากอ่านหรือเขียนโน้ต สิ่งที่ถนัดมากกว่าคือการเขียนเพลงและ compose ดนตรีโดยมีพื้นฐานมาจากอารมณ์ความรู้สึก สิ่งที่เขาหลงรักมากกว่าอะไรในโลกคือการร้องเพลง เมื่ออทุ่มเททุกอย่างเข้าด้วยกัน ล้มลุกคลุกคลาน ทดลองสิ่งใหม่ๆเพื่อให้โดนใจผู้ฟังมาหลายปีจึงได้ก้าวมาเป็นศิลปินระดับแนวหน้าได้ในที่สุด
ด้วยพรสวรรค์ในการขับร้องทำให้ชนะการประกวดเฟ้นหาศิลปินหน้าใหม่ของSONYทำให้ได้เซ็นสัญญากับค่ายใหญ่ แต่ก็ต้องใช้เวลาราวๆสี่ปีจึงสามารถสร้างความนิยมจากเพลง Lakuen ในปี 2000 จากนั้นก็ไม่มีฉุดเคนซังไว้ได้
เขาได้เขียนบทเพลงและขับร้อง Hitomi wo Tojite ประกอบ Crying Out Love in the Center of the World หนังรักร้าวรานใจที่ทำรายได้มหาศาลที่ญี่ปุ่น (โกยไปได้ 2400 ล้านบาท จากประชากรราวๆ 120ล้านคน) เรียกได้ว่า แค่เพลงนี้อินโทรขึ้นมา บางคนก็จะรู้สึกใจโหวงๆ และแอบมีน้ำตาไหลเมื่อถึงท่อนฮุกบีบคั้นอารมณ์ ทั้งหนังทั้งเพลงถูกนำมาremake เป็นเวอร์ชั่นอังกฤษ เกาหลีและจีนและศิลปินญี่ปุ่นเองก็นำมาร้องใหม่หลายครั้ง ยืนยันว่าต้นฉบับทำไว้ได้เริ่ดมาก ถึงขนาดที่เมื่อเคนซังขึ้นแสดงในมหกรรมขาวแดง เพลงที่หลุดจาก chartไปแล้วหลายเดือนก็กลับมาติด top 20ใหม่ แต่ทั้งๆที่เป็นซิงเกิ้ลที่ขายดีที่สุดในปี2004(เกือบเก้าแสนแผ่น) แต่ไม่เคยขึ้นถึงอันดับหนึ่ง ไปได้ไกลสุดเพียงที่2 เพราะบล็อคไว้จากเพลงของฮิคารุ อุทาดะนั่นเองค่ะ
นอกจากนั้น ผลงานชื่อดังของเขายังถูกรับเลือกไปเป็นเพลงประกอบละครอีกหลายเรื่อง หากไม่ได้เป็นแฟนเพลงญี่ปุ่น แต่ถ้าติดตามดูหนัง-ซีรีส์แนวromance มาบ้าง น่าจะเคยได้ยินเสียงขับร้องของนักร้องหนุ่มญี่ปุ่นหน้าฝรั่งคนนี้กันมาแล้ว
เขาได้เขียนบทเพลงและขับร้อง Hitomi wo Tojite ประกอบ Crying Out Love in the Center of the World หนังรักร้าวรานใจที่ทำรายได้มหาศาลที่ญี่ปุ่น (โกยไปได้ 2400 ล้านบาท จากประชากรราวๆ 120ล้านคน) เรียกได้ว่า แค่เพลงนี้อินโทรขึ้นมา บางคนก็จะรู้สึกใจโหวงๆ และแอบมีน้ำตาไหลเมื่อถึงท่อนฮุกบีบคั้นอารมณ์ ทั้งหนังทั้งเพลงถูกนำมาremake เป็นเวอร์ชั่นอังกฤษ เกาหลีและจีนและศิลปินญี่ปุ่นเองก็นำมาร้องใหม่หลายครั้ง ยืนยันว่าต้นฉบับทำไว้ได้เริ่ดมาก ถึงขนาดที่เมื่อเคนซังขึ้นแสดงในมหกรรมขาวแดง เพลงที่หลุดจาก chartไปแล้วหลายเดือนก็กลับมาติด top 20ใหม่ แต่ทั้งๆที่เป็นซิงเกิ้ลที่ขายดีที่สุดในปี2004(เกือบเก้าแสนแผ่น) แต่ไม่เคยขึ้นถึงอันดับหนึ่ง ไปได้ไกลสุดเพียงที่2 เพราะบล็อคไว้จากเพลงของฮิคารุ อุทาดะนั่นเองค่ะ
นอกจากนั้น ผลงานชื่อดังของเขายังถูกรับเลือกไปเป็นเพลงประกอบละครอีกหลายเรื่อง หากไม่ได้เป็นแฟนเพลงญี่ปุ่น แต่ถ้าติดตามดูหนัง-ซีรีส์แนวromance มาบ้าง น่าจะเคยได้ยินเสียงขับร้องของนักร้องหนุ่มญี่ปุ่นหน้าฝรั่งคนนี้กันมาแล้ว
ใบหน้าคมสันและรูปร่างสูงใหญ่เหมือนผู้ชายตะวันตกทำให้เขาถูกเพ่งเล็งด้วยความอยากรู้อยากเห็นอยู่เสมอ เคนซังยอมรับว่าไม่ชอบหน้าตาตัวเอง เพราะแม้ว่าจะเกิดและเติบโตในญี่ปุ่น พูดภาษาญี่ปุ่นเหมือนคนอื่นๆ แต่มักจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นชาวต่างชาติอยู่เสมอ เมื่อมีชื่อเสียงแล้ว สังคมจึงรับรู้ว่าเขาคือคนญี่ปุ่น แต่ก็ยังรู้สึกว่าเป็นปมด้อย ถึงจะพยายามมองว่า ความโดดเด่นเช่นนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่ก็ยังอึดอัดคับข้องใจกับรูปลักษณ์ของตัวเองอยู่ดี
ทั้งๆที่ยังดูหนุ่มอยู่มาก แต่เคนซังใกล้จะเข้าสู่หลัก 5 แล้ว สถานะในวงการดนตรีในตอนนนี้ก็ยัง active ค่ะ และกำลังปล่อยอัลบั้มครบรอบ 25 ปีอีกไม่นานนี้
Namie Amuro
Divaที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแรงผลักสำคัญในการเปลี่ยนแปลง fashion ญีุ่่ปุ่น
เมื่อพูดถึงวัฒนธรรม Gyaru หรือสาวGal ที่สร้างความฮือฮาในยุค 2000s ด้วยเสื้อผ้าหน้าผมที่ดูเยอะไปหมดราวกับจับคนมาเล่นแต่งตัวเป็นตุ๊กตา นามิเอะ มามูโระมักจะถูกยกมาเป็น reference สำคัญ เพราะแม้ว่าจะมีนักร้องชื่อดังอย่างอายูมิ ฮามาซากิ และคุมิ โคดะที่ได้ขึ้นชึ้นชื่อว่าเป็นไอดอลของ Gyuru เช่นเดียวกัน แต่ ศิลปินตัวแม่จากโอกินาว่าผู้นี้มักจะได้รับเครดิตจากการนำเทรนด์การใส่กระโปรงสั้นกับบู๊ทยาว รวมถึงผิวแทนสวยปิ๊ง ว่ากันว่า จากยุค 90s ที่นักเรียนหญิงญี่ปุ่นยังไม่ได้ใจกล้าใส่เครื่องแบบ miniskirt ไปโรงเรียน แต่ความโด่งดังของนามิเอะทำให้เด็กสาวทั้งหลายปรารถนาจะเป็นเหมือนเธอ กระโปรงเครื่องแบบสั้นลอยจากหัวเข่าไปหลายนิ้วจึงกลายมาเป็นไอเท็มที่ Gyaru วัยมัธยมจะขาดไปไม่ได้ มีเด็กสาวจำนวนหนึ่งเตรียมกระโปรงไว้สองตัว ตัวที่มีความยาวกว่าสำหรับใส่ในรั้วโรงเรียน ตัวสั้นจู๋ที่นำมา mix&match กับถุงเท้าที่กองเป็นชั้น ที่สำคัญต้องทำผิวแทน ย้อมผมสีน้ำตาลทองและเขียนคิ้วบางเฉียบเหมือนกับนามิเอะ
แน่นอนว่าเธอไม่ได้ดังจากเรื่องfashionเพียงเท่านั้น ตั้งแต่ปลายยุค 90s ก็ขายผลงานเพลงไปได้มากมายหลายล้านแผ่น Can You Celebrate? เพลงฉลองการแต่งงานของเธอกับศิลปินหนุ่มรุ่นพี่ไม่เพียงแต่ขายดีในระดับปรากฏการณ์จนกลายเป็นซิงเกิ้ลที่มียอดขายสูงที่สุดในหมวดศิลปินเดี่ยวหญิง แต่ยังเป็นเพลง theme สำหรับคู่บ่าวสาวในญี่ปุ่น ทั้งๆที่การสละโสดของนามิเอะนั้นสร้างความตกตะลึงไปทั่วญี่ปุ่น เพราะเธอมีอายุเพียง20ปี ทั้งยังอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ของชีวิตการงาน สำหรับนักร้องสาวที่ยังอยู่ในวัยรุ่นในสังคมญี่ปุ่นขณะนั้นถือว่ามีความเสี่ยงสูงมากที่ความนิยมจะเสื่อมถอยลงไป ไม่เพียงแต่นามิเอะจะรอดพ้นกระแสโจมตีไปได้ Can You Celebrate? ทำให้ผู้คนร่วมอวยพรให้เธอมีความสุขกับการแต่งงาน
แต่อุปสรรคใหญ่มาเกิดขึ้นในช่วงที่เธอหย่าร้างจากสามีอีกห้าปีต่อมา ในปี 2002 ผลงานที่เคยขายดิบขายดีแตะหลักล้านแผ่นมาตลอดก็เริ่มแผ่วเบาลงไปจนน่าใจหาย กระแสความนิยมที่เคยพุ่งแรงไม่หยุดยั้งกลับสะดุดลงดื้อๆ นามิเอะใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะกลับมาสั่นสะเทือน Oricon Chartและยอดขายเปรี้ยงปังจากผลงานดนตรีหลากหลายแนว เธอคว้างานดีๆอย่างเพลงประกอบอนิเมะชื่อดังหลายเรื่อง และประสบความสำเร็จกับการออกทัวร์ แทบไม่เคยห่างหายไปจากวงการดนตรี
แต่อุปสรรคใหญ่มาเกิดขึ้นในช่วงที่เธอหย่าร้างจากสามีอีกห้าปีต่อมา ในปี 2002 ผลงานที่เคยขายดิบขายดีแตะหลักล้านแผ่นมาตลอดก็เริ่มแผ่วเบาลงไปจนน่าใจหาย กระแสความนิยมที่เคยพุ่งแรงไม่หยุดยั้งกลับสะดุดลงดื้อๆ นามิเอะใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะกลับมาสั่นสะเทือน Oricon Chartและยอดขายเปรี้ยงปังจากผลงานดนตรีหลากหลายแนว เธอคว้างานดีๆอย่างเพลงประกอบอนิเมะชื่อดังหลายเรื่อง และประสบความสำเร็จกับการออกทัวร์ แทบไม่เคยห่างหายไปจากวงการดนตรี
หลังจากที่ผ่านประสบการณ์โชกโชนจากการทำงานในวงการJ Popมาตั้งแต่อายุ 14 นามิเอะก็ได้ประกาศรีไทร์เมื่อเธอก้าวสู่วัยหลักสี่เต็มตัว แม้ว่ายอดขายเกินสองล้านยูนิตในอัลบั้มสุดท้ายจะพิสูจน์แล้วว่าความนิยมของเธอไม่ได้เสื่อมหายลงไปเลย แต่อาจเป็นไปได้ว่า ราชินีเพลงpopผู้นี้ก็ต้องการลงจากบัลลังก์ในขณะที่อยู่จุดสูงสุดไม่ให้ถูกครหาว่าเจอขาลงจนต้องรีไทร์
เห็นเป็น diva สวยแซ่บแบบนี้ก็อาจจะทำให้หลายคนลืมไปแล้วว่า ลูกชายของเธอโตเป็นหนุ่มแล้ว สื่อญี่ปุ่นได้รายงาน หลังจากที่หยุดพักไปนานพอสมควร แต่ผลงานเพลงของเธอก็ยังได้รับความนิยมอยู่ และอาจจะได้เห็นการ come back
เห็นเป็น diva สวยแซ่บแบบนี้ก็อาจจะทำให้หลายคนลืมไปแล้วว่า ลูกชายของเธอโตเป็นหนุ่มแล้ว สื่อญี่ปุ่นได้รายงาน หลังจากที่หยุดพักไปนานพอสมควร แต่ผลงานเพลงของเธอก็ยังได้รับความนิยมอยู่ และอาจจะได้เห็นการ come back
เชื่อได้เลยว่า นามิเอะคือเป็นส่วนหนึ่งในความทรงจำที่ตรึงตราของวัยรุ่นช่วงสองทศวรรษก่อน มีศิลปินหญิงไม่กี่คนที่ครองสถานะ superstar ได้ยาวนานขนาดนี้ อัลบั้มสุดท้ายในวัยสี่สิบของเธอขายไปได้ถึง2,250,000 ยูนิต และบันทึกการแสดงปิดฉากอาชีพนักร้องก็มียอดขายเป็นล้านเช่นเดียวกัน นั่นทำให้นามิเอะเป็นศิลปินผู้เดียวที่ขายอัลบั้มได้ถึงล้านยูนิตทั้งที่เป็นวัยทีน วัยยี่สิบ สามสิบและสี่สิบ ว้าวใช่มั้ยล่ะ!
และนั่นทำให้หลายคนยอมรับว่า เธอไม่ได้เป็นเพียง fashion icon หรือนักร้องดังเท่านั้น แต่การก้าวไปถึงจุดสูงสุดและพบกับอุปสรรคจนความนิยมตกต่ำ ต้องทุ่มเทพิสูจน์ตัวเพื่อสร้างความสำเร็จอีกครั้งนั้นทำให้เธอเป็นแบบอย่างของผู้หญิงที่สร้างแรวบันดาลใจ
และนั่นทำให้หลายคนยอมรับว่า เธอไม่ได้เป็นเพียง fashion icon หรือนักร้องดังเท่านั้น แต่การก้าวไปถึงจุดสูงสุดและพบกับอุปสรรคจนความนิยมตกต่ำ ต้องทุ่มเทพิสูจน์ตัวเพื่อสร้างความสำเร็จอีกครั้งนั้นทำให้เธอเป็นแบบอย่างของผู้หญิงที่สร้างแรวบันดาลใจ
Hideaki Takizawa
SMAP และ ARASHI เป็นวงไอดอลจาก Johnny's Jr ที่กอบโกยความสำเร็จจนติดอยู่ในรายชื่อศิลปินที่มียอดขายมากที่สุด สมาชิกบอยแบนด์สองวงนี้โลดแล่นในวงการอย่างต่อเนื่อง แม้แต่แฟนๆจากต่างประเทศก็สามารถติดตามผลงานได้ไม่ยากนัก
แต่เมื่อพูดถึงไอดอลที่มาแรงมากและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในบ้านเราในยุค 2000s ก็หนีไม่พ้น ฮิเดอากิ ทาคิซาว่า หรือที่แฟนๆส่วนใหญ่เรียกว่าทักกี้ (คนล่ะทักกับโทนี่) ถ้าพูดถึงโปสเตอร์ติดข้างฝา หรือของสะสมสารพัดของติ่งญี่ปุ่น แน่นอนว่าหลายคนต้องเคยสะสมของที่มีภาพหน้าสวยๆของทักกี้มาแล้ว
เขาเป็นเด็กหนุ่มที่มีรูปลักษณ์ที่ชวนให้คิดว่าดูนุ่มนวลอ่อนโยน จากใบหน้าที่สวย(กว่าผู้หญิง ?) และผิวพรรณใสกิ๊งไม่เห็นร่องรอยตอหนวดเครา ทักกี้เป็นไอดอลที่ลุง Johnny ผู้ล่วงลับเลือกเฟ้นมาด้วยความถูกใจ หลังจากเทรนได้ไม่กี่ปีก็ได้กลายเป็นผู้นำของบรรดา junior ถ้าเห็นแค่ภาพตอนยังเป็นเด็กฝึกก็อาจจะทำให้ฟันธงได้เลยว่า เด็กคนนี้ต้องได้เดบิวท์แน่ๆ ด้วยออร่าเจิดจ้าและดวงตาที่ดูหนักแน่น เมื่อค่ายดันเต็มที่ก็เปรี้ยงทันที แม้ว่าจะไม่ใช่นักร้องที่มียอดขายแตะหลักล้าน แต่ผลงานในวงการทั้งงานแสดง ถ่ายแบบ และโฆษณาจะช่วยเสริมให้ทักกี้ยิ่งดูเปล่งประกายขึ้นมา
ไอดอล Johnny's Jr อาจจะทำผมทรงรากไทรทำสีอ่อนกันหลายคน แต่ถ้าพูดถึงทรงผมtrendy ในยุคนั้น หน้าของทักกี้ก็จะปิ๊งขึ้นมาทันที สำหรับเด็กวัยเรียน ช่วงเวลาปิดเทอมได้เปิดโอกาสให้ซอยรากไทรและย้อมผมให้ดูเหมือนทักกี้ ซึ่งอาจจะยากสำหรับเด็กวัยรุ่นผู้ชายโรงเรียนรัฐบาลที่ต้องทำตามระเบียบตัดรองทรงมาตลอด แต่เด็กผู้หญิงก็อินกับผมทรงนี้เช่นกัน จำได้ว่า ร้านเสริมสวยแถวบ้านจะมีภาพทักกี้ติดไว้เพื่อเชิญชวนลูกค้า นักร้องวัยรุ่นบในบ้านเราก็ซอยรากไทรกันถ้วนหน้า เริ่มเรียนรู้เรื่องการหนีบผมก็ช่วงนี้เอง
เมื่อพูดถึงผลงานแสดงของทักกี้นับตั้งแต่เป็นหนุ่มใสจากช่วง 90s นั้นถือว่ามีไม่น้อยเลยทีเดียว และขึ้นแท่นพระเอกซีรีส์มาตั้งแต่อายุได้แค่ 15 เท่านั้น แต่ว่าบ้านเราซื้อลิขสิทธิ์มาให้แฟนๆติดตามเพียงไม่กี่เรื่อง น่าเสียดายเหมือนกันค่ะ เพราะเราเคยได้ยินมาว่า ผลงานของทักกี้หลายเรื่องสนุกมากๆ ยิ่งทุกวันนี้ เทรนด์ J Pop ได้จางหายไปจากบ้านเรา แม้กระทั่งซีรีส์เรตติ้งสูงหลายเรื่องก็ยังหาชมตามบริการ streaming ที่ถูกลิขสิทธิ์ไม่ได้
เพราะไม่สามารถติดตามผลงานของไอดอลหนุ่มคนนี้อย่างปะติดปะต่อ เราก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนลยว่า เด็กหนุ่มหน้าใสที่มีไฝใต้ตาน่ารักๆคนนั้น จะกลายมาเป็นประธาน Johnny's Island บริษัทลูกของ Johnny & Associates ผลักดันไอดอลรุ่นน้องให้ดำเนินรอยตามการสร้างผลงานออันโด่งดัง และหลังจากลุง Johnny ได้จากโลกนี้ไป เขาก็ได้ก้าวมาเป็นรองประธานฝ่ายบริหารของJohnny & Associates ในวัยไม่ถึงสี่สิบ