สี่เจ้าหญิงรัชทายาทผู้เป็นอนาคตราชวงศ์ยุโรป
candy 60 15หากย้อนติดตามเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของหลายราชวงศ์ทางฝั่งยุโรปจะพบว่า การยึดถือหลักการเพื่อกำหนดว่า มีเพียงรัชทายาทชายเท่านั้นที่มีสิทธิ์ขึ้นครองบัลลังก์ แม้แต่ในราชวงศ์ที่ไร้ผู้สืบทอด ก็ต้องเฟ้นตัวหาเจ้าชายที่สืบเชื้อสายเป็นเครือญาติใกล้ชิดเพื่อสืบทอดราชสมบัติ แม้ในบางประเทศจะมีกำหนดเจ้าหญิงรัชทายาทเพื่อขึ้นสถาปนาเป็นสมเด็จพระราชินีนาถปกครองแผ่นดินมาก่อน แต่ก็ไม่ปรากฏบ่อยครั้ง ในบางประเทศจะทิ้งช่วงหลายศตวรรษกว่าจะมีสมเด็จพระราชินีทำหน้าที่เป็นประมุขของราชวงศ์
แต่ในยุคปัจจุบัน ได้มีความุม่งหมายว่า ผู้ที่จะนำอนาคตใหม่ของสี่ราชวงศ์ยุโรปไปสู่เส้นทางอันเรืองรอง คือ เจ้าหญิงวัยแรกแย้มที่สดใสน่ารัก ในบางราชวงศ์ แม้จะมีทายาทเป็นเจ้าชายองค์รอง แต่ก็มิได้เปลี่ยนแปลงลำดับในการสืบราชสมบัติแต่อย่างใด
เรื่องราวน่าสนใจของเจ้าหญิงวัยทีนว่าที่สมเด็จพระราชินีนาถจากสี่ราชวงศ์จะเป็นเช่นไร มาติดตามได้เลยค่ะ
ราชวงศ์ Belgium อาจจะไม่ได้เก่าแก่เท่ากับราชวงศ์จากประเทศรอบข้างเพราะประกาศเอกราชแยกตัวจากเนเธอร์แลนด์ในปี 1830 เป็นเวลาร่วมๆสองศตวรรษที่ Belbiumมีแต่กษัตริย์เป็นผู้ปกครองราชวงศ์ และทำให้เจ้าหญิงโฉมงามวันเพียง 19 ชันษาผู้นี้ได้กลายมาเป็นว่าที่สมเด็จพระราชินีนาถคนแรกในประวัติศาสตร์
เจ้าหญิง Elisabeth, ดัชเชสแห่ง Brabant
เจ้าหญิงผู้สืบทอดบัลลังก์ราชวงศ์ Belgium
เธอเป็นราชธิดาองค์แรกของสมเด็จพระราชาธิบดี Philippe และ สมเด็จพระราชินีมา Mathilde แห่ง Belgium
ใช่แล้วค่ะ ราชวงศ์ Belgium ได้แสดงแนวคิดก้าวไปข้างหน้าด้วยการแต่งตั้งรัชทายาทจากลำดับการประสูติ ไม่ใช่เลือกจากเพศดังในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา แม้ว่าจะมีราชโอรสถึงสององค์ แต่เจ้าหญิง Elisabeth ที่เป็นทายาทคนแรกได้ถูกวางตัวเป็นว่าที่ประมุขคนต่อไปของราชวงศ์นี้
เมื่อพูดถึงคุณสมบัติของเจ้าหญิง หลายคนคงนึกถึงผู้ที่โดดเด่นเรื่องวิชาการ ทักษะทางภาษาที่ควรจะพูดได้ 3ภาษาขึ้นไป งานการกุศลช่วยเหลือส่วนรวม ทั้งยังมีสไตล์การแต่งกายสวยเริ่ด
แต่เมื่อถูกวางตัวให้เป็นว่าที่สมเด็จพระราชินีนาถในอนาคต มาตรฐานความคาดหวังย่อมพุ่งสูงขึ้นเป็นเรื่องธรรมดา เจ้าหญิงกล่าวสุนทรพจน์ต่อหน้าผู้คนมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ เข้าเรียนในโรงเรียนเก่าแก่ที่มีการเรียนการสอนเป็นภาษาดัชท์ล้วน และสามารถพูดภาษา เยอรมัน และภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วตามสูตรสำเร็จเจ้าหญิง
"ดิฉันรู้ดีว่ายังต้องเรียนรู้อีกมากมาย ดิฉันจะมุ่งเน้นทำความเข้าใจโลกนี้ให้มากขึ้น และพยายามช่วยให้เป็นโลกที่ดีกว่าเดิมโดยจะทุ่มเทอย่างเต็มที่"
เจ้าหญิงซึ่งในตอนนั้นมีวัยได้18 ชันษาได้ยืนยันต่อว่า " ประเทศสามารถพึ่งพาดิฉันได้ค่ะ"
ดวงตาที่เป็นประกายสดใส รูปร่างสูงเพรียว และผมที่เป๊ะตามสไตล์เจ้าหญิงนั้นทำให้เธอมีชื่อเสียงโด่งดังในประเทศ และเกิดเหตุการณ์ที่คล้ายกับเมื่อเจ้าหญิง Diana หรือดัชดชส Kate ได้กลายมาเป็นผู้นำแฟชั่น เพียงแค่มีการปล่อยภาพของ Elisabeth ในขณะวิ่งออกกำลังกาย ดีไซน์เนอร์แบรนด์ Liebaert Textiles ก็ต้องตกใจเมื่อมีการสั่งซื้อเลกกิ้งเข้ามามากมาย แต่เธอไม่สามารถจำหน่ายเลกกิ้งที่ประชาชนสนใจเพราะไม่ได้ผลิตรุ่นนี้ต่อแล้ว
จากที่ร่ำเรียนเป็นภาษาดัชท์ เมื่อเจ้าหญิงอายุครย 16 ก็บินลัดฟ้าไปยัง Wales เพื่อศึกษาใน Atlantic College ที่เปิดรับนักเรียนจากนานาชาติ ตัวเลือกโรงเรียนของเจ้าหญิงอาจจะไม่ใช่แนวอนุรักษ์นิยม เพราะแม้จะตั้งอยู่ในปราสาทเก่าแก่และดูเหมือนจะเต็มไปด้วยนักเรียนที่มีพื้นเพชนชั้นสูง แต่หลักการของโรงเรียนคือการชักจูงให้นักเรียนละความสำคัญของการอวดมั่งอวดมี และให้ความสำคัญต่อการทำกิจกรรมอาสาสมัคร จนถูกเรียกว่าเป็นเหมือนกับ Hogwarts สำหรับพวกฮิปปี้
เจ้าหญิง Belgium คนแรกที่เข้าศึกษาและฝึกฝนในโรงเรียนนายร้อย
นอกจาก Elisabeth จะเป็นเจ้าหญิงรัชทายาทคนแรกของราชวงศ์ เธอยังตัดสินใจเข้ารับการศึกษาในโรงเรียนนายร้อย Belgium ในช่วงที่ทั่วโลกประสบกับสภาวะโรคระบาด ซึ่งแม้แต่สหราชอาณาจักรที่มีประมุขราชวงศ์เป็นสมเด็จพระราชินีนาถมาแล้ว (นับได้หลายพระองค์หากย้อนประวัติศาสตร์ก่อนจะกลายมาสหราชอาณาจักร) แต่ก็ยังไม่มีเชื้อพระวงศ์หญิงเคยเข้ารับการศึกษาในโรงเรียนนายร้อยมาก่อน
และเพื่อความปลอดภัยของว่าที่ประมุขราชวงศ์ มีรายงานว่า มีบอดี้การ์ดเข้าไปปะปนรวมอยู่ในหมู่นักเรียนนายร้อยอย่างแนบเนียน ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องราวดราม่าเหมือนในหนังแต่อย่างใด เพราะในอดีตเมื่อยังเป็นเจ้าหญิงน้อยวัยใส เคยมีผู้ปองร้ายจากกลุ่มนีโอนาซีเหยียดผิวที่ขู่จะลักพาตัวเธอด้วยความโกรธแค้นที่ประเทศเปิดรับผู้อพยพจากต่างประเทศ (โดยเฉพาะผู้คนที่ไม่ได้มีเชื้อสายยุโรป)
ครูฝึกเล่าว่า ในกองทหารนี้จะเรียกเจ้าหญิงจากนามสกุล ไม่ได้ยกให้เธอมีอภิสิทธิ์จากการเป็นเชื้อพระวงศ์ระดับสูง และเพื่อนๆนายร้อยต่างเข้ากันได้ดีโดยไม่มีใครใส่ใจว่ามีเจ้าหญิงร่วมฝึกฝนอยู่ด้วย
เจ้าหญิง Ingrid Alexandra แห่ง Norway
เจ้าหญิงวัย 17 ที่ยังไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัชทายาทเต็มตัว เนื่องจากพระบิดายังมีพระอิสริยยศเป็นเจ้าฟ้าชาย แต่ในฐานะผู้สืบบัลลังก์ลำดับ 2 Ingrid Alexandra ก็เป็นที่รู้จักในนามของว่าที่ประมุขราชวงศ์ในอนาคต หลังจาก Norway เคยมีสมเด็จพระราชิชีนาถปกครองประเทศครั้งสุดท้ายในช่วงห้าร้อยกว่าปีก่อน
ไม่ต่างจากราชวงศ์ Belgium ที่ไม่ได้วางลำดับการสืบราชสมบัติจากเพศ แม้ว่าจะมีพระอนุชาวัยไล่เลี่ยกัน แต่เพราะเป็นพระธิดาองค์โต และเพิ่งมาเปลี่ยนแปลงเมื่อปี 1990
แม้จะเป็นประเทศในแถบสแกนดิเนเวียที่ขึ้นชื่อลือชาเรื่องความคิดหัวก้าวหน้าและสนับสนุนความเท่าเทียม แต่เมื่อย้อนกลับไปเมื่อ เจ้าฟ้าชาย Haakon ประกาศเรื่องกงการเข้าพิธีเสกสมรสกับ Mette-Marit แม่เลี้ยงเดี่ยวสามัญชน และทำให้เธอเปลี่ยนเป็นเจ้าฟ้าหญิงที่จะเคียงคู่ว่าที่กษัตริย์ในอนาคตข้างหน้า สังคม Norway ก็วิพากษ์วิจารณ์หนักไม่ใช่น้อย แต่หลายคนยืนยันว่า ไม่ได้เกี่ยงที่เธอเคยมีคู่ครองและลูกชายมาก่อนจะกลายมาเป็นเชื้อพระวงศ์ แต่เป็นภาพอดีตของเธอที่เคยpartyในสถานที่ไม่เหมาะสมในวัยสาว(ในปัจจุบันก็มีหลายคนนำ Meghan Markle มาเปรียบเทียบกับเธอ) แม้ว่า scandal ต่างๆจะนิ่งลงไปมากแล้ว แต่ก็ยังถูกสื่อเล่นงานอยู่เรื่อยๆ
และปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ภาพของเชื้อพระวงศ์รุ่นใหม่ที่ดูสดใสไร้ความมัวหมองนั้นสามารถลดอคติจากสังคมได่เสมอ ในขณะที่สื่อนำเสนอข่าวเสียหายเกี่ยวกับลูกติดของเจ้าฟ้าหญิง แต่ผู้คนได้คาดหวังว่า เจ้าหญิง Ingrid Alexandra จะเติบโตขึ้นมาเพื่อก้าวสู่บัลลังก์ผู้ปกครองราชวงศ์อย่างภาคภูมิ
เจ้าหญิง Ingrid Alexandra เพิ่งเริ่มต้นปฏิบัติกรณียกิจต่างๆไม่มากนัก แต่ภาพที่เธอได้ติดตามสมเด็จพระราชินี Sonja ผู้เป็นเสด็จย่าไปในกิจกรรมสำคัญต่างๆก็น่าจะบ่งบอกแล้วว่า นี่คือการการถ่ายทอดเรื่องหน้าที่ของผู้ที่สืบทอดบัลลังก์ในอนาคต
อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึงคนรุ่นใหม่ ก็ต้องลบภาพการวางท่าแสดงกิริยาที่เย็นชาอยู่เหนือผู้อื่นของเชื้อพระวงศ์จากยุคประวัติศาสตร์ไปได้เลย เจ้าหญิงยุคนี้สดใสจนดูระยิบระยับไปหมด
เมื่อเจ้าหญิง Ingrid Alexandraยังเป็กเด็กน้อยวัยใสบริสุทธิ์ก็เคยได้รับคำถามจากสื่อถึงว่ามี "ข้ารับใช้" มากมายหลายคนหรือไม่ หลังจากเธอได้ตอบปฏิเสธไป เสด็จพ่อของเธอจึงได้ตรัสแก้ว่า พวกเค้ามี "ผู้ช่วย" ที่ร่วมงานกันหลายคน ด้วยความที่ยังอายุน้อยอยู่มาก เธอจึงได้เล่าว่า ผู้ช่วยเหล่านั้นจะเคืองเป็นอย่างยิ่งหากเธอเรียกว่าข้ารับใช้ แต่เธอคงไม่ใช้คำนี้เรียกพวกเค้าอีกต่อไป เธอยังระลึกความทรงจำว่า เมื่อก่อนนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิง
เธอแสดงจุดยืนสนับสนุนการอนุรักษ์ธรรมชาติ และร่วมรณรงค์ป้องกันแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงระบบภูมิอากาศและรักกีฬากลางแจ้งอย่าง surfing เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งความถนัดในกีฬานี้ได้รับการถ่ายทอดผ่านรุ่นสู่รุ่นในราชวงศ์ Norway นั่นเอง เธอยังมีฝีมือมากจนเคยคว้าแชมป์ระดับ junior มาแล้ว และหากเธอพัฒนาทักษะไปได้ไม่หยุดยั้ง อาจมีความเป็นไปได้ว่า เราจะได้เห็นเจ้าหญิงเข้าร่วมแข่งขันในระดับนานาชาติ เธอยังชื่นชอบกีฬาkickboxingและสกี เป็นเจ้าหญิงสาย sporty ตัวจริง!
เมื่อพูดถึงการศึกษาแล้ว เจ้าหญิงเริ่มต้นได้แตกต่างจากทางราชวงศ์อังกฤษอย่างสิ้นเชิง เพราะโรงเรียนแรกของเธอคือ โรงเรียนรัฐที่คนทั่วไปส่งลูกหลานเข้าเรียนเนื่องจากเจ้าฟ้าชายและเจ้าฟ้าหญิงต้องการให้เธอมีชีวิตวัยเด็กแบบธรรมดามากที่สุด ในบางครั้งคนในชุมชนก็จะเห็นเจ้าหญิงร่วมทัศนศึกษากับนักเรียนประถมคนอื่นๆ เธอใช้เวลาศึกษาเล่าเรียนในโรงเรียนรัฐอยู่4ปีจึงได้ย้ายไปเรียนในโรงเรียนนานาชาติเพื่อพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษและได้สมัครเข้าเรียนมัธยมในโรงเรียนที่ขึ้นชื่อว่าดีที่สุดในกรุง Oslo เมื่อปีที่แล้ว
การย้ายเจ้าหญิงจากโรงเรียนรัฐไปเอกชนที่มีค่าเทอมสูงกว่ามากก็ทำให้เสด็จพ่อและเสด็จแม่ของเธอถูกวิจารณ์หนักเช่นกัน มีทั้งสื่อและนักการเมืองที่ตำหนิว่า โรงเรียนรัฐใกล้บ้านดีไม่พอตรงไหน และกดดันหนักจนมีการชักชวนในหมู่คุณครูให้ประท้วงเลยทีเดียว เนื่องจากมีผู้ที่รู้สึกว่าถูกข่มเหงให้จำนนต่อความไม่เท่าเทียมในระบบการศึกษา ซึ่งถ้าเป็นอีกหลายประเทศในยุโรป เรื่องโรงเรียนหรูเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับเชื้อพระวงศ์มานานทำให้เป็นเรื่องปกติไปแล้ว
โรงเรียน Elvebakken ที่เจ้าหญิงเลือกเข้าศึกษาต่อล่าสุดนั้น แม้จะเป็นโรงเรียนดังที่มีตึกเรียนดีไซน์ทันสมัย แต่ก็เป็นโรงเรียนรัฐที่มีนักเรียนนับพันและต้องใช้คะแนนและเกรดในระดับสูงลิบลิ่วเพื่อสมัครเข้าเรียน
(บางคนอาจจะคิดว่า แทบไม่น่าเชื่อที่สังคมเค้าจะดราม่ากันเรื่องว่าที่เจ้าหญิงที่เป็นว่าที่ queen ย้ายจากโรงเรียนรัฐไปเรียนนานาชาติ)
แม้ตอนนี้เราจะได้เห็นภาพของเชื้อพระวงศ์ที่สดใสน่ารัก แต่ไม่ต้องทำนายก็คงทราบกันชัดเจนว่า ในอนาคต เจ้าหญิง Ingrid Alexandra จะต้องเผชิญหน้าจากแรงกดดันของสื่อและสังคมไม่ต่างจากเสด็จพ่อและเสด็จแม่
เจ้าหญิง Leonor แห่ง Asturias
ว่าที่ราชินีปกครองราชวงศ์ Spain
เจ้าหญิงที่เคยได้รับการขนานนามว่าเป็นเจ้าหญิงรัชทายาทที่อายุน้อยที่สุดท่ามกลางราชวงศ์ยุโรป
ราชวงศ์ Spain เคยต้องพบกับมรสุม scandal การทุจริตของสมเด็จพระราชาธิบดีJuan Carlosที่ 1 อดีตกษัตริย์ที่สละบัลลังก์พร้อมกับความอื้อฉาว และว่ากันว่า เป็นงานหนักของเชื้อพระวงศ์ยุคใหม่ที่จะกู้ภาพลักษณ์กลับมาให้ประชาชนเชื่อมั่นอีกครั้ง เมื่อเจ้าหญิงองค์โตของสมเด็จพระราชาธิบดีFelipe ที่ 6 และพระราชินี Letizia เริ่มเติบโตประดุจดอกไม้แรกแย้ม กิริยาที่ดูอ่อนหวานและสง่างามผิดแผกจากเด็กวาวรุ่นเดียวกันนั้นได้สร้างความนิยมจนสื่อชื่นชมว่า เธอคือความหวังใหม่ของราชวงศ์ Spain
กฎการสืบทอดราชบัลลังก์ของ Spain จะแตกต่างไปจากสองราชวงศ์ที่เรากล่าวถึงก่อนหน้า เพราะยังให้ความสำคัญกับรัชทายาทชายอยู่ นั่นหมายความว่า หากเสด็จพ่อและเสด็จแม่ของ Leonor ให้กำเนิดเจ้าชายเมื่อใด ลำดับการสืบราชสมบัติจะเลื่อนเปลี่ยนมาเป็นเจ้าชายรัชทายาทอันดับแรกทันที อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ก็ยังไม่มีประสูติาลของโอรส ก็น่าจะชี้ชัดว่า Leonor จะครองตำแหน่งรัชทายาทไว้ไม่เปลี่ยนแปลง
นอกจากนั้น ภาพกรณียกิจต่างๆที่เธอเข้าร่วมตั้งแต่ติดตามเสด็จพ่อเสด็จแม่ตั้งแต่ยังเป็นเจ้าหญิงน้อย จนปัจจุบัน เธอสามารถกล่าวสุนทรพจน์หลายภาษาสร้างความประทับใจให้กับผู้ฟังในหลายevent และปฏิบัติงานในฐานะตัวแทนราชวงศ์ในวัยเพียงแค่ 15 ชันษา สิ่งเหล่านี้ก็ได้สะท้อนชัดเจนว่า ที่คือเส้นทางของว่าที่สมเด็จพระราชินีนาถผู้จะขึ้นครองราชย์ในภายถาคหน้า
Leonor และ Sofiaองค์หญิงผู้น้องที่มีวัยห่างกันแค่หนึ่งปีมักได้รับเสียงชื่นชมจากสื่อ Spain เรื่องรสนิยมการแต่งตัวที่ชวนมอง แม้ฐานันดรจะทำให้เด็กสาวสูงศักดิ์ทั้งสองต้องวางตัวอย่างสำรวมเรียบร้อย ไม่แสดงความโฉบเฉี่ยวเฟี้ยวฟ้าวจนกลายเป็นเป้าโจมตี แต่ก็มีลูกเล่นที่ดูสนุกสนานสมวัย และหลายคนไม่แปลกใจนัก เพราะพระมารดาของทั้งคู่ได้ชื่อว่าเป็นเชื้อพระวงศ์ที่แต่งกายได้ดีที่สุดในยุโรปนั่นเอง แน่นอนว่า เจ้าหญิงผู้ที่มีต้นแบบที่เป๊ะขนาดนี้ย่อมจะได้อิทธิพลจนถูกยกให้เป็น fashionista วัยใส
เจ้าหญิง Leonor คือเชื้อพระวงศ์วัยทีนอีกคนที่สมัครเข้าศึกษาต่อที่ Atlantic College ตามหลังเจ้าหญิง Elisabeth แห่ง Belgium จนทำให้สื่อฮือฮาค้นหาเหตุผลที่ทำให้โรงเรียนได้รับความนิยมในหมู่ผู้สูงศักดิ์รุ่นเยาว์ ( นอกจากนั้นยังมีเจ้าหญิง Alexia แห่ง Netherlands อีกด้วย)
ตาสีฟ้าและสีผมเฉดอ่อนทำให้หลายคนนึกถึงเจ้าหญิงในเทพนิยาย แต่เธอต้องขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในงานเฉลิมฉลองรัฐธรรมนูญต่อหน้าแขกเหรื่อคนสำคัญ แม้จะมีครอบครัวให้กำลังใจอยู่ใกล้ๆ แต่คุณอาจจะสัมผัสได้เลยว่า เธอกำลังพยายามเต็มที่เพื่อดำเนินรอยตามพระบิดาและเตรียมพร้อมเพื่อก้าวสู่เส้นทางของประมุขราชวงศ์ เมื่อเติบโตขึ้น ทักษะการกล่าวสุนทรพจน์ก็พัฒนาอย่างเห็นความแตกต่างชัดเจน
เคยมีผู้วิเคราะห์ว่า background เดิมของพระราชินี Letizia ทีเป็นสามัญชนมาก่อนได้ทำให้มีวิธีการอบรวมเลี้ยงดูพระธิดาทั้งสองให้เข้าถึงโลกแห่งความเป็นจริงภายนอก อย่างไรก็ตาม หน้าที่ของรัชทายาทที่หนักอึ้งนั้นก็ไม่อาจบีบไม่ให้เธอมีตัวเลือกทำตามความฝันได้มากนัก เสด็จแม่เคยกลายเป็น talk of the town ในระหว่างการเยี่ยเยือนประชาชน แล้วเจ้าหญิง Leonor ได้รับคำถามจากเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันว่า เมื่อต้องการจะทำสิ่งใดเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ แต่เสด็จแม่ได้ขัดคำตอบของเจ้าหญิงขึ้นมาก่อนว่า "เป็นสิ่งที่เธอต้องทำ ไม่ใช่สิ่งที่เธออยากทำ"
แม้ในความเป็นจริงจะรู้กันกันดีว่า คำพูดของพระราชินีก็ไม่ผิดไปนัก จะมีใครที่นึกภาพภาพเจ้าหญิงLeonor หันไปทำงานผู้สื่อข่าว (อาชีพเดิมของพระราชินีก่อนเสกสมรสเข้าสู่ราชวงศ์) หรือเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่เจ้าหญิงรัชทายาทได้ ?
แม้ในความเป็นจริงจะรู้กันกันดีว่า คำพูดของพระราชินีก็ไม่ผิดไปนัก จะมีใครที่นึกภาพภาพเจ้าหญิงLeonor หันไปทำงานผู้สื่อข่าว (อาชีพเดิมของพระราชินีก่อนเสกสมรสเข้าสู่ราชวงศ์) หรือเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่เจ้าหญิงรัชทายาทได้ ?
ในสถานการณ์โรคระบาดนี้ ราชวงศ์ Spain ได้รับคำชื่นชมเรื่องการวางตัวเป็นแบบอย่างให้กับประชาชนในเรื่องการสวม mask และยังเคยมีภาพตอนที่เจ้าหญิง Leonor เตือนอย่างนุ่มนวลเมื่อเสด็จพ่อทรงลืมใส่ mask กลับคืนหลังจากทรงแสดงความเห็นในเรื่องโรค COVID ใน event และตรัสขอบอกขอบใจพระธิดา เป็นภาพที่น่ารักเชียวล่ะ
ฟันธงว่า เมื่อเธอก้าวเข้าสู่วัยสาวเต็มตัวแล้ว จะต้องกลายเป็นหัวข้อข่าวออกสื่อแบบ nonstop แน่ เพราะยังเด็กเพียงนี้ก็ฉายแววสาว perfect ซะแล้ว!
Catharina-Amalia เจ้าหญิงแห่ง Orange
เมื่อพูดถึงเชื้อพระวงศ์ยุโรป ราชวงศ์ Dutch อาจจะไม่ได้รับพื้นที่สื่อมากมายเหมือนกับราชวงศ์อังกฤษ แต่ก็เคยมีติดตามเรื่องราวของราชวงศ์แห่งดินแดนสีส้มยุคใหม่มาแล้วว่ามีความน่าสนใจมากกว่าที่คาดคิด
กษัตริย์ Willem-Alexander และสมเด็จพระราชินีMáxima ทรงมีทายาทเป็นเจ้าหญิงสามใบเถา แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาต่อการกำหนดตัวรัชทายาทแต่อย่างใด เพราะ Netherlandsเคยมีสมเด็จพระราชินีนาถขึ้นครองราชย์มาแล้วสามพระองค์ (ล่าสุดคือสมเด็จพระราชินีนาถ Beatrix ที่สละราชบัลลังก์ในปี 2013 เพื่อพระราชโอรส คือ กษัตริย์ Willem-Alexanderได้ขึ้นครองราชย์ต่อ)
เจ้าหญิง Catharina-Amalia วัย 17 ชันษาเคยเปิดใจว่า เธอยังไม่คิดวางแผนเรื่องการเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับหน้าที่การเป็นประมุขราชวงศ์ในอนาคต ทุกสิ่งทุกอย่างยังค่อยเป็นค่อยไป
Catharina-Amalia เป็นเชื้อพระวงศ์อีกรายหนึ่งที่ใช้เวลาในวัยเด็กที่โรงเรียนรัฐบาล และย้ายมาศึกษาต่อที่โรงเรียนที่มีชื่อเสียงโด่งดังของNetherlands ในภายหลัง ปัจจุบันเธออยู่ในช่วง gap year ก่อนจะตัดสินใจเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย
Catharina-Amalia ได้กลายมาเป็นหัวข้อข่าวเมื่อเร็วๆนี้ เมื่อเธอได้ปฏิเสธเงินรายได้จำนวน 1.3 ล้านยูโรจากรัฐบาล เพราะเชื่อว่า ตนเองยังไม่ได้ทำหน้าที่อันควรค่าพอต่อเงินตำนวนนี้ และควรจัดสรรเงินไปให้กับผู้ที่ลำบากกว่าในสถานการณ์โรคระบาด เธอยังวางแผนจะคืนเงินที่ได้รับปีละสามแสนยูโรตอนที่ยังเป็นเด็กก่อนวัยเรียนอีกด้วย
ซึ่งเมื่อปีที่แล้วราชวงศ์Dutch ถูกโจมตีอย่างหนักจากภาพทริปพักผ่อนใน Greeceในระหว่างที่ประเทศประกาศ lockdown จนต้องรีบเดินกลับมาและประกาศขอโทษประชาชน ทำให้มีผู้มองว่า การกระทำของเจ้าหญิงรัชทายาทคือความพยายามกอบกู้ความเชื่อใจจากประชาชนคืนมานั่นเอง
หากจะบอกว่าภาพลักษณ์ของราชวงศ์ Dutch นั้นสร้างความรู้สึกที่ "เข้าถึงได้" ก็ไม่น่าจะผิด พวกเค้าเผย portrait แบบครอบครัวมาหลาย version และเน้นบรรยากาศที่สดใสเป็นกันเอง ไม่ดูยกตัวว่าสูงส่งกว่าใครอื่น และยังไม่ต่อต้านเรื่องการถ่าย selfie กับแฟนๆอีกด้วย
กษัตริย์ Willem-Alexander ได้แสดงทัศนคติที่ฟังดูแตกต่างจากความเคร่งครัดตามรูปแบบของผู้สูงศักดิ์ว่า แนะนำกับพระราชธิดาว่า ก่อนจะถึงเวลาขึ้นครองราชย์ ให้เรียนรู้การการลองผิดลองถูก ผิดพลาดเท่าที่จะเป็นไปได้ ทั้งร่าวมเทศกาลดนตรี, party, และอื่นๆอีกมากมาย แต่ต้องระมัดระวังตัวจากสายตาสาธารณชน นั่นเป็นเพราะว่า ทรงเคยใช้เวลาวัยหนุ่มอย่างมีอิสระมาก่อน จึงปรารถนาให้เจ้าหญิงผู้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขได้หาความสนุกสนานให้กับชีวิตเช่นเดียวกัน
เป็นคำสอนที่ดูแตกต่างจากบรรยากาศในซีรีส์ The Crown ไปอีกคนละแนว ในอดีตที่กษัตริย์ Willem-Alexander ที่ยังเป็นเจ้าชายรัชทายาทนั้นมีชื่อเสียงไม่ดีมากนัก มักจะถูกสื่อกล่าวขวัญเรื่องการparty หนักจนมีฉายาว่า เจ้าชาย Pils (ตามชื่อเบียร์) แต่ไม่ได้แบนพระราชธิดาจากสิ่งยั่วยุแต่อย่างใด
เธอตั้งเป้าหมายจาก gap yearในการเดินทางท่องเที่ยว ทำสิ่งที่อาจะทำไม่ได้ในยีกยี่สิบปีข้างหน้า อย่างการฝึกงานในบริษัทดีๆ
(เจ้าหญิงรัชทายาทกับการฝึกงาน!)
(เจ้าหญิงรัชทายาทกับการฝึกงาน!)
ที่ Netherlands มีการวัดคะแนนความนิยมของเชื้อพระวงศ์กันมาแล้วหลายครั้ง และสมเด็จพระราชินีMáxima ก็ทำคพแนนนำโด่งเสมอ แม้สื่อทั่วโลกจะไม่ขยันขาย scoop เหมือนกับราชวงศ์อังกฤษ แต่เธอได้รับคำยกย่องว่าเป็นผู้หญิงทำงานที่เก่งกาจ สติปัญญาปราดเปรื่อง แม้จะเคยเป็นสามัญชนที่ต้องเผชิญกับ scandal จากวีรกรรมบุพการีและต้องถูกสังคมตามจับผิดมาโดยตลอด แต่เธอก็ทำให้ชาว Dutch เปิดใจยอมรับได้ที่สุด
challenge ที่ Catharina-Amalia จะต้องก้าวข้ามไปให้ได้ คือการถูกนำมาเปรียบเทียบกับเสด็จแม่นั่นเอง