Set zero ให้ผิว ทำยังไงเมื่อผิวพังในยุคโควิด

สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกของเราค่ะ ไม่รู้ว่าจะลงหมวดไหนดี เอาเป็นเล่าเรื่องละกันเนอะ ถ้าผิดกฎหรือตรงส่วนไหนไม่เหมาะสม ขออภัยและรบกวนบอกเรานิดนึงนะคะ จะรีบปรับปรุงแก้ไขเลยค่ะ

อยากจะมาเล่าเรื่องกึ่งๆรีวิวค่ะ เราขอตั้งชื่อว่ามันคือการ set zero ผิวสำหรับเราละกันนะคะ

ส่วนตัวเรามีผิวแห้งผากถึงขั้นที่ว่าแสบทันทีหลังล้างหน้า (แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว จะมาเล่าค่ะว่าทำยังไง)
เป็น Rosacea (เป็นมา 10 ปี+ ปัจจุบันนี้คือพัฒนาการที่ดีที่สุดในชีวิตที่ทำได้แล้วแบบไม่พึ่งหัตถการหมอเลย ไว้เดี๋ยวมาเล่าอีกทีค่ะ สตอรี่มันยาวมาก) ผิวก็จะมีความระคายเคืองง่ายมาก ถึงขนาดที่ว่า แตะลงบนผิวปุ้บ ร้อนใต้ผิวผ่าวๆ หรือลมพิษขึ้น แสบ มากมายค่ะ ส่งผลให้แพ้ง่ายด้วย

เจตนาที่จะมาเล่าคืออยากช่วยให้คนที่กำลังประสบปัญหาผิวอยู่ ลองเอาวิธีของเราไปพิจารณา ในช่วงโควิดคงไม่สะดวกจะพบหมอกันเท่าไหร่ หวังว่าจะช่วยได้บ้างค่ะ


ขั้นตอนที่เราจะทำเมื่อผิวรวน สาเหตุมีมากมายค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการ overdose ingredients หรือเปลี่ยนผลิตภัณฑ์บ่อยๆ อารมณ์ ประจำเดือน ความเครียด อากาศ มีผลหมดขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลค่ะ บางคนที่มีปัญหาผิวหนักๆอยู่ตอนนี้ จะลองเอาวิธีเราไปปรับใช้ดูก็ได้ค่ะ ไม่เสียหายอะไร ขั้นตอนพวกนี้ง่ายมากค่ะ ทุกคนอาจจะพอทราบอยู่แล้วก็ได้ แต่เราจะลงรายละเอียดว่าจะเลือกผลิตภัณฑ์และใช้อย่างไรถึงจะทำให้ผิวดีขึ้น

ขั้นตอนที่ว่าคือ

1. Double cleanse ค่ะ เลือกตัวล้างเครื่องสำอางหรือกันแดดเราอย่างอ่อนโยนที่สุด ถ้าถูกกับตัวไหนอยู่แล้วไม่ต้องเปลี่ยนค่ะ ส่วนตัวเราเลือก dermo-cleanser เพราะข้อดีของน้องเขาคือไม่ทำร้ายผิวเลย (ขึ้นอยู่กับส่วนผสมด้วยนะคะ) ใช้ได้ทุกวัน และเหมาะกับช่วงโควิดที่เราไม่แต่งหน้า (ถ้าใช้ cleansing oil มันก็เปลืองและแพงอะเนอะ)
2. Cleanser ที่ไม่มีโฟมฟอง ข้อนี้สำคัญมากค่ะ เพราะเราผิวแห้ง เราจะใช้ตัวล้างหน้าที่ไม่มีฟองเพราะทำให้ผิวเราแห้ง อย่าเพิ่งกลัวนะคะ ฟองของบางตัวอาจจะชุ่มชื้น ถ้าตัวที่ใช้อยู่โอเคแล้ว ไม่ต้องเปลี่ยนค่ะ แต่สำหรับผิวเรา พอมีโฟมฟอง ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันมีการดูดไขมันที่คลุมผิวเราอยู่ออกไปเยอะเกิน แม้ว่าจะอ่อนโยนและชุ่มชื้นแค่ไหนก็ตาม เลยเลือกให้ไม่มีฟอง เพื่อลดความแห้งตึงหลังล้างค่ะ
3. Serum/Toner/Emulsion เลือกหนึ่งชิ้นที่ตรงกับสภาพผิวและความกังวลในช่วงนั้นมากที่สุดค่ะ สำหรับเราคือร้อนใต้ผิว แดง คัน แห้ง เราจะสรรหามาหนึ่งชิ้นที่ตอบโจทย์มากที่สุด เช่น สามารถลดการอักเสบได้ มี antioxidant เป็นต้น อยากให้พยายามหาค่ะ ให้พึงระลึกไว้ว่าเราคือผู้บริโภค ผลิตภัณฑ์มีมากมาย อย่าหยวนๆ เออๆอันนี้ก็ได้ ไม่เอาค่ะ เงินที่เราเสียไปเราต้องมั่นใจและอยากใช้จริงๆ (มันจะช่วยให้ใช้น้องได้นานมากขึ้น ไม่วอกแวกไปตัวอื่นด้วยค่ะ) *พยายามเลือกที่ส่วนผสมน้อยๆ เช่น ไม่เกิน 10 ตัวค่ะ
4. Moisturizer เราจะเลือกแบบครีมที่ให้ความชุ่มชื้น แต่จะเน้นในด้านเคลือบผิวซะมากกว่า เพื่อกักเก็บความชุ่มชื้นค่ะ ถ้าผิวมันก็สามารถเลือกเนื้อที่ชอบได้นะคะ *พยายามเลือกที่ส่วนผสมน้อยๆ เช่น ไม่เกิน 10 ตัวค่ะ
5. กันแดด ด้วยสภาพผิวที่ไม่สามารถใช้ chemical sunscreen ได้ (แตะผิวปุ้บแสบเลยค่ะ) ก็จะเลือกเป็น physical sunscreen ที่เหมาะกับผิวแพ้ง่าย ระคายเคืองง่ายแทนค่ะ เวลาทาให้บีบแล้วนวดลงบนผิวเลยนะคะ
6. แป้งฝุ่น ถ้าต้องออกนอกบ้าน ให้ใช้พัฟสำหรับคนที่ระคายเคืองง่าย และเบามือในทุกขั้นตอนนะคะ เพราะแปรงกับคนที่เซนซิทีฟง่าย จะไปสะกิดผิวให้ระคายเคืองได้ค่ะ แต่ถ้าใช้แปรงแล้วไม่มีปัญหาอะไร ใช้ต่อไปได้ค่ะ

ข้อห้ามสำหรับเราคือ ห้ามปล่อยให้หน้าแห้ง หลังล้างหน้าเสร็จคือไม่ซับค่ะ อย่างมากคือลูบน้ำออกแล้วทา serum ต่อด้วย moisturizer เลย ในขณะที่หน้ายังเปียกๆ มีหยดน้ำนั่นแหละค่ะ มันจะช่วยให้ humectant มีน้ำเพื่อดึงลงผิวได้มากขึ้น

เราจะทำแบบนี้เป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือนค่ะ แบบเดิม ซ้ำๆทุกวัน หรือจนกว่าผิวเราจะดีขึ้นจนเป็นที่น่าพอใจค่ะ

ในภาพด้านบนใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือนค่ะ

ปล. คีย์สำคัญคือ พยายามหาอย่างอื่นทำค่ะ เราจะได้ไม่เช้าส่องผิว บ่ายส่องผิว เย็นส่องอีกที แบบนี้คือเราจะนับวันรอ มันจะรู้สึกนานค่ะ

ให้ลองหาอย่างอื่นทำ เช่น ดูซีรีย์ อ่านนิยาย ดูสูตรทำกับข้าว ปลูกต้นไม้ เลี้ยงนกเลี้ยงปลา เป็นต้นค่ะ

หัวข้อถัดไปเราจะเอาส่วนผสมที่เราได้รวบรวมข้อมูลจากการอ่านเปเปอร์ ทดลองเองบ้างมาแชร์ค่ะ ยังไงฝากกดติดตาม กดไลค์เพจให้ด้วยนะคะ จะทักมาให้ช่วยดูส่วนผสม หรือปรึกษาเรื่องผิวก็ได้ค่ะ ^^ ขอบคุณมากค่าาาา