เจาะโพรไฟล์อดีต bad boy เสน่ห์ร้อนแรงเกินต้านทาน

จากกระแสความโด่งดังของซีรีส์ Nevertheless ในบ้านเราอาจจะจุดประกายให้หลายคนพยายามค้นหาคำตอบสำหรับตัวเองให้ได้ว่า  เพราะอะไรจึงไม่สามารถหลบหลีกจากแรงดึงดูดให้เข้าไปสัมผัสใกล้ชิดเหล่า bad boy   ทั้งๆที่รู้ดีแก่ใจว่า  เส้นทางภายหน้าอาจจะมีความเจ็บปวดรออยู่   แต่ก็อดจะเล่นกับไฟไม่ได้

ในครั้งนี้เราอาจจะไม่ได้หาข้อมูลหลักฐานมาวิเคราะห์ว่าเพราะอะไรผู้หญิงมากมายถึงแพ้ทาง  bad boy   แต่จะมาชวนรำลึกถึงชายหนุ่มชื่อดังที่เคยได้รับฉายา bad boy ตัวพ่อของ  Hollywood   มาติดตามกันได้เลยค่ะ

Colin Farrell

คนรุ่นเยาว์อยู่อาจจะมองว่าเขาคนนี้เป็นพระเอกรุ่นป๋าที่ดูดิบเถื่อน   แต่ขอบอกว่า ภาพลักษณ์ของเจ้าตัวเปลี่ยนแปลงไปจากสิ้นเชิงจากวัยหนุ่ม  โดยเฉพาะยุค 2000s   Colin Farrell   มักจะปรากฏตัวพร้อมกับบุหรี่ที่ไม่เคยห่างออกไปจากมือ   ไม่ว่าจะเป็นงานพรมแดงหรือparty ก็พลุ่งพล่านไปด้วย bad boy energy  ที่แค่ไม่ได้เอามือไปแตะต้องจริงๆก็รู้ว่าอันตราย   แต่ก็อดเผลอใจไม่ได้อยู่ดี 

วีรกรรม  
สร้่งความฮือฮาจากภาพตอนจูบกับ Britney Spears
ข่าวลือว่าแซ่บกับ Angelina Jolie
sex tape กับแฟนเก่าหลุด

ก่อนที่ social media จะมีอิทธิพบต่อชีวิตผู้คนราวกับเป็นปัจจัยที่ 5   กว่าจะรู้ว่าคนดังมีพฤติกรรมเผ็ดแซ่บแค่ไหนก็ต้องรอให้มีข่าวลือบอกกันปากต่อปาก  ไม่ได้มีการแชร์ภาพให้เห็นกันได้เพียงกดจึ้กเดียว  ภาพลักษณ์ของพระเอกหัวขบถที่ไม่แยแสต่อกระแสโจมตี    เสียงสบถสำเนียงไอริชทำให้หลายคนรู้สึกอยากรู้อยากเห็นในเสน่ห์แบบดิบๆ        เพื่อนนักแสดงบรรยายความเป็น Colinไว้ว่า  เขารักเบียร์,ผู้หญิง และฟุตบอล   ฟังเหมือนกับผู้ชายธรรมดาทั่วไป   แต่ Jennifer Garner ที่ร่วมงานกันใน Daredevil ได้ขยายความให้อีกนิดว่า

" เขาใช้ความน่ารักมาเป็นข้อได้เปรียบค่ะ ฉันก็ยินดีกับเขาไปด้วยนะคะ แต่อย่ามาใกล้น้องสาวของฉันแล้วกัน!"

ไม่ใช่ว่าเขาจะเป็นพวกที่หวาดกลัวถูกผูกมัดด้วยความสัมพันธ์จริงจัง   เมื่ออายุเพียง 25 ก็ได้เข้าพิธีวิวาห์กับ Amelia Warner  สาววัยเพียง 19  แต่เขายอมรับว่าใจเร็วด่วนได้เกินไป  แต่งกันเพียงไม่กี่เดือนก็กลับมาโสด   ก้าวเข้าสู่เส้นทางจอมหักอกผู้หญิง   (ส่วนเธอคนนั้นก็คือภรรยาคนปัจจุบันของหนุ่มหล่อเริ่ด Jamie Dornan ยังไงล่ะคะ)      มีเสียงลืออื้ออึงว่า เขาเคยคั่วกับ Paris Hilton, Lindsay Lohan  และเซเลบสาวอีกหลายคน

นอกจากข่าวลือเรื่องความสัมพันธ์กับผู้หญิงมากหน้าหลายตา    Colin มักถูกวิจารณ์เรื่องคำพูดขวานผ่าซาก  แม้จะไม่ถึงขั้นติดเรทระดับ John Mayer  แต่เขาสามารถจิกกัดเรื่องขนาดของเครื่องเคราความเป็นชายของตัวเองว่า "จิ๋วเหมือนเมล็ดมะม่วง"  ตอนที่ร่วมงานกับ Jared Leto ก็ยอมรับว่าอีกฝ่ายน่ารักซะจนรู้สึกไม่แน่ใจในรสนิยมทางเพศของตัวเอง   หรือเผยด้านที่ไม่ได้เลิศเลอแนวดารา A List ว่าเคยไปออดิชั่นเพื่อเข้าวง  Boyzone แต่ปิ๋วเพราะร้องเพลงห่วย    อาจจะพูดได้ว่า  ถึงภาพลักษณ์จะดูไม่ใสสะอาดนัก  แต่เจ้าตัวก็ไม่ถูกโจมตีหนักหนาสาหัสเท่าใด   อาจจะเป็นเพราะหลายอย่างฟังเป็นคำพูดที่จริงใจ ไม่ยึดติดกับการสร้างภาพแบบวงการมายานั่นเอง

จากเดิมที่ถูกมองว่าเป็นหนุ่มหล่อตัวร้ายที่เปรียบเหมือน bad news ของสาวๆ  Colin ค่อยๆเปลี่ยนแปลงตัวเองหลังจากที่ได้ค้นพบความรักที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน นั่นคือสายสัมพันธ์กับลูกชายตัวน้อย  

" James ลูกชายคนโตของผมได้ทำให้ผมหันมาแคร์ต่อบางสิ่งที่ตัวเองไม่เคยเหลียวลมาก่อน James ช่วยชีวิตผมไว้"
"ตอนนี้ผมอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกนานเท่าที่จะทำได้ เพราะอยากจะเห็นลูกชายทั้งสองคนเติบโต ในวงการบันเทิง ผมทำพังมาเยอะขนาดที่แค่จะติดต่อประชุมงานยังหายาก"

"ตอนนี้ผมกินอาหารเพื่อสุขภาพ ดื่มชาเขียวเยอะมาก และยัดไอ้พวกวิตะมินเข้าไปเพียบ มันน่าเบื่อฉ..หายเลย" (Colin ขึ้นชื่อลือชาเรื่องพูกคำสบถคำ และเคยยืนยันว่าจะไม่ระวังคำพูดให้สุภาพเพราะมันน่าเบื่อ แต่พอมีลูกแล้วก็ต้องระวังตัวมากขึ้นไม่ให้เด็กๆติดนิสัยพูดคำหยาบนี้)

เมื่อได้รับรู้ถึงความรู้สึกของคนที่เป็นพ่อ  Colin ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงแบบฉันพลัน เขายอมรับตรงๆว่า ยังยึดติดกับความซิ่งเสเพลแบบเดิม และคิดว่า สามารถเป็นเพื่อนกับลูกชายได้โดยที่ยังมัวเมากับเหล้าและยาเสพติด

แต่เมื่อลูกชายคนโตได้รับการวินิจฉัยว่า มีอาการAngelman syndrome ซึ่งเป็นความผิดปกติทางพันธุกรรมที่ส่งผลให้เกิดความพิการทางสติปัญญาและพัฒนาการ พระเอกที่ได้ชื่อว่าไม่สามารถใช้ชีวิตโดยขาดเหล้ายาไปได้ลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเองใหม่ เขาเข้ารับการบำบัด และพาตัวเองห่างจากสิ่งเสพติดด้วยความมุ่งมั่นว่า จะต้องมีชีวิตยืนยาวเพื่อลูกชายที่จำเป็นต้องมีเขาคอยดูแล

ทุกวันนี้ หลายคนแทบจะลืมเลือนไปแล้วว่า Colin เคยเป็น bad boy ระดับพระกาฬ แม้กระทั่งความฉาวอย่าง sex tape ก็ไม่ถูกตอกย้ำมากเท่าใดนัก

ช่วงต้น 2000s  คงไม่มีใครนึกภาพ Colin Farrell ไปโรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมเยียนเด็กๆที่เจ็บป่วย แต่หลังจากที่พยายามเปลี่ยนตัวเองใหม่หมดจดเพื่อลูกๆ  เขาได้รับเสียงชื่นชมในฐานะพ่อเลี้ยงเดี่ยวที่ให้ความสำคัญกับลูกๆมาเป็นอันดับหนึ่ง  เขาได้เปิดเผยประสบการณ์ต่างๆในการปรับตัวเพื่อช่วยเหลือให้ลูกมีพัฒนาการที่ดีขึ้น และพยายามลบตราบาปที่สังคมยัดเยียดให้กับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ (Children with special needs )  ให้ทำความเข้าใจโดยไม่ตัดสินพวกเค้าจากอคติ และยังให้กำลังใจพ่อแม่คนอื่นๆที่ต้องเผชิญกับความท้าทายในการเลี้ยงดูลูกที่มีอาการผิดปกติทางร่างกาย

"ทัศนคติทั้งหลายทั้งปวงของผมเปลี่ยนแปลงไปหมด ผมได้เรียนรู้ว่า ครอบครัวและลูกๆเป็นสายใยผูกพันที่สำคัญมากที่สุด"

Jude Law

สำหรับเราแล้ว พระเอกคนนี้คือ The Face Of 2000s ที่แท้จริง เขาต้องคอยตอบคำถามสื่อเรื่องใบหน้าที่งดงามราวกับรูปปั้นเทพบุตร เมื่อก้าวจากวงการบันเทิงอังกฤษมาโด่งดังใน Hollywood ได้สำเร็จ ทั้งสำเนียงนุ่มนวลน่าฟังและนัยน์ตา แพรวพราวแบบหนุ่มเจ้าชู้สร้างเสียงกล่าวขวัญจนติดอยู่ลำดับต้นๆของหนุ่มsexyที่สุดมาหลายปี


แม้วันเวลาที่หมุนไปจะทำให้รูปลักษณ์เปลี่ยนแปลงตามวัย แต่ภาพของศาตราจารย์ Dumbledore ในวัยหนุ่มที่ดูเท่ก็ย้ำเตือนให้เรานึกถึงสมัยที่ Jude เป็น bad boy ที่รับหนุ่มรูปงามใจโฉดได้เนียนสุดๆ

นอกจากf;'ตาสีเขียวที่ดูเหมือนจะว่าจะจ้องลึกเข้าถึงจิตใจจนทำให้เคลิบเคลิ้ม Juยังมั่นใจด้วยว่า ผู้หญิงมักโอนเอนเข้าหา bad boy

"ผมว่าผู้หญิงชอบแบบนี้ ประสบการณ์ที่ผ่านมาของผมมันบอก พอเริ่มเป็นผู้ใหญ่ขึ้น คุณก็จะรู้ได้เองว่าอะไรที่ล่วยเสริมเสน่ห์ได้ สำหรับตัวผม การทำตัวเป็นชานแสนดีมันไม่เคย work ครับ แต่พอเป็น bad boy ผู้หญิงกลับชอบ"

วีรกรรม

เป็นชู้กับพี่เลี้ยงลูก


หนึ่งในscandal เลื่อนลั่นประเทศอังกฤษคือข่าวฉาวโฉ่ในช่วงที่เขาคบหากับ Sienna Miller และถูกยกให้เป็นคู่รักที่เหมาะสมกันอย่างไร้ที่ติ  Sienna กำลังรุ่งจากภาพนางเอกสุด hot    แต่สื่อกลับตามสืบจนพบความลับของพระเอกนัยน์ตายั่วว่า เขาแอบมีอะไรกับพี่เลี้ยงของลูกๆสามคนที่เกิดกับภรรยาเก่า    เจ้าตัวพบกับกระแสกดดันหนักจนต้องประกาศขอโทษแฟนสาวออกสื่อ    และไม่ต้องสงสัยว่า  พวกเขาไม่สามารถประคองความสัมพันธ์ไว้ได้  ในเวลาต่อมาสองประกาศเลิกราและยกเลิกการหมั้นหมาย     และทำให้สังคมเชื่อมั่นว่า ภาพของชายหลายใจใน Closer หนังรักชวนใจสลายกับตัวจริงของ Jude ก็ไม่ได้แตกต่างกันเลย

ข่าวการนอกใจของ  Jude นั้นทำให้สังคมเพ่งเล็งไปยังตัวพี่เลี้ยงที่ดูภายนอกแล้วเป็นหญิงสาวที่ดูไม่โดดเด่น   และนำไปเปรียบเทียบกับ Sienna ที่เฉิดฉายเปล่งประกายตามแบบฉบับดารา Hollywood   ภรรยาเก่าของ Jude ได้เปลี่ยนพี่เลี้ยงคนใหม่ และเลือกผู้ที่ดู "ไม่ดึงดูดทางเพศ"   เพราะเธอไม่ไว้ใจพ่อของลูกซะแล้ว 

 หากย้อนไปเมื่อการแต่งงานครั้งแรก   Jude Law ยังเป็นนักแสดงโนเนมวัยเพียง 19  แต่กลับทำให้นางเอกรุ่นพี่อย่าง Sadie Frost ที่ร่วมงานกันในหนังรู้สึกว้าวุ่น  นั่นเป็นเพราะว่าเธอแต่งงานกับชายคนอื่นอยู่แล้ว แต่ไม่สามารถหักห้ามใจได้  เธอหย่าขาดกับสามีและไม่กี่ปีต่อมาก็แต่งงานอยู่กินกับ Jude อย่างเปิดเผย   แต่เมื่อเขาโด่งดังเป็นพลุแตก ก็ทุ่มให้กับงานและไม่มีเวลาให้กับครอบครัวจนนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่แตกร้าวและไม่อาจซ่อมแซม

สถานะปัจจุบัน : พ่อลูก 6 และแต่งงานกับจิตแพทย์สาวหลังจากเดทกันหลายปี

Jude มีลูกกับ Sadie Frost 3 คน และเติบโตเป็นหนุ่มเป็นสาวกันหมดแล้ว ต่อมา ลูกสาวคนที่ 4ก็ ได้ลืมตาดูโลก เนื่องมาจากความสัมพันธ์ช่วงสั้นๆกับนางแบบชาวอเมริกัน และเกิดตั้งครรภ์โดยไม่ได้ตั้งใจ (มีรายงานว่าต้องใช้การตรวจ DNA เพื่อยืนยันความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับเด็ก) ส่วนลูกคนที่ 5 นั้นเกิดกับแฟนเก่าซึ่งในขณะที่เธอกำลังอุ้มท้อง พวกเค้าก็ได้เิกรากันไปก่อนแล้ว ตอกยำให้ผู้คนมองว่าเขาเป็นplayboy ที่ไม่นิยมการคุมกำเนิด


ในปีหลังๆที่อายุอานามเริ่มมากขึ้น  Jude  ได้พบรักกับจิตแพทย์สาวสวยและใช้เวลาศึกษาดูใจกันนานพอจนแน่ใจในการสร้างครอบครัวด้วยกัน  เข้าพิธีวิวาห์ไปได้หนึ่งปี  Jude ก็มีลูกกับภรรยา นับเป็นคนที่ 6 

 Usher

ไม่ต้องสงสัยว่าศิลปินทรงอิทธิพลผู้นี้ถูกยกให้เป็นต้นแบบศิลปิน popและ R&B หลายคน จากความสำเร็จระดับตำนานจากความสามารถในการร้องเต้น Usherยังสร้างเสียงฮือฮาจากแรงดึงดูดทางเพศที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็ยังเผ็ดจัดจ้านจนต้องซู้ดปาก

เพลงดังที่ทำยอดขายถล่มทลายของเขาพูดถึงความผิดที่นอกใจแฟนสาว อย่างConfessions ที่ดังเปรี้ยงจากเนื้อหาคำสารภาพที่ำปทำผู้หญิงคนอื่นท้อง หลายฝ่ายเชื่อว่านี่คือเพลงที่แต่งขึ้นมาจากประสบการณ์ของนักร้องดังจริงๆ และยังเป็นช่วงคาบเกี่ยวหลังจากเลิกรากับChilli นักร้องสาวสวยแห่งวง TLC ผู้ที่เคยออกปากว่า ไม่มีวันกลับมาคืนดีกับ Usher เพราะรับไมไ่ด้กับสิ่งที่เขาทำจริงๆ สังคมก็ไม่ลังเลที่จะฟันธงว่า เรื่องราวในเพลงคือต้นเหตุในการเลิกราของพวกเค้า แม้เจ้าตัวจะยืนกรานปฏิเสธว่า ไม่เคยผ่านประสบการณ์ทำกิ๊กทั้งท้องจริงๆสักหน่อย แต่เป็นเรื่องราวชีวิตของJermaine Dupri producer ที่ช่วยสร้างสรรค์เพลงนี้ต่างหาก และตัว producer ก็ยอมรับตรงๆว่า นี่คือวิธี boost พลังสร้างกระแสให้เพลงเป็นที่กล่าวขวัญ เพราะใครต่อใครต่างอยากรู้อยากเห็นถึงตัวตนของผู้หญิงในเพลง

แต่ข้อกล่าวหาต่อมานั้นอาจจะหนักกว่าเรื่องทำผู้หญิงท้องซะอีก!

วีรกรรม

เอกสารหลุดในโลกออนไลน์ว่าป่วยเป็นโรคเริม และถูกผู้หญิงฟ้องร้องว่าติดโรคหลังจากที่มี sexกันในช่วงที่เขายังมีสถานะแต่งงานอยู่

ข่าวลือเรื่องsuperstar แพร่เชื้อเริมนั้น spark ขึ้นมาหลังจากRadar ปล่อยภาพเอกสารทางการไกล่เกลี่ยและชดใช้ค่าเสียหายเมื่อ stylistผู้หนึ่งระบุว่า Usher ยืนยันกับเธอว่าเขาปราศจากโรคเริม แต่หลังจากที่มีอะไรกัน เธอกลับตรวจพบว่าติดเชื้อเข้าซะแล้ว สื่อช่างแฉได้รายง่นว่า เขาตกลงจ่ายเงินชดใช้ให้เธอถึง1.1 ล้านเหรียญ ฝ่าย Usher กลับไม่ออกมาปฎิเสธข้อกล่าวหานี้ ทำให้หลายคนหปักใจเชื่อแล้วว่า เขาเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จริงๆ

หนำซ้ำ ในปี 2017 กับผู้ที่อ้างว่าติดโรคเริมมาจาก Usher ยื่นฟ้องร้องเพื่อเรียกค่าเสียหายเพิ่มขึ้น ในจุดนี้ก็ทำสังคมมั่นใจแล้วว่า เขามีเชื้อในร่างกาย

เขาหย่าร้างกับภรรยาหลังจากที่ถูก scandal เล่นงาน แต่ก็ไม่สร้างความประหลาดใจให้กับนักเสพgossipแต่อย่างใด เพราะเมื่อดู timeline แล้ว ช่วงเวลาที่ผู้หญิง
แฉว่าติดเริมจาก Usher อยู่ในคาบเกี่ยวกับตอนที่ Usher ยังมีสถานะแต่งงานอยู่ นั่นหมายความว่า เขาอาจจะนอกใจภรรยานั่นเอง

แม้ scandalแพร่โรคเริมจะทำให้ชื่อเสียงของ Usherดิ่งลงไป แต่ก็ไม่ได้ถึงขนาดที่ถูก cancel แม้จะมีผู้วิพากษ์ว่า เขาจงใจปิดบังเรื่องโรคนี้โดยไม่คิดถึงใจฝ่ายที่ตกลงมีเพศสัมพันธ์ด้วย สิ่งที่ตามมาคือกระบวนการไกล่เกลี่ยที่ต้องเตรียมเงินก้อนโตเพื่อเจรจาให้อีกฝ่ายถอนฟ้อง

ถึงจะถูกจิกกัด  Usherไม่ได้หมดหวังกับความรัก   แฟนสาวคนล่าสุดเป็นผู้บริหารค่ายดนตรี  และกำลังร่วมสร้างครอบครัวแบบพ่อแม่ลูก (ลูกคนแรกลืมตาดูโลกเมื่อ ปีที่แล้ว  คนที่สองยังอยู่ในครรภ์)

Justin Bieber 

จาก baby กลายมาเป็น bad boy

เขาคืออดีตไอดอลวัยทีนที่สร้างปรากฏการณ์จากเพลงจีบสาวใสๆจนกลายมาเป็น pop star ระดับแนวหน้าของวงการดนตรี   แต่จาก scandal ที่ถามโถมเข้ามาไม่หยุดยั้งตั้งแต่เริ่มแตกเนื้อหนุ่ม   Justin  ก็ถูกจัดให้เป็นหนึ่งใน child starเจ้าปัญหาเพราะเผชิญกับความ toxic ในวงการจนก้าวเข้าสู่เส้นทาง bad boy

วีรกรรม

ถูกจับกุมข้อหาเมาแล้วขับ และมีปัญหาการใช้ยาเสพติด

ข่าวคราวกับผู้หญิงมากหน้าหลายตาและขึ้นชื่อว่าเป็นจอมหักอก

ตอกย้ำพฤติกรรมทางเพศด้วยการยอมรับว่าเคยเสพติด sex

ภาพระเบิดอารมณ์ใส่ paparazzi หรือการปฏิบัติกับแฟนผู้คลั่งไคล้โดยไม่แยแส

เคยมีผู้วิเคราะห์พฤติกรรมของ Justin Bieber ที่ถูกพาดหัวใหญ่โตตามสื่อ gossip เป็นราคาที่ต้องแลกกับความสำเร็จระดับโลกตึ้งแต่ยังเป็นหนุ่มน้อยตาหวานที่ผู้คนมากมายหลงรัก   เหล่าช่างภาพที่กระหายภาพเด็ดเพื่อนำไปโก่งราคาขาย และใช้เทคนิคการยั่วยุให้ซุปตาร์"ของขึ้น"   เมื่อเมื่อพูดถึง fandom แล้ว   Justin  ต้องถูกคุกคามจากเหล่าแฟนที่คลั่งไคล้เกินเหตุ  ไม่ว่าเขาจะว่าจ้าง bodyguard ร่างยักษ์มาคอยคุ้มครอง  หรือมีระบบรักษาความปลอดภับที่รัดกุมยังไงก็ถูกรบกวนชีวิตส่วนตัว จนประกาศออกมาชัดเจนว่า จะไม่ยอมถ่าย selfie กับแฟนๆ เพราะทำให้รู้สึกเหมือนกับสัตว์ที่ถูกขังในกรงสวนสัตว์   หรือจะเป็นการประกาศกร้าวต่อสู้กับแฟนจำนวนหนึ่งที่ตามจองเวรแฟนสาวของเขาในรูปแบบของ cyberbullying   แม้ว่าจะถูกโจมตีว่าดังแล้วลืมตัว ไม่เห็นหัวแฟนๆที่คอยสนับสนุน  แต่ความนิยมของเขายังไม่ drop ง่ายๆ   ยังมีคนอีกมากมายที่เต็มใจสนับสนุนผลงานจอง JB  และชื่นชมด้วยซ้ำว่าเป็นศิลปินที่ปกป้องชีวิตของตัวเอง ไม่ให้ยอมให้วัฒนธรรม fandom เปิดโอกาสให้ถูกล่วงละเมิด

เขาเคยใช้ชีวิตด้วยความเสี่ยงถึงขั้นที่ว่าทีมรักษาความปลอดภัยจะต้องเข้ามาเช็คชีพจรทุกเช้า   เขาตื่นมาโยนยาใส่ปากและสูบกัญชาทั้งวัน   และแม้จะประสบความสำเร็จจนเป็นเจ้าของทรัพย์สินเงินทองล้นหลาม  แต่การเติบโตในวงการมายาเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เขาเจ็บป่วยทางจิตใจที่รุนแรงจนเคยคิดอยากลาโลกนี้ไปเพื่อหนีจากความเจ็บปวด  และซ้ำเติมด้วยสารเสพติดที่เข้าถึงอย่างง่ายดายเพราะความเป็นซุปตาร์

" แฟนนับล้านบอกว่าพวกเค้ารักผมและชื่นชมว่าผมช่างยอดเยี่ยม พอได้ยินเรื่องนี้มากๆเค้าตั้งแต่เป็นเด็กก็เริ่มจะเชื่อมันเข้าจริงๆ ผมกลายมาเป็นเด็กอายุ18 ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวในการใช้ชีวิตในโลกแห่งความเป็นจริง ผมสามารถใช้เงินมากมายเป็นล้านๆเพื่อให้ได้ในทุกสิ่งที่ต้องการ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่น่ากลัวมากไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับใครก็ตาม"

เขาพยายามเลิกสิ่งเสพติด แต่ไม่ได้เข้าสู่ program ในสถานบำบัดเหมือนที่เราเคยได้ยินเรื่องราวของคนดังรายอื่นแต่ได้รับความช่วยเหลือจากบาทหลวงที่เปรียบเหมือนกับพี่ชายของเขา ( เรียกว่าเป็น life coach ที่เปลี่ยนชีวิตนั่นเอง)

ชีวิตที่สุ่มเสี่ยงของ JB ได้เปลี่ยนไปอย่างชัดเจนหลังจากเข้าพิธีวิวาห์เพื่อใช้ชีวิตคู่กับHailey   เขาได้ชักชวนให้แฟนๆให้ความสำคัญกับสุขภาพจิต และเรียนรู้ถึงสิ่งที่สำคัญในชีวิต  เขารู้สึกถึงความหวังที่จะมีชีวิตอย่างมีความสุข

JB ยังเปิดเผยถึงเรื่องในอดีตดังเช่นการถูกจับกุม ซึ่งเกิดขึ้นในขณะที่อยู่ในหัวเลี้ยวหัวต่อที่มีแต่ความเกรี้ยวกราด และยังยอมรับว่าความอับอายต่อพฤติกรรมทางเพศทำให้รู้สึกขัดแย้งในใจจนต้องใช้ยากล่อมประสาทตอนที่มีความสัมพันธ์บนเตียงกับผู้หญิง

" ผมคิดว่าใช้ยา Xanax เพราะรู้สึกละอายใจตอนที่ทำเรื่องสำส่อน แม่ของผมสอนอยู่เสมอว่าให้ปฏิบัติต่อผู้หญิงด้วยความนับถือ และคำพูดนั้นก็วนเวียนอยู่ในหัวตอนกำลังทำเนื่องแบบนั้น มันจึงไม่ทำให้ผมมีความสุขได้เลย ยาจึงเป้นสิ่งที่กั้นกลางความคิดของผมกับสิ่งที่กำลังทำอยู่"

ในปัจจุบัน  JB  ได้ยืนยันว่า เขาได้ดึงตัวเองจากด้านมืดมาถึงจุดที่มีความสุขกับชีวิตมากที่สุด  และยังตั้งใจจะใช้ความเปลี่ยนแปลงนี้เป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นได้พบความสุขเช่นกัน



The End