7 วิธีการดูแลผิวให้พร้อมสู้ในทุกเช้า
Sunai Blissanova 46 10 GIVEN BY BRAND / แบรนด์ฝากประชาสัมพันธ์จ้า ^^
ขอบคุณเพื่อนๆ น้องๆ ที่มาอ่านและให้กำลังใจใน comment นะครับ เนื่องจากบทความที่แล้วเป็นบทความแรกที่ลงที่นี่ เลยมีกำลังใจเขียนเพิ่ม ในช่วงนี้ผมคิดว่าทุกคนคงต้องสู้เพื่ออะไรหลายๆอย่างที่เปลี่ยนไป ผิวเราก้อเช่นกันที่ต้องเผชิญกับความเครียด แล้วสู้ไปด้วยกัน
ต่อเนื่องจากเรื่อง นาฬิกากับความงาม คราวนี้เรามาทำความเข้าใจกับช่วงเวลาในช่วงเช้า ในทุกเช้าเราอาจจะวางแผนสำหรับตัวเราเองเพื่อสุขภาพที่ดีเช่น
06:00 ออกกำลังกายที่ยิม
07:30 ทานอาหารเช้า
แล้วผิวของเราละเคยถามไหมว่าแต่ละเช้าผิวเราต้องการอะไร จากนาฬิกาชีวิต ร่างกายเราจะตอบสนองกับระดับของแสง UV ในแต่ละเช้า
04:30 อุณหภูมิใต้พื้นผิวอยู่ที่จุดต่ำสุด แล้วค่อยๆเพิ่มขึ้นเพื่อเตรียมร่างกายก่อนจะตื่น
06:35 ความดันโลหิตเพิ่มขึ้นเร็วสุด เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายตื่นขึ้น ซึ่งในช่วงนี้หากใครมีปัญหาเรื่องควมดัน โลหิตสูง ควรระวังเป็นพิเศษ
07:30 ฮอร์โมนเมลาโทนินที่ช่วยเรื่องการนอนหลับก้อจะหยุดหลั่ง
08:00 ค่า PH ของผิวมีความเป็นด่างสูงที่สุด จึงมีโอกาสทำให้ผิวหนังเราระคายเคืองได้มากที่สุด
08:30 ระบบลำใส้เริ่มเคลื่อนไหวมากขึ้น
12:00 ต่อมไขมันทำงานสูงสุดเพราะต้องเผชิญกับมลภาวะต่างๆ ทั้งวัน จึงทำให้มีการผลิตไขมันออกมา
16:00 ค่า PH ของผิวมีความเป็นกรดสูงที่สุด เพื่อเตรียมพร้อมผิวในการเปลี่ยนเข้าสู่การฟื้นฟู
ต่อเนื่องจากเรื่อง นาฬิกากับความงาม คราวนี้เรามาทำความเข้าใจกับช่วงเวลาในช่วงเช้า ในทุกเช้าเราอาจจะวางแผนสำหรับตัวเราเองเพื่อสุขภาพที่ดีเช่น
06:00 ออกกำลังกายที่ยิม
07:30 ทานอาหารเช้า
แล้วผิวของเราละเคยถามไหมว่าแต่ละเช้าผิวเราต้องการอะไร จากนาฬิกาชีวิต ร่างกายเราจะตอบสนองกับระดับของแสง UV ในแต่ละเช้า
04:30 อุณหภูมิใต้พื้นผิวอยู่ที่จุดต่ำสุด แล้วค่อยๆเพิ่มขึ้นเพื่อเตรียมร่างกายก่อนจะตื่น
06:35 ความดันโลหิตเพิ่มขึ้นเร็วสุด เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายตื่นขึ้น ซึ่งในช่วงนี้หากใครมีปัญหาเรื่องควมดัน โลหิตสูง ควรระวังเป็นพิเศษ
07:30 ฮอร์โมนเมลาโทนินที่ช่วยเรื่องการนอนหลับก้อจะหยุดหลั่ง
08:00 ค่า PH ของผิวมีความเป็นด่างสูงที่สุด จึงมีโอกาสทำให้ผิวหนังเราระคายเคืองได้มากที่สุด
08:30 ระบบลำใส้เริ่มเคลื่อนไหวมากขึ้น
12:00 ต่อมไขมันทำงานสูงสุดเพราะต้องเผชิญกับมลภาวะต่างๆ ทั้งวัน จึงทำให้มีการผลิตไขมันออกมา
16:00 ค่า PH ของผิวมีความเป็นกรดสูงที่สุด เพื่อเตรียมพร้อมผิวในการเปลี่ยนเข้าสู่การฟื้นฟู
โดยสรุปการเปลี่ยนแปลงหลักของผิวเราในช่วงเช้าคึอ
DNA Damage ในทุกวันผิวเราจะต้องเผชิญกับ รังสี UV มลภาวะต่างๆทั้งภายในและภายนอกก่อให้เกิดภาวะแก่ก่อนวัย, มะเร็งผิวหนัง และ การอักเสบของผิวได้
การโดนแสงแดดเพียงอย่างเดียวสามารถทำร้าย DNA ของ cell ผิวหนังได้ต่อเนื่องไปอีก 3 ชม หลังจากโดนแดด
แต่จริงๆแล้วสิ่งที่สามารถทำร้ายผิวได้ไม่ใช่แค่แสงแดด แต่ยังมี
DNA Damage ในทุกวันผิวเราจะต้องเผชิญกับ รังสี UV มลภาวะต่างๆทั้งภายในและภายนอกก่อให้เกิดภาวะแก่ก่อนวัย, มะเร็งผิวหนัง และ การอักเสบของผิวได้
การโดนแสงแดดเพียงอย่างเดียวสามารถทำร้าย DNA ของ cell ผิวหนังได้ต่อเนื่องไปอีก 3 ชม หลังจากโดนแดด
แต่จริงๆแล้วสิ่งที่สามารถทำร้ายผิวได้ไม่ใช่แค่แสงแดด แต่ยังมี
- ควันพิษ (SMOG) ที่เกิดจากท่อไอเสีย หรือโรงงานต่างๆ
- มลภาวะเช่นฝุ่น PM2.5ที่มีขนาดเล็กมากจนสามารถแทรกซึมผ่านไปสร้างความระคายเคืองให้กับผิวได้
- ควันพิษจากการสูบบุหรี่ เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนสูบบุหรี่มีภาวะการแก่ก่อนวัยอันควร
- รังสีแสงสีฟ้า (blue light) ที่ออกมาจากเครื่องอีเลคโทรนิคต่างๆ
- เชื้อโรคที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
Oils Secretion ต่อมไขมันจะผลิตน้ำมันออกมามากในช่วงเวลากลางวัน โดยจะมีความมันสูงสุดในช่วงเวลาเที่ยง และจะลดลงเรื่อยๆ จนต่ำสุดตอนตี 4
Temperature: อุณหภูมิของผิวเราจะเพิ่มขึ้นสูงสุดในช่วงบ่ายแล้วค่อยๆ ตกลงในช่วงค่ำ
Temperature: อุณหภูมิของผิวเราจะเพิ่มขึ้นสูงสุดในช่วงบ่ายแล้วค่อยๆ ตกลงในช่วงค่ำ
Skin PH: คือค่าที่ใช้แสดงความเป็นกรดและด่างของสารเคมีที่ละลายอยู่ในน้ำ ค่าความสมดุลย์ความเป็นกรดด่างของผิวมีค่าจาก 0-14 ค่ากลางอยู่ที่เลข 7 หากค่า น้อยกว่า 7 คือมีความเป็นกรด แต่ถ้ามากกว่า 7 แสดงถึงความเป็นด่าง โดยค่า PH ที่เหมาะกับผิวเราจะมีความเป็นกรดอ่อน อยู่ที่ 5.5
ผิวหนังที่มีสภาพเป็นกรดอ่อนๆ นั้นจะมีหน้าที่ปกป้องผิวจากปัญหาต่างๆหลายประการ โดยเป็นที่ทราบกันมานานแล้วว่าสภาพความเป็น กรดอ่อนๆ บนผิวจะช่วยควบคุมสมดุลการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ประจำถิ่น (microflora) และคอยป้องกันไม่ให้จุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายต่อผิวเจริญเติบโตได้ หรือที่เราเรียกอีกชื่อว่า acid mantle ค่า PH
บริเวณต่างๆของร่างกายมีค่าไม่เท่ากัน เช่นเดียวับช่วงเวลาของวัน ซึ่งจะมีความด่างสูงสุดตอน 8 โมงเช้า ฉะนั้นผิวของเรามีโอกาสที่จะเแห้งและเกิดการระคายเคืองได้มากกกว่าในช่วงเช้า และความเป็น กรดสูงสุดตอนบ่าย 4โมง
ค่า PH ของผิวเกิดการขาดสมดุลย์จะเกิดอะไรขึ้น?
เกราะป้องกันผิวก้อจะอ่อนแอลง หรือถูกทำลายจนทำให้เป็นต้นเหตุของการทำลายคอลลาเจน หากมีความเป็นด่างสูงผิวจะแห้งมากและเกิดริ้วรอยได้ง่าย แต่หากมีความเป็นกรดสูงก้ออาจจะเกิดสิว ผิวหนังอักเสบ
ผิวหนังที่มีสภาพเป็นกรดอ่อนๆ นั้นจะมีหน้าที่ปกป้องผิวจากปัญหาต่างๆหลายประการ โดยเป็นที่ทราบกันมานานแล้วว่าสภาพความเป็น กรดอ่อนๆ บนผิวจะช่วยควบคุมสมดุลการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ประจำถิ่น (microflora) และคอยป้องกันไม่ให้จุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายต่อผิวเจริญเติบโตได้ หรือที่เราเรียกอีกชื่อว่า acid mantle ค่า PH
บริเวณต่างๆของร่างกายมีค่าไม่เท่ากัน เช่นเดียวับช่วงเวลาของวัน ซึ่งจะมีความด่างสูงสุดตอน 8 โมงเช้า ฉะนั้นผิวของเรามีโอกาสที่จะเแห้งและเกิดการระคายเคืองได้มากกกว่าในช่วงเช้า และความเป็น กรดสูงสุดตอนบ่าย 4โมง
ค่า PH ของผิวเกิดการขาดสมดุลย์จะเกิดอะไรขึ้น?
เกราะป้องกันผิวก้อจะอ่อนแอลง หรือถูกทำลายจนทำให้เป็นต้นเหตุของการทำลายคอลลาเจน หากมีความเป็นด่างสูงผิวจะแห้งมากและเกิดริ้วรอยได้ง่าย แต่หากมีความเป็นกรดสูงก้ออาจจะเกิดสิว ผิวหนังอักเสบ
แล้วเราจะดูแลผิวในทุกเช้าได้อย่างไรดี พบกับ 7 วิธีการดูแลผิวให้พร้อมสู้ในทุกเช้า
1.หลีกเลี่ยงการใช้น้ำร้อน ในช่วงเช้าเพื่ออาบน้ำ หรือล้างหน้า แต่ให้ใช้น้ำเย็นเพื่อลดการระคายเคืองที่ค่า PH ของผิวจะมีความเป็นด่างสูง ที่ทำให้สภาพผิวแห้งที่สุดในแต่ละวัน
2. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความเป็นกรดอ่อน เพื่อปรับสมดุลย์ผิวให้ลดความเป็นด่างเช่น วิตามิน C หรือ กรด Salycylic
3. การปกป้องตัวเองจากแสงแดด การใช้ครีมกันแเดดอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอ การสวมหมวกและแว่นก้อเป็นการป้องกันที่ช่วยได้ง่ายๆ
4. สารต้านอนุมูลอิสระ หรือ antioxidant คือสิ่งจำเป็นในช่วงเช้าเพื่อลดการทำลายเซลล์ผิวจาก แสงแดด และมลภาวะต่างๆ เราควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของสารอนุมูลอิสระสูง
5. การล้างหน้าในทุกเช้าควรมีความอ่อนโยน ไม่แห้งตึงเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีสารชำระล้าง SLS หรือ SLES เป็นต้น
6. ปรับสมดุลย์ของผิวด้วยโทนเนอร์ในทุกเช้า พร้อมทั้งคุมความมันบนใบหน้า
เลือกใช้ moisturizer ที่เน้นการเสริมเกราะป้องกันของผิว เช่น glycerin ที่จะทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันผิวเคลือบอยู่บนผิวหนังชั้นนอกสุด แล้วควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อบางเบา คุมความมัน เพื่อหลีกเลี่ยงสภาวะที่มีการผลิตน้ำมันสูงขึ้นในช่วงกลางวัน
อารมณ์ดี เลือกที่จะสร้างสรรผลิตภัณฑ์ในชุด #feelboost โดยคำนึงถึงความต้องการของผิวในช่วงเช้าเป็นหลัก เราจึงเลือก active ingredients ที่ผิวต้องการ
ส่วนในหลักการของกลิ่นบัด หรือ aromatherapy เราเลือกผสมกลิ่นที่เน้นการสร้างความสดชื่น
- mineral complex: zinc, copper, magnesium เพื่อกระตุ้นการผลิตออกซิเจนใต้เซลล์ผิว ให้พลังงานกับเซลล์ผิวหนังพร้อมสู้ตลอดวัน
- ฟ้าทะลายโจร: เพิ่มการกระชับรูขุมขน และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
- เห็ดหลินจือ/ ชิตาเกะ: เน้นการต้านอนุมูลอิสระ แล้วสร้างเกราะป้องกันผิว
- จุลินทรีย์แลคโตบาซิลัส: หลักกการของ micro biome ที่ใช้จุลิทรีย์ในการดูแลจุลินทรีย์ที่ดีบนผิว
ส่วนในหลักการของกลิ่นบัด หรือ aromatherapy เราเลือกผสมกลิ่นที่เน้นการสร้างความสดชื่น
- rosemary จาก Spain
- laveneder จาก ฝรั่งเศส
- lemon จาก อิตาลี