สถานการณ์ชวนอึ้งที่บีบให้คนดังเกาหลีประกาศขอโทษประชาชน
candy 48 11
อุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลีมักจะได้รับเสียงชื่นชมว่า กว่าจะกลายมาสร้างความรุ่งเรืองเป็นผู้นำบันเทิงเอเชีย ก็มาจากการรักษามาตรฐานอันสูงลิบลิ่วและตอบโจทย์ความคาดหวังของแฟนๆที่ต้องการสัมผัสความสมบูรณ์แบบจากทั้งผลงานและตัวศิลปิน แต่ผลที่ได้ตามมานั้น ไม่ได้มีแต่ภาพแห่งความเลิศเลอ แต่ยังมีแรงกดดันมหาศาลที่คนดังจะต้องแบกรับไว้ทุกความเคลื่อนไหว หากจะเปรียบเปรยว่า แค่ถอนหายใจออกมาสักครั้งก็อาจจะมีดราม่าตามมาให้ตามชี้แจง คงไม่เกินจริงไปมากมายนัก
การขอโทษจากคนดังเพราะ"ใช้ชีวิตอย่างปกติ" อย่างการมีคนรักหรือแต่งงานจึงเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ แม้ที่ผ่านมาจะเคยมีกรณีตัวอย่างของคนดังที่ประสบภาวะโรคซึมเศร้าจนตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง พวกเค้าเคยต้องเผชิญกับแรงกดดันมหาศาล หลังจากที่มีการเปิดเผยว่ามีความรักตามประสาหนุ่มสาวที่มีเลือดเนื้อเหมือนคนทั่วไปก็ถูกโจมตีรุนแรงจนต้องประกาศขอโทษออกมาเพื่อบรรเทาความโกรธเกรี้ยวของแฟนๆ การสังเวยชีวิตจากสาเหตุความเครียดที่ถูกความคาดหวังให้รักษาความสมบูรณ์แบบทุกอณูเซลล์นั้นกลับไม่ได้แก้ไขค่านิยมนี้ ไม่เพียงแต่เรื่องมีความรักเท่านั้น แฟนๆจากต่างชาติต่างเคยโจษจันถึงคำขอโทษของคนดังในสถานการณ์ชวนอึดอัด หลายต่อครั้งอาจจะเป็นสิ่งที่เกินความควบคุม หรือถูกมองว่า ไม่ได้กระทำผิดถึงขั้นจะต้องถูกโจมตีจนต้องออกมาขอโทษสังคม แต่มันก็กลายมาเป็นส่วนหนึ่งวัฒนธรรมวงการบันเทิงแห่งนี้ไปซะแล้ว
สถานการณ์ใดบ้างที่คนดังเกาหลีถูกบีบยอมรับความผิด มาติดตามกันเลยค่ะ
การขอโทษจากคนดังเพราะ"ใช้ชีวิตอย่างปกติ" อย่างการมีคนรักหรือแต่งงานจึงเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ แม้ที่ผ่านมาจะเคยมีกรณีตัวอย่างของคนดังที่ประสบภาวะโรคซึมเศร้าจนตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง พวกเค้าเคยต้องเผชิญกับแรงกดดันมหาศาล หลังจากที่มีการเปิดเผยว่ามีความรักตามประสาหนุ่มสาวที่มีเลือดเนื้อเหมือนคนทั่วไปก็ถูกโจมตีรุนแรงจนต้องประกาศขอโทษออกมาเพื่อบรรเทาความโกรธเกรี้ยวของแฟนๆ การสังเวยชีวิตจากสาเหตุความเครียดที่ถูกความคาดหวังให้รักษาความสมบูรณ์แบบทุกอณูเซลล์นั้นกลับไม่ได้แก้ไขค่านิยมนี้ ไม่เพียงแต่เรื่องมีความรักเท่านั้น แฟนๆจากต่างชาติต่างเคยโจษจันถึงคำขอโทษของคนดังในสถานการณ์ชวนอึดอัด หลายต่อครั้งอาจจะเป็นสิ่งที่เกินความควบคุม หรือถูกมองว่า ไม่ได้กระทำผิดถึงขั้นจะต้องถูกโจมตีจนต้องออกมาขอโทษสังคม แต่มันก็กลายมาเป็นส่วนหนึ่งวัฒนธรรมวงการบันเทิงแห่งนี้ไปซะแล้ว
สถานการณ์ใดบ้างที่คนดังเกาหลีถูกบีบยอมรับความผิด มาติดตามกันเลยค่ะ
คำขอโทษเพราะมีบรรพบุรุษเป็นผู้ฝักใฝ่ญี่ปุ่น
profileที่ดูเหมือนเดินออกมาจากซีรีส์เกาหลีของคัง ดงวอนน่าจะสร้างความประทับใจให้กับแฟนๆได้อย่างไม่ยากเย็น เขามีใบหน้าหล่อเหลาโดดเด่น ส่วนสูงถึง 186 cm IQ สูงลิบลิ่วและปริญญาวิศวกรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยดัง เขาเคยถูกเข้าใจผิดว่าเป็นแชโบลเพราะมีพ่อเป็นรองประธานกลุ่มธุรกิจSPP Heavy Industries แต่แท้จริงแล้ว เขาเป็นผู้เปิดเผยเองว่า ไม่ได้เติบโตขึ้นมาอย่างคุณชายอย่างที่ถูกเล่าลือ เพราะพ่อเริ่มเป็นวิศวกรก่อนจะได้เลื่อนตำแหน่งในภายหลัง ทั้งปัญหาเศรษฐกิจก็ทำให้ต้องฐานะแบบชนชั้นกลางต้องบ่ำแย่ลงจนต้องเป็นผู้ช่วยจุนเจือเงินให้กับที่บ้านจากงานนานแบบและก้าวเข้าสู่วงการแสดงได้ในที่สุด
รายการ 'Midnight TV Entertainment' ของSBS ได้นำเสนอข้อมูลที่สร้างความฮือฮาให้กับสังคมเกาหลี ภาพลักษณ์"หนุ่มหล่อผู้มีIQ 137 " ทำให้เขาได้รับการขนานนามว่าเป็น 'ออมชินอา' หรือลูกชายของเพื่อนแม่ในยุค 2000s (ถ้าไม่ทัน ลองนึกถึงพระเอกที่ได้รับฉายาเดียวกันในยุคต่อมานั่นคืออี ซึงกี หมายถึง หนุ่มที่perfect ไปทุกด้านจนดูเกินหน้าเกินตา ทั้งรูปร่างหน้าตา หน้าที่การงาน การศึกษา ชาติตระกูล กิริยามารยาท) ชีวิตคนบันเทิงที่รุ่งโรจน์ของเขามักจะควบคู่มาพร้อมกับภาพลักษณ์สมบัติของชาติ
แต่แม้แต่ภาพลักษณ์หนุ่มperfect ก็มัวหมองลงไปเมื่อมีการขุดเชื้อเถาเหล่ากอของเขาขึ้นมาเปิดเผย
Temptation of Wolves หนังรักน้ำตาท่วมทำให้คัง ดงวอนมีชื่อเสียงโด้งดังข้ามไปยังอีกหลายประเทศในเอเชีย และตอกย้ำความสำเร็จกับ Jeon Woo-chi: The Taoist Wizard กอบโกยรายได้ไปถึง $38.7 ล้านเหรียญ นับว่าประสบความสำเร็จอย่างงดงามเมื่อเทียบกับประชากรไม่ถึง 50 ล้านคนในปีที่ออกฉาย ชื่อเสียงของพระเอก profile เริ่ดที่เลือกรับงานสุดๆ นั้นดูราบรื่นไร้ปัญหามาเนิ่นนาน จนกระทั่งที่มีการเปิดเผยจากเว็บไซต์ Max Movie ว่า 'อี จองมัน' คุณทวดฝ่ายแม่ของเขาเป็นผู้ให้สนับสนุนกองทัพญี่ปุ่นในช่วงเวลาที่เดาหลียังตกอยู่ใต้อาณานิคมของญี่ปุ่น และยังเปิดเผยสัมภาษณ์ย้อนไปยังปี 2007ของคัง ดงวอนว่า เขาให้ความเคารพนับถือบรรพบุรุษผู้นี้เป็นอย่างยิ่ง
นี่คือประเด็นอันเปราะบางที่สร้างความขัดแย้งในกาหลีนับครั้งไม่ถ้วน แม้แต่คนดังที่มีภาพสวมเสื้อผ้าหรืออยู่ใกล้กับธงอาทิตย์อุทัยก็จะต้องเผชิญกับดราม่า "ไม่รักชาติ" จนต้องรีบประกาศขอโทษขอโพย สำหรับคัง ดงวอนที่พบกับกระแสโจมตีอย่างหนักในการสืบเชื้อสาย "ผู้ทรยศ" และยังแสดงความนับถือบรรพบุรุษผู้นั้นแล้ว ชาวเกาหลีจำนวนหนึ่งอาจจะมองว่า นี่คือสิ่งที่ยากจะยอมรับ จากชื่อเสียงในฐานะสมบัติของชาติหรือลูกชายของเพื่อนแม่ เจ้าตัวต้องรีบยกเลิกงานโพรโมทหนังและส่งคำอธิบายอย่าละเอียดว่า ได้เรียนรู้เรื่องราวของคุณทวดเฉพาะเรื่องดีงามมาตั้งแต่เด็กๆ ทั้งคุณย่าของเขายังสืบเชื้อชายมาจากนักต่อสู้เพื่อเสรีภาพ จึงรับรู้เรื่องราวของคุณทวดโดยไม่ได้นึกสงสัย ในสัมภาษณ์ที่ระบุถึงความเคารพในบรรพบุรุษฝ่ายแม่ในปี 2007นั้นก็ยังไม่ได้เข้าใจในการกระทำผิดดังกล่าว จึงจ้องขออภัยสังคมด้วยความจริงใจ คัง ดงวอนยืนยันว่า ตัวเองก็ยังช็อคกับเนื่องนี้ และรู้สึกละอายใจ และยึดมั่นว่า ก่อนที่จะมาเป็นนักแสดง เขาก็คือชาวเกาหลีมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เมื่อได้รู้ถึงอดีตอันน่าอับอายของคุณทวดแล้ว เขาจึงจะใช้เวลาในการศึกษาข้อมูลเอกสารต่างๆเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และสำนึกในการกระทำของตน
(เขาขอโทษซ้ำไปมาอยู่หลายครั้ง)
คัง ดงวอน อาจจะไม่ได้ถูก cancel จากข่าวฉาวนี้ และยังกลับมาเล่นหนัง โดยเฉพาะ Peninsula หนังภาคต่อของ Train To Busan แต่ดูเหมือนว่าชาวเน็ทจะไม่ถนอมน้ำใจเขาแม้แต่น้อย การปรากฏตัวต่อหน้าสื่อหน้าสื่อเพื่อโพรโมท Peninsula ถูกวิจารณ์ยับเยินว่า fashion ดูเหมือนชายวัยกลางคน หน้าตาก็ดูทรุดโทรมและยังใช้ภาพตอนที่ยังเป็นหนุ่มใสวัยยี่สิบมาเปรียบเทียบ เมื่อถูกตั้งคำถามนี้ เจ้าตัวก็เลือกตอบอย่างใจเย็นว่า อาจจะดูหน้าบวมไปบ้าง เพราะอายุ 39 แล้วก็ต้องมีทั้งวันที่ดูดีและดูไม่ดี
ชาวเกาหลีจำนวนหนึ่งอาจจะมองคัง ดงวอนด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป แต่เส้นทางอาชีพนักแสดงไม่ได้จบที่ดราม่าที่เกิดจากความขัดแย้งทางการเมือง นอกจากหนังซอมบี้ฟอร์มยักษ์ เขาก็กำลังจะได้เดบิวท์ผลงานใน Hollywood เรื่อง Tsunami LA ในฐานะนักแสดงนำจากฝีมือ Simon West ผู้กำกับหนัง action ชื่อดังหลายเรื่อง
บอยแบนด์พบปะกับอดีตสมาชิกที่ถูกตั้งข้อสงสัยเรื่องเสพกัญชาจนต้องลาออกจากวง
"วอนโฮ Monsta X สูบกัญชา" พาดหัวข่าวที่ทำให้ให้แฟนคลับต้อช็อคและร่วมภาวนาไม่ให้เป็นความจริง
แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากเจ้าตัวลาออกจากวงและยุติสัญญากับต้นสังกัด ที่สำคัญ แต่เรื่องยาเสพติดที่ทำให้ไอดอลหนุ่มต้องพบจุดตกต่ำ แต่ยังมีความเกี่ยวข้องกับจอง ดาอึนและฮัน โซฮี (อดีตเด็กฝึกที่โด่งดังจากความฉาว ทั้งยาเสพติดและการเดทไอดอล) เพราะทั้งสองได้แฉวอนโฮว่า เขาติดเงินจอง ดาอึนและมีพฤติกรรมลักขโมย ข่าวฉาวโฉ่นี้ทำให้อนาคตอาชีพศิลปินของวอนโฮมีความเสี่ยงที่จะวูบลงไปไม่หวนกลับมา โดยเฉพาะในกรณีตัวอย่างที่ผ่านมา เมื่อไอดอลคนใดมีความเกี่ยวข้องกับฮัน โซฮีแล้ว ก็มีแววว่าจะได้เดินตามเธอไปที่โรงพักและต้องออกจากวงการ
แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากเจ้าตัวลาออกจากวงและยุติสัญญากับต้นสังกัด ที่สำคัญ แต่เรื่องยาเสพติดที่ทำให้ไอดอลหนุ่มต้องพบจุดตกต่ำ แต่ยังมีความเกี่ยวข้องกับจอง ดาอึนและฮัน โซฮี (อดีตเด็กฝึกที่โด่งดังจากความฉาว ทั้งยาเสพติดและการเดทไอดอล) เพราะทั้งสองได้แฉวอนโฮว่า เขาติดเงินจอง ดาอึนและมีพฤติกรรมลักขโมย ข่าวฉาวโฉ่นี้ทำให้อนาคตอาชีพศิลปินของวอนโฮมีความเสี่ยงที่จะวูบลงไปไม่หวนกลับมา โดยเฉพาะในกรณีตัวอย่างที่ผ่านมา เมื่อไอดอลคนใดมีความเกี่ยวข้องกับฮัน โซฮีแล้ว ก็มีแววว่าจะได้เดินตามเธอไปที่โรงพักและต้องออกจากวงการ
ในเวลาต่อมา มีการยืนยันผลสืบสวนแล้วว่าข้อกล่าวหาเรื่องสูบกัญชาของวอนโฮนั้นไม่เป็นความจริง แต่ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่เจ้าตัวได้ลาออกจากวงและยุติสัญญากับต้นสังกัดไปแล้ว และมันเป็นสิ่งที่หลายคนคาดการณ์ไว้ตั้งแต่ข่าวนี้ได้ปะทุออกมา วอนโฮ ได้ให้เหตุผลว่า เขาไม่ต้องการเป็นภาระและทำให้วงเกิดความเสียหาย แต่ทั้งๆที่เขาไม่ได้ถูกตั้งข้อหาเสพกัญชา และทำให้มีผู้เรียกร้องให้ต้นสังกัดพิจารณาเรื่องรับเขาเข้าสู่ Monsta X เพื่อร่วมสร้างฝันให้เป็นจริงกับเพื่อนๆในวงอีกครั้ง ไฟดราม่าก็ปะทุขึ้นมาอีก เมื่อมีผู้ปล่อยภาพที่หนุ่มๆ Monsta X ได้นัดพบกับวอนโฮเพื่อรับประทาอาหารด้วยกัน
แม้แฟนๆของ Monsta X จำนวนมากได้ยืนหยัดเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับวอนโฮ แต่เมื่อภาพของหนุ่มๆวงไอดอลขวัญใจยังติดต่อกับวอนโฮปรากฏตาม internet ก็มีแฟนจำนวนหนึ่งที่ตำหนิการกระทำนี้ พวกเขาเชื่อว่า วอนโฮคือความมัวหมองที่ Monsta X ไม่ควรไปข้องเกี่ยว แม้จะเป็นเพื่อนรักกันมาหลายปี
แฟนๆ ของ Monsta X จำนวนไม่น้อยที่แสดงความตื่นเต้นยินดีที่ได้รับรู้ว่า วอนโฮไม่ได้ถูกเพื่อนๆตัดขาด และอาจจะมีหวังได้เห็นพวกเขากลับมาร่วมงานอีกครั้ง แต่ก็ยังมีคลื่นความไม่พอใจจากผู้ที่หมกมุ่นเรื่องภาพลักษณ์อันใสสะอาดไร้ที่ติของไอดอล และนั่นได้ทำให้ฮยองวอนได้ตัดสินใจส่งคำขอโทษออกมา แม้ว่าเขาจะไม่ได้อธิบายว่ากำลังขอโทษเหล่า MONBEBE.จากเหตุการณ์ใดอย่างเจะจง แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นหลังจากที่มีการเปิดเผยเรื่องพวกเค้านัดเจอกับวอนโฮ ทำให้หลายคนฟันธงได้อย่างมั่นใจว่าต้องเป็นเรื่องนี้แน่นอน
ส่วนหนึ่งจากข้อความขอโทษจากฮยองวอน
" เราจะทุ่มเททำงานให้หนักมากขึ้นและพยายามระมัดระวังเพื่อไม่ให้ MONBEBE ต้องลำบากใจ ช่วยเฝ้ามองพวกเราที่กำลังสำนึกในสิ่งที่ทำผิดไปและพยายามแก้ไขมัน ผมรู้สึกกังวลว่าอาจจะมีเรื่องเข้าใจผิดกันเกิดขึ้นมากไปกว่านี้ แต่ผมอยู่นิ่งเฉยไม่ได้หลังจากที่ได้เห็นคอมเมนท์เหล่านั้น"
คำขอโทษของไอดอลหลังจากนัดเจอกับเพื่อนได้สร้างเสียงโจษจันว่า นี่คืออีกหนึ่งกรณีตัวอย่างของคนในสังคมที่ไม่ต้องการให้โอกาสกับผู้ที่ที่ถูกกล่าวหา ถึงจะเคลียร์ตัวเองได้ แต่ก็ต้องเผชิญกับอคติจนไม่อาจจะใช้ชีวิตอย่างผ่าเผยเหมือนที่ผ่านมา แม้แต่การพบปะกับเพื่อนก็ยังมีดราม่า
ช่วงที่ดราม่ายังร้อนฉ่า วอนโฮเคยให้สัมภาษณ์มาก่อนว่า ตัวเองก็มีพฤติกรรมโง่เขลาจากในอดีต และพยายามท่่จะไม่กลับไปเป็นเช่นนั้นอีก เขายืนยันว่า ไม่ได้เสพกัญชา เขาต้องการให้สื่อเผยแพร่เรื่องนี้ออกไปเพราะต้องการจะขอโทษแฟนๆและเคลียร์ตัวเองจากความเข้าใจผิดต่างๆ รวมถึงขอร้องให้ทุกคนให้อภัย
ความปรารถนาของวอนโฮนั้นใกล้สู่ความเป็นจริง เขาได้รับโอกาสในการกลับคืนสู่วงการในฐานะศิลปินเดี่ยวกับต้นสังกัดใหม่และปล่อยผลงานที่ขึ้นไปถึงอันดับ1ของชาร์ทเกาหลี รวมถึงเพลงภาษาอังกฤษไม่ต่างจากเพื่อนๆวง Monsta X
ช่วงที่ดราม่ายังร้อนฉ่า วอนโฮเคยให้สัมภาษณ์มาก่อนว่า ตัวเองก็มีพฤติกรรมโง่เขลาจากในอดีต และพยายามท่่จะไม่กลับไปเป็นเช่นนั้นอีก เขายืนยันว่า ไม่ได้เสพกัญชา เขาต้องการให้สื่อเผยแพร่เรื่องนี้ออกไปเพราะต้องการจะขอโทษแฟนๆและเคลียร์ตัวเองจากความเข้าใจผิดต่างๆ รวมถึงขอร้องให้ทุกคนให้อภัย
ความปรารถนาของวอนโฮนั้นใกล้สู่ความเป็นจริง เขาได้รับโอกาสในการกลับคืนสู่วงการในฐานะศิลปินเดี่ยวกับต้นสังกัดใหม่และปล่อยผลงานที่ขึ้นไปถึงอันดับ1ของชาร์ทเกาหลี รวมถึงเพลงภาษาอังกฤษไม่ต่างจากเพื่อนๆวง Monsta X
ขอโทษที่ผิวที่ไม่ดี
ได้ยินมาว่า การรีทัชภาพไอดอลได้กลายมาเป็นเรื่องปกติในวัฒนธรรมfandom ก็มาจากความวิตกกังวลของแฟนๆที่ไม่ต้องการให้ขวัญใจต้องจิตตกเพราะดราม่าเรื่อง "ผิวไม่เป๊ะพอ" ด้วยมาตรฐานเรื่องรูปลักษณ์คนดังที่ชาวเกาหลีสามารถยอมรับได้ต้องเริ่มมาจากผิวใสไร้จุดด่างดำใดๆ แม้ว่าสิวจะเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่หากมีภาพผิวหน้าคนดังที่ไม่ได้เรียบเนียนราวกับกระเบื้องเคลือบ พวกเค้าก็ต้องพบกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า หน้าแย่เพราะไม่ดูแลตัวเองโดยยากจะหลีกเลี่ยง
แม้แต่ไอดอล/พระเอกที่ขึ้นชื่อลือชาว่า"หน้าเทพ"ที่สุดอย่าชา อึนอูก็เคยเครียดกับเรื่องนี้จนต้องหลั่งน้ำตามาแล้ว
ขึ้นชื่อว่าพระเอกเกาหลี หลายคนก็นึกถึงภาพหนุ่มตัวสูงหน้าตาหล่อเหลาชวนใจเต้น แต่สำหรับความหล่อเหลาของชา อึนอูนั้นมักได้รับเสียงยกย่องว่าหาที่ติดใดไม่ได้เลย ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ชวนใจเต้นด้วยความหวั่นไหว ยิ่งมีการยืนยันว่า เขาดูโดดเด่นมาตั้งแต่เด็กๆด้วยใบหน้าตามธรรมชาติ ก็ทำให้แฟนๆยิ่งฮือฮา ถึงกับมีการเปรียบเทียบว่า เขาดูสมบูรณืแบบใกล้เคียงกับผลงานประติมากรรมหรือภาพวาด
แต่เพราะดูดีมากถึงเพียงนี้ เมื่อมีผู้สังเกตุเห็นว่า เขากำลังมีปัญหาสิวก็เริ่มมีเสียงทักท้วงเพื่อ "แสดงความห่วงใย" ย่อมสร้างความตึงเครียดให้กับไอดอลเบ้าหน้าเทพอย่างหนักเลยทีเดียว แม้พวกเราจะรู้กันดีว่า สิวสามารถเกิดได้กับทุกคน แม้ว่าจะเป็นคนที่มีผิวใสปิ๊งมาตลอด ถ้าเกิดอาการแพ้หรือเปลี่ยนสิ่งแวดล้อม เจ้าสิวตัวดีก็อาจจะโผล่มาสร้างความจิตตก และต้องใช้เวลาพอสมควรในการรักษา แต่ก็ไม่อาจหยุดเสียงวิจารณ์ต่อผิวพรรณชา อึนอูได้
ในการพูดคุยกับแฟนๆระหว่างการแสดง ชาอึนอูได้เปิดเผยถึงช่วงเวลาแห่งความยากลำบาก หลังจากต้นสังกัดเกิดความเปลี่ยนแปลง เหล่าผู้จัดการและผู้บริหารที่เคยร่วมงานกันได้ออกจากบริษัทไป ทำให้เขาเกิดความวิตกกังวลจนส่งผลไปยังผิวพรรณ ในฐานะที่เป็นคนดังที่ต้องให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเอง เมื่อมีปัญหาผิวก็ทำให้เขารู้สึกย่ำแย่และต้องขอโทษแฟนๆในเรื่องนี้และเช็ดน้ำตาที่ไหลรินด้วยความอัดอันตันใจ
คิดเหมือนกับเรารึเปล่าว่า เป็นคนดังในวงการนี้ต้องพบกับเรื่องกดดันมากแค่ไหน?
สำหรับหลายคน สิวอาจจะไม่ใช่สิ่งชวนมอง แต่ก็ยังทำใจยอมรับได้ แต่เมื่อมันไปปรากฏที่หน้าของคนดังที่มีหน้าที่ใส่ใจความงามให้ดูดีตลอดเวลา มันก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ ชา อึนอูไม่ได้คิดตัดพ้อไปเพียงฝ่ายเดียว ก่อนหน้าที่เขาจะขอโทษแฟนๆ ก็มีการตั้งคำถามจากชาวเน็ทและสื่อแบบรัวๆถึงสาเหตุที่ผิวของเขาไม่เนียนใสไร้สิวเหมือนเดิม หรือหนักกว่านั้น แม้แต่ภาพที่แชร์ใน social media ดังภาพด้านล่าง ชา อึนอูอาจจะดูหน้าเล็กแค่ฝ่ามือ แต่กลับมีคอมเมนท์จากใครบางคนว่า ให้ใส่ใจดูแลตัวเองมากว่านี้และไปลดน้ำหนักซะ!
ขาดความรู้และไม่แสดงถึงความนับถือต่อคนสำคัญทางประวัติศาสตร์
AOA ต้องเจอกับมรสุม scandal จากข้อกล่าวหาเรื่อง bully อดีตสมาชิกร่วมวงที่กลายเป็นมหากาพย์ยาวเหยียดจนทำให้จีมินที่ตกเป็นจำเลยเรื่องนี้ต้องถอนตัวออกจากวงและวงการอย่างถาวร
แต่ก่อนหน้านั้น จีมินและซอลฮยอนก็เคยต้องรับมือกับเสียงโจมตีเรื่องสติปัญญาและความใส่ใจต่อประวัติศาสตร์เกาหลี หลังจากที่พวกเธอไปออกรายการChannel AOA และไม่สามารถระบุตัว อัน จุงกึน นักต่อสู้เพื่อเสรีภาพของเกาหลีที่ลอบสังหารอดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น อิโต ฮิโรบุมิ ซึ่งมีตำแหน่งข้าหลวงคนแรกในเกาหลีและถูกญี่ปุ่นสั่งประหารชีวิตในภายหลัง ซึ่งเป็นวีรกรรมที่ชาวเกาหลียกย่องเชิดชูในความกล้าหาญ
แต่ก่อนหน้านั้น จีมินและซอลฮยอนก็เคยต้องรับมือกับเสียงโจมตีเรื่องสติปัญญาและความใส่ใจต่อประวัติศาสตร์เกาหลี หลังจากที่พวกเธอไปออกรายการChannel AOA และไม่สามารถระบุตัว อัน จุงกึน นักต่อสู้เพื่อเสรีภาพของเกาหลีที่ลอบสังหารอดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น อิโต ฮิโรบุมิ ซึ่งมีตำแหน่งข้าหลวงคนแรกในเกาหลีและถูกญี่ปุ่นสั่งประหารชีวิตในภายหลัง ซึ่งเป็นวีรกรรมที่ชาวเกาหลียกย่องเชิดชูในความกล้าหาญ
บางสื่อได้ชี้ว่า เรื่องที่พวกเธอไม่รู้จักบุคคลที่สังคมเชิดชูนั้นยังไม่น่าตำหนิเท่ากับ การตั้งคำถามกันว่า " นี่คือคิม ดูฮัน รึเปล่านะ?" ( คิมเป็นอดีตนักเลงที่มาค้นพบว่า ตัวเองเป็นลูกชายของนายพลผู้ต่อสู้เพื่ออิสรภาพ และเป็นคุณตาของซง อิลกุก พระเอกผู้มีทายาทแฝดสามอันโด่งดังนั่นเองค่ะ) ทำให้ทั้งสองถูกโจมตีว่า ทำราวกับว่านี่เป็นเรื่องเล่นๆ ไม่ได้แสดงถึงความนับถือบุคคลสำคัญที่พร้อมเสี่ยงชีพเพื่อให้ชาติได้เอกราชคืนมา
เรื่องนี้มองไม่ยากว่า producer รายการตั้งใจจะใช้ความเปิ่นของพวกเธอมาเป็นจุดขาย คล้ายกับจะเน้นให้เป็นเรื่องขำขันชวนเอ็นดูเมื่อสองสาวไอดอลชื่อดังไม่สามารถตอบคำถามทางประวัติศาสตร์ได้ แต่กลายเป็นว่ามันดึงดูดกระแสโจมตีแทน ทั้งยังเป้นช่วงก่อนที่ AOA จะส่งผลงานใหม่ออกมา จีมินและซอลฮยอนต้องประกาศขอโทษอย่างรวดเร็วและยอมรับผิดอย่างไม่มีข้อแก้ตัวที่จำภาพของอัน จุงกึนไม่ได้ ทั้งยังไม่แสดงท่าทีจริงจังสำรวมต่อบุคคลสำคัญของชาติ และสัญญาว่าจะศึกษาประวัติศาสตร์ให้มากขึ้นเพื่อจะไม่แสดงพฤติกรรมน่าอายออกมาอีก